เกจิวงการบันเทิงต่างบอกว่า เด็กหนุ่มหน้าใส “เก้า จิรายุ ละอองมณี” อีกไม่กี่ปีเขาจะมาฆ่า 'มาริโอ้' แต่คำคาดการณ์เหล่านี้จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนหากมองจากผลงานที่ออกมาไม่ขาดสาย โดยมีคุณแม่สาวสวยอย่าง “แม่ก้อย วรนุช ละอองมณี” ดูแลทุกย่างก้าวในวงการมายา หนุ่มน้อยผู้นี้จะมีความคิดเห็นอย่างไร เขามาให้คำตอบกับ M – Open
ทีละก้าว
เก้าเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาก่อนเข้าวงการว่า สมัยก่อนแม่พาไปแคสติ้ง ถ่ายโฆษณา ถ่ายภาพนิ่งโดยไม่ได้คาดหวังผลเท่าใดนัก แม่ก้อยเสริมขึ้นมาว่า … “จริงๆ แล้ว เราขับรถพาคนอื่นไปแคสติ้งมากกว่า แต่เขาเห็นลูกเราน่ารักดี เลยให้ลองมาแคสติ้งบ้าง แล้วเกิดได้ขึ้นมา”
เก้าบอกถึงการเดินทางบนเส้นทางบันเทิงต่อไปว่า ถ้ามีโอกาสก็จะทำไปเรื่อยๆ แต่ในอนาคตเขาไม่รู้เช่นกันว่าจะทำไปได้อีกนานสักแค่ไหน แต่สิ่งที่รู้คือการเก็บเงินสักก้อนไว้เปิดธุรกิจของตัวเอง และบทบาทที่ทำให้เก้าชื่นชมในตัวเองดูเหมือนจะเป็นบทบาทจากหนังเรื่อง 5 แพร่งที่เขาได้เป็นตัวสะท้อนปัญหาของสังคม
“บทที่เก้าชอบมากที่สุด ก็เป็น ห้าแพร่ง ผมว่ามันท้าทายดี ทุ่มเทและเต็มที่กับมัน โกนหัวด้วย มันน่าสนใจนะบทนี้ เพราะเราไม่เคยเล่นด้วย และบทมันได้สะท้อนถึงสังคมในปัจจุบันด้วย เช่น การปาหินใส่รถ ก็รู้สึกดีที่ได้เป็นตัวแทนเล่นเรื่องนี้” ….เก้าหนุ่มพูดน้อย สะท้อนถึงบทบาทนี้ด้วยความภาคภูมิใจ
อยากเป็น "จิตแพทย์"
เก้าเล่าถึงเรื่องเรียนว่า เขาฝันอยากเป็นจิตแพทย์... "เรียนสายวิทย์ไปก่อน แต่ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยก็คิดว่าอยากเรียนออกแบบฯหรือไม่ก็เป็นจิตแพทย์ (แม่หัวเราะและเสริมว่า “ว้าว! ความรู้ใหม่นะเนี่ย”) อยากเรียนจิตแพทย์เพราะว่ามันเท่ดี การมองใครสักคนแล้วรู้ว่าคนคนนั้นเป็นคนอย่างไร ทำให้เราสามารถเข้าถึงจิตใจคนได้มากขึ้น มันเหมือนคนเหนือคน แต่ถ้านอกเหนือจากวงการ คงอยากเล่นดนตรี แต่มันก็บันเทิงอีก"
“ถ้ามีเวลาว่าง ส่วนใหญ่ก็จะเล่นกีฬา เช่น เตะฟุตบอลกับเล่นบาสฯ หรือถ้าอยู่บ้าน เก้าก็จะเล่นเกมบ้าง แต่ไม่ติดเกมนะ ดูหนังฟังเพลง เล่นกีตาร์มีกีตาร์อยู่ก็จับมาเล่น ถ้าเรื่องเข้าวัดก็มีปีละครั้ง นั่งวิปัสสนา ใส่ชุดขาวห่มขาวก็มี กินเจด้วย นี่ก็ทำให้เราจิตใจสงบดีนะ ออกมามันก็เหมือนดอกไม้ที่ถูกก้อนหินทับ เหมือนมันตายไปแล้ว แต่พอเอาก้อนหินออก ได้รับแสงแดด มันก็ผุดขึ้นมาได้ใหม่ อันนี้เรียนมาจากครู"
