xs
xsm
sm
md
lg

“ของจิ๋ว” สมบัติบ้า...นีน่า กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


งานนี้ M-Living ขอสู้ตาย ! กับการมาเปิดบ้านพร้อมกรุสมบัติบ้าของพิธีกรมากความสามารถ รวยรอยยิ้ม “กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์” หรือ “นีน่า” เธอที่ทำให้ทุกๆ เช้าของผู้ชมหลายๆ คนยิ้มกันอย่างมีความสุขเมื่อได้มาพบเจอกับเธอบนหน้าจอโทรทัศน์

1

เสียงทักทายหลังจากงานพิธีกรช่วงเช้าของเธอเสร็จสิ้นน้ำเสียง และอากัปกิริยายังคงสดใสเช่นเคย จากนั้นนีน่าเองก็รีบมานั่งพูดคุยกับเรา ด้วยการที่เธอเริ่มเล่าให้เราฟังว่า อยู่ในซอยอินทามระ 44 แถวนี้และก็รั้วเดิมๆ มาตั้งแต่เกิด เพียงแค่เปลี่ยนบ้านจากบ้านไม้หลังเดิมในพื้นที่เดียวกัน มาอยู่อีกหลังหนึ่งเท่านั้น

“ตอนนั้นอยู่บ้านเก่าที่เป็นบ้านไม้ที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้บ้านหลังนั้นก็ยังอยู่นะ แค่เอาออกไปครึ่งหนึ่ง แล้วก็ย้ายมาอยู่หลังนี้ ที่สร้างขึ้นข้างๆ กัน ตอนอยู่บ้านไม้หลังนั้นจะสนุกมากเลย เพราะเป็นคนไม่ค่อยพูด เงียบๆ ให้อยู่ตรงไหนก็จะอยู่ตรงนั้นแหละ มีอยู่ครั้งนึงที่จัดปาร์ตี้กันที่บ้านหลังนี้ ด้วยความที่เราเองก็ไม่พูด จัดปาร์ตี้นอกบ้าน ตอนนั้นฝนก็เริ่มตั้งเคล้ามาแล้ว ทุกคนก็ช่วยกันเก็บของเข้าบ้าน สักพักแม่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองลืมอะไร สรุปแล้วแม่ลืมเราไว้นอกบ้าน เงียบจนคนที่บ้านลืมกันเลย”

“นอกจากจะเงียบแล้วเวลากินข้าวก็ไม่ขยับไปไหนจนคนในบ้านเรียกชื่อเล่นกันว่า “งูเหลือม” เป็นคนไม่ค่อยชอบกินข้าวนะ พี่เลี้ยงเอาข้าวใส่ปากก็จะอมไว้ จนพี่เขาต้องสั่งให้เราเคี้ยวอ่ะ ถึงจะขยับที เหมือนตอนแม่จะเตรียมตัวให้ไปสอบเข้าโรงเรียนอนุบาล เอาลูกมานั่งเทรน ชื่อ พ่อ-แม่ เบอร์โทรศัพท์ บ้านเลขที่เท่าไหร่ ให้แม่พูดไปเหอะ เหมือนเอาก้อนหินมาวาง เอาน้ำรดตอ แม่พูดให้ฟังทุกวัน พอตอนไปสอบก็สามารถทำได้ แม่ไปถามคุณครูบอกว่าพูดรึป่าว ก็ตอบได้ทุกคำถามเลย”

ถึงใครจะบอกว่านีน่าเป็นคนนิ่งๆ แต่เมื่อถึงเวลาต้องพูดเธอก็ต้องพูด “เห็นนิ่งๆ ข้างนอกดูเหมือนไม่สนใจใครอย่างนี้ แต่สนใจสิ่งรอบข้างนะค่ะ เพียงแต่เราไม่พูดเท่านั้นเอง พี่น้องชอบล้อว่าเราเป็นก้อนหิน จะพูดตอนที่แม่ออกไปข้างนอกมากกว่า เพราะติดแม่จะงอแง ร้องงอแง แม่ไปด้วยตลอด อย่าให้แม่ได้เล่าเชียวค่ะว่าเห็นเรียบร้อยอย่างนี้พอได้พูดก็ทำอึ้งไปเลย ”

