xs
xsm
sm
md
lg

'เม่นแคระหน้าด่าง' สัตว์เลี้ยงเงินหมื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เม่นแคระหน้าด่าง” จะมีสองสีบนใบหน้า
หลายคนคงไม่คิดว่า “เม่นแคระ”  ตัวเล็กๆเท่าฝ่ามือนี้จะมีราคาเป็นหมื่นเลยทีเดียว วันนี้ทีมงาน M-pet จะพาคุณไปเยี่ยมอาณาจักรเม่นแคระและพูดคุยกับคุณนัท ณัฐพล วนาศิลป์ศิริวงศ์ เจ้าของฟาร์มที่สามารถขยายพันธุ์ “เม่นแคระหน้าด่าง” 4 ตัวในไทยเท่านั้น ซึ่งเป็นพันธุ์หายาก-มีสองสีบนใบหน้า เจ้าของกระซิบบอกเราว่าบางครั้งในการขยายพันธุ์ต้องอาศัยดวงช่วยเลยทีเดียว และขณะนี้เป็นที่ต้องการของตลาดญี่ปุ่น ธุรกิจนี้จะเฟื่องฟูมากขนาดไหนในกลุ่มคนรักเม่นแคระ ทั้งยังมียอดจำหน่ายส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย
ท่ามกลางชีวิตสังคมยุคใหม่ที่แสนวุ่นวาย เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่จำกัดผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ คนส่วนใหญ่เริ่มมองหาสัตว์เลี้ยงมาเป็นเพื่อนคลายเหงาในเวลาที่ต้องการ จากข้อจำกัดข้างต้นหลายคนจึงต้องการสัตว์เลี้ยงที่สามารถดูแลง่ายและไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเอาใจใส่มากนัก สามารถออกไปทำภารกิจข้างนอกได้โดยไม่ต้องห่วงสัตว์ที่เลี้ยงอยู่ที่บ้าน “เม่นแคระ” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ในสังคมยุคนี้

รู้จักเม่นแคระหรือยัง?
ลักษณะทั่วไปของเม่นแคระ (African pygmy hedgehog) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีขนหนามแหลมทั่วลำตัว สามารถจับสัมผัสที่ลำตัวของเม่นแคระได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกสลัดขนหนามใส่เพราะเม่นโดยธรรมชาติแล้วจะไม่สามารถสลัดหนามแหลมออกจากตัวได้ อีกทั้งการขดตัวม้วนกลมซึ่งเป็นพฤติกรรมเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู จึงสร้างความน่ารักจนเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ส่วนพฤติกรรมการหาอาหารนั้น เม่นแคระเป็นสัตว์กินทั้งเนื้อและพืชจะหากินตอนกลางคืน จำพวกแมลงตัวเล็กๆและผักผลไม้ชนิดต่างๆ ชอบอยู่ตัวเดียวและห่วงอาณาจักรเพราะเม่นแคระไม่ใช่สัตว์สังคม
คุณณัฐพล วนาศิลป์ศิริวงศ์ ผู้เป็นเจ้าของกิจการเลี้ยงเม่นแคระกว่า 7 ปี บอกว่าตอนแรกได้เสิร์ทหาสัตว์เลี้ยงในอินเทอร์เน็ตค่อยๆศึกษาว่าสัตว์เศรษฐกิจชนิดไหนตอนนี้มันเหมาะกับบ้านเราพอไปเจอ “เม่นแคระ” จึงได้ศึกษาอยู่นานถึงได้ตัดสินใจเลี้ยง ดูทั้งลักษณะนิสัยและสังเกตพฤติกรรมของมัน เห็นว่าเป็นสัตว์เลี้ยงง่ายออกหากินตอนกลางคืนและจะใช้เวลาตอนกลางวันเพื่อนอนหลับ ในตอนกลางคืนที่เขาออกหากิน เราก็กลับมาจากที่ทำงานพอดีจึงคิดว่าเหมาะกับตัวเอง

วิธีการจับหรือสัมผัสตัวเม่นแคระ หลายคนที่ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อนอาจคิดว่าเจ็บหรืออาจกลัวขนหนามแหลมของมัน ที่จริงแล้วมีวิธีการจับที่ถูกต้องโดยใช้มือสัมผัสเบาๆตรงด้านข้างลำตัวของเม่นแคระก่อน พยายามอย่าจับกลางหลังโดยตรงเพราะว่าส่วนกลางหลังของมันจะไวต่อการสัมผัสมากทำให้เม่นจะกระโดดขึ้นมาทันทีจึงอาจทำให้ทิ่มมือได้ ยิ่งถ้าเป็นตัวที่ไม่เชื่องด้วยแล้วก็จะจับยากกว่าตัวที่เลี้ยงเชื่องจนคุ้นชินกับมือคน
เม่นแคระตัวแรกที่เลี้ยงคือพันธุ์ซินเนม่อน ตัวนี้มันจะเชื่องมากเพราะเลี้ยงมาตั้ง 7 ปีแล้ว ถ้าตอนเล็กๆมันเชื่องพอโตขึ้นมามันก็จะเชื่องตามธรรมชาติ ปกติแล้วถ้าตัวไหนที่มันไม่เชื่องมันจะขู่เรา ขนหนามเม่นจะตั้งชัน และเมื่อเราจับก็จะม้วนตัวเก็บขา งอเข่าตามสัญชาตญาณของสัตว์”

ลักษณะสีของเม่นแคระ
สีของเม่นแคระที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละสีจะแยกตามพันธุ์ของเม่นด้วย ตามหลักแล้วก็จะมี นอมอล- ขนหนามมีสีดำ ผิว หู ตา จมูกมีสีดำแล้วแต่บางตัวว่าขนหนามจะขาวหรือไม่ขาว ซึ่งนักพัฒนามีการขยายพันธุ์ให้มีหลากสีมากขึ้น บราวน์- ขนหนามจะมีสีน้ำตาลอ่อนพาดลำตัว หู จมูก ตามีสีดำ อัลบิโน่หรือขาวตาแดง- ลักษณะเด่นคือตาเม่นจะเป็นสีแดงใสซึ่งส่วนมากแล้วเม่นจะมีตาเป็นสีดำ ขนหนามเป็นสีขาวล้วน ผิว หู ตา จมูกมีสีชมพู ซินเนม่อน- ขนหนามมีสีเทาปนน้ำตาล ผิวหนัง หน้า จมูก หูมีสีชมพู ตามีสีดำ ซินเนคอต- ขนหนามเป็นสีเทาอมส้มหรือน้ำตาลอมส้มผิวหนัง หน้า จมูก หูมีสีชมพู ตามีสีดำ แอปพิคอต- ขนหนามมีสีส้ม หน้า ผิว จมูก หู มีสีชมพู ตามีสีแดงเข้มหรือสีแดงทับทิม ช็อกโกแลต- ขนหนามพาดตัวด้วยสีน้ำตาลเข้ม หน้า ผิวหนัง หู จมูกมีสีน้ำตาล ตามีสีดำ
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสีพิเศษคือ เอ็กซ์-ไวท์หรือขาวตาดำ มีขนหนามสีขาวทั้งตัวแต่จะมีตา จมูก หน้าเป็นสีดำซึ่งแตกต่างจากขาวตาแดง เป็นเม่นหายาก ส่วนขนหนามสีขาวนั้นในบางตัวก็ออกขาวแต่บางตัวก็ออกสีเหลืองๆ ซึ่งจะมีสีดำแซมไม่เกิน 5% ตอนนี้ถ้าเป็น เอ็กซ์- ไวท์ เรามีอยู่ 2 ตัว ส่วนเอ็กซ์-พินโต เป็นเม่นที่มีขนหนาม 2 สี กระจายอยู่ทั่วลำตัว ที่นี่มี 20-30 ตัว และสุดท้ายเอ็กซ์-สโนว์แฟลก ลักษณะคล้ายขาวตาแดงแต่จะมีขนขาวอยู่ประมาณ 70% ขนดำ 30% ของร่างกายตอนนี้ที่นี่มีอยู่ประมาณ 10-15 ตัว
ตอนนี้ที่เลี้ยงอยู่ทั้งหมดทุกสี ทุกสายพันธุ์ ประมาณ 200 ตัว ส่วนการขายก็มีลูกค้าเข้ามาติดต่อ บางคนขอเข้ามาดูหรือบางทีคนที่เลี้ยงอยู่แล้วก็มาขอความรู้มาถามเรื่องอาหารหรือวิธีการเลี้ยง แต่ถ้าใครอยากจะซื้อไปเลี้ยงผมก็ขายซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะสนใจเลี้ยงเม่นแคระสีธรรมดาคือจำพวกนอมอล, บราวน์, ขาวตาแดง และซินเนม่อน”

