การปีนผาอาจเป็นเรื่องหวาดเสียวที่คนมักมองว่าน่ากลัว อันตราย แต่กีฬาปีนผาจำลองนั้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่น้อยที่คุณจะใช้เวลาช่วงวันหยุดด้วย และไม่ต้องไปไหนไกลเพราะมีสถานที่ปีนเขากลางกรุงในซอยสุขุมวิท 49 ชื่อ The Rock @ 49 มาท้าพิสูจน์ความใจกล้าของคุณ...
คุณชาติชาย เกษมศุขหรือคุณอ้น จากบริษัท ไคลมิ่งแฟคตอรี จำกัด หนึ่งในหุ้นส่วนผู้ดูแล ซอยกลางแร็คเก็ตคลับ ในส่วนของโซนหน้าผาจำลองสูงถึง 13 เมตรหรือ The Rock @ 49 ผู้เล่นกีฬาปีนหน้าผาจำลองนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ได้ให้ความรู้เรื่องการปีนผาจำลองว่า
การปีนผาเริ่มมีกระแสมาตั้งแต่ช่วงยุค 1980 ที่ชาวต่างชาตินำกีฬาปีนผาเชิงสันทนาการเข้ามาใน จ.กระบี่ โดยเริ่มแรกเป็นการแนะนำหรือสอนชาวบ้านเรื่องกีฬาปีนผานี้ โดยปีนกับหน้าผาจริงๆ จึงเกิดเป็นกระแสกีฬาในกลุ่มคนขึ้น รวมไปถึงคนไทยที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ได้รู้จักและคุ้นเคยกับกีฬานี้มาก่อนแล้ว เมื่อกลับมาก็อยากจะสานต่อความชื่นชอบกีฬาปีนผานี้
“ความจริงการปีนเขามีอยู่ทุกประเทศ อย่างคนไทยอาจคุ้นเคยกับการปีนขึ้นที่สูงเพื่อเก็บรังนก ทำงาน หรือด้วยความเชื่อที่ขึ้นภูเขาแล้วไปปักธงที่ยอด แต่เรื่องระบบความปลอดภัยหรือความรู้ ทักษะในการปีนยังไม่เป็นสากลเท่าใดนัก อาจเกิดอันตรายบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นการที่กีฬานี้เข้ามาก็เป็นการเผยแพร่เรื่องระบบความปลอดภัยด้วย”
ส่วนกระแสหน้าผาจำลองเกิดจากกีฬาปีนผานั้นเป็นกีฬากลางแจ้ง ซึ่งในแต่ละประเทศในบางช่วงเวลาหรือฤดูกาลอาจไม่เหมาะกับการปีนผานัก เช่น ฝนตก หิมะตก จึงเกิดการคิดค้นหน้าผาจำลองขึ้นเพื่อให้สามารถเล่นในช่วงฤดูที่ไม่เหมาะสมได้ รวมทั้งเป็นการฟิตร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เตรียมพร้อมสำหรับฤดูที่เหมาะแก่การปีนผาต่อไป โดยการฝึกในร่มหรือในยิมนั้นจะเป็นการฝึกท่าหรือเทคนิคการปีนที่สามารถนำไปพลิกแพลงใช้ในการปีนผาจริง
ต่อมาการปีนผาจำลองนั้นกลายเป็นกีฬาการแข่งขัน โดยจัดอยู่ในหมวดของกีฬา X-stream หรือกีฬาผาดโผน ส่วนในเมืองไทยเริ่มเล่นกีฬาปีนหน้าผาจำลองนี้มาราว 10 ปีแล้ว แต่กลุ่มคนเล่นยังน้อยมาก ทำให้กิจการปีนผาจำลองปิดตัวลงไปเยอะ และกลายเป็นสถานที่หายากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ
“กระแสปีนผาจำลองในไทยยังคงนิ่ง คือกราฟเท่าเดิมตลอด ส่วนหนึ่งเพราะคนส่วนใหญ่มองว่ากีฬานี้เป็นกีฬาที่อันตราย ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะมีระบบความปลอดภัยรองรับอยู่แล้ว สำหรับหน้าใหม่ที่เข้ามาเล่นตรงนี้ ปีหนึ่งนับคนได้เลย แต่คนที่จบนอกกลับมาก็จะคุ้นเคยและเล่นต่อเพราะเมืองนอกจะบรรจุกีฬาปีนผาจำลองในหลักสูตรวิชาพละอยู่แล้ว”
รู้ลิมิตปีนสนุก
หน้าผาจำลองมีการแบ่งเกรดระดับความยากง่ายเหมือนกัน แต่ไม่มีระดับที่เป็นมาตรฐานแน่นอน ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละประเทศ แต่ปัจจุบันทั่วโลกจะใช้เกณฑ์ของประเทศฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก โดยระดับพื้นฐานจะเริ่มต้นที่ระดับ 6 ซึ่งในระดับเดียวกันจะแบ่งออกเป็นเกรด A, B, C
ในการแบ่งแต่ละเกรดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสูงหรือความชัน แต่จะเป็นระดับความยากที่ต้องใช้เทคนิคของแต่ละคน หรือในส่วนของอุปกรณ์ยึดจับที่ติดอยู่กับผาจำลองมีขนาดเล็กลงหรือห่างกันมากขึ้นเมื่อระดับความยากสูงขึ้น หรืออาจมีมุมที่จะต้องกระโดดไปเกาะอีกจุดหนึ่งก็มี
“เกรดความยากเหล่านี้คนปีนจะเป็นผู้กำหนดด้วยความรู้สึกเองว่าระดับที่ปีนไปนั้นยากง่ายแค่ไหนเพราะแต่ละคนก็มีความสามารถ สรีระต่างกันไป”
ในไทยจะแบ่งการเล่นออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ Sport Climbing คือการใช้เชือกในการไต่ระดับขึ้นที่สูง หรืออีกแบบหนึ่งคือ Bouldering เป็นการปีนแบบไม่มีเชือกแต่อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก หากตกลงมาก็มีเบาะรองรับด้านล่าง
การปีนผาจำลองเป็นกีฬาที่ต้องเล่นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเท่านั้น เพราะในขณะที่คนหนึ่งปีนอีกคนหนึ่งจะต้องอยู่ด้านล่างเพื่อล็อกเชือกกันไม่ให้คนที่ปีนตกลงมาหรือสามารถหยุดพักชั่วคราวได้หากหมดแรง
อุปกรณ์พื้นฐานที่จะต้องมีคือ รองเท้าผ้าใบพื้นยางดิบ เหมาะแก่การปีนผาโดยเฉพาะ พื้นยางดิบจะเพิ่มแรงหนืดในการยึดหรือจิกตัวยึดบนผาจำลองได้ดี ต้องมีถุงชอล์ก(Chalk Bag) แล้วก็ต้องมีสายรัดสะโพก(Harness) เพียงอุปกรณ์พื้นฐาน 3 อย่างนี้ก็สามารถปีนผาได้แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรมีเชือกดึงตัวไว้เพื่อความปลอดภัย
สำหรับเชือกและอุปกรณ์ตะขอเกี่ยว ตัวล็อกทั้งหมดต้องได้มาตรฐานสำหรับการปีนเขาจากองค์กรรับรองมาตรฐาน UIAA (International Mountaineering and Climbing Federation, partner of International Olympic Committee) ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถรับแรงกระชากได้ไม่ต่ำกว่า 22 กิโลนิวตันตามแรงดึงดูดของโลก
โดย The Rock @ 49 จะมีอุปกรณ์พื้นฐาน รวมทั้งตัวตะขอขันล็อก(Karabiner) เชือกพร้อมตะขอล็อกสองด้านสำหรับเกี่ยวอุปกรณ์พกพา(Quickdraws) และตัวล็อกเชือกสำหรับคนที่ยึดหลักด้านล่าง(Belay device) ที่ได้มาตรฐานทุกชิ้นไว้พร้อมบริการ
ใช้กำลังบริหารสมอง