เล่าถึงเรื่องวิปัสสนาจนแม่ก้อยแอบแซวว่า ..."บวชไหม?" (หัวเราะ)
ชอบสาวที่รักตัวเอง-ไม่ได้เป็นเกย์
แอบถามถึงเรื่องหัวใจในวัยเด็ก เจ้าตัวบอกว่าสาวในสเปกขอแค่รักตัวเอง นิสัยดีก็น่าจะเพียงพอแล้ว ... " ตอนนี้ยังไม่มี ส่วนเรื่องสเป็ก ต้องเป็นผู้หญิงนิสัยดี เข้าใจเรา ไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบอยู่กับที่ อยากให้ผู้หญิงรักตัวเองก่อน ถ้าคนเราไม่รักตัวเองไม่ดูแลตัวเองก่อน จะมารักเราได้อย่างไร คืออยากให้เขาพิสูจน์ให้เราเห็นว่า ตอนแรกเป็นเพื่อน ผ่านไปหลายปีก็อาจจะเป็นเพื่อนที่ทำให้เราเห็นว่า เขารักตัวเอง มันจะทำให้เรารู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนน่าคบ มันสำคัญว่า รักตัวเองก่อน"
"เข้าใจนะว่า พอบอกว่า ไม่มีแฟน คำถามต่อมาก็คือ เป็นเกย์หรือเปล่า (หัวเราะ) แล้วผมก็ต้องบอกอยู่แล้วว่า เราไม่ได้เป็น แต่ใครเขาจะเชื่อใช่ไหม โหย.. ผมว่า บางทีถ้าเราไปคิดมากกับทุกเรื่องก็อยู่ไม่ได้หรอก ผมรู้ตัวเองแล้วกันว่า เราเป็นอย่างไร"
ใครว่าผมมาฆ่ามาริโอ้!?
แม้ว่าเส้นทางบันเทิงของเขาจะดูสว่างไสวในตอนนี้ บวกกับหน้าตาที่หล่อไม่เบา ทำให้เขาโดนสื่อจับตามองว่า เขาคือคนที่จะมาแทนที่ "มาริโอ้ เมาเร่อ" ดาราหนุ่มรุ่นพี่ที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้หรือไม่ แต่การโดนเปรียบเทียบครั้งนี้ เก้ากลับบอกว่าไม่รู้สึกใดๆทั้งสิ้น เพราะเชื่อว่าต่างสไตล์กัน
"รู้สึกเฉยๆ ครับ ก็เข้าใจว่ามันเป็นข่าว แต่ก็ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก ผมว่าถ้าใครจะดันเก้า เขาก็ต้องดันเราให้เป็นเราสิ จะไปดันผมให้เป็นพี่มาริโอ้ได้ยังไง พี่เขาดังมาระดับหนึ่งแล้วนะ เขาโตกว่าด้วย คงไม่มีใครแทนเขาได้หรอก พี่เขานิสัยดีนะคงมีงานไปเรื่อยๆ และเขาเป็นอีกสไตล์ ส่วนเราก็เป็นของเราแบบนี้ล่ะครับ"
จาก "แม่ก้อย" ถึง "ลูกเก้า"
ดาราคนอื่นอาจมีผู้จัดการส่วนตัว หรือมีเลขาฯรับงานให้ แต่สำหรับเก้า คนที่รับหน้าที่ดูแลทั้งชีวิตทั้งเรื่องงานและส่วนตัว คือแม่ยังสาวชื่อ "ก้อย" นั่นเอง
"ไม่ได้วาดอนาคตไว้ให้น้องเก้าหรอก เราเป็นแม่แนะได้แต่บังคับไม่ได้ สุดท้ายก็ให้เขาเลือกเอง แค่บอกว่า ถ้าเรียนอันนี้ทำอะไรบ้าง เป็นได้เหมือนครูแนะแนวให้เขา เช่น วงการบันเทิง ทำสองอย่างควบคู่กันได้ก็ให้ทำไปเพราะตอนนี้เป็นสัดส่วนที่ลงตัว".. เธอยกตัวอย่างให้น้องเก้าฟังตลอดว่า มีดาราหลายคนที่สามารถเป็นดาราและเรียนหนังสือไปด้วยได้ โดยไม่ได้รับงานบันเทิงเพียงอย่างเดียว
