ในช่วงต้นปี 2553 ที่ผ่านมา ข่าวคราวของการบุกจับปาร์ตี้เซ็กซ์แบบสวิงกิ้ง มีให้ได้ยินอยู่หนาหู ไม่ว่าจะเป็นกรณี สวิงกิ้งทัวร์ในโรงแรมย่านประดิพัทธ์ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือจะเป็นการบุกจับปาร์ตี้เซ็กซ์ที่โรงแรมย่านงามวงศ์วานก่อนวันวาเลนไทน์ 1 วัน ซึ่งทั้งสองคดีนั้นสิริรวมผู้ต้องหาแล้วมีกว่า 40 ชีวิต
และจากทั้งสองคดีนี้ ทำให้คำว่า “สวิงกิ้ง” กลับมาคุ้นหูคนไทยอีกครั้งหลังจากแผ่วไปนาน
ก่อนอื่นต้องอธิบายคร่าวๆ ก่อนว่า สวิงกิ้ง คือการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการแลกเปลี่ยนคู่นอน ซึ่งคนส่วนใหญ่ในสังคมมองว่าผิดปกติและผิดศีลธรรม แต่ที่ผ่านมามันก็มีการรวมกลุ่มและติดต่อสื่อสารกันของคนที่มีรสนิยมแบบนี้อยู่เสมอ (ก็การสวิงกิ้งนั้นทำกันคนสองคนได้เสียเมื่อไหร่) แน่นอน มันเป็นไปแบบลับๆ
แต่มาวันนี้ ที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้าทำให้กลุ่มคนที่มีรสนิยมในการทำกิจกรรมทางเพศแบบสวิงกิ้ง นำเอาเทคโนโลยีที่นำสมัยมาใช้สื่อสารและรวมกลุ่มกัน ทำให้คนชอบสวิงกิ้งมาเจอกันได้ง่ายและขยายตัวไปได้มากขึ้น
สังคมสวิงกิ้งบนอินเทอร์เน็ตจึงเติบโตและเฟื่องฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้วันนี้ประเทศไทยมีเว็บบอร์ดเกี่ยวกับการติดต่อแลกคู่นอนกันนับสิบแห่ง และมีบางแห่งที่พัฒนารูปแบบไปสู่การจัดเก็บค่าสมาชิกกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มันทำให้เรื่องที่เคยดำเนินไปแบบลับๆ ก็ไม่ค่อยลับอีกต่อไป
และเสียงสะท้อนที่มีต่อปรากฏการณ์นี้ก็คือ คำถามที่สังคมมีต่อพฤติกรรมการสวิงกิ้งนั่นเอง
สวิงกิ้งคือ...
ในความเข้าใจของคนทั่วไป ความหมายอย่างกว้าง การสวิงกิ้งนั้นคือการนำเอาคู่นอนมาแลกเปลี่ยนกัน กล่าวคือการมีเซ็กซ์พร้อมๆ กันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เพื่อสร้างความสุขสมและความเร้าใจ ในการทำกิจกรรมทางเพศที่ไม่สามารถหาได้ในการทำแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสวิงนั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยและศัพท์ที่เรียกการสวิงแบบต่างๆ แยกย่อยลงไป
ประเภทของการสวิงที่นิยมกันที่สุดนั้น คือ การสวิงคู่แท้ กล่าวคือเป็นการแลกคู่กันของสามีภรรยา หรือคู่รักตั้งแต่สองคู่ขึ้นไป และไม่ใช่การแยกไปทำการในห้องของใครของมัน แต่ทั้ง 4 คน (หรือมากกว่านั้น) จะทำกิจกรรมทางเพศไปพร้อมๆ กันในห้องเดียวกัน แต่ถ้าหากเป็นคู่รักชายหญิง ที่ทำกิจกรรมทางเพศกันโดยพาผู้ชายอีกคนมาร่วมกิจกรรมด้วย (ชาย 2 หญิง 1) ก็จะเรียกว่าการสวิงแบบชายเดี่ยว ในทางกลับกัน ถ้าคู่รักชายหญิงพาหญิงสาวมาร่วมด้วยอีก 1 คน (ชาย 1 หญิง 2) ก็จะเรียกกันว่าหญิงเดี่ยว
แต่ถ้าเป็นการนำคนอื่นที่ไม่ใช่คู่รัก มาทำกิจกรรมทางเพศพร้อมๆ กัน ก็อาจจะอนุโลมเรียกการกระทำนั้นว่าการสวิงคู่เทียมได้ แต่ในวงการสวิงกิ้งนั้น มักจะจัดการกระทำแบบนี้ให้อยู่ในหมวดของเซ็กซ์หมู่มากกว่าการสวิงกิ้ง
โดยเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เกิดการแลกคู่นอนในรูปแบบของการสวิงกิ้งนั้นก็คือ ความต้องการที่จะหาความแปลกใหม่ให้กับชีวิตเซ็กซ์ หลายๆ คนที่นิยมการสวิงกิ้งนั้นกล่าวว่า ตนและภรรยามีปัญหาในเรื่องเพศ คืออยู่กินกันมานานจนเกิดความเบื่อหน่าย และต้องการสร้างรสชาติในชีวิตคู่ โดยการหาคนมาแลกคู่และทำการมีเซ็กซ์แบบสวิงกิ้งกัน (เก็บข้อมูลจากเว็บบอร์ดของกลุ่มสวิงกิ้งในประเทศไทย)
รสนิยมทางเพศที่ไม่ปกติ?
