xs
xsm
sm
md
lg

"ว่าน" ... มหาเสน่ห์ เท่แบบมีธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์
หลายคนคงรู้จักกับเอเอฟดีอยู่แล้ว และหนึ่งในนักล่าฝัน รุ่นที่ 2 ที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง คือ “ว่านธนกฤต พานิชวิทย์” ที่มีผลงานอัลบั้มเต็มๆคลอดออกมาแล้ว 2 ชุด ทั้งงานดีเจ ละคร แต่งเพลง ร้องเพลง เล่นหนัง เขาทำมาแล้วทุกอย่าง ด้วยหน้าตาท่าทาง รวมทั้งงานเพลงที่เขาร้องและเขียนเอง บางเพลง อาจสื่อถึงความทะเล้น แต่ในบางมุมของชีวิตเขา ที่ M – Light สัมผัสอาจเป็นอีกมุมที่คุณไม่เคยรู้


1.
“ว่าน” ตักบาตรทุกเช้า


อาจไม่บ่อยครั้งนักที่จะจับหนุ่มทะเล้น ที่ตลกเงียบๆอย่าง “ว่าน” มาพูดคุยเรื่องธรรมะ ที่เขาเล่าว่าแม้จะไม่ใช่คนธรรมธัมโม แต่การลุกมาใส่บาตรทุกเช้าที่เขาและแม่ทำเป็นประจำคือเรื่องง่ายๆที่คนพุทธอย่างเขาไม่อยากละเว้น

“บุญ ทาน ผมทำตามปกติครับ ไม่ได้เคร่งขนาดตื่นมาสวดมนต์ทุกเช้า ตอนนี้มีใส่บาตรตามประสาชาวพุทธ จะดีมาก แม่จะใส่บาตรแล้วปลุกผมมาตอนเช้าๆ เพราะจะมีพระมาเดินบิณฑบาตหน้าบ้าน แค่ตื่นลงมาเองไม่ต้องออกไปไหนเลย แม่ช่วยให้เราทำครับ ต้องขอบคุณแม่ เพราะมันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ผมว่าทุกคนทำได้นะ”

2.
“บุญ” คือสิ่งที่ทำแล้วสบายใจ


อีกวิธีการทำบุญของผู้ชายง่ายๆ สบายๆ คนนี้ คือการได้พบเด็ก คนแก่ ที่เข้ามาขายของหรือตามสี่แยก แม้ว่าใครหลายคนจะมองว่าการทำบุญแบบนี้อาจไม่เหมาะ แต่สำหรับตัวเขาคิดว่า เขาคือผู้ให้ ที่สุขใจก็น่าจะได้บุญแล้ว

“บางทีเราขับรถไปมันเลือกยากนะว่าใครเป็นคนอย่างไร มีคนบอกสมัยนี้อย่าไปทำเลย ไม่รู้เอาเงินไปทำอะไรจริงๆมันอยู่ที่การตัดสินใจในจุดนั้น เราจะให้เขาเพราะเราอยากจะให้เขา ไม่ได้ให้องค์กรเขา ก็ให้ไป ให้แล้วเราไม่ได้เดือดร้อนเราสบายใจเขาสบายใจวิน-วินทั้งคู่ ไม่คิดอะไรมาก ผมว่านะ ผมว่าคิดต่อมันยิ่งบาปนะ คุณยายเดินมาขายของ ของมันอาจจะดูตูดหมึกหน่อย แต่บางทีเรารู้ แต่ไม่ได้ซื้อไปทำอะไรแต่เราไม่ต้องการหรอก แต่เราซื้อเพราะว่าเราอยากจะแบ่งปันเขา ไม่ได้เหลือใช้นะครับ แต่พอให้เขาได้ สมมติเป็นแม่เรามาขายแบบนี้ เราก็คงอยากให้คนซื้อ”