"วัยขนาดนี้ปีละสองเรื่องก็ถือว่าเต็มที่แล้ว สอนให้ลูกทำให้ได้คุณภาพ ไม่เอาปริมาณ เวลาเรียนก็ให้เรียนเต็มที่ ถ้าทำงานก็ให้ทำเต็มที่เหมือนกัน ส่วนเวลาเขาพัก เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำ สอนเขาให้คิดว่า เราไม่ใช่ดารา แต่มันคืออาชีพ"
เธอเล่าต่อว่า ถ้าเวลาลูกต้องทำงาน แม่จะกำหนดเวลาให้ เช่น จัดครูสอนพิเศษให้เผื่อลูกเรียนไม่ทัน โทร.ลาครูให้ ยอมลาออกจากงานมาดูลูก
"อาชีพนี้เป็นอาชีพที่คนยอมรับ ก็ยอมรับเหมือนกันว่า เก้าวางตัวดี แต่สอนเขาอีกว่า ของอย่างหนึ่งมันจะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน มันอยู่ที่เราสร้างมูลค่า ทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด ทำสองอย่างควบคู่กัน สิ่งที่แม่ทำได้ก็คือ ให้กำลังใจเก้าให้มากที่สุด”
"ถามว่าท้อไหม บางช่วงเราเห็นลูกเหนื่อย เราสามารถรู้ได้ว่าเขาเหนื่อย เราเป็นแม่ เราทำแทนไม่ได้ ลูกทำการบ้านเรายังช่วยทำได้ แต่การแสดงเนี่ย เราช่วยไม่ได้ แสดงแทนไม่ได้ กดดันที่สุดเวลาที่มันเหนื่อยมากๆ เรารู้สึกเสมอเลยว่า ลูกเก้ามีความรับผิดชอบสูงมาก” ...พูดไปพลางน้ำตาคลอเบ้า
แม่ก้อยบอกเรื่องงานของน้องเก้าว่า เขาไม่เคยเจองานสบายเลย แต่หลายๆ คนมองว่าที่ไปถ่ายทำต่างประเทศ มันสบายได้ไปเที่ยว แต่สำหรับนักแสดงเป็นอะไรที่หนักมาก... “ลูกเก้าเคยบอกว่าเหนื่อย แต่ผลที่ได้กลับมามันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้ทำไป เวลาเราทำอะไรต้องแลกด้วยบางอย่าง ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่สูญเสียอีกอย่างไป"
‘เก้า’ ที่ต้องไม่‘ก้าว’พลาด
“เราห่วงลูกทุกเรื่องนะ ก็เคยเล่าให้เขาฟังถึงประสบการณ์เรื่องเรียน กลัวว่าเขาจะตัดสินใจพลาด เพราะเราเคยเป็นเลือกเรียนพลาดมาก่อน ไม่ต้องถึงขนาดเป็นคุณหมอหรอก ถ้าจะไม่เลือกเป็นนักแสดง คุณต้องคิดก่อนว่า อีกทางที่คุณคิดนั้นจะไปได้สุดไหม ดีไหม ช่วงเวลาหนึ่ง น้องเก้าเคยคิดว่าเหนื่อยกว่าเพื่อน ในขณะที่เพื่อน เล่น ไปเที่ยว ก็อธิบายให้เขาฟังว่า ทำไมเราไม่เก็บเงินตอนนี้ พอเรียนจบจะได้ไปเที่ยว ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เขาอาจจะนั่งทำงานหาเงิน ไม่อย่างนั้นเราจะหันกลับมาเสียดายตัวเองทีหลังนะ แต่จะบอกน้องเก้าว่า ต้องไม่ทำงานจนโลภนะ แต่เรื่องเรียนบอกเขาว่า ไม่ต้องดรอป ถ้าคุณหยุดเรียน ถือว่าคุณหยุดโอกาสของคุณไป และคุณค่าของเราอาจจะหมดไป คุณค่าของเราอยู่ได้ก็เพราะตัวเรา”
