xs
xsm
sm
md
lg

'บาร์เทนดี้ไฮโซ' แอร์-แอรอนนา โทณะวณิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เซเลบริตี้สาวหุ่นสวยที่มักจะปรากฏกายในชุดเดรสสีดำน่าค้นหา บวกกับริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มยิ่งทำให้เธอดูโดดเด่นอยู่เสมอ แอร์-แอรอนนา โทณะวณิก มองภายนอกอาจจะดูว่าเธอเป็นสาวสังคม โก้หรู ใช้ชีวิตสบาย แต่เมื่อได้สัมผัสกับตัวตนของเธอภาพลักษณ์สาวเปรี้ยวกลับค่อยๆ จางลง มองเห็นภาพของสาวจิตใจดี รักธรรมชาติ และใช้ชีวิตอยู่กับทุกสิ่งอย่างมีความสุข นอกจากงานธุรกิจแล้วเธอยังทำงานเป็น ‘บาร์เทนเดอร์’ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าทำไมสาวสวยที่มีพร้อมทุกอย่างแบบเธอถึงต้องมาเป็นพนักงานชงเครื่องดื่มอยู่หลังบาร์ วันนี้เธอมีคำตอบ พร้อมทั้งได้รู้จักตัวตนของเธอคนนี้มากขึ้น

M-Open นัดคุยกับสาวแอร์ที่ร้าน roominteriorproducts ชั้น 4 สยามดิสฯ ร้านขายของตกแต่งบ้านนำเข้าจากต่างประเทศ และของไทย ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ตัวเธอเข้ามาดูแลในส่วนของการบริหารจัดการ เธอมีธุรกิจร้านขายของสำหรับสุนัข Sniffany & Co ซึ่งได้แรงบันดาลใจมากจากน้องหมาที่เธอรัก และกำลังจะทำแบรนด์เมล็ดกาแฟเป็นของตัวเอง นอกจากนั้นเธอยังเป็นหุ้นส่วนธุรกิจค็อกเทล แคทเทอริ่ง Vice Versa ซึ่งงานนี้เธอเป็นบาร์เทนเดอร์เองด้วย

ชีวิตหลังบาร์ เหนื่อยแต่มีความสุข

แอร์เล่าถึงที่มาที่ไปของการทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์หญิงว่าเมื่อก่อนเป็นคนที่ชอบเที่ยว ชอบปาร์ตี้ ชอบใช้ชีวิตกลางคืน แล้วเริ่มรู้สึกว่าการเที่ยวมันคือการติดลบ มันไม่ได้ให้อะไรแก่ตัวเอง เรียกว่ามีแต่เสีย เธอจึงลองคิดกลับกันว่า แทนที่จะออกไปเที่ยว ออกไปเสียให้เขา เปลี่ยนเป็นออกไปแล้วได้อะไรดีกว่าไหม ประกอบกับมีเพื่อนที่ทำธุรกิจค็อกเทล แคทเทอริ่ง ‘ณิกษ์ อนุมานราชธน’ เธอจึงขอเข้าไปช่วยทำ

“ครั้งแรกก็หลอกเราไปทำเลยค่ะ เขาก็บอกว่าเอาสิมาช่วยกันทำ จับเราไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ให้เราล้างแก้ว กับเช็ดแก้ว ยุงกัดเพียบ วันนั้นใส่รองเท้าส้นสูงด้วย ไม่บอกก่อน ให้ยกถังขยะก็ยก ให้เทถังน้ำแข็งเราก็เท เล็บกระจุย เขาก็สอนให้เราเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หั่นสับปะรดยังไง มะนาวเก็บได้กี่วัน เรื่องความสะอาดก็สำคัญ จากนั้นแอร์ก็มาทำเป็นบาร์เทนเดอร์ ตอนนั้นแอร์ยังเชคไม่เป็นเลย จับหลักไม่ได้ เขาก็ค่อยๆ ใจเย็นสอน แต่ว่าจะสอนด้วยวิธีโหดหน่อย เรียกว่าการเทรนคือการทำงาน เขาปล่อยให้เราบินเดี่ยวเลย มือนี่สั่นเลยตอนแรก”

ชีวิตหลังบาร์ไม่ใช่จะสบาย นอกจากต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว ยังต้องเรียนรู้เรื่องของอุปกรณ์ซึ่งมีมากมายหลายชนิด ต้องรู้ว่าเหล้ามีกี่ตัว มีกี่อย่าง สัดส่วนในการผสม วิธีจำ รวมถึงต้องท่องประวัติศาสตร์ด้วยว่าเหล้าแต่ละตัวมีที่มาที่ไปอย่างไร “เราก็คิดว่าท่องทำไม แต่ก็ต้องท่อง ต้องจำ บางทีเขาอยากจะถามก็ถาม คือเราเหมือนเป็นพนักงานเขาก่อนที่จะมาเป็นหุ้นส่วน”

บาร์เทนเดอร์ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเพราะต้องใช้แรงในการเชค ต้องมีความอดทนและความอึดไม่ใช่น้อย แต่สำหรับบาร์เทนเดอร์หญิงอย่างเธอก็มีท่าเชคที่แตกต่างออกไป “ผู้หญิงจะเชคบนล่าง แล้วก็ต้องใช้กำลังหลังในการช่วยส่ง ไม่อย่างนั้นเครื่องดื่มจะไม่เย็น และจะไม่อร่อย ไม่มีคุณภาพ” สาวแอร์เล่าพร้อมกับทำท่าเชคให้ดู

ทำงานเพื่อเรียนรู้ชีวิต

ส่วนเหตุผลของเธอที่ต้องออกไปทำงานหลังบาร์ตอนกลางคืน ก็คือความรู้สึกที่ว่าชีวิตยังขาดอะไรสักอย่าง และมองว่าการใช้ชีวิตสบายเกินไปทำให้ทำอะไรไม่เป็น จึงอยากหาอะไรที่ทำแล้วได้พัฒนาตัวเอง อีกอย่างโดยส่วนตัวเธอเป็นคนชอบดื่ม เครื่องดื่มสุดโปรดของเธอคือวอดก้า วิสกี้ ออนเดอะร็อก งานนี้จึงเป็นงานที่เธอชอบ และใจรัก

“เรารู้ว่าสิ่งที่เราขาดคืออะไร เราถูกเลี้ยงมาให้สบายเกินไป คือคิดว่าคนที่สบายเกินไปก็จะไม่เก่ง ถ้าพ่อแม่เราไม่อยู่แล้วเราจะเอาตัวรอดยังไง เรารู้สึกทำอะไรไม่เป็นเลย คือก่อนหน้านี้เราใช้ชีวิตสบายมาก ไม่ต้องลุยอะไรเองเลย แต่เรารู้สึกว่าคนที่ไม่เหนื่อยก็จะไม่เก่ง เรากลัวว่าเราจะไม่เก่ง และเราขาดการควบคุมตัวเองอย่างแรง แต่สิ่งนี้มันสร้างได้คือเราต้องเหนื่อย ต้องสู้ เพราะฉะนั้นก็คิดว่าเราหาอะไรที่ต้องสู้ดี ก็เลยคิดว่าทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็เลยเลือกมาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์

เหมือนได้ชีวิตใหม่ มันคือการมองชีวิตในทางกลับกัน เมื่อก่อนเราอยู่ข้างนอก ตอนนี้เรามาอยู่ข้างใน แต่ก่อนแอร์เป็นคนชอบปาร์ตี้ ชอบความสบาย เหมือนผู้หญิงทั่วไป เข้าสปา ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนแปลงว่าเงินหายากขนาดไหน เชคอยู่กี่ชั่วโมงถึงจะได้เงินมาก้อนหนึ่ง ต้องเหนื่อยก่อนถึงจะได้เงินมา ยกถังขยะ ยกถังน้ำแข็ง เช็ดพื้น เช็ดแก้ว ยืนแบบเส้นเลือดขอดเลยค่ะ”

หลายคนอาจจะมองว่าผู้หญิงทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ หรือพนักงานชงเครื่องดื่ม เป็นอาชีพที่ดูไม่ดี แต่สำหรับแอร์มองว่ามันเป็นอาชีพที่ใช้ศิลปะในการทำอาหาร ใช้ศิลปะในการทำเครื่องดื่ม “ทำงานนี้เราก็ต้องเจอกับคนหลายประเภท บางคนก็มองว่าเราขยัน กลางวันก็ทำงาน กลางคืนก็ทำงานอีก แต่บางคนก็มองแบบดูถูก ทำให้เราบอกตัวเองไว้เลยว่าเราจะไม่ทำตัวแบบนั้น เราจะไม่ดูถูกใคร เราได้มุมมองที่แตกต่างออกไปมาก ได้ความขยัน ความอึด ไม่งอมืองอเท้า เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ได้ทำอะไรเอง ได้ฝึกทักษะอะไรหลายๆ อย่าง การพูดคุยกับคน ความใจเย็น ความอ่อนน้อมถ่อมตน งานนี้ถือเป็นงานที่เหนื่อยที่สุด แต่ก็ให้อะไรแก่เรามากที่สุด”