“ผมเจอแบบแปลกๆ ค่อนข้างบ่อย มีคนหนึ่งที่ผมเห็นทุกวันนอนตรงพื้น เหมือนจะพิการตรงขา ลงรถไฟใต้ดินอโศกจะเห็นประจำ พี่คนนี้จะนอนอยู่ตลอดเวลา ผมพยายามจำว่าชุดแกเปลี่ยนหรือเปล่า แอบถ่ายรูปเอาไว้ก็มี อยากมอนิเตอร์ชีวิตเหมือนทุกคนดูหลินปิงว่ามันโตอย่างไร นี่มันคือเรื่องจริง เขาขยับเคลื่อนที่อย่างไร เขาก็มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า บางทีเราก็ให้เขา มันสงสารตลอดเวลาก็ไม่ได้นะ คือต้องดูด้วยว่าคนส่วนรวมเขาเดือดร้อนจากตรงนั้นหรือไม่”

3.
บริหารทุกข์ให้เบ็ดเสร็จในจุดเดียว


เห็นอารมณ์ดี แต่งเพลง เขียนเพลงแบบนี้ ว่านยอมรับว่าชีวิตเขาก็ผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งข่าวในด้านลบและบวก แต่สำหรับตัวเขาเองแล้วไม่เคยกลุ้มกับข่าวที่เกิดขึ้น กลับมองว่าเป็นสีสันที่มีคนคอยระบายให้ ส่วนตัวเขามีพลังใจที่เข้มแข็งต่อแรงเสียดทานต่างๆ

“เวลาผมทุกข์ ผมจะอยู่เงียบๆของผม บางครั้งผมขจัดทุกอย่างจะให้จบหน่วยงานราชการคือให้เบ็ดเสร็จภายในจุดเดียว ปัญหาเราสร้างขึ้นมาเอง งี่เง่ามาสักอย่างมีคนไม่พ่อใจเราต้องคิดให้เบ็ดเสร็จจะทำอะไรต่อไป จะขอโทษ หรือจะอะไร คิดเสียก่อน ก่อนจะไปปรึกษาคนอื่น ทำเองก็แก้เองก่อนแล้วกัน”

“คนอื่นอาจกลุ้มเรื่องข่าว แต่ผมไม่เคยกลุ้ม ต้องบอกว่าไม่กลุ้มเลย เพราะว่าข่าวเนี่ยบางทีมันไม่สู้ดีนัก แต่มันไม่ได้มาจากผม มันมาจากใครก็ไม่รู้ พี่ๆ สื่อมวลชน เขาพบเห็นหรือฟังอะไรมา จริงแล้วอย่างไร ผมนิ่ง ผมไม่ค่อยแก้ข่าวจะเป็นอย่างนี้ต่อไปสัก 5 ปีมั้ย วันหนึ่งก็หายไปเอง มันคือสีสันที่จะมีข่าวแปลกๆ ให้ลูกให้หลานดู ลุงมีข่าวตูดหมึกแบบนี้เว้ย มองให้มันเป็นบวก เรื่องแบบนี้ เราไม่มีทางทำได้เอง มีหลายคนที่ทำให้เราสนุกได้เลย ผมไม่เคยแก้ข่าวนะ ไม่ได้ชอบ ปล่อยให้มันหายไป ผมไม่แน่ใจกับความแข็งแรงกับวงการนี้ หรือเปล่านะ แต่ผมแข็งแรงกับจิตใจตัวเองมากกว่า ว่าทุกอย่างมันกระทบเราไม่ได้ทั้งหมด”
...ว่านตอบสั้นๆถึงเรื่องราวชีวิตในวงการบันเทิงที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาเข้มแข็งพอหรือไม่กับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น แต่ส่งที่แข้มแข็งแน่นอนคือหัวใจที่ไม่เคยอ่อนข้อให้กับข่าวร้ายๆของเขา

4.
“เล่น” กับ “งาน” : หน้าที่ของคนชื่อ “ว่าน” ที่ต้องชัดเจน


ในการทำงานว่านยอมรับว่า เขาคือคนจริงจังคนหนึ่งที่ต้องให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่งี่เง่า และเมื่อถึงเวลาทะเล้น เขาเองก็ยอมรับว่าเขาเต็มที่เช่นเดียวกัน ซึ่งเขาถือว่าคือหน้าที่ของมนุษย์ที่พึงกระทำให้ถูกเวลาและสถานที่

“ในการทำงานผมถือว่ามันคือความรับผิดชอบร่วมกัน อย่างน้อย ถ้าเราทำในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนอื่นที่เขาต้องรับผิดชอบต้องทำให้ได้ แค่เราทำของตัวเองให้มันที่สุด ความเป็นโปรมันจะเกิดขึ้นได้ตรงหน้าที่ของตัวเองมากกว่า ให้ไปงานนั้นแล้วมันไม่ได้เต็มที่ เราควรพร้อมจากบ้านไปแล้ว สมมติว่าผมทำงานเพลง ทุกอย่างมันเร็วมาก นัดกันดึก ๆ มาร้อง อีดิตมิกซ์ ทุกคนรู้หน้าที่แล้วทำ มันก็จบ ไม่เหลาะแหละ อย่ามางี่เง่า นั่นคือการทำงานของผม งานก็คืองาน เล่นก็เล่นให้มันเต็มที่ผมว่านะ”

5.
และบางครั้ง “ความทะเล้น” ก็เกิดขึ้นใน “งาน”


เป็นที่รู้กันดีว่า “ว่าน” แต่งเพลงเอง ร้องเองมาตั้งแต่อัลบั้มที่แล้ว และมีหลายเพลงที่ส่อไปในทางทะเล้นอย่างเพลง ระยะปลอดภัย,วัยทองรำลึก มาในอัลบั้มนี้ มีทั้งเพลงทับฤดู, อยู่บำรุง และอีกหลายเพลงที่ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากความซนของเขาทั้งสิ้น

“ครั้งแรกที่ตั้งใจจะแต่งเพลงอยู่บำรุง ผมก็ตั้งใจว่า คนเรามันควรมองอะไรได้ในหลายๆแบบ เช่น ถ้ามีของอย่างหนึ่ง ถ้ามีอะไรมีความหมายมันคือความหมายที่ไม่สนิทกับเราเท่าไหร่ อย่าไปอะไรกับเขาเลยมั้ย จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ ลองตีความเสียใหม่ เราไม่ได้มีประสบการณ์ ผมไม่ได้สนิท หรือเกี่ยวข้องกันเลยครับ ผมคิดว่าเราใช้ภาษาเสียใหม่ การอยู่บำรุงรักษากัน ดูแลกัน การที่แต่งออกมาแบบนี้ เฮือกแรกมันคงมีผลกระทบแหละครับ เรื่องของคนที่ไม่เข้าใจว่าเพลงอะไรเนี่ย มันเกี่ยวกับบ้านเมืองหรือเปล่า พอฟังไปโดยไม่รู้ ชื่อเพลงทุกอย่างมันคลี่คลาย ก็ชอบไปโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเพลง”

“ทับฤดูมันคืออาการของผู้หญิง แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของผู้หญิงอย่างเดียวหรอก มันมีของผู้ชายเหมือนกัน บางครั้งเนี่ยนะครับ ที่เรารู้สึกว่าเราประสบปัญหาบางอย่างเรา อกหัก หรืออะไรก็ตาม บางคนจะบอกว่า เวลา ผ่านไปเร็วกว่าปกติ บางคนก็บอกว่าเวลามันผ่านไปช้ากว่าปกติ บางคนไม่ทราบหรอกว่าเราเสียใจกับเรื่องเรื่องหนึ่งในฤดูหนาวผ่านไปแป๊บเดียวเองครับมันวนกลับมาฤดูหนาวอีกแล้ว กลับมาทับฤดูเดิม วนกลับมาโดยที่เราไม่รู้ เรายังลืมเรื่องนั้นไม่ได้เสียที นี่คือทับฤดูของผู้ชาย เพลงเราก็ถ่ายทอดเป็นตัวเรา ซนๆ ด้วยความที่เพลงมันเยอะ ถ้ามีอะไรให้คนฟังเอาไปขบคิดบ้าง ไม่ใช่อ่านชื่อเพลงแล้วรู้ว่าต้องเจออะไร”

เป็นคนทะลึ่งมั้ย?
“ต้องถามคนรอบข้าง ผมว่าผมเป็นคนเรียบร้อยทีเดียว (หัวเราะ)” ...ว่านตอบสั้นๆถึงบุคลิกหน้าทะเล้นของเขา

6.
จิตสงบเมื่ออยู่ในความเงียบ


ในการแต่งเพลงของเขา ว่านบอกว่าไม่จำเป็นต้องหาสถานที่ดีๆ หรูๆ เพียงแต่มีอุปกรณ์และบรรยากาศเงียบๆ ก็ทำให้เขาเกิดสมาธิแล้ว

“จริงๆแล้วผมว่ามันไม่จำเป็นต้องบิลด์มาก ผมรู้สึกว่าเรามีข้อมูลจากการสังเกตคนอื่น เราได้เห็นได้ยินมาจริงๆ มันอยู่ในใจเราอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เกิดความสงบหน่อย ผมชอบความเงียบ อยู่ในห้องก็ไม่ค่อยเปิดเพลง เราฟังเสียงของความเงียบ มันจะดีกว่า เสียงอะไรก็ได้ หน้าต่าง ประตู มันมากับธรรมชาติ มันเพราะ เราอยู่เงียบๆมันคิดอะไรต่อได้เยอะ

รักจะดี ก็ต้องไปแบบคนดีๆ

แน่นอนว่าตอนนี้ “ว่าน” คบหากับคนตระกูลเอเอฟ ด้วยกันแต่คนละรุ่น นั่นคือ “มิ้นท์ มิณฑิตา วัฒนกุล” ลูกสาว ของ “โกวิท วัฒนกุล” ดารารุ่นใหญ่ที่ว่ากันว่าหวงลูกสาวและเป็นอดีตนักมวยเก่า ซึ่งหนุ่มว่านก็สามารถคว้าหัวใจของสาวมิ้นท์มาครองได้ โดยว่านยอมรับว่าสิ่งที่ทำให้กล้าเดินเข้าหา คือความจริงใจและความดีที่มีในตัวและเข้าไปอย่างเปิดเผย

“ผมอยู่เอเอฟรุ่น 2 มิ้นท์ อยู่รุ่น 3 อยู่ในเอเอฟด้วยกันอย่างไรก็ต้องเจอกันอยู่ดี มีพบเจอกันบ้าง มีส่วนคล้ายกันคงเป็นการชอบอยู่คนเดียวเหมือนกัน มิ้นท์นี่รุนแรงนะ ถ้าผมโลกส่วนตัวสูงแล้วล่ะก็มิ้นท์คูณสอง แต่เราก็เจอกันในแบบไม่ยุ่มย่ามในชีวิตส่วนตัวของกันและกัน เราจะชอบแต่งเพลงในที่เงียบๆ เราก็อย่าเพิ่งคุยกันในตอนนั้น ถ้าเขาชอบไปอ่านหนังสือตามร้านกาแฟ ไม่ต้องไปนั่งวุ่นวายกับเขา เสร็จธรุะแล้วค่อยเจอกันได้ เราจะไม่เจอกันจนไม่รู้จะพูดอะไร ไม่ค่อยหวานทั้งคู่ โทร.คุยกันบ้างแต่ไม่ใช่ต้องทุกวัน กลางวันเย็นกินข้าวพร้อมกันทางโทรศัพท์ มันผิดประเด็น มิ้นท์เขามีสเต็ปการใช้ชีวิตที่เท่คนหนึ่งนะ มีการใช้ชีวิตที่เอาตัวรอดได้ ไม่ต้องมีผมก็ได้

ผมก็รู้สึกว่าจะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวใครสักคนหนึ่งเนี่ย เราก็เป็นคนดีคนหนึ่งเราก็ไปแบบคนปกติ ไม่ได้พูดจาหยาบคาย ไม่เคี้ยวข้าวเสียงดัง เราก็ไปดีนะ คิดดี กับคนในครอบครัวเขา ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องมาดุเรา เรามีเหตุผลเขาก็คงมีเหตุผล ไม่ได้กลัวนะครับ มันดำเนินไปตามสเต็ปช่วงวัย ผม25 น้องเขา เขาอ่อนกว่าผม 3 ปี โตไปพร้อมกันแค่นั้นน่ะครับ ตามสเต็ป ไม่อยากคาดหวังไปก่อน”


คำคมธรรมะ

“ธรรมะเป็นของขม แต่ถ้าใครได้อมจะรู้ว่ามันหวาน” ...จากหนังสือ a ธรรม พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า

ข่าวโดยทีมงาน M-Lite
ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร



โกวิท (พ่อ) - มิ้นท์ เอเอฟ 3

มิ้นท์-ว่าน คู่รักแห่งบ้านเอเอฟแต่คนละรุ่น

กำลังโหลดความคิดเห็น