“เคยมีครั้งหนึ่งได้เล่นกับพี่สาว ซ้อนท้ายจักรยานแล้วนิ้วโป้งเท้าไปติดโซ่ หนังลอกออกมาเลย เลือดไหลไม่หยุด แม่พาไปหาหมอ พอได้รู้สึกเจ็บเท่านั้นแหละค่ แม่บอกว่าไม่รู้ว่าเธอสรรหาคำอะไรออกมา ผู้ใหญ่ยังอึ้งกันเลย (หัวเราะ)”

2

จากเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยพูด มาจนปัจจุบันเธอก็ยังคงบุคลิกแบบเดิมเช่นเคย มักจะพูดเมื่อถึงเวลาที่ต้องพูดเท่านั้น และเริ่มทำงานมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยการทำงานพาร์ทไทม์สอนเต้นบ้าง รับงานแสดงบนเวทีบ้าง เรื่อยมา จนมาวันนี้เวลาว่างและพักผ่อนของนีน่าเองก็มีไม่มากเท่าใดนัก

“ปีนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่นะค่ะ งานก็เยอะ แต่ก็ต้องแบ่งเวลามาพักผ่อนบ้างเหมือนกัน คนเราถ้ามันจะทำอะไรไปตามใจคิด คือก็ต้องแบ่งเวลาว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง แต่ถ้าว่างปุ๊บนีน่าเองก็จะมาที่บ้านก่อนหลังนี้ก่อนเลย มานั่งกินข้าวกับพ่อแม่ โผล่หน้าแวะมาคุยกับท่านทุกวัน หลังๆมานี้แต่งงานแล้วการเดินทางระหว่างที่

อพาร์ทเม้นท์กับที่บ้านก็จะบ่อยขึ้น ไม่รู้ว่าเราติดเขาหรือว่าเขาติดเรามากกว่ากัน”
นีน่าบอกว่า ถ้ามาถึงบ้านเมื่อไหร่ ห้องสุดโปรดของเธอจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือถ้าเป็นชั้นล่างจะเป็นห้องทานข้าวส่วนชั้นบนจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน

“ห้องทานข้าวจะเป็นห้องที่บันเทิงเริงรมย์สำหรับนีน่ามาก แต่ตอนที่ยังไม่แต่งงานห้องบันเทิงของเราจะเป็นห้องนอนพ่อกับแม่ไปนั่งดูละคร หาเวลาอยู่กับท่าน แต่พอตอนนี้ห้องทานข้าวจะบันเทิงมาก ถึงพ่อกับแม่จะลุกออกจาโต๊ะทานข้านไปแล้ว นีน่าก็จะหาความสำราญอยู่ในห้องนั้นต่อ เพราะแรงดึงดูดของห้องนี้คืออาหารและทีวี

ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องน้ำ อยู่ได้เป็นชั่วโมงเลย เพื่อนๆ โทรมาทีไรจะชอบบอกว่า อยู่ห้องน้ำอีกแล้ว ก็นีน่าว่างเป็นไม่ได้ มันรู้สึกว่าแคบๆ แล้วเป็นส่วนตัวดี ดูเป็นห้องของเรา ชอบไปนั่งอ่านหนังสือในห้องน้ำ ในห้องน้ำจะมีกองหนังสือวางเป็นตั้งเอาไว้เลย ออกจากห้องน้ำมาก็จะดูทีวี ถ้าจะอ่านหนังสือล่ะก็ ไปห้องน้ำเลยค่ะ บางทีก็นั่งเฉยๆ เอาจริงเอาจังกับการอ่านหนังสือในห้องน้ำมาก มีความสุขที่สุด”

3

เริ่มอดใจไม่ไหว... อยากลองชมบ้านของเธอมากขึ้นทุกทีเสียแล้ว นีน่าจึงพาเราเดินชมบรรยากาศในบ้านที่เธอบอกกับเราว่า ชอบสะสมของจิ๋วเป็นที่สุด ในตู้โชว์จะเต็มไปด้วยของจิ๋ว ทั้งโฟโต้อัลบั้มก็ยังเป็นของจิ๋ว ยางลบจิ๋ว เฟอร์นิเจอร์จิ๋ว ที่วางเรียงรายอวดความสวยงามอยู่ในตู้โชว์หลังใหญ่

“นีน่าเป็นคนชอบของจิ๋ว ตราบใดที่เรามีความโหยหามีความรัก ไม่ว่าจะไปเจอที่ตลาดหลังบ้าน หรือบนห้าง ตามร้านข้างทาง นีน่าเองซื้อหมดค่ะ บางอย่างก็เอามาจากเครื่องประดับที่เราสามารถนำมาประดิษฐ์ได้ อย่างตอนไปญี่ปุ่นไปเจอของจิ๋วที่มันแถมขนม เราชอบก็ซื้อขนมมาครบชุดเพื่อเอาของจิ๋ว”