ราคาขายไม่ธรรมดา
คุณนัท เจ้าของฟาร์มเม่นแคระซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดจะทำเป็นธุรกิจ เนื่องจากมีงานประจำทำอยู่แล้ว เมื่อเม่นออกลูกมาบางส่วนก็แบ่งขายออกไปแต่อีกบางส่วนก็นำมาพัฒนาสีใหม่เพื่อให้ได้พันธุ์เม่นแคระที่ดีกว่าเดิม เม่นแคระที่มีลักษณะอยู่ในกลุ่มสีพิเศษซึ่งเป็นเม่นหายากและราคาสูงนั้น ในเดือนหนึ่งจะสามารถผสมพันธุ์และขยายพันธุ์ได้ไม่ถึง 10 ตัว
ส่วนเรื่องราคานั้น เริ่มต้นที่ลูกเม่นแคระก็จะอยู่ที่ตัวละ 400 บาท ซึ่งราคานั้นก็ขึ้นอยู่กับสีด้วย ในแต่ละสีราคาจะแตกต่างกันเพราะสีของเม่นแคระที่ออกมาขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการผสมพันธุ์ หลักๆแล้วที่บ้านผมมีตั้งแต่ 400-4,000 บาท อย่างเช่น เอ็กซ์- พินโต ตัวละ 4,000 บาท ราคาจะแพงมากเพราะว่าเป็นเม่นแคระ 2 สีและก็ไม่ค่อยมีใครเหมือน เวลามันคลอดเราก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็น 2 สีอย่างนี้หรือไม่ บางตัวก็เป็นสีธรรมดาไป แต่ถ้าเป็น เอ็กซ์- พินโต ลูกเม่นแคระราคาอยู่ที่ตัวละ 3,000 -3,500 บาท ส่วนพ่อแม่พันธุ์ส่วนมากจะไม่มีใครยอมขายกันเพราะต้องเอาไปขยายพันธุ์ต่อไป”

ลูกค้าทั้งไทยและเทศ
กลุ่มลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นคนไทยทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งลูกค้าจะรู้ได้จากอินเทอร์เน็ตที่ไปลงโฆษณาประกาศไว้ส่วนวิธีการส่งไปต่างประเทศนั้นจะมีพ่อค้าคนกลางมารับไปอีกที
“ลูกค้ามีไม่แน่นอนบางเดือนก็เยอะบางเดือนก็น้อย เฉลี่ยแล้วก็จะมาซื้อสีธรรมดากันมากกว่าประมาณเดือนละ 6,000-8,000 บาท/เดือน โดยเฉลี่ยขายเม่นประมาณ 20 ตัว เพราะบางคนเวลาเข้ามาก็ซื้อ 2 ตัว บางคนมากันหลายคนก็ซื้อไปทีละ 3-4 คู่ ก็มี บางทีลูกค้าต่างจังหวัดเขาโทรมาสั่งซื้อแล้วผมก็ส่งขึ้นเครื่องบินไป ตอนนี้ส่วนใหญ่ลูกค้าก็มีทั้งคนไทยที่อยู่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนในต่างประเทศจะมีประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อพันธุ์ที่ผสมยากอย่างเช่น “เม่นหน้าด่าง” ซึ่งแพงกว่าสีธรรมดาหลายเท่า”

“เม่นแคระหน้าด่าง” ราคาเป็นหมื่น
ตอนนี้คุณนัท ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาคือ “เม่นแคระหน้าด่าง” โดยเจ้าของฟาร์มขอคอนเฟิร์มเลยว่ามีแค่ 4 ตัวในประเทศไทย ซึ่งหลักในการผสมพันธุ์ก็ต้องเรียนรู้ถึงหลักพันธุกรรมของเม่นแคระแต่ละตัว เช่นการผสมพันธุ์เกิดจากคอกนี้ได้พันธุ์ไหน? เมื่อผสมพันธุ์กันแล้วให้ผลเป็นอย่างไร? ต้องคอยติดตามสังเกตพฤติกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องอาศัยการศึกษาและเรียนรู้แบบลองผิดลองถูกมาก่อน
“เม่นแคระหน้าด่าง” ซึ่งเป็นพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งผสมได้ ลักษณะจะมีสีด่างบนใบหน้าซึ่งตามพันธุกรรมของเม่นแคระที่ออกมาแต่ละคอกจะไม่เหมือนกัน เม่นแคระหน้าด่างเป็นพันธุกรรมหนึ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นยากมาก บางครั้งต้องอาศัยดวงด้วย ตอนนี้ในไทยมีเพียง 4 ตัวเท่านั้น 3 ตัวอยู่ที่นี่ส่วนอีกตัวหนึ่งอยู่ จ.เชียงใหม่เป็นของกลุ่มคนรักเม่น ตัวแรกที่ผมผสมพันธุ์ได้ขายไปในราคา 17,000 บาท ให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบเม่นแคระที่พัทยา ส่วนอีกตัวหนึ่งจะขายในราคา 24,000 บาทซึ่งต้องรอตกลงกับลูกค้าอีกทีหนึ่ง ตอนนี้ลูกค้าที่ญี่ปุ่นสนใจมากแต่เรายังไม่สามารถขยายพันธุ์เม่นแคระชนิดนี้ได้ตามจำนวนที่เขาต้องการเลย”

ความยากง่ายของการผสมพันธุ์
ด้านการผสมพันธุ์ เม่นแคระสามารถเจริญพันธุ์ได้เมื่อช่วงอายุประมาณ 5 เดือน แต่ความพร้อมที่แท้จริงในการเป็นเม่นใหญ่ ควรมีอายุประมาณ 6 เดือนเต็ม ใช้เวลาตั้งท้องประมาณเดือนกว่าหรือเฉลี่ยประมาณ 35-40 วัน ออกลูกครั้งละ 1-7 ตัว หย่านมเมื่อลูกเม่นมีอายุไม่ต่ำกว่า 30 วัน ส่วนเรื่องการทำความสะอาดลูกเม่นแคระควรเก็บและเปลี่ยนขี้เลื่อยที่ใช้สำหรับรองพื้นให้เม่นทุกวันจะได้ไม่เป็นแหล่งเชื้อโรค ส่วนเม่นแคระที่โตแล้วถ้าสกปรกมากก็สามารถนำไปอาบน้ำได้ ควรอาบน้ำสัก 2 สัปดาห์/ครั้งซึ่งจะช่วยเรื่องกำจัดไรไปในตัว โดยใช้น้ำเปล่าหรือแชมพูสำหรับสัตว์ผสมแบบเจือจางอาบให้เม่นแคระ แปรงขนหนามเบาๆด้วยแปรงขนาดเล็กแล้วล้างน้ำสบู่ออกให้สะอาด แต่ระวังอย่าให้น้ำเข้าหู ตา จมูก เม่นแคระ ขั้นตอนสุดท้ายควรเช็ดและเป่าให้แห้ง
“เม่นแคระตัวหนึ่งจะออกลูกสูงสุดประมาณ 7 ตัว ตอนที่คลอดออกมาจะมีลักษณะเหมือนลูกหนูตัวแดงๆขนหนามจะไม่แข็งแล้วหนามเขาก็จะค่อยๆออกมาอีกทีหนึ่ง แต่ละคอกที่คลอดออกมาก็จะมีสีที่แตกต่างกันไปไม่เหมือนกันบางครั้งในคอกเดียวกันก็มีสีที่ต่างกัน ซึ่งโอกาสรอดในแต่ละคอกนั้นขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของร่างกายของแม่เม่นด้วย เพราะว่าแม่สมบูรณ์ลูกก็แข็งแรงโอกาสรอดก็สูง แต่ถ้าแม่มีน้ำนมน้อยหรือไม่ค่อยมี โอกาสรอดของลูกเม่นก็น้อยและลูกที่ออกมาอาจจะเป็นเม่นไม่ค่อยสมบูรณ์”

วิธีการเลี้ยงเม่นแคระ
เม่นแคระเป็นสัตว์ชอบอยู่ตัวเอง มีนิสัยขี้หวาดระแวง และต้องการอาณาจักรเป็นของตนเอง โดยเฉพาะเม่นแคระเพศผู้ซึ่งต้องเลี้ยงไว้ในกล่องที่ใหญ่กว่าเม่นตัวเมีย ลักษณะของกล่องควรเป็นแบบทึบแสงขนาดพอประมาณ เจาะรูด้านข้างระบายอากาศและเจาะด้านหน้าเพื่อใส่ขวดน้ำยึดติดกับตัวกล่อง ซึ่งเป็นน้ำที่ผสมวิตามินเนื่องจากว่าการให้อาหารประจำวันซึ่งใช้อาหารเม็ดของแมวนั้นอาจมีคุณค่าทางอาหารไม่เพียงพอกับเม่นแคระ จึงจำเป็นที่ต้องผสมวิตามินสำหรับสัตว์รวมไปด้วย ภายในกล่องควรมีอุปกรณ์ต่างๆสำหรับเม่นแคระ ได้แก่ ขี้เลื่อยรองพื้นกล่องเพื่อดูดซับของเสียที่เม่นขับถ่าย (ก้อนละ 50 บาทสามารถใช้ได้ประมาณเดือนครึ่ง) โพรงมืดให้เม่นไว้นอนในตอนกลางวัน ถ้วยสำหรับใส่อาหารและน้ำสำหรับเม่นแคระ 1 ตัว/กล่อง
“สำหรับคนที่ต้องไปทำงานนอกบ้าน การให้อาหารจึงให้เพียงมื้อเดียวแต่ควรให้เผื่อไว้ก็ได้ เดี๋ยวเขาหิวเขาก็จะมากินของเขาเอง แต่พอถึงตอนเย็นเราก็มาเช็กดูอีกทีว่าอาหารที่เราให้ไปหมดไหม? ถ้าหมดก็ใช้ได้ มันอาจจะพอดีกับตัวเขาหรือว่าน้อยเกินไปซึ่งเราต้องคอยสังเกต”

ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน

--------------------------------------------------------------------------
หลายคนคงถูกใจ “เม่นแคระ”  สัตว์เลี้ยงน่ารักชนิดนี้กันบ้างแล้ว ถ้าใครสนใจอยากเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่นคลายเหงา หรืออยากขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ “เม่นแคระ” คุณนัทเขายินดีให้คำปรึกษา สามารถติดต่อได้ที่ 086-341 4245 ซอยสถานทูตจีน รัชดาภิเษกซอย 3
ลูกเม่นแคระหน้าด่าง
คุณนัท  ณัฐพล  วนาศิลป์ศิริวงศ์ กับ “เม่นแคระบราวน์”
ม้วนตัวกลมเป็นพฤติกรรมเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู



กำลังโหลดความคิดเห็น