ส่วนเรื่องสาวๆ ดูท่าทางแม่คนนี้ไม่หวงห้าม... "เรื่องแฟนไม่ห้ามน้องเก้า แต่ต้องควบคุมให้ได้ เชื่อได้ว่าถ้ายิ่งห้ามจะกลายเป็นยิ่งยุ ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ลูกเชื่อตัวเรา เราก็ไม่ได้เป็นแม่ที่เพอร์เฟกต์ แต่เชื่อว่าเราเป็นแม่ที่รักลูก"
“หลายคนอาจรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รัก เพราะฉะนั้นเราจะบอกน้องเก้าเสมอว่ารัก และเราจะไม่เลี้ยงลูกให้อยู่ในกรอบ แต่จะบอกสุภาษิตนี้ว่า เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด เพราะมันจะกัดผู้ใหญ่ก่อน แล้วให้เขารู้เองเห็นเอง คนที่เชื่อพ่อแม่ ไม่มีใครคนไหนไม่ประสบความสำเร็จหรอก”
แม่ก้อยยอมรับว่าการเลี้ยงลูกคือความอดทนสูงสุด... " ตั้งแต่คลอดน้องเก้ามาไม่เคยตี ก็ต้องอดทนต่อไปเพราะเขายังไม่โตเต็มที่ เป็นวัยที่ชอบลอง ต้องดูให้เขาผ่านจุดนี้ไปให้ได้ก่อน ดูผู้หญิงต้องดูให้เยอะ น้องเก้าเป็นคนที่มองคนลึก”
คำสอนที่บอกลูกเสมอคือ “อย่าลืมตัว”...“ตั้งแต่อยู่วงการนี้ก็ยังไม่เคยเห็นว่าน้องเก้าคิดว่าดังแล้วนะ สอนเขาเสมอ เมื่อก่อนสวัสดีช่างไฟตั้งแต่วันแรก ตอนนี้เขาก็ยังเป็นอย่างนั้น ลืมอะไรก็แล้วแต่ ลืมพ่อแม่ ลืมตัวเองยังไงก็ไม่เจริญ ถ้าเรายังไม่รู้ว่าเราเป็นอย่างไร ดาราก็แค่หัวโขน ถ้าเราเป็นคนไม่ดี มันก็เสื่อมที่ตัวเราเอง"
“...ยอมแพ้คนเพื่อเอาชนะกิเลส แต่อย่ายอมแพ้กิเลสเพื่อเอาชนะคน...” ...เก้า จิรายุ
ภาพโดย... อดิศร ฉาบสูงเนิน
ประวัติน้องเก้า
ชื่อ-สกุล : ด.ช.จิรายุ ละอองมณี
วันเดือนปีเกิด : 29 ตุลาคม 2538
ผลงาน : ละครโรบอทน้อยหัวใจเพชร ,เทพสามฤดู , บ้านสีขาวกับดาวดวงเดิม, ปิ่นไพร, แม่เลี้ยงคนใหม่, เทวดาเดินดิน, หลวงตา , แก้วตาพี่, เพื่อนรัก, ละครชุดสั้น “แดนพิศวง”, แกะรอยรัก, พริกไทยกับใบข้าว, สุดแต่ใจจะไขว่คว้า, แม่ค้าขนมหวาน , หุบเขากินคน, ผีขี้เหงา, ภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รับบท พระราชมนู หรือทิ้ง (วัยเด็ก) , 5แพร่ง , รักแห่งสยาม(โต้ง วัยเด็ก)
ผลงานละครเรื่องต่อไปของน้องเก้า : ผีเสื้อและดอกไม้ ที่จะเริ่ม 18 มกราคมนี้