xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์กี้” เธอคนนี้แก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่า!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อละครฟอร์มยักษ์ “สี่หัวใจแห่งขุนเขา” โด่งดังเป็นพลุแตก แน่นอนว่าหนึ่งในนางเอกที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากตอน “วายุภัคมนตรา” อย่าง “มาร์กี้ ราศรี บาเลนซิเอก้า” ย่อมถูกจับตามองว่ากำลังกลายเป็นหนึ่งในนางเอกลูกรักของช่อง 3 ไปโดยปริยาย พิสูจน์ได้จากที่ผู้จัดฯ จับเธอเสียบแทน “พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช” ในละครฟอร์มใหญ่เรื่อง “เงาพราย” ที่รอคิวฉายในปีนี้ ถึงแม้การเข้ามาเบียดตำแหน่งเจ้าของฉายาส่าหรีลี้รักจะทำให้เธอได้รับสมญานามว่าเป็น “นางเอกส้มหล่น” หรือ “นางเอกตัวแทน” แต่ผู้หญิงอ่อนนอกแข็งในอย่างเธอคนนี้ก็ยิ้มรับแบบไม่สนแรงกดดันใดๆ ทั้งสิ้น หลายคนอาจเคยเห็นเธอในบทแก่นเซี้ยวอยู่บ่อยๆ แต่รับรองว่าตัวจริงของมาร์กี้ที่จะได้ทำความรู้จักในวันนี้ เปรี้ยวซ่ากว่านั้นเยอะ!

“ถ้าหากไม่รัก จะทำอย่างนั้นทำไม จะยอมทุ่มเทอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ไม่ใช่เธอหรอกเหรอ...” เชื่อว่าหลายคนยังคงฮัมเพลงท่อนนี้กันได้อยู่ เพลงประกอบละครเรื่อง "วายุภัคมนตรา" ซึ่งเรียกว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ดังข้ามปีกันเลยทีเดียว ถึงแม้ละครจะจบลงไปแล้ว แต่แฟนๆ หลายคนยังคงอินกับท่าทางแก่นเซี้ยวแสนซนของ “กะทิ” อยู่ไม่น้อย นักเขียนนิยายโรแมนติกหัวรั้นซึ่งรับบทโดยมาร์กี้ ราศรี บาเลนซิเอก้า ครั้งนี้เราตามกระแสมาสัมภาษณ์นางเอกของเรื่องถึงในกองถ่าย “เงาพราย” ละครเรื่องใหม่ของเธอ รู้จักมาร์กี้ผ่านตัวละครมาก็หลายเรื่องแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของสาวลูกครึ่งคนนี้กันบ้าง และเธอเองก็พร้อมเปิดมุมแก่นๆ ให้เราได้เห็นกันแล้ว

ก่อนไปถึงกองถ่าย เรานัดหมายกับมาร์กี้ทางโทรศัพท์ การติดต่อกับเธอสร้างความประหลาดใจให้ทีมงานตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สนทนากัน แค่เพลงรอสายดังไม่นานนัก เสียงหวานๆ ปลายทางก็รับสายทันที เธอพูดจาสุภาพ บอกคิวงานของตัวเองและอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างเสร็จสรรพ ยิ่งกว่าผู้จัดการดาราหลายๆ คนเสียอีก เมื่อได้เจอตัวจริงของเธอยิ่งช่วยตอกย้ำความรู้สึกของเราได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่แรกเจอกระทั่งเสร็จสิ้นบทสนทนา ไม่มีคำว่า “หยิ่ง” ผุดขึ้นมารบกวนในหัวให้เราได้คิดสักวินาที บอกได้คำเดียวว่าเธอเป็นคนน่ารักจริงๆ

ตอนที่ไปถึง คิวถ่ายละครยืดออกไปจนทำให้เวลาที่เรานัดคุยกันเลื่อนออกไปด้วย แต่มาร์กี้ก็เดินเข้าไปคุยกับผู้จัดการกองฯ และขอปลีกเวลาว่างระหว่างคิวที่ไม่ได้เข้าฉากให้สัมภาษณ์แก่เรา “เรานั่งคุยกันตรงนู้นมั้ยคะ” สาวลูกครึ่งพูดพลางชี้นิ้วแนะนำและพาเราเดินไปไม่ต่างจากไกด์นำเที่ยว เมื่อถึงจุดหมาย หญิงสาวตรงหน้าทำท่าจะยกเก้าอี้ให้ทีมงาน จากที่กำลังอึ้งในนิสัยสบายๆ และไม่ถือตัวของเธอ เราจึงได้สติ และเข้าไปช่วยเธอยกเก้าอี้

เมื่อตระเตรียมสถานที่เสร็จเรียบร้อย มาร์กี้หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ขาวในท่านั่งสบายๆ และเริ่มบทสนทนากับเราด้วยท่าทีไม่รีบร้อนและเป็นกันเองเกินคาด จนทำให้เรานึกเอะใจหลายต่อหลายครั้งว่ากำลังพูดคุยกับดาราสาวชื่อดังอยู่จริงหรือเปล่า แต่เมื่อพิจารณาจากหน้าสวยเรียวยาว ผมสั้น ตาคม หุ่นสูงโปร่งได้รูป บวกกับรอยยิ้มสดใสมีเสน่ห์ และเรื่องราวทั้งหมดที่เธอเล่าแล้ว จึงทำให้แน่ใจได้ว่าทั้งหมดนี้แหละที่รวมเป็น “มาร์กี้ ราศรี บาเลนซิเอก้า” นางเอกขวัญใจใครหลายๆ คน
 

ดรามาปวดหัว แอ็กชันดีกว่า
ถ้าได้ติดตามผลงานของเธอมาตั้งแต่เรื่องแรกจะรู้ว่าเธอแจ้งเกิดในละครแนวบู๊เรื่อง “กุหลาบตัดเพชร” และหากลองเอาคลิปละครเก่าๆ มานั่งดูอีกครั้งจะรู้ว่าเธอถนัดบทเตะต่อยห้อยโหนมากกว่าซีนอารมณ์เป็นไหนๆ หลายคนฟังแล้วอาจไม่เชื่อหูว่าหนูกะทิในวายุภัคมนตราที่สามารถร้องไห้ได้เป็นสายน้ำจะมีปัญหากับฉากดรามา แต่มาร์กี้ยืนยันกับเราด้วยน้ำเสียงปลงๆ ว่า “กี้ว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์เรื่องการแสดงเลยจริงๆ ค่ะ” แต่ทั้งหมดที่เห็นในวันนี้เป็นพรแสวงล้วนๆ
 

ถามว่าเธอเข้าวงการมาได้อย่างไร มาร์กี้เล่าให้ฟังว่าเป็นความบังเอิญที่มีโมเดลลิ่งสะดุดตาเธอในงานกีฬาสีช่อง 3 ขณะเดินเล่นอยู่ในสนามราชมังคลาฯ ซึ่งอยู่แถวบ้าน จึงชักชวนไปแคสต์หน้ากล้องกับทางช่องและได้เซ็นสัญญาเป็นเพาเวอร์ทรีรุ่นแรก ทุกคนที่ได้รับเลือกจะได้ลองทั้งงานพิธีกรและงานแสดง มาร์กี้ได้จับงานพิธีกรก่อนแล้วค้นพบว่างานแสดงเหมาะกับเธอมากกว่า จึงผันตัวมาเป็นนักแสดงมือใหม่ และได้เจอกับประสบการณ์การแสดงหินๆ อีกหลายอย่างกว่าจะแสดงได้อย่างวันนี้
 

“ตอนแรกที่เรียนการแสดง พี่เขาให้ทำอะไรทำไม่ได้เลยค่ะ เวลาครูอธิบายว่าเข้าใจความรู้สึกนี้มั้ย กี้จะไม่ค่อยเข้าใจ โดยเฉพาะบทดรามานี่เป็นอะไรที่ยากสุดๆ ถามว่าในชีวิตเคยเศร้ามั้ย ก็มีบ้างนะ แต่เราไม่ค่อยเก็บโมเมนต์นั้นไว้ในใจ พอจะร้องไห้ครั้งนึงเลยยากมาก แต่พอตอนหลังได้เรียนการแสดงเพิ่มกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) ถึงเริ่มเข้าใจว่าการแสดงคืออะไร ก่อนหน้านี้จะเน้นเล่นใหญ่ๆ โอเวอร์แอ็กติ้งไว้ก่อน (หัวเราะ) แต่พอได้เรียนกับท่านถึงได้รู้ว่าที่ทำมามันผิดหมด“
  

“ต้องเริ่มเรียนใหม่ตั้งแต่เรื่องควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกาย เวลาเศร้า ตื่นเต้น โกรธ กล้ามเนื้อจะเกร็งไม่เหมือนกัน การแสดงไม่ใช่แค่พูดๆ ตามบทแล้วก็จบ แต่ต้องใช้พลังงานเยอะมากค่ะ ต้องพยายามขุดความรู้สึกออกมาจากข้างในจริงๆ ถามว่าตอนนี้ตัวเองแสดงเก่งขึ้นแล้วหรือยัง ก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องให้คนดูบอก (ยิ้มขี้เล่น) แต่กี้ก็พยายามทำให้ดีขึ้นๆ ตลอดนะ... เอาเป็นว่าเทียบกับงานพิธีกรที่เคยทำแล้วดีกว่าแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะพิธีกรรายการสด โห! ยากมาก” มาร์กี้ลากเสียงท้ายประโยคยาวจนทำให้เราพอนึกภาพออกว่ายากขนาดไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องการแสดงตอนนี้จะให้เล่นบทดรามาหรือแอ็กชัน สาวลูกครึ่งคนนี้บ่ยั่นอยู่แล้ว
 

ความลงตัวระหว่างไทย-สเปน
อ่านจากนามสกุลของเธอ “บาเลนซิเอก้า” แล้วเทียบกับชื่อจริง “ราศรี” อาจพอทำให้หลายคนรู้ว่าเธอเป็นลูกครึ่ง คุณพ่อแดเนียลมีเชื้อสเปนเต็มตัว ส่วนคุณแม่อรศรีก็มีสายเลือดคนไทยเต็มร้อยเหมือนกัน จึงทำให้เราได้รู้จักสาวลูกครึ่งตาคมอย่างทุกวันนี้ มาร์กี้เกิดและโตที่เมืองไทย แต่มีโอกาสไปใช้ชีวิตที่สเปนซัมเมอร์เว้นซัมเมอร์ จึงทำให้เธอมีทั้งเพื่อนชาวไทยและตะวันตก เมื่อถามว่าเธอมีความเป็นสเปนและความเป็นไทยอยู่ในตัวกี่เปอร์เซ็นต์ มาร์กี้ตอบว่า “ไม่แน่ใจเหมือนกัน... คิดว่าสเปน 70 ไทย 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ” เรายังวาดภาพไม่ออกว่าชาติไทยกับสเปนมีวัฒนธรรมต่างกันอย่างไร หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจึงเริ่มเปิดฉากอธิบาย
 
“ถ้าเป็นเรื่องอาหาร บ้านกี้จะทาน 4 มื้อตามแบบสเปนค่ะ คือจะมีมื้อเช้าประมาณ 9 โมงครึ่ง มื้อเที่ยงประมาณบ่ายโมง มีสแน็กตอน 4 โมงเย็น แล้วก็ข้าวเย็นตอน 2 ทุ่มครึ่ง แต่ถ้าเป็นคนไทยจะมีแค่ 3 มื้อ ส่วนเรื่องการปลูกฝัง เคยถูกสอนตอนเด็กๆ เหมือนกันค่ะว่าคนไทยจะห้ามเล่นหัวผู้ใหญ่ แต่สเปนไม่มี เราจะเล่นหัวกันได้สนุกสนาน ไม่ถืออะไร อีกอย่างที่คิดว่าต่างกันก็คือกี้จะไม่ค่อยชอบเมาท์เรื่องคนอื่นเท่าไหร่ เวลาไปทำงานใครเขาจะเมาท์เรื่องอะไรให้ฟัง ได้ยินแล้วเราก็จะไม่พูด แต่ฟังนะ (หัวเราะ) คิดว่านิสัยช่างเมาท์เป็นนิสัยของคนไทย ซึ่งพักหลังๆ ก็เริ่มเป็นบ้างแล้ว (ยิ้ม)” สาวหน้าใสไม่ลืมกระเซ้าตัวเองทิ้งท้าย
 