‘เดรสสีดำ ปากสีแดง’ นี่แหละสไตล์แอร์

ภายนอกเธออาจจะดูเป็นสาวหรู เสื้อผ้าหน้าผมดูเป๊ะ ใช้ของแบรนด์เนม นั่นก็คือภาพลักษณ์ของเธอเมื่อต้องอยู่ในแวดวงสังคม เมื่อได้คุยกับเธอถึงเรื่องการชอปปิ้ง การเลือกซื้อของแล้ว จะเห็นว่าเธอไม่ใช่สาวนักชอป แต่เธอจะเลือกของที่เหมาะกับตัวเอง ใช้ของอย่างคุ้มค่า และไม่ตามกระแสแฟชั่น

“แอร์ไม่ใช่สาวหวานแน่นอน ไม่คิดว่าตัวเองสวยด้วย แอร์ไม่ชอบตามแฟชั่น เจออะไรที่เหมาะกับตัวเองก็ใส่ เปิดตู้มามีแต่สีดำ เพราะว่าแต่งง่าย ใช้ได้ทุกโอกาส เป็นคนคิดจริงๆ เวลาจะซื้อ อย่างชุดที่ใส่มาวันนี้ ใส่ไปทำงานได้ ใส่ออกงานได้ ราคาสมเหตุสมผล ถึงจะซื้อมา ในตู้มีสีขาว 2 ตัว สีเทา 4 ตัว จบแล้ว แอร์เป็นคนที่แต่งตัวตามกาลเทศะ รู้แต่ว่าชอบสีดำ เป็นอะไรที่ใส่ได้ตลอด ไม่ตกสมัย ไม่ตกยุค บางครั้งออกงานก็ยืมเสื้อผ้าเพื่อนก็มีนะคะ สมมติวันนี้ธีมงานสีฟ้า เอาแล้วไง โทร.ถามเพื่อนมีสีฟ้าให้ยืมหรือเปล่า

ของแบรนด์เนมก็มีบ้าง แต่ไม่เยอะจนเกินไป เราเห็นคุณยายใช้ เห็นคุณแม่ใช้มาก่อน เราก็มีนิดหนึ่ง ส่วนตัวแล้วเราชอบหลุยส์เพราะทน เห็นคุณแม่ใช้ 30 ปียังไม่พังเลย เราเป็นคนที่ใช้ของคุ้มค่า นาฬิกาคุณแม่ซื้อให้ก็ใช้มา 10 ปีแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยซื้อเท่าไหร่ ผมก็ยังไม่เซตเลย”

เห็นเธอแต่งหน้าสวย ริมฝีปากโดดเด่นทุกงานแบบนี้ เธอบอกว่าไม่ได้ไปจ้างช่างแต่งหน้าที่ไหน เธอเป็นคนชอบแต่งหน้ามากถึงขนาดเคยคิดอยากไปทำงานอยู่ตรงเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง เพราะอยากแต่งหน้าให้คนอื่น

“แอร์ชอบแต่งหน้ามาก ชอบแต่งหน้าให้คนอื่นด้วย ชอบเห็นคนสวยขึ้นมีความสุข เป็นเรื่องที่เราศึกษา เรื่องเม็ดสี ความเข้ากัน รู้สึกสนุกเหมือนเล่นระบายสี เป็นคนชอบทาปากสีแดง นอกนั้นก็ทำให้มันออกมาดูเป๊ะก็พอ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เวลาไปงานต่างๆ เราก็มีสไตล์สโมกกี้ เอิร์ธโทน พอเราใส่ชุดดำก็แต่งอะไรง่าย เคยแต่งหวานๆ คือตอนนั้นอยากลองว่าจะเป็นยังไง เพื่อนพาไปซื้อ รู้สึกว่าวันนั้นไม่ค่อยมีอำนาจเลย ใส่ลูกไม้ วินเทจ ชีฟองหวานๆ”