“นอกจากของจิ๋วแล้วยังสะสมตุ๊กตาที่มีเรื่องราวอยู่ในตัว บางชุดเริ่มเก็บมาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี ก็เก็บมาเกือบ 20 ปีแล้ว สั่งมาตามแค็ตตาล็อกสมัยเรียนอยู่ที่
อเมริกา ชุดนางฟ้าตัวขาว กับนางฟ้าตัวดำ ตุ๊กตาแม่ลูกดก ตุ๊กตารัสเซีย เปิดออกมาจะมีลูกออกมาตัวเล็กๆ เต็มไปหมด ”

เธอบอกว่าสิ่งเหล่านี้คือ “สมบัติบ้า” ของเธอ แต่การใช้เงินไปกับสิ่งเหล่านี้คือความสุข เมื่อไหร่ที่รู้สึกเครียด เพียงแค่ได้มายืนจ้องมันก็สามารถทำให้เธอยิ้มได้แล้ว

“มันคือความสุขที่เราสร้างได้ ของบางอย่างเจอแล้วก็มาประดิษฐ์เองบ้าง ได้มาจากของฟรีบนเครื่องเวลาเราบินไปต่างประเทศบ้าง ความสุขของนีน่าไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงๆมาเพื่อสะสม ก็มีความสุขที่ได้ทำแล้ว ล่าสุดอยากโชว์มากแต่อยู่อีกหลังหนึ่ง เพิ่งได้มา เป็นชุดของจิ๋วอาหารจีน เป็ดย่างจิ๋ว ก๋วยเตี๋ยวจิ๋ว ”

4

ถึงเธอจะแต่งงานแล้ว บ้านหลังใหม่ก็ยังคงหนีไม่พ้นรั้วเดียวกันกับที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่ยังเด็ก บ้านหลังนี้เกิดจากการตัดสินใจร่วมกันกับสามี

“บ้านหลังใหม่กว่าจะออกมาในแบบที่ชอบ แทบจะทะเลาะกันเลย บ้านหลังที่อยู่กับพ่อแม่ไม่ได้มีส่วนในการตกแต่งมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพี่สาวกับคุณแม่มากกว่า นีน่าเองจะมีสิทธิ์ตกแต่งแค่ห้องนอนตัวเอง ผ้าม่านในห้องนอนก็สั่งตัดเองส่วนใหญ่ชอบแนวบ้านแบบประยุกต์จากความชอบของตัวเองมากกว่า”

“พอเริ่มสร้างบ้านหลังใหม่ของตัวเอง ก็ตกลงกับสามีว่าเอาแบบยุโรปโบราณ แต่ก็ไม่ได้ยุโรปอะไรมากมายหรอกนะ เอาแค่กลิ่นอายมา จะเป็นบ้านที่หน้าต่างมีช่องๆ หลังคามีปล่องไฟแล้วก็มีหน้าต่างอยู่ในหลังคา รายละเอียดมุมเสาแบบลดหลั่นกันไปเป็นยุโรปประยุกต์ ฝรั่งโบราณผสมความทันสมัย ไม่ได้หรูหราอะไรมาก”

สุดท้ายคำว่าบ้านสำหรับพิธีกรมากความสามารถ และมากด้วยรอยยิ้มนั้นบอกว่า บ้านของเธอก็คือสมาชิกทุกคนในครอบครัว ทุกครั้งที่ได้มาอยู่กับครอบครัวก็ทำให้เธอมีความสุขได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

“เมื่อก่อนก็ถามตัวเองอยู่เรื่อยๆนะว่าทำไมเราชอบกลับบ้าน คงเพราะเราชอบกินอาหารที่บ้านล่ะมั้ง ไม่เคยขาดแคลน ชอบบ้าน ผู้คนในบ้าน อยู่ที่ไหนก็คิดถึงบ้าน สรุปแล้วบ้านก็คือสมาชิกในบ้านแล้วก็อาหารของแม่เนี่ยแหละเป็นพลังดึงดูดให้ลูกๆ กลับมาบ้าน ”

*************************
ภาพโดย ธัชกร กิจไชยภณ








กำลังโหลดความคิดเห็น