การเติบโตมาแบบสองวัฒนธรรมทำให้มาร์กี้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เธอมองเห็นว่าถ้ารู้จักจับเอาเสน่ห์ของทั้งสองชาติมาผสานกันจะก่อให้เกิดวัฒนธรรมที่ลงตัว “อย่างนิสัยชอบคิดเองทำเอง ไม่พึ่งคนอื่นของคนสเปนก็น่าเอาเป็นแบบอย่างค่ะ คือผู้หญิงสเปนจะไม่มานั่งคิดว่าฉันต้องแต่งงานหรือต้องมีผู้ชายรวยๆ มาเลี้ยงฉัน ผู้ชายเลิกก็ช่าง เราเลี้ยงตัวเองได้” มาร์กี้หัวเราะเสียงใสก่อนขยายความต่อ
  

“ส่วนเสน่ห์ของคนไทย เรื่องมารยาทนี่ต้องยกให้เลย นิสัยเกรงใจ เคารพผู้ใหญ่ หรือเรื่องการให้เกียรติคนฝั่งเอเชียมีมากกว่า ทางตะวันตกจะก้าวร้าวกว่า มีเรื่องจะไม่ค่อยพูดจากันด้วยเหตุผล จะใช้อารมณ์ใช้ความรุนแรงก่อน แต่ฝั่งเอเชียกี้มองว่าเราไม่ค่อยลงไม้ลงมือกันนะ มีอะไรจะพูดกันก่อน การให้อภัยมันมีเยอะกว่า ก็พยายามเอาส่วนดีของแต่ละฝั่งมาผสมกันแล้วเอาไปใช้ ก็คิดว่าเป็นอะไรที่ลงตัวแล้วค่ะ” รอยยิ้มบนใบหน้าเธอเป็นเครื่องรับประกันชั้นดีว่าส่วนผสมระหว่างไทยกับสเปนนั้นลงตัวจริงๆ
 

หวานซ่อนห้าวแม่สาวสเปน
เห็นหน้าหวานๆ แบบนี้แต่กีฬาที่เธอเลือกเล่นทุกอย่างเรียกได้ว่ามันๆ แมนๆ ทั้งนั้น เริ่มตั้งแต่บาสเกตบอล วอลเลย์ฯ เทควันโด ขี่ม้า ว่ายน้ำ ไปจนถึงระดับเอ็กสตรีมอย่างเวคบอร์ดเธอก็ลองมาหมดแล้ว ถามว่าทำไมถึงได้ติดใจกิจกรรมผาดโผนนัก มาร์กี้ตอบว่า “ไม่ชอบกีฬาที่มันเนือยๆ ค่ะ รู้สึกไม่สนุก อย่างกอล์ฟ ตีโป๊ะเดียวแล้วก็เดินชิลๆ ชมวิวไปถึงจะได้ตีอีกครั้งนึง คิดว่ามันนานไปหน่อย ชอบเล่นอะไรต่อเนื่องมากกว่า เวลาได้ออกแรงเยอะๆ ได้วิ่ง ทำให้รู้สึกคล่องตัว ได้ทำอะไรให้ตัวปลิวๆ มันสนุกดีค่ะ”
 

เพื่อพิสูจน์ว่าเธอรักกีฬาผาดโผนขนาดไหน มาร์กี้จึงเล่าประสบการณ์การเล่นเวคบอร์ดครั้งแรกในชีวิตให้ฟัง เธอรู้จักกีฬาชนิดนี้ครั้งแรกตอนไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ด้วยความประทับใจที่ได้เห็นลีลาการเล่นของอดีตนักร้องชื่อดัง อนัน อันวา โปรเวคบอร์ดรุ่นแรกๆ ของไทย เธอจึงเริ่มหัดเล่นอย่างจริงจัง มาร์กี้ล้มลุกคลุกคลานอยู่นานกว่าจะยืนทรงตัวบนบอร์ดได้ ถึงตอนนี้จะยังกระโดดหมุนตัวโชว์ลีลาผาดโผนไม่ได้ แต่เธอก็สามารถเล่นได้แบบไม่ต้องอายใคร ไม่เหมือนอย่างช่วงแรกๆ ของการฝึก
  

“ตอนนั้นอายุ 14 ได้ เพื่อนชวนให้เล่น แล้วบังเอิญไปเห็นพี่อนัน อันวาเล่นอยู่พอดี พี่เขาโชว์ลีลาสุดยอดมาก ทำให้รู้สึกว่ากีฬาชนิดนี้มันเท่จริงๆ ก็เลยลองเล่นดู ปรากฏว่าเล่นแล้วไม่ได้เท่เหมือนเขาเลย เป็นอะไรที่ยากมาก กี้ล้มแล้วล้มอีกกว่าจะเป็น แล้วตอนล้มท่าก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ ล้มแบบลอยตุ๊บป่องๆ น่าเกลียดมาก (หัวเราะ) คิดว่าคนแถวนั้นจำหน้าได้แล้วว่ายายคนนี้อุปกรณ์มาเต็มแต่ไม่มีความสามารถอะไรเลย”
“แล้วที่ทำให้กี้เล่นยากกว่าคนอื่นเพราะสนามเขาออกแบบมาให้วนขวา แต่เราเป็นคนถนัดซ้าย เวลาเล่นมันเลยฝืนธรรมชาติ ทำให้เล่นยากกว่าปกติ แต่ตอนนี้ก็เล่นพอได้แล้วค่ะ สามารถยืนสวยๆ อยู่บนบอร์ดแล้วปล่อยตัวเองไปตามสลิงได้แล้ว (ยิ้ม) แต่ถ้าจะให้กระโดดหมุนตัวตีลังกายังทำไม่ได้นะ” เธอเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงสนุกสนานปนขี้เล่น
  

ถึงมาร์กี้จะชอบกีฬาเอ็กสตรีมมาก แต่พักหลังๆ มานี้ก็ห่างหายไปหลายปีแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปีที่แล้ว เข่าของเธอกระแทกกับช่วงหน้าของรถทำให้ลูกสะบ้าเสื่อมสภาพจนถึงทุกวันนี้ ถ้าใครอยากเห็นลีลาการเล่นกีฬาผาดโผนหรือคิดถึงฉากเตะต่อยของเธอในละครบู๊ คงต้องอดใจรอกันสักหน่อย หายดีเมื่อไหร่รับรองว่าสาวน้อยคนนี้จะแก่นเซี้ยวให้ดู
 

ตำแหน่งลูกรักของช่อง
ทันทีที่ช่อง 3 เปิดตัวละครฟอร์มยักษ์ “สี่หัวใจแห่งขุนเขา” เป็นตัวแทนฉลอง 40 ปีของสถานี หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าทำไมต้องเป็นพระเอกนางเอกทั้ง 4 คู่นี้ ซึ่งมาร์กี้คือหนึ่งในนางเอกที่ติดอยู่ในโผรายชื่อด้วย และยิ่งละครได้รับกระแสตอบรับดีเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าทางช่องก็พร้อมจะป้อนงานให้แก่นักแสดงในเซตนี้อย่างต่อเนื่อง จนเกิดคำถามว่าบรรดาพระเอกนางเอกจากละครชุดนี้ กำลังจะกลายมาเป็นลูกรักรายใหม่ของวิกหนองแขมหรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาร์กี้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ชัดเจน
“ละครจะดังไม่ดังมันเป็นช่วงมากกว่าค่ะ ส่วนเรื่องที่ถูกมองว่าเป็นลูกรักของช่อง ต้องถามว่าวัดจากอะไร วัดจากว่าดาราคนนั้นงานเยอะ ดัง หรือว่าตังค์เยอะ ซึ่งถ้าเป็นข้อหลังสุด งั้นคงไม่ใช่กี้ค่ะ (หัวเราะ) พูดเล่น เรื่องตังค์ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ ใครจะได้เท่าไหร่กี้ก็ไม่แคร์ เราได้เท่าที่เป็นอยู่ก็พอใจแล้ว (ยิ้ม)”
 

ส่วนเรื่องการแคสต์ตัวแสดงในละครเรื่องนี้ที่หลายฝ่ายมองว่าล็อกเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว หรือต้องการให้เป็นละครที่ช่วยดันลูกรักรายใหม่นั้น มาร์กี้ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะทุกคนต้องผ่านด่านแคสต์กันหลายครั้งกว่าจะได้ครบคู่อย่างที่เห็น ถึงแม้จะยอมรับว่าผู้กำกับเรื่องวายุภัคมนตราอย่างอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง จะเคยทาบทามเธอเอาไว้ก่อนแล้ว แต่สุดท้ายมาร์กี้ก็ต้องผ่านขั้นตอนการแคสต์เหมือนกัน ไม่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นเลย
“ก่อนจะไปแคสต์ พี่อ๊อฟมาเจอกี้ เขาบอกว่ากำลังจะทำซีรีส์สี่หัวใจแห่งขุนเขา แล้วพี่เขาได้ทำตอนนึง อยากให้มาเล่น คือกี้เคยเล่นละครของพี่เขามาก่อน แล้วพี่อ๊อฟคงเห็นว่าคาแรกเตอร์ตัวละครมันคล้ายๆ กัน เราน่าจะทำได้ กี้เลยลองไปแคสต์ดู ครั้งแรกที่ไปคิดว่าคงไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะทีมงานไม่ติดต่อกลับมาเลย แต่สุดท้ายก็ได้ค่ะ ก็ถือว่าโชคดีแล้วก็ดีใจที่พี่เขาอยากให้เราร่วมงานด้วย แต่อยากบอกว่าไม่มีล็อกตัวละครไว้ให้กี้แน่ๆ เพราะเราก็ผ่านการแคสต์เหมือนคนอื่นๆ ไม่ได้ส้มหล่นขนาดนั้น ทุกคนที่เห็นก็ต้องเข้าไปแคสต์หลายทีเหมือนๆ กันกว่าจะได้แสดง”
  

ถามว่ามีการเขม่นกันบ้างไหมระหว่างนางเอกรุ่นน้องอย่างคิมเบอร์ลี่ ญาญ่า และมิ้นท์ ชาลิดา โดยเฉพาะสองคนแรกที่โด่งดังเป็นพลุแตกจากละครชุดเดียวกัน มาร์กี้ยิ้มอย่างจริงใจก่อนตอบว่า “ดีใจกับน้องด้วยจริงๆ ค่ะ ถือว่าเป็นโชคดีของเขาและที่สำคัญเป็นเพราะความตั้งใจของน้องเองด้วย ทำงานด้วยกันเราก็เห็นอยู่ว่าเขาตั้งใจมาก แล้วเขาก็ทำออกมาได้ดีด้วย ดีกว่ากี้เรื่องแรกเยอะ (หัวเราะ) ยังบอกน้องอยู่เลยว่าคิมแกเจ๋งมาก ญาญ่าด้วย ส่วนเรื่องจะมาแย่งกันเป็นลูกรักหรืออะไร ไม่มีแน่นอนค่ะ” มาร์กี้พูดด้วยท่าทีสบายๆ
 

นางเอกส้มหล่น - นางเอกตัวแทน
คนที่ติดตามข่าวฉาวของนางเอกสาวฉายา “สาหรี่ลี้รัก” คงทราบดีว่าเธอถูกผู้จัดละครค่ายทีวีซีน ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ ปฏิเสธที่จะร่วมงานด้วยเพราะเห็นว่ามีพฤติกรรมส่วนตัวไม่เหมาะสม จากเดิมเคยวางตัวให้ “เงาพราย” เป็นละครเปิดตัวนางเอกย้ายช่องอย่าง “พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช” รายชื่อเดิมจึงถูกหั่นทิ้งและพลิกให้มาร์กี้เข้ามาเสียบแทนอย่างกะทันหัน จนถูกหลายฝ่ายเหน็บแนมว่ามาร์กี้เป็น “นางเอกส้มหล่น” และ “นางเอกตัวแทน”
 

เราถามเรื่องนี้ออกไปและรอฟังผล แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ถูกกล่าวหากลับทำให้เราอึ้ง เพราะนอกจากจะไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจ เธอยังยิ้มรับฉายาดังกล่าวและพูดด้วยน้ำเสียงเข้าใจว่า “มันก็ส้มหล่นจริงๆ นะ” ก่อนขยายความให้เราฟังเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอคิดอย่างที่พูดออกมาจริงๆ ไม่ได้ต้องการประชดประชันแต่อย่างใด
“พอเล่นเรื่องวายุภัคฯ เสร็จปุ๊บ กี้ก็ลงเรียนวันอังคาร พุธ พฤหัสฯ เอาไว้ แล้วทีมงานเงาพรายก็ติดต่อมา เช็กดูแล้วเวลาถ่ายมันพอดีมาก ไม่กระทบเวลาเรียนเลย ถือว่าโชคดีมากๆ คิดว่าที่ได้งานนี้อาจจะเป็นช่วงที่ว่างคนเดียวด้วยหรือเปล่า นางเอกคนอื่นเขามาเล่นไม่ได้ อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน หรืออาจจะเป็นช่วงที่กี้ละครปิดกล้องพอดี แต่คนอื่นอาจจะมีงานค้างอยู่ ไม่ว่างคิวนี้ แต่กี้ดันว่าง ปีนี้เรียนปี 4 จะจบแล้วด้วยเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ ดูทุกอย่างจะลงตัวไปหมดก็เลยได้เล่น ถามว่าส้มหล่นมั้ย ดวงดีจริงมั้ย จริงค่ะ (ยิ้ม)”
  

เมื่อเป็นนางเอกตัวแทนย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกเปรียบเทียบ ถึงแม้ว่าพิงกี้จะยังไม่เคยแสดงเรื่องเงาพรายมาก่อน แต่ถ้ามาร์กี้แสดงออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ต้องมีคนออกมาพูดให้รู้สึกท้อแท้แน่นอนว่า “ถ้าเป็นพิงกี้ล่ะก็...” ถามว่ากลัวไหมที่จะถูกเปรียบเทียบ นางเอกลูกครึ่งตอบอย่างสบายๆ ตามสไตล์ว่า “มันมีอยู่แล้วแหละ ไม่มีทางเลยค่ะที่คนทั้งประเทศจะมาชอบเรา บางคนอาจจะชอบเรา แต่ไม่ชอบพี่พิงกี้ บางคนชอบพี่พิงกี้แต่ไม่ชอบเราก็มี แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีคนชอบครึ่งไม่ชอบครึ่งก็น่าจะโอเคนะ แบ่งๆ กันคนละครึ่ง (หัวเราะ) ส่วนตัวก็ไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่ค่ะ คิดว่าถ้าเขาไม่ชอบเรา เขาก็ไม่ดู ก็แค่นั้นเอง”
  

ส่วนแฟนคลับของพิงกี้ที่ตอนแรกตั้งใจจะรอดูละครเรื่องนี้ แต่อาจเปลี่ยนใจจนถึงขั้นเกลียดละครหรือพานไม่ชอบนางเอกคนใหม่ไปแล้ว มาร์กี้อยากให้เข้าใจว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะแย่งบทของใคร เพียงแต่ผู้ใหญ่เสนอโอกาสให้เท่านั้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้ติดตามละครดู ส่วนตัวเธอเองก็จะทำให้เต็มที่เหมือนกัน
“คิดว่าแฟนคลับพี่พิงกี้คงจะเข้าใจอยู่แล้วแหละ เพราะพี่พิงกี้คงพูดอยู่แล้วว่ากี้ไม่ได้ไปแย่งบทพี่เขา บทที่ได้มาเราก็ไม่ได้เป็นคนไปขอ ไม่ได้เป็นคนโทร.ไปบอกทีมงานว่าพี่เขาไม่เล่นแล้วใช่มั้ย เราขอนะ อันนี้ไม่มีแน่นอน ใครทำแบบนั้นก็บ้าแล้ว แล้วกี้กับพี่พิงกี้ก็รู้จักกัน คุยกัน เราไม่มีเรื่องไม่มีราวต่อกันค่ะ เอาเป็นว่ากี้จะทำให้ดีที่สุด ถ้าใครไม่อยากดูกี้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ดูพี่หนุ่ม ศรรามแทนก็ได้ (หัวเราะ)” สาวอารมณ์ดีไม่ลืมปล่อยมุกทิ้งท้าย
 

วางตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
นับตั้งแต่เข้าวงการจนถึงวันนี้ มาร์กี้เป็นนางเอกน้ำดีของช่องอีกหนึ่งคนที่ไม่เคยมีข่าวเสียๆ หายๆ ออกมาให้ได้ระคายหูเลย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกครึ่งซึ่งครอบครัวให้อิสระเรื่องความคิดอยู่มากก็ตาม แต่เธอกลับวางตัวเหมาะกับคำว่า “หญิงไทย” ยิ่งกว่าคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์หลายๆ คนเสียอีก ที่สามารถยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดเจนที่สุดเรื่องนึงก็คือการพูดภาษาไทยที่ค่อนข้างชัดถ้อยชัดคำของเธอ ในฐานะที่มีเลือดตะวันตกอยู่ในตัว เราถามมาร์กี้ว่ารู้สึกอย่างไรกับคนไทยบางคนที่อาจพูดไม่ชัดเท่าเธอด้วยซ้ำ สาวเลือดผสมไทย-สเปนตอบว่า
“เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใจมากกว่าค่ะ จะพูดชัดไม่ชัดก็อยู่ที่ว่าคนคนนั้นจะอยากพูดหรือไม่อยากพูด เพราะเกิดที่ไทยยังไงก็พูดได้อยู่แล้ว กี้เองก็เหมือนกัน”
 

การแต่งตัวของมาร์กี้เองก็ถือเป็นเครื่องรับประกันชั้นดีอีกอย่างนึงว่าเธอสมควรได้รับคำชมเชย เราแทบไม่เคยเห็นสาวลูกครึ่งคนนี้ในคราบสาวเซ็กซี่แต่งตัววาบหวิวอวดทรวดทรงเลยสักครั้ง ถามว่าเธอเคยแต่งแบบนั้นบ้างไหม สาวผมสั้นตอบว่า “ก็มีเซ็กซี่เล็กๆ เหมือนกันค่ะ แต่จะพยายามไม่โป๊” ถามว่าอะไรทำให้เธอค่อนข้างแต่งตัวเรียบร้อย เธอนิ่งคิดสักพักก่อนให้คำตอบกับเราอย่างตรงไปตรงมา
“คงเป็นเพราะเราอายด้วยมั้งคะ ถ้าให้ใส่เสื้อผ้าแบบบางมากๆ จนมองทะลุเห็นเสื้อชั้นในจะไม่ใส่ รู้สึกว่ามันไม่สวย แต่ถ้าใครจะแต่งอย่างนั้นก็แล้วแต่นะ เรื่องแฟชั่นมันอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนอยู่แล้ว แต่กี้ไม่ชอบแบบนั้น เวลาทำงาน ถ้าถ่ายแบบแล้วเซ็กซี่บ้างแต่ดูแล้วสวยงาม ไม่น่าเกลียดก็โอเค หรืออย่างเวลาไปเดินแบบ ออกงานอีเวนต์ ถ้าไม่สะดวกใจที่ต้องแต่งวาบหวิว ก็จะใช้วิธีเซฟตัวเองด้วยการใส่เกาะอกกับขาสั้นข้างในตลอด เพราะบางครั้งเราบังคับไม่ได้ว่าภาพของเราจะออกมาเป็นยังไง ไม่เหมือนถ่ายภาพในสตูฯ ที่จะคัดภาพให้คนเห็นเฉพาะที่เราพอใจได้”
 

ไม่ใช่เฉพาะเวลาออกงานเท่านั้นที่มาร์กี้เซฟตัวเองตลอด แต่กับงานแสดงก็เหมือนกัน โดยเฉพาะฉากเลิฟซีนเธอยืนยันหนักแน่นตั้งแต่เรายังถามไม่จบประโยคว่า “ไม่จูบจริงแน่นอนค่ะ” เรื่องแบบนี้อาจดูธรรมดาเมื่อมองจากวัฒนธรรมตะวันตก แต่สำหรับมาร์กี้ถึงเธอจะมีหัวคิดฝรั่งอยู่มาก แต่เธอก็มีมุมมองของตัวเองที่น่าฟังไม่แพ้กัน
“คิดว่าเราอยู่เมืองไทย เราก็ต้องทำสิ่งที่มันเข้ากับสังคมไทย ไม่อยากให้คนประเทศอื่นหรือคนที่เป็นลูกครึ่งมาเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยด้วยการออกสื่อ อย่างกี้เล่น เด็กดูน้องดู เขาอาจจะรู้สึกว่าทำไมดาราทำได้แล้วเขาจะทำไม่ได้ จะอ้างว่าเพราะเป็นงานเหรอ ก็ไม่เกี่ยว เราก็ไม่อยากให้คนไทยหรือน้องๆ เขามองอย่างนั้นค่ะ”
 

พูดถึงเรื่องการวางตัวในสังคมมาก็มาก ถามว่ารับได้แค่ไหนที่วงการบันเทิงไทยมักเอาชีวิตส่วนตัวของดารามาปนกับเรื่องงาน จนทำให้ดาราฝีมือดีหลายคนค่อยๆ หายไปจากวงการเพราะวางตัวไม่เหมาะสม มาร์กี้เข้าใจความจริงข้อนี้ดี พร้อมกับแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาว่า “ชีวิตจริงเป็นยังไง มันสำคัญยิ่งกว่าการเล่นละครซะอีกค่ะสำหรับประเทศไทย”
 

“เรื่องคนจะชื่นชอบที่ตัวบุคคลไม่ใช่แค่ผลงานเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ถ้าสมมติในละครเราเล่นเป็นคนดี แต่ไปเดินห้าง มีคนมาขอถ่ายรูปแล้วเราทำหน้าเหวี่ยงใส่เขา คงไม่มีใครชอบ ถ้านิสัยดี เรียบร้อย ขยันขันแข็งแต่ยังเล่นละครห่วย คนไทยก็ให้อภัยค่ะ คนไทยใจดีจะตาย แต่ถ้าเล่นละครดีขั้นเทพแล้วมาทำตัวเหวี่ยงใส่ก็อาจจะไปไม่รอด ตอนที่ยังดังๆ อยู่อาจจะได้ แต่อย่าล้มนะ โดนกระทืบแล้วก็เหยียบซ้ำชัวร์ (หัวเราะ) ตัวตนจริงๆ เป็นยังไงดูจะสำคัญกว่าค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนดูหรือว่าผู้ใหญ่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานมั้ย เรื่องแบบนี้แล้วแต่ความคิดคน ให้เลือกกันเอาเองดีกว่าค่ะ” แล้วมาร์กี้ก็ปิดประเด็นด้วยรอยยิ้มเรียบๆ
 

เมื่อมีรักในวงการ
หลายคนคงอยากรู้จักสาวหวานปนห้าวคนนี้ผ่านมุมมองความรักกันบ้าง เห็นแสดงละครโรแมนติกคอมเมดีมาก็เยอะ แต่ข่าวคราวความรักของเธอกลับมีให้เห็นไม่บ่อยนักถ้าไม่นับรวมข่าวรักโปรโมต ถามว่าครอบครัวให้อิสระมากน้อยแค่ไหนในเรื่องนี้ มาร์กี้บอกว่า “ที่บ้านเราไม่ค่อยพูดเรื่องนี้กันเท่าไหร่ ไม่ได้บอกว่าคบใครแล้วต้องพามาให้ดูหน้า แต่เวลาจะออกไปไหนกับเพื่อนคนไหนกี้ก็จะบอกตลอด คุณพ่อคุณแม่ก็จะโอเค ปล่อยตามสบาย แต่ต้องกลับให้เป็นเวลา อย่าดึกจนเพลิน หรือถ้าวันไหนต้องดึกเราก็จะบอกเขาก่อนอยู่แล้ว และส่วนมากคุณแม่ก็รู้จักเพื่อนของกี้ทุกคนอยู่แล้ว เพื่อนที่ต่างประเทศยังรู้จักเลยค่ะ (ยิ้ม)”
 

นิยามความรักของมาร์กี้เป็นยังไง? “สบายๆ ค่ะ ปรับกันคนละครึ่ง อย่าไปซีเรียสอะไรมาก ถ้าคบแล้วเครียดก็ห่างๆ กันซะ ทำให้ชีวิตสบายๆ เอาไว้ดีกว่า ถ้าจะคบกันต้องอยู่ด้วยกันแล้วสบายใจค่ะ” เธอให้คำอธิบายสั้นๆ ง่ายๆ และไม่เพ้อฝัน สำหรับมาร์กี้แล้วการเป็นดาราไม่ได้สร้างความหนักใจเรื่องความรักให้เธอเท่าใดนัก เพราะเธอไม่เคยปิดบังความจริงกับครอบครัวหรือแม้แต่กับสื่อเอง มีบ้างบางครั้งเหมือนกันที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเพราะถูกจับตามองในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
 

“มีอยู่ครั้งนึง แค่ไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกันที่จตุจักร ปรากฏว่ามีคนโทร.รายงานน้า 5 คน ภายในชั่วโมงเดียว ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้โกหกอะไร จนน้าเริ่มรำคาญว่าจะโทร.มาบอกทำไม แล้วเขาบอกละเอียดด้วยนะ รู้หมดว่าอยู่จตุจักรซอยไหน (หัวเราะ) หรืออย่างตอนไปเที่ยวหัวหิน ไปเที่ยวผ่านมานานมากถึงมีเพื่อนคุณแม่โทร.บอกคุณแม่ว่าเจอเราไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อน 3 คน แม่ก็สงสัยใหญ่ว่าไปกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาไม่รู้ พอคุยกันถึงได้รู้ว่ามันตั้งแต่สงกรานต์ปีที่แล้ว เราเคยบอกคุณแม่ไว้นานจนเกือบลืมกันแล้ว ก็เป็นอะไรที่ตลกดี แต่กี้ไม่ซีเรียสอยู่แล้วค่ะเพราะเราบอกความจริงกับครอบครัวตลอดอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกกระทบอะไร”
 

เมื่อเป็นดาราต้องยอมรับว่าคนที่เข้ามาในชีวิตจะมีหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะที่ต้องการความสัมพันธ์มากกว่าคำว่าเพื่อน ทำให้ต้องคัดตัองเลือกอย่างระมัดระวัง แต่มาร์กี้ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งยังไม่กังวลด้วย เพราะมั่นใจว่าเธอมองคนออกและจะไม่ถูกใครหลอกง่ายๆ
“ทำงานแบบนี้ คนมาดีก็มี มาแบบหวังผลก็เยอะ บางทีไม่ใช่ดาราก็โดนเหมือนกัน มันมี 2 อย่างนี่แหละค่ะ คือถ้าไม่หน้าตาดีก็รวย อาจจะมีคนอยากเข้ามาหลอกเป็นเพื่อนด้วย แต่กี้ไม่ได้มองว่าตัวเองอยู่ในจุดอันตรายเท่าไหร่ คงเพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองหน้าตาดีขนาดนั้นด้วยมั้งคะ (หัวเราะ) คนอื่นที่เขาสวยๆ ก็มีเยอะแยะ ส่วนเรื่องจะถูกหลอกคงยากค่ะ โดยเฉพาะถ้าหลอกเอาตังค์เพราะเป็นคนงก” เธอไม่ลืมกระเซ้าตัวเองทิ้งท้าย
 

ถ้าวันนึงมาร์กี้ออกมายอมรับว่ามีแฟนแล้ว คิดว่าจะทำให้เรตติ้งตกมั้ย? “ก็แล้วแต่คนค่ะ บางคนคบกันแล้วฉุดให้เรตติ้งดีขึ้นก็มี” เธอตอบอย่างไม่ลังเล เราเริ่มยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวมากขึ้น “ต้อง จุลวุฒิ ชลลัมพี” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแม่หนู สรวงสุดา ผู้จัดละครคนเก่งของช่อง 3 คือชายหนุ่มรายล่าสุดที่ถูกปาปารัซซี่มือดีจับภาพได้ว่า เดินควงคู่กับมาร์กี้ ชอบปิ้งด้วยกันในห้างฯ ก่อนหน้าที่ภาพจะหลุดออกมา มาร์กี้ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่หลังจากภาพถูกเผยแพร่แล้วจึงออกมายอมรับว่าคบกันอยู่ แสดงว่าเธอเองก็กังวลว่าเรตติ้งจะตกเหมือนกันใช่หรือไม่ เราถามออกไปและรอคำตอบจากเธออย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่ใช่เลยค่ะ แล้วกี้ก็ไม่ได้พยายามปกปิดอะไรด้วยนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปเดินในห้างฯ แน่ๆ (ยิ้ม) ตอนแรกที่ยังไม่ออกมาพูดเรื่องความสัมพันธ์ก็เพราะคิดว่าไม่มีอะไรต้องบอก แค่กำลังดูๆ กันเฉยๆ ยังไม่ได้ตกลงกันเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น แต่พอมีรูปมีข่าวคนก็เหมากันไปเอง เอาไว้จริงจังเมื่อไหร่แล้วจะบอกค่ะ” นางเอกหน้าลูกครึ่งตอบอย่างมั่นใจ

ได้ฟังอย่างนี้แล้วหลายคนคงโล่งใจ สำหรับใครที่เหมาไปเองว่าเธอคบกับทายาทค่ายชลลัมพีอย่างเป็นทางการแล้ว ขอให้รับทราบไว้เสียใหม่ด้วย เพราะมาร์กี้ยืนยันหนักแน่นว่ายังอยู่ในช่วงเรียนรู้ดูใจเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นหนุ่มๆ คนไหนสนใจจะแชร์นามสกุลร่วมกับเธอ ถ้าไม่กล้าเดินเข้าหาเจ้าตัวโดยตรง จะใช้วิธีเข้าทางผู้ใหญ่ตามคำโบราณก็ได้ สืบมาว่าคุณพ่อของเธอเปิดร้านเครปอยู่ในฟูดคอร์ด ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช สามารถไปแวะเวียนกันได้ “ถ้าเห็นฝรั่งตัวเล็กๆ อยู่แถวร้านเครป นั่นแหละพ่อกี้เอง” มาร์กี้คนเฟิร์ม

เตือนกันไว้ก่อนสำหรับหนุ่มๆ ที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิก อาจต้องเข้าคอร์สเรียนกันยาวหน่อย เพราะคุณพ่อแดเนียลพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ส่วนใครที่ได้ภาษาสเปนควบด้วย รับรองว่างานนี้คะแนนนำโด่ง!



คุณแม่สวยคุณลูกเก่ง
ถ้าลองค้นหาข่าวย้อนหลังจะรู้ว่า “เหน่ง อรศรี บาเลนซิเอก้า” คุณแม่ของมาร์กี้คืออดีตนางแบบสาวชื่อดัง ผู้พิชิตมงกุฎ Mrs.Thailand ปี 2005 แถมยังได้รางวัล “นางงามรูปร่างดีเด่น” อีกด้วย เรียกได้ว่าความสามารถและความสวยอยู่ในสายเลือดจริงๆ ล่าสุดคุณแม่เหน่งหันมาจับงานละคร แสดงร่วมกับลูกสาวในละครเรื่อง “เงาพราย” ใครอยากรู้ว่าแม่หรือลูกสวยกว่ากัน ต้องติดตามดู
นอกจากนี้มาร์กี้ยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคนชื่อ “มารีน่า” ตอนนี้อายุ 14 แล้ว แว่วๆ มาว่าเธอจะดันให้น้องเข้าวงการเอง โดยวางแผนให้เริ่มจากการเป็นนางแบบก่อน ส่วนคุณพ่อแดเนียลนั้น มาร์กี้กำลังมองหาบทเหมาะๆ ให้ ผู้จัดฯ รายไหนต้องการนักแสดงเอ็กซ์ตร้าชาวต่างชาติ ติดต่อนางเอกสาวได้เลย “จะได้เข้าวงการกันทั้งครอบครัว” มาร์กี้ยิ้มขี้เล่นตบท้าย

ดาราหลายคนที่อายุมากแล้วมักผันตัวจากเบื้องหน้าไปกำกับงานเบื้องหลัง แต่สำหรับมาร์กี้เธอวางเป้าหมายไว้ชัดเจนว่า “ถ้าไม่ได้ทำเบื้องหน้าแล้วคงไม่เป็นเบื้องหลังค่ะ คงทำอย่างอื่นไปเลย คิดว่าจะเริ่มจากร้านอาหารก่อน” เธอวางแผนจะทำร้านอาหารฟิวชันไทย-อิตาเลียน-สเปน ให้เสร็จสิ้นภายในปลายปี มองหาโลเกชันร้านเอาไว้แล้วอยู่แถวทองหล่อ โดยจะเริ่มเทกคอร์สเรียนทำอาหารหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนตอนนี้นอกจากเรียนแอ็กติ้งแล้ว เธอยังมีเรียนคิวบู๊ เรียนเต้น และเรียนร้องเพลงเพิ่มเติม เพราะคิดว่าน่าจะเอาไว้ใช้ในละครเพลงและละครบู๊ได้... ขยันขนาดนี้ สงสัยจริงๆ ว่าจะเหลือเวลาให้คนที่คบหาดูใจกันอยู่บ้างหรือเปล่า?



ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : มาร์กี้ ราศรี บาเลนซิเอก้า
วันเกิด : 22 สิงหาคม 2533
ส่วนสูง : 168 ซม.
น้ำหนัก : 46 กก.
การศึกษา : นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) คณะบริหารธุรกิจ เอกการโรงแรม
ความสามารถ : กีฬาเทควันโด (ระดับ 2 สายฟ้า), บาสเกตบอล, ขี่ม้า, เวคบอร์ด, ภาษาอังกฤษ และสเปน
ผลงาน : ละครเรื่องกุหลาบตัดเพชร, เจ้าหนูเทควันโด, คุณยายสายเดี่ยว , หุบเขากินคน, บาดาลใจ, ลูกไม้เปลี่ยนสี, หวานใจกับนายจอมหยิ่ง, สี่หัวใจแห่งขุนเขา ตอนวายุพักมนตรา รวมทั้งผลงานโฆษณา ถ่ายแบบ เดินแบบ และมิวสิกวิดีโอ
รางวัลที่ได้รับ : ดาวรุ่งหญิงจากเวทีสีสันบันเทิงอวอร์ด ปี 2551, ศิลปินต่อต้านยาเสพติด จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปี พ.ศ.2553
                      
รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite / ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย วรงค์กรณ์ ดินไทย, พลภัทร วรรณดี

       


ลีลาโพสท่า แก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าของมาร์กี้
ยิ้มใสๆ ตามแบบฉบับของเธอ

สบายๆ สไตล์สาวสเปน



สัมภาษณ์ในกองถ่าย ใส่ชุดเดียวกับฉากในละคร

ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นสาวขี้เล่น
ไม่โกรธ ไม่กดดัน แม้ถูกยิงด้วยคำถามหนักๆ
มาร์กี้ คุณแม่ และน้องสาว
คุณแม่อรศรีขณะรับตำแหน่ง Mrs.Thailand 2005
ต่างคนต่างดัง ไม่มีเกาเหลา (ภาพจากนิตยสาร Lisa)
วายุภัคมนตรา ละครที่ทำให้มาร์กี้กลายเป็นลูกรัก
คู่พระคู่นางเรื่อง “เงาพราย” ก่อนถูกมาร์กี้เสียบแทน
ทายาทชลลัมพีที่กำลังคบหาดูใจ
คุณพ่อแดเนียลกับลูกๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น