แต่เนื่องด้วยพฤติกรรมการร่วมเพศที่ไม่เหมือนกับคนอื่นของคนกลุ่มนี้นี่เองที่ทำให้คนหมู่มากของสังคมมองว่าคนที่ชื่นชอบการสวิงกิ้งนั้น นอกจากจะเป็นคนที่ทำผิดศีลธรรมแล้วยังเป็นพวกจิตไม่ปกติอีกด้วย
“มันก็เหมือนกับรสนิยมการกินนั่นแหละ ถ้าคุณเห็นคนชอบกินปลาร้า แต่คุณไม่ชอบกิน คุณจะไปว่าเขาเป็นโรคจิตได้เหรอ ก็เขาอร่อยของเขาน่ะ การสวิงกิ้งนี่ก็เหมือนกัน มันเป็นรสนิยมของใครของมัน เขาทำแล้วเขารู้สึกชอบ และก็ไม่ได้ไปบังคับขืนใจใครนี่ คู่ที่มาสวิงก็ต้องยินยอมพร้อมใจกันทั้งหมดไม่มีใครบังคับใครมาได้หรอก เอาเข้าจริงๆ แล้ว การร่วมเพศแบบสวิงกิ้ง ก็เหมือนกับการที่เกย์นิยมร่วมเพศกันในหมู่ผู้ชายด้วยกัน มันเป็นเรื่องของความชอบ และถ้าจะให้เปลี่ยนนี่มันก็เปลี่ยนกันไม่ได้หรอก”
ชูชาติ ธนมงคลชัย หรือที่รู้จักกันดีในนาม กังฟู กล่าวว่า มันไม่ถูกที่จะไปยัดเยียดความผิดปกติให้แก่คนอื่นที่มีรสนิยมแตกต่างออกไป ซึ่งกังฟูเองนั้น นอกจากจะเป็นเจ้าของหนังสือปลุกใจเสือป่าในตำนานอย่าง 'ไทยเพลย์บอย' แล้ว เขายังได้รับการยกย่องให้เป็นเจ้าพ่อสวิงกิ้งเมืองไทยจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบการสวิงกิ้งอีกด้วย
เพราะเขาเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาเล่าเรื่องราวของการสวิงกิ้งบนหน้าหนังสือ แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการทำบาร์เบียร์ซึ่งเป็นแหล่งพบปะของผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแบบสวิงกิ้ง ในสมัยที่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตยังไม่ก้าวหน้าอย่างทุกวันนี้ ซึ่งบาร์เบียร์แห่งนี้ก็ส่งผลให้กังฟูต้องไปนอนอยู่ในคุกอยู่ถึง 4 ปีกว่าๆ เลยทีเดียว
และในปัจจุบันก็มีเว็บไซต์ที่เป็นสังคมของชาวสวิงกิ้งไม่ต่ำกว่า 2 แห่งที่เอาชื่อของกังฟูไปอ้างในการประกอบธุรกิจโดยที่กังฟูไม่มีส่วนรู้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งมุมมองของกังฟูในเรื่องของการสวิงกิ้งก็มีบางส่วนไปสอดคล้องกับมุมมองของ นพ.ทวีสิน วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมสวิงกิ้งว่า
“เรื่องนี้คงต้องมองที่วัฒนธรรมเป็นหลัก อย่างในประเทศไทยเองก็ถือว่าผิดวัฒนธรรม แต่ถามว่าผิดปกติทางจิตใจหรือเปล่านั้นคงจะระบุไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีการหยิบยกหรือแยกแยะเรื่องนี้ออกมาเป็นโรคที่ต้องวินิจฉัยทางด้านจิตใจ
“บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นรสนิยมทางเพศในลักษณะหนึ่งที่ผู้นั้นชอบเป็นส่วนตัว ซึ่งในต่างประเทศเองก็มีหลากหลายความคิด อย่างเช่นการสวิงกิ้งต้องเป็นการแลกเปลี่ยนคู่นอนกันโดยสมัครใจ ทำกันเป็นกลุ่มย่อยๆ แคบๆ หรือตั้งเป็นชมรมขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองตอบความต้องการทางเพศที่สูง หรืออยากมีความรู้สึกตื่นกลัว ตื่นเต้นในการประกอบกิจกรรมทางเพศ ซึ่งตรงนี้คงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่คงมีจำนวนไม่เยอะเท่าใดนัก และการจะบอกว่าผิดปกติหรือไม่นั้น เราให้ผลกระทบทางสังคมเป็นตัวตัดสินนะ คือเราดูความเสียหายทางสถานะของบุคคลเป็นหลัก ถ้าเขาทำให้ตัวเอง ครอบครัว หรือสังคมเดือดร้อนด้านใดด้านหนึ่ง เช่นทำจนอยู่ไม่ได้ หยุดอีกฝ่ายไม่ยินยอม เราก็จะระบุว่าเขาผิดปกติต้องรักษาแก้ไขต่อไป”