กีฬาปีนผาจำลองให้อะไรกับคนเล่นมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะได้เรื่องพละกำลัง ความแข็งแรงของร่างกายแล้ว ยังเป็นกีฬาที่ใช้ความคิดค่อนข้างมาก ในการวางแผนว่าหากต้องการปีนไปยังจุดนั้นจะต้องก้าวหรือปีนไปในทิศทางใด ด้วยเทคนิคไหน เป็นเสมือนการวางหมากการเดินอย่างเป็นระบบ
“ส่วนใหญ่หากเป็นการปีนหน้าผาจริงจะมีแผนที่ให้ว่าเส้นทางนี้อยู่ในเกรดระดับความยากเท่าใด ส่วนหน้าผาจำลองก็มีติดบอกไว้บ้างว่าควรปีนไปทางไหน แต่บางทีมองด้วยสายตาก็มองออกว่าทางไหนที่เราปีนได้ แต่ด้วยหลักแล้วคือเท้าควรเหยียบจุดที่มือเคยจับมาก่อน”
สำหรับใครที่อยากริลองท้าทายแรงดึงดูด แต่เพิ่งเริ่มปีนผาจำลองครั้งแรก คุณอ้นบอกว่าที่ The Rock @ 49 แห่งนี้จะเริ่มต้นด้วยการปล่อยให้ลองปีนเองก่อน เพื่อดูว่าสไตล์การปีนโดยธรรมชาติของแต่ละคนเป็นอย่างไร แล้วจึงแนะนำวิธีการปีนที่ถูกต้อง
“วิธีการปีนผาที่ถูกต้องคือการใช้เท้ามากกว่ามือ เพราะแขนทั้งสองข้างเราไม่อาจรับน้ำหนักตัวได้ทั้งหมด จึงต้องจัดท่าทางให้น้ำหนักทิ้งลงบนเท้าทั้งสองข้างให้ได้ แล้วใช้มือในการประคองเท่านั้น”
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างแรกก่อนปีนผาจำลองก็เหมือนกีฬาทั่วไปคือต้องมีการอบอุ่นร่างกาย ยืดเส้นยืดสายให้พร้อมเสียก่อน รวมทั้งความพร้อมทางใจที่ต้องนิ่ง เพราะเคยมีคนที่ปีนขึ้นไปแล้วเกิดอาการตื่นเต้นจนลืมหายใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติก็จะเหนื่อยเร็ว
กีฬานี้จะไม่มีการแบ่งระดับผู้เล่นแต่อย่างใด ใครก็สามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึง 50-60 ปีก็ยังเล่นได้โดยยิมนี้จะแบ่งชั้นลอยผนังเรียบสำหรับระดับผู้เล่นใหม่(Beginner) ส่วนของหน้าผาที่เหมือนจริงนั้นสำหรับผู้ที่ค่อนข้างมีประสบการณ์การปีนมาแล้ว และส่วนด้านล่างเป็นการปีนแบบ Bouldering คือไม่สูงมากนักเพื่อฝึกฝนเทคนิค
คุณอ้นบอกว่า The Rock @ 49 มีสตาฟฟ์ที่เตรียมพร้อมฝึกให้ผู้เล่นทุกคนอยู่ด้วยกัน 3 คนแต่สตาฟฟ์ทุกคนสามารถแนะนำลูกค้าได้ ดังนั้นถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ก็สามารถดูแลได้ทั่วถึงแน่นอน โดยเมื่อเสียค่าบริการเข้ามาแล้ว ทางยิมจะเตรียมความพร้อมให้ทั้งสตาฟฟ์ครูฝึกและอุปกรณ์ให้คุณพร้อมปีนผาจำลองสูงถึง 13 เมตรนี้ได้อย่างสบายๆ
“การปีนคือสัญชาตญาณของทุกคนอยู่แล้ว การเล่นกีฬาประเภทนี้เป็นการพัฒนาความกล้า การตัดสินใจ การวางแผน และการพิชิตความกลัว ขีดจำกัดของตัวเองที่คิดว่าทำไม่ได้ก็จะเกิดความภูมิใจในตัวของเราเอง”
ภาพโดย...อดิศร ฉาบสูงเนิน
สถานที่ตั้ง
ซอยกลางแร็คเก็ตคลับ, The Rock @ 49
8 อมร 3 สุขุมวิท 49/9 กรุงเทพฯ 10110
โทร. 0-2714-7200
หน้าผาจำลอง เปิดให้บริการในวันธรรมดาเวลา 13.00-22.00 น.
และเปิดให้บริการในวันหยุดเวลา 10.00-22.00 น.
คุณชาติชาย เกษมศุขหรือคุณอ้น จากบริษัท ไคลมิ่งแฟคตอรี จำกัด หนึ่งในหุ้นส่วนผู้ดูแล ซอยกลางแร็คเก็ตคลับ ในส่วนของโซนหน้าผาจำลองสูงถึง 13 เมตรหรือ The Rock @ 49 ผู้เล่นกีฬาปีนหน้าผาจำลองนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ได้ให้ความรู้เรื่องการปีนผาจำลองว่า
การปีนผาเริ่มมีกระแสมาตั้งแต่ช่วงยุค 1980 ที่ชาวต่างชาตินำกีฬาปีนผาเชิงสันทนาการเข้ามาใน จ.กระบี่ โดยเริ่มแรกเป็นการแนะนำหรือสอนชาวบ้านเรื่องกีฬาปีนผานี้ โดยปีนกับหน้าผาจริงๆ จึงเกิดเป็นกระแสกีฬาในกลุ่มคนขึ้น รวมไปถึงคนไทยที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ได้รู้จักและคุ้นเคยกับกีฬานี้มาก่อนแล้ว เมื่อกลับมาก็อยากจะสานต่อความชื่นชอบกีฬาปีนผานี้
“ความจริงการปีนเขามีอยู่ทุกประเทศ อย่างคนไทยอาจคุ้นเคยกับการปีนขึ้นที่สูงเพื่อเก็บรังนก ทำงาน หรือด้วยความเชื่อที่ขึ้นภูเขาแล้วไปปักธงที่ยอด แต่เรื่องระบบความปลอดภัยหรือความรู้ ทักษะในการปีนยังไม่เป็นสากลเท่าใดนัก อาจเกิดอันตรายบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นการที่กีฬานี้เข้ามาก็เป็นการเผยแพร่เรื่องระบบความปลอดภัยด้วย”
ส่วนกระแสหน้าผาจำลองเกิดจากกีฬาปีนผานั้นเป็นกีฬากลางแจ้ง ซึ่งในแต่ละประเทศในบางช่วงเวลาหรือฤดูกาลอาจไม่เหมาะกับการปีนผานัก เช่น ฝนตก หิมะตก จึงเกิดการคิดค้นหน้าผาจำลองขึ้นเพื่อให้สามารถเล่นในช่วงฤดูที่ไม่เหมาะสมได้ รวมทั้งเป็นการฟิตร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เตรียมพร้อมสำหรับฤดูที่เหมาะแก่การปีนผาต่อไป โดยการฝึกในร่มหรือในยิมนั้นจะเป็นการฝึกท่าหรือเทคนิคการปีนที่สามารถนำไปพลิกแพลงใช้ในการปีนผาจริง
ต่อมาการปีนผาจำลองนั้นกลายเป็นกีฬาการแข่งขัน โดยจัดอยู่ในหมวดของกีฬา X-stream หรือกีฬาผาดโผน ส่วนในเมืองไทยเริ่มเล่นกีฬาปีนหน้าผาจำลองนี้มาราว 10 ปีแล้ว แต่กลุ่มคนเล่นยังน้อยมาก ทำให้กิจการปีนผาจำลองปิดตัวลงไปเยอะ และกลายเป็นสถานที่หายากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ
“กระแสปีนผาจำลองในไทยยังคงนิ่ง คือกราฟเท่าเดิมตลอด ส่วนหนึ่งเพราะคนส่วนใหญ่มองว่ากีฬานี้เป็นกีฬาที่อันตราย ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะมีระบบความปลอดภัยรองรับอยู่แล้ว สำหรับหน้าใหม่ที่เข้ามาเล่นตรงนี้ ปีหนึ่งนับคนได้เลย แต่คนที่จบนอกกลับมาก็จะคุ้นเคยและเล่นต่อเพราะเมืองนอกจะบรรจุกีฬาปีนผาจำลองในหลักสูตรวิชาพละอยู่แล้ว”
รู้ลิมิตปีนสนุก
หน้าผาจำลองมีการแบ่งเกรดระดับความยากง่ายเหมือนกัน แต่ไม่มีระดับที่เป็นมาตรฐานแน่นอน ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละประเทศ แต่ปัจจุบันทั่วโลกจะใช้เกณฑ์ของประเทศฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก โดยระดับพื้นฐานจะเริ่มต้นที่ระดับ 6 ซึ่งในระดับเดียวกันจะแบ่งออกเป็นเกรด A, B, C
ในการแบ่งแต่ละเกรดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสูงหรือความชัน แต่จะเป็นระดับความยากที่ต้องใช้เทคนิคของแต่ละคน หรือในส่วนของอุปกรณ์ยึดจับที่ติดอยู่กับผาจำลองมีขนาดเล็กลงหรือห่างกันมากขึ้นเมื่อระดับความยากสูงขึ้น หรืออาจมีมุมที่จะต้องกระโดดไปเกาะอีกจุดหนึ่งก็มี
“เกรดความยากเหล่านี้คนปีนจะเป็นผู้กำหนดด้วยความรู้สึกเองว่าระดับที่ปีนไปนั้นยากง่ายแค่ไหนเพราะแต่ละคนก็มีความสามารถ สรีระต่างกันไป”
ในไทยจะแบ่งการเล่นออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ Sport Climbing คือการใช้เชือกในการไต่ระดับขึ้นที่สูง หรืออีกแบบหนึ่งคือ Bouldering เป็นการปีนแบบไม่มีเชือกแต่อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก หากตกลงมาก็มีเบาะรองรับด้านล่าง
การปีนผาจำลองเป็นกีฬาที่ต้องเล่นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเท่านั้น เพราะในขณะที่คนหนึ่งปีนอีกคนหนึ่งจะต้องอยู่ด้านล่างเพื่อล็อกเชือกกันไม่ให้คนที่ปีนตกลงมาหรือสามารถหยุดพักชั่วคราวได้หากหมดแรง
อุปกรณ์พื้นฐานที่จะต้องมีคือ รองเท้าผ้าใบพื้นยางดิบ เหมาะแก่การปีนผาโดยเฉพาะ พื้นยางดิบจะเพิ่มแรงหนืดในการยึดหรือจิกตัวยึดบนผาจำลองได้ดี ต้องมีถุงชอล์ก(Chalk Bag) แล้วก็ต้องมีสายรัดสะโพก(Harness) เพียงอุปกรณ์พื้นฐาน 3 อย่างนี้ก็สามารถปีนผาได้แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรมีเชือกดึงตัวไว้เพื่อความปลอดภัย
สำหรับเชือกและอุปกรณ์ตะขอเกี่ยว ตัวล็อกทั้งหมดต้องได้มาตรฐานสำหรับการปีนเขาจากองค์กรรับรองมาตรฐาน UIAA (International Mountaineering and Climbing Federation, partner of International Olympic Committee) ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถรับแรงกระชากได้ไม่ต่ำกว่า 22 กิโลนิวตันตามแรงดึงดูดของโลก
โดย The Rock @ 49 จะมีอุปกรณ์พื้นฐาน รวมทั้งตัวตะขอขันล็อก(Karabiner) เชือกพร้อมตะขอล็อกสองด้านสำหรับเกี่ยวอุปกรณ์พกพา(Quickdraws) และตัวล็อกเชือกสำหรับคนที่ยึดหลักด้านล่าง(Belay device) ที่ได้มาตรฐานทุกชิ้นไว้พร้อมบริการ
ใช้กำลังบริหารสมอง
กีฬาปีนผาจำลองให้อะไรกับคนเล่นมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะได้เรื่องพละกำลัง ความแข็งแรงของร่างกายแล้ว ยังเป็นกีฬาที่ใช้ความคิดค่อนข้างมาก ในการวางแผนว่าหากต้องการปีนไปยังจุดนั้นจะต้องก้าวหรือปีนไปในทิศทางใด ด้วยเทคนิคไหน เป็นเสมือนการวางหมากการเดินอย่างเป็นระบบ
“ส่วนใหญ่หากเป็นการปีนหน้าผาจริงจะมีแผนที่ให้ว่าเส้นทางนี้อยู่ในเกรดระดับความยากเท่าใด ส่วนหน้าผาจำลองก็มีติดบอกไว้บ้างว่าควรปีนไปทางไหน แต่บางทีมองด้วยสายตาก็มองออกว่าทางไหนที่เราปีนได้ แต่ด้วยหลักแล้วคือเท้าควรเหยียบจุดที่มือเคยจับมาก่อน”
สำหรับใครที่อยากริลองท้าทายแรงดึงดูด แต่เพิ่งเริ่มปีนผาจำลองครั้งแรก คุณอ้นบอกว่าที่ The Rock @ 49 แห่งนี้จะเริ่มต้นด้วยการปล่อยให้ลองปีนเองก่อน เพื่อดูว่าสไตล์การปีนโดยธรรมชาติของแต่ละคนเป็นอย่างไร แล้วจึงแนะนำวิธีการปีนที่ถูกต้อง
“วิธีการปีนผาที่ถูกต้องคือการใช้เท้ามากกว่ามือ เพราะแขนทั้งสองข้างเราไม่อาจรับน้ำหนักตัวได้ทั้งหมด จึงต้องจัดท่าทางให้น้ำหนักทิ้งลงบนเท้าทั้งสองข้างให้ได้ แล้วใช้มือในการประคองเท่านั้น”
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างแรกก่อนปีนผาจำลองก็เหมือนกีฬาทั่วไปคือต้องมีการอบอุ่นร่างกาย ยืดเส้นยืดสายให้พร้อมเสียก่อน รวมทั้งความพร้อมทางใจที่ต้องนิ่ง เพราะเคยมีคนที่ปีนขึ้นไปแล้วเกิดอาการตื่นเต้นจนลืมหายใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติก็จะเหนื่อยเร็ว
กีฬานี้จะไม่มีการแบ่งระดับผู้เล่นแต่อย่างใด ใครก็สามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึง 50-60 ปีก็ยังเล่นได้โดยยิมนี้จะแบ่งชั้นลอยผนังเรียบสำหรับระดับผู้เล่นใหม่(Beginner) ส่วนของหน้าผาที่เหมือนจริงนั้นสำหรับผู้ที่ค่อนข้างมีประสบการณ์การปีนมาแล้ว และส่วนด้านล่างเป็นการปีนแบบ Bouldering คือไม่สูงมากนักเพื่อฝึกฝนเทคนิค
คุณอ้นบอกว่า The Rock @ 49 มีสตาฟฟ์ที่เตรียมพร้อมฝึกให้ผู้เล่นทุกคนอยู่ด้วยกัน 3 คนแต่สตาฟฟ์ทุกคนสามารถแนะนำลูกค้าได้ ดังนั้นถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ก็สามารถดูแลได้ทั่วถึงแน่นอน โดยเมื่อเสียค่าบริการเข้ามาแล้ว ทางยิมจะเตรียมความพร้อมให้ทั้งสตาฟฟ์ครูฝึกและอุปกรณ์ให้คุณพร้อมปีนผาจำลองสูงถึง 13 เมตรนี้ได้อย่างสบายๆ
“การปีนคือสัญชาตญาณของทุกคนอยู่แล้ว การเล่นกีฬาประเภทนี้เป็นการพัฒนาความกล้า การตัดสินใจ การวางแผน และการพิชิตความกลัว ขีดจำกัดของตัวเองที่คิดว่าทำไม่ได้ก็จะเกิดความภูมิใจในตัวของเราเอง”
ภาพโดย...อดิศร ฉาบสูงเนิน
สถานที่ตั้ง
ซอยกลางแร็คเก็ตคลับ, The Rock @ 49
8 อมร 3 สุขุมวิท 49/9 กรุงเทพฯ 10110
โทร. 0-2714-7200
หน้าผาจำลอง เปิดให้บริการในวันธรรมดาเวลา 13.00-22.00 น.
และเปิดให้บริการในวันหยุดเวลา 10.00-22.00 น.