รักน้องหมาเหมือนลูก
                                  
เมื่อพูดถึงเรื่องสัตว์เลี้ยง เธอเล่าถึงเจ้าชิวาวาที่เลี้ยงไว้เกือบ 10 ตัวด้วยแววตาอบอุ่นว่าเธอรักและผูกพันกับมันมาก เพราะมันตัวเล็ก เหมือนมีลูกที่ต้องดูแล ด้วยความที่รักสุนัขมาก เธอจึงเปิดร้านขายเสื้อผ้าและของใช้สำหรับสุนัข ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเจ้าสุนัขของเธอ

“ตอนเด็กชอบหมาใหญ่ ชอบโกลเด้นฯ ตอนนั้นทำฟาร์มโกลเด้นฯ กับคุณพ่อ พอทำออกมาขายไม่ลง เก็บหมดเลย มันน่ารัก แจกเพื่อนบ้างอะไรบ้าง เราขายไม่ได้ ก็เลยไม่ทำดีกว่า แต่ก็ยังรักหมาอยู่ แต่ว่าคุณแม่เป็นคนที่รักความสะอาดก็เลยขอเราว่าเลี้ยงตัวเล็กได้ไหม ก็เลยมาเลี้ยงชิวาวา ตอนแรกไม่ชอบนะ แต่ว่ามันเล็กที่สุดในพันธุ์หมา แล้วก็เกรงใจคุณแม่ แต่พอเลี้ยงแล้ว นิสัยมันน่ารักจังเลย กลายเป็นว่าเป็นเพื่อนเรา ตอนแรกเลี้ยงตัวเดียว แล้วก็เริ่มเป็นโรคชิงอก 2 3 4 ไปเรื่อยๆ เพาะเองเลย ผสมเองเลย บางทีตายก็มี เราเกาะกรงหมาร้องไห้ บางตัวตายคาตัก พูดไม่ได้สะเทือนใจมาก สุนัขพันธุ์เล็ก เวลาคลอด ต้องถึงมือสัตวแพทย์

ด้วยความที่มันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องคอยเราตลอดเวลา เหมือนเลี้ยงลูก เราทิ้งเขาไม่ได้ ถ้าเราไม่ให้ข้าวมันก็อดตายอยู่ตรงนั้น เวลาป่วยก็พาไปรักษา คือทำอะไรเองไม่ได้ เวลามันเห็นเรามันก็จะกระดิกหาง มันมีแต่ให้เรา ก็เลยรู้สึกว่าเราทิ้งไม่ได้เลย เวลาออกมาข้างนอกคิดถึงมาก ตอนกลางคืนต้องกอดแล้วกอดอีก เหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้มาทำร้านขายของสุนัข โดยใช้คอนเซ็ปต์ no naked dog around เราอยากให้คนเห็นสุนัขเหมือนกับลูก เหมือนกับคนในครอบครัว”

'ตัวตน' เป็นสาวรักธรรมชาติ

เมื่อการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของแอร์ต้องอยู่ในสังคม ต้องแต่งตัว แต่งหน้า พบปะผู้คนหลากหลาย เรียกว่าไลฟ์สไตล์เป็นสาวสังคมโดยแท้ แต่ตัวตนของเธอจริงๆ แล้ว ชอบที่จะอยู่กับธรรมชาติมากกว่า มีเวลาว่างเมื่อไหร่เธอจะออกไปชาร์จแบตที่บ้านจ. สระบุรี เพราะที่นั่นมีเจ้าม้าแสนสง่า 5 ตัว ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่เธอรักและผูกพันมาก

“เป็นคนชอบขี่ม้าตั้งแต่เด็ก ช่วงวัยรุ่นหยุดขี่ไป ติดเพื่อน พอช่วงนี้กลับมาขี่ รู้สึกผิด เหมือนเราทิ้งมันไปนาน แล้วพอกลับมามันแก่แล้ว ก็เลยกลับไปขี่อีกรอบ คือใช้เวลาอยู่กับมันให้มากที่สุด เพราะว่าสงสารที่เราหายไป
เมื่อก่อนเราขี่ม้าเพราะสนุก แต่ตอนนี้ขี่เพื่อพักผ่อนจากการงานที่เราทำอยู่ แล้วก็ขี่เพราะคิดถึงมันมาก คิดถึงความรู้สึกเก่าๆ เพราะวันหนึ่งมันตายไปเราก็หาตัวแทนมาไม่ได้แล้ว ถ้ามีเวลาว่างก็ไปหาตลอด ไปอาบน้ำ อยู่กับมัน ให้มันมีความสุข ใช้ชีวิตแตกต่างจากกรุงเทพฯ มาก อากาศดี รถไม่ติด ตื่นเช้ากว่า มันเหมือนหลุดออกจากสังคม ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องใช้อะไร

บางทีเคยมาคิดว่าทำไมเราใช้กระเป๋าแบรนด์เนม เพราะเราอยู่ในสังคม ทำไมเราต้องเสียเงิน แต่พอเราไปอยู่ตรงนั้นเราไม่ต้องเสียอะไรเลย ไม่ต้องแคร์สายตาใคร เราอยู่กับตัวเอง เราจะใช้อะไรก็ได้ แต่งตัวยังไงก็ได้ ไม่แต่งหน้าก็ได้ หัวเป็นยายเพิ้งก็ได้ มันเป็นอะไรที่สบาย ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องยึดติด อยู่กับธรรมชาติ และเป็นตัวตนของเราจริงๆ”

ความรักที่หลายคนมองว่าเป็นคู่หวาน

สำหรับเรื่องความรักสาวแอร์บอกว่าเธอไม่ใช่คนที่มองความรักสวยหวาน ไม่ใช่คนโรแมนติก เธอเป็นเพื่อนกับหนุ่ม 'วิว-ธีรกิตติ์ จารุจินดา' มานานกว่า 10 ปี แต่เพิ่งจะคบหาดูใจกันประมาณ 2 ปีกว่าๆ เธอมองว่าสิ่งสำคัญที่คน 2 คน จะอยู่ด้วยกันได้นานคือการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน

“ชอบคนจิตใจดี ซื่อสัตย์ ทั้งกับตัวเองและเราด้วย ถ้าสมมติเขามีกิ๊ก แล้วเขามาบอกว่าเขามีกิ๊ก เราอาจจะไม่โกรธก็ได้ แต่ถ้าโกหก ไม่ซื่อสัตย์ เราเลิกเลย อยู่ด้วยไม่ได้ ช่วงที่เราตกหลุมรัก มันเหมือนช่วงสั้นๆ แต่หลังจากนั้นเหมือนเป็นเพื่อนสนิทอีกคนเลย ที่ต้องอยู่กับเราไป แล้วถ้าเขายังจะโกหกเราอยู่ก็ควรจะเลิกคบ วิธีที่จะรู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดีคือ เราปล่อยให้เขาทำความผิดโดยที่ไม่จิกเขา เราจะรู้ว่าเราควรเสียเวลากับเขาไหม ถ้าเรามัวแต่ไปจิก ไปหึง ไปหวง เราก็ไม่มีวันรู้ว่าเขาจะเป็นยังไง

แอร์ไม่ใช่คนโรแมนติก เราลืมวันเกิดแฟน ลืมวันครบรอบ แต่เราไม่เคยลืมสิ่งที่เขาขอ เพราะเราเน้นในเรื่องของความแคร์ มันไม่มีอารมณ์รักแบบตาเป็นรูปหัวใจ แต่มันเป็นอะไรก็ได้ที่เราทำให้เขามีความสุข ตรงนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ในชีวิตคู่ การมีแฟนคนหนึ่ง มันเหมือนเอาใจเขามาใส่ใจเรา

อยากให้เขาเป็นคนที่จริงใจกับเรามากที่สุด โดยการให้เขาเป็นคนเตือนเราในสิ่งที่เราแย่ เพื่อให้เราเป็นคนที่พัฒนาขึ้น แต่ไม่ใช่คนที่จะมาดูแลเราทุกอย่าง เพราะเราไม่ได้ง่อย ไม่ต้องมาซื้อของ เลี้ยงข้าว พาไปดูหนัง แต่ขอให้เวลาเราลำบาก หรือทำอะไรที่แย่ ขอให้บอก ขอให้เตือน แอร์เน้นเรื่องความจริงใจ และความแคร์ เวลาใครลำบากยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยความจริงใจ”

รายงานข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์

ภาพโดย ธนารักษ์ คุณทน

ขอบคุณภาพประกอบจาก facebook air







แอร์ในมาด บาร์เทนดี้


บรรดาลูกรักของสาวแอร์


คู่รักหวาน
กำลังโหลดความคิดเห็น