อันที่จริงแล้ว พฤติกรรมแบบหลายผัวหลายเมียนั้นมีอยู่มานานแล้วในสังคมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่การร่วมเพศแบบสวิงกิ้งคือ พฤติกรรมที่ซับซ้อนซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์เอง ทั้งที่สังคมมนุษย์เป็นสังคมผัวเดียวเมียเดียว
“หากจะว่ากันจริงๆ แล้ว สังคมมนุษย์เหมาะที่จะเป็นระบบสังคมผัวเดียวเมียเดียว เพราะสิ่งที่ตามมาของระบบหลายผัวหลายเมียก็คือความหึงหวง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็ไม่สามารถจะจัดการกับปัญหาตรงนี้ได้ ที่สำคัญเราต้องเข้าใจก่อนว่า พฤติกรรมหลายผัวหลายเมียที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งมีการรวมกลุ่มเป็นฝูงเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเอง อย่างเสือหรือสิงโตก็มีลักษณะของผู้นำฝูง และผู้ที่แข็งแรงกว่าก็มีโอกาสจะถ่ายทอดยีนที่ดีกว่าไปอยู่ในตัวเมียได้ คือหนึ่งตัวผู้จะมีหลายตัวเมีย แต่มันก็ไม่ได้ยอมให้มีตัวผู้ 2 ตัวอยู่ในฝูงนะ
“ดังนั้น ถ้าพูดถึงลักษณะของมนุษย์เอง มันก็เหมือนสมัยก่อนที่ผู้ชาย 1 คนแต่งงานกับผู้หญิงหลายคน อันนี้ก็ไม่มีใครว่า แต่ในลักษณะของผู้ชายหลายคนอยู่กับผู้หญิงหลายคน แล้วมีการแลกเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศด้วย ก็คงเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะไม่เข้าใจ”
นพ.ทวีสินกล่าวถึงความซับซ้อนของมนุษย์ที่เป็นผู้ให้กำเนิดเซ็กซ์แบบสวิงกิ้ง ส่วนข้อที่ว่าการสวิงกิ้งนั้น เดินทางจากสังคมเข้ามาสู่สังคมไทยเมื่อใดนั้น คงจะมีแต่กังฟูเท่านั้นที่ตอบได้
“จริงๆ แล้ว การสวิงกิ้งนั้นเริ่มมีมาตั้งปี 2521-22 แล้ว มันเข้ามากับนักเรียนนอกที่กลับมา ซึ่งพวกนี้ส่วนมากก็จะเป็นลูกของคนที่มีฐานะทางสังคมดี แต่ต่อมามันก็แพร่กระจายออกไปสู่กลุ่มอื่นอย่างช้าๆ ผมมารู้พรรค์นี้ทีหลังจากการที่มีคนเขียนจดหมายมาเล่าให้ฟัง สมัยที่ทำไทยเพลย์บอยอยู่ ทีแรกก็ไม่เชื่อ แต่ตอนหลังก็มีคนรู้จักของผมเข้าไปในแวดวงนี้ ก็เลยทราบว่าเป็นเรื่องจริง ไปๆ มาๆ ไทยเพลย์บอยก็มีเรื่องแบบนี้ส่งมามากขึ้น ผมเลยเปิดพื้นที่หน้าสำหรับคนที่ชอบสวิงกิ้งขึ้นมา”
สวิงกิ้งกับกฎหมาย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า มาถึงทุกวันนี้ พฤติกรรมทางเพศแบบสวิงกิ้ง ได้เติบโตและขยายวงกว้าง โดยมีเครื่องมีสำคัญคืออินเทอร์เน็ต ที่ทำให้คนที่มีรสนิยมต้องกันมาพบปะกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้ามองในแง่ศีลธรรมทางเพศแบบไทยๆ แล้ว การสวิงกิ้งนั้นนับเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแน่นอน ถึงแม้จะเป็นความพึงใจของทุกฝ่ายก็ตาม แต่คำถามที่ตามมาก็คือ แท้แล้วการร่วมเพศแบบสวิงกิ้งและเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางนั้นผิดกฎหมายหรือไม่
เมื่อสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผู้กำกับการกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้ความว่าจากการติดตามตรวจสอบเว็บฯ พบว่าการโฆษณาสวิงกิ้งในอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้น จึงเฝ้าติดตามดูทางเว็บไซต์ แต่ก็มีทั้งโพสต์เล่นบ้าง โพสต์หลอกบ้าง จริงบ้าง
“ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการสืบสวนจับกุม มันคงมีประเภทต้มตุ๋นกันพอสมควร เพราะบางเว็บฯ มีการสมัครเป็นสมาชิกโดยโอนเงินเข้าไป ก็น่าเชื่อว่าอาจมีการหลอกต้มตุ๋นให้โอนเงิน คงมีปนไปทั้งจริงและไม่จริง แต่ว่ามีการโพสต์เยอะมาก”
แต่ก็มีข้อสงสัยอยู่ว่า ถ้าเป็นการเชิญชวนของผู้ที่มีรสนิยมเหมือนกัน แต่ไม่มีการค้าประเวณี จะถือว่ามีความผิดทางกฎหมายหรือไม่
“ถ้าเป็นคู่นอนธรรมดา เป็นแฟนกัน แล้วไปสวิงกิ้งกัน ทำในที่ลับโดยไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์ มันก็ผิดเฉพาะศีลธรรมอย่างเดียว ยกเว้นคนในครอบครัวเดียวกัน แบบนี้ผิดกฎหมาย
“แต่ถ้ามีการเรียกร้องผลประโยชน์เมื่อไหร่ มันก็จะผิดในข้อกฎหมาย ทั้งในเรื่องการปรามค้าประเวณี ซึ่งมันผิดชัดเจนอยู่แล้ว แล้วก็จะมีการเพิ่มโทษในกรณีที่มีการโฆษณาชักชวนด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะติดต่อให้ตัวเองหรือคนอื่น จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปี ปรับตั้งแต่ 1 หมื่น ถึง 4 หมื่นบาท”
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีรสนิยมสวิงกิ้งแล้วไปโพสต์เชิญชวนในอินเทอร์เน็ต แม้จะไม่ผิดในข้อหาค้าประเวณี แต่ก็อาจผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ว่าด้วยการเผยแพร่ข้อมูลอันไม่สมควร
“ในส่วนของเจ้าของเว็บไซต์ ก็ต้องดูว่าได้ประโยชน์ไหม ซึ่งข้อเท็จจริงก็ต้องได้ประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ก็คงไม่ทำหรอก เมื่อคุณได้ประโยชน์ มีการโฆษณา คุณก็ต้องรับผิดเหมือนกับคนที่ค้าเอง คือจำคุก 6 เดือน ถึง 3 ปี เหมือนกัน เพราะกฎหมายบอกว่าเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น ถ้าคุณเป็นคนกลาง คุณก็โดนเท่ากับคนค้า”
.........
บางทีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้น ก็ได้ส่งผลถึงสิ่งต่างๆ มากมายรอบๆ ตัว เรื่องของรสนิยมทางเพศแบบสวิงกิ้งก็เป็นหนึ่งในนั้น จากที่เคยหลบๆ ซ่อนๆ ก็กลายมาเป็นประกาศหราอยู่บนหน้าอินเทอร์เน็ต
แน่นอนว่ามันสะดวกสบายมากขึ้น สำหรับคนชอบอะไรเหมือนกัน และอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย (ถ้าไม่มีการค้าประเวณี) แต่ถ้ามองในแง่ของความเหมาะสมและศีลธรรมสำหรับสังคมโดยรวมแล้ว ก็คงต้องหาคำตอบและจุดสมดุลกันต่อไปอีกนาน
..........
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK