เติบโตในวงการดีเจมากว่า 15 ปีแล้วสำหรับดีเจ “วินัย สุขแสวง” ไม่ต้องมีข่าวฉาวกับใครก็ดังได้ ถ้าหากเรียกอย่างนั้นก็คงไม่ผิดนัก แต่ทันทีที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป จากดีเจหนุ่ม กลายเป็นดีเจสาว “เจ๊แหม่ม” เข้าสิงห์ วลียอดฮิต อย่าง “อย่าได้แคร์” อีกทั้งศัพท์ต่างๆนานา ที่ต้องบอกว่า เวลา 6 โมงเช้า ของคนไม่อยากตื่นที่กรีนเวฟ (FM 106 .5) ถ้าได้ตื่นมาฟังเจ๊แหม่มแล้วละก็ หูตาสว่างขึ้นมาเลยทีเดียว เรื่องราวความน่าสนใจไม่เพียงเท่านั้น M-Open มีโอกาสได้พุดคุยกับเธอในฐานะดีเจผู้ไม่พึ่งหน้าตาตามยุคสมัย แต่ “อะไร” คือเสน่ห์ที่ทำให้ดีเจคนนี้คือขวัญใจคนหลายๆวัย
“อีวินัย สุขแสวง มันตายไปแล้ว มันขโมยของออฟฟิศ โดนเขาไล่ออกไปแล้ว” … ดีเจหน่อง หรือวินัย สุขแสวง ชื่อเดิม เอ่ยถึงตัวเอง พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง เล่าให้ฟังว่าขณะนี้ดีเจหน่อง ได้กลายร่าง เป็นดีเจเจ๊แหม่มเรียบร้อยแล้ว
Single 1กำเนิดดีเจ แม้น แมน
“เป็นดีเจมาทั้งหมด แบบไม่แอ๊บเลยนะ จำไม่ได้ รู้ว่าสิบปีขึ้นแน่ๆแต่ว่า มันเหมือนว่าเราฝังหัวไว้ว่าเราเป็นคนไม่ค่อยจำ เวลาเราทำงานเราก็คิดอย่างเดียวว่าเราไม่ค่อยจำ ดูดีมั้ย.. (ยิ้ม) มันฝังหัวเราตั้งแต่แรกๆเลยว่าเราชอบ ตลอดระยะเวลาจริงๆ เราว่าประมาณ 15 ปี นานอยู่นะ รายละเอียดเราจำไม่ได้จริงๆ เปรี้ยวมั้ย” ...ดีเจเจ๊แหม่มเล่าถึงบรรยากาศ15 ปีที่แล้วด้วยการเป็นดีเจชายแมนๆคนหนึ่ง
“ตั้งแต่วันแรกที่จำความได้มาก็เขาจับอ่านข่าวเลยมาวันแรกน่ะ อ่านนี่อ่านนั่น อีนี่ก็เปรี้ยว ยกมือบอกเขาว่าฉันไม่อยากมาอ่านข่าวนะ ฉันมาเป็นดีเจ (หัวเราะ) ยังจำได้อยู่เลย แล้วก็คือตอนนั้นเราก็ไฟแรงน่ะ เรามาสมัครอ่านข่าว เรามาเป็นดีเจนี่ มันก็อยู่ในห้องเดียวกันนั่นแหละ เราก็ไฟแรงไง ฝันของเราคืออยากเป็นดีเจ และเราต้องเป็นดีเจให้ได้ ตอนนั้นผู้บริหารก็ให้เราได้มีโอกาส ทำเทปมาซิ อีนี่ก็มั่นใจสไบเฉียงมาก ทำเลย ทำไม่กี่ม้วนก็ได้มาทำที่นี่เลย จังหวะนั้นมีดีเจคนหนึ่งเขาติดไปเรียนต่อ ก็เลยเข้าไปเสียบ ก็แบบว่าหงายเงิบกันไปเลย ตายแล้วทำไมกูได้เร็วขนาดนี้วะ (หัวเราะ) โชคดีว่าระหว่างเรียนเราได้จัดรายการมาตลอด วันๆไม่ได้ทำอะไร ข้าวก็ไม่กินไปนั่งขลุกอยู่ในห้องจัด มาที่นี่ที่แรกเลย ยังไม่ได้เปลี่ยนงานเลย ตอนนั้นสไมล์เรดิโอ เขาก็บูม ก่อนที่เอไทม์จะขึ้นมา แต่ไม่ไปจ้า มาที่นี่ เออลองมาดูในโอกาสที่ได้ ตอนนั้นบริษัทใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ ได้ที่นี่ก็ไม่เคยเปลี่ยนอีกเลย รุ่นเดียวกันก็มีพี่ไก่ พี่อ้อย ไอ้โจ้ มันรุ่นน้อง มันไปแล้วโจ้ (อัครพล)”
Single 2โรคจิต..ชอบเป็นมิตรกับดีเจ
แน่นอนว่าในวันแรกของการจัดรายการ ดีเจแต่ละคนก็มักเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน แต่สำหรับดีเจเจ๊แหม่ม เธอก็เจออะไรที่ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน นั่นคือ หนุ่มโรคจิตนั่นเอง
“วันแรกเลย (หัวเราะ) เอาเลยซิ ปล่อยของเลย ผู้บริหารเขาก็สั่งไว้ให้คอนเซนเทรดกับรายการ อย่าเพิ่งไปรับโทรศัพท์โน่นนี่นั่น ไอ้เราก็แบบว่าไม่ได้ซิ ฉันเลิศ ไกด์ไลน์สคริปต์ จบเพลงเราจะพูดอันนี้ แหกกฎไปรับโทรศัพท์ ก็มีคนมาช่วยทดสอบไหวพริบปฏิภาณ เจอคนโรคจิตเลยจ้า เด็กผู้ชายด้วยนะจ๊ะ ตอนนั้นยังไม่เป็นเจ๊ไง (หัวเราะ) ยังแบบแอ๊บอะไรกันไป สวัสดีครับ ว่างหรือเปล่าครับ เราก็เอ๊ะ อะไรวะว่างหรือเปล่าครับ เราก็บอกว่าไม่ว่างนะครับกำลังรับโทรศัพท์อยู่ เขาก็บอกถ้าว่างมาหาผมหน่อยนะครับ เอ้า เราก็ทำเนียนๆไป เขาก็บอกว่ามาเจอกันซิ เราก็ถามเขาว่าไปทำอะไร เขาบอกมาล้างตูดให้หน่อย คำว่าล้างตูดคงหมายถึงล้างตู้เย็นหรือเปล่า ในยุคนี้ (หัวเราะ) หงายเลยทีเดียว เจอแค่นั้นสั่นเลยจ้ะ เราไม่เคยเจอ สมัยก่อนมาจัดจะได้ยินว่าว่ามีคนฟังโรคจิตอะไรต่างๆแบบนี้ แต่ไม่เคยเจอ เราก็ปรับตัวตามสภาพ สภาพจิตใจของใครป่วยมา เราก็ต้องเข้าใจว่า เขาป่วยมาเราก็ต้องป่วยกลับ ช่วยเขาบ้างอะไรบ้าง”
Single 3 ฉันก็เป็นแค่เจ๊คนหนึ่ง
ทันทีที่เป็นตัวของตัวเอง จากดีเจแมนๆ เสียงทุ้ม นุ่มลึก กลายเป็น “เจ๊” ที่ชื่อฝรั่ง ทำให้ใครต่อใครติดใจในความเป็น “เจ๊แหม่ม” นอกจากผู้ฟังจะเป็นสุขเวลาฟังเธอแล้ว คนที่สุขไม่แพ้กันก็คือตัว “เจ๊แหม่ม” เอง
“ซึ่งจริงๆไม่ได้อะไรมากนะในตอนแรก คุยกันขำๆในช่วงของข่าว มีการแจมกันของข่าว เสร็จแล้วเราคุยกันพวกผู้ประกาศข่าว คุยกันไปคุยกันมา ตอนนั้นรู้สึกมีข่าวเรื่องกระทรวงวัฒนธรรม ออกมาติงว่าทำไมเด็กไทยสมัยนี้ตั้งชื่อเป็นฝรั่งกันไปหมด ชื่อไทยมันหายไปหมด อะไรแบบนี้ องุ่น ละมุด พุทรา มันจะเป็นแบบบลูเบอรี แอปเปิล เราก็เล่นมุก กระทรวงวัฒนธรรมมาติงฉันไม่ได้นะ ฉันชิงเปลี่ยนมานานแล้ว ผู้ประกาศข่าวเขาเลยถามว่า! เนี่ย เมื่อก่อนชื่อฝรั่งเหรอไม่เคยรู้มาก่อน ถามชื่อไรเราก็บอกชื่อแหม่ม แล้วทำเสียงแมนๆด้วย เราเล่นมุกไปขำๆ ผู้ชายแมนๆชื่อแมน พอได้ชื่อแหม่ม เราก็อ๋อ แหม่ม คนฟังก็เริ่มตอบรับ ดีเจบ้าอะไรชื่อแหม่ม หนวดเคราเฟิ้ม จากนั้นก็กลายพันธุ์ แก่นแก้วก็แสดงความเป็นตัวตนชัดเจนขึ้น ไม่เฟค ไม่แอบ คิดอะไรก็พูดตรงๆ สื่อสารไปตรงๆ ไม่มีอะไรต้องเสีย ชีวิตก็อย่าได้แคร์อยู่แล้ว โลกก็เปลี่ยนไปแล้ว เป็นเจ๊แหม่มแล้วกัน แอบคิดเหมือนกัน ว่าน่าจะเป็นเจ๊แหม่มมาตั้งนานแล้ว (หัวเราะ)
Single 4 ศัพท์มีวินัยสไตล์ “เจ๊แหม่ม”
ด้วยการบัญญัติศัพท์ ไม่ได้ตามราชบัณฑิตยสถาน แต่เจ๊แหม่มบอกว่า เธอใช้ศัพท์ต่างๆเหล่านี้ กับบรรดาเพื่อนฝูงผู้ฟัง ไม่ได้มีไว้ใส่ร้ายใคร และเพื่อความสนุกสนานจนเป็นเจ้าแม่บัญญัติศัพท์ และ “อย่าได้แคร์” หากการพูดจาด้วยศัพท์ใหม่ใช้ในแนวทางที่ดี เธอก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“คือเราก็ไม่ใช่พวกต้องไปนั่งหาคำใหม่ที่ไหน เราก็แบบเอาภาษาที่เราคุยกันในหมู่เพื่อนๆ จริงๆไม่ใช่แค่เพื่อนเก้งกวาง ชะนีนี่นี้เป็นพยานมาคุยกัน เราสื่อสารได้โดยที่ไม่หยาบคาย ก็เราว่ามันไม่แปลก ในชีวิตประจำวันเราก็พูดกันแบบนี้ เราก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาด่าใคร ดูถูกใคร พูดกันขำๆ เราก็เอามาพูด เหมือนเราใกล้กันมากขึ้น คือปัจจุบันคนฟังวิทยุ กับคนจัดรายการมันห่างกันมากแล้ว เราควรใช้ภาษาที่มันใกล้เคียงกันมากขึ้น แต่ทำอย่างไรก็ได้ทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งของคนที่เราฟังอยู่ เพราะฉะนั้นเราใช้ภาษาที่กันเองที่สุด มันก็จะทำให้ทุกอย่างมันใกล้ขึ้น”
Single 5 ดัง...ตอนแก่
เจ้าตัวอาจไม่พอใจนัก ถ้าจะบอกว่าเธอดังตอนแก่ หรือมีชื่อเสียงเอาตอนอายุใกล้วัย 40 กะรัต ดีเจเจ๊แหม่มบอกว่า ค่าของคนไม่ได้อยุ่ที่ชื่อเสียง แต่อยู่ที่ความตั้งใจในการทำงานมากกว่า
“คือเราน่ะไม่รู้หรอกว่าเราดังหรือเปล่า เพราะว่าเวลาเราทำงานเนี่ย เจ้านายก็สอนตั้งแต่แรกแล้วว่าเวลาทำงานเนี่ยขอให้ตั้งใจทำงาน แล้วสิ่งที่มันตามมา ไม่ว่าจะความมีชื่อเสียง งาน เงินมันจะมาตามความตั้งใจของเราเอง ตอนที่เข้ามายังไม่ใช่ยุคของเจ๊แหม่มเนี่ย เราก็ตั้งใจทำงาน ถามว่าเรามีชื่อเสี่ยงมั้ย ในระดับที่พอจะรู้จักสำหรับคนที่ฟังวิทยุจริงๆ แต่เราก็ไม่รู้ว่า ตัวเราอยู่ตรงไหน เราไม่สามารถบอกตัวเราได้ว่าเราอยู่ตรงไหน แต่พอมาถึงวันนี้ เรายืนยังเหมือนเดิมมันกลายเป็นสิ่งที่เราคิดอยู่เสมอว่า ทุกวันเวลาเราเข้ามาทำงานเราทำให้ดีที่สุด สิ่งรอบข้างจะตามมาเอง”
Single 6 ดีเจอื่นขายหนังหน้า แต่ดีเจเจ๊แหม่มขายเสน่ห์!
สภาวะปัจจุบันดีเจรุ่นน้องมีใบหน้าละอ่อน หล่อ เก๋ สวย แต่สำหรับเจ๊แหม่ม เธอหาได้ยอมแพ้ไม่ โดยบอกว่าบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่ดีเจหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องให้ดูดีและมีสไตล์เป็นของตัวเอง
“ว้าย ดีเจเจ๊แหม่มต้องมีเรื่องหน้าตาด้วยจ้า สวยจ้า (หัวเราะ) คำถามนี้ไม่ได้ ไม่แฮปปี้ เราต้องมีบ้าง ดูแลบุคลิกภาพ แต่เราไม่ได้เกิดมาหน้าตาดีเป็นแบบมาริโอ้ โดม อย่างน้อยถ้าเราไม่ได้เป็นโดม ไม่ได้เป็นมาริโอ้ เราก็เป็นสายป่านก็ได้ (หัวเราะ) สายสะดือ อะไรก็ว่าไปก็โอเคนะ มันมีวิธีตั้งเยอะที่ทำให้เราดูดีขึ้น อย่างไม่ว่าจะแต่งตัว ศัลยกรรม โลกมันเปลี่ยนแล้ว เรื่องหน้าตาทุกวันนี้เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ได้แปลว่าถ้าคุณหน้าไม่ดี คุณบุคลิกภาพไม่ดี คุณจะเป็นดีเจไม่ได้ คนที่ไม่ได้หล่อ ไม่ได้สวย ก็เป็นดีเจได้ การดูแลตัวเองเป็นเรื่องที่ดี บวกกับความสามารถ แต่ความสามารถจะมาด้วยโอกาสด้วยเวลา คุณมีความสามารถ แต่โอกาสยังมาไม่ถึง ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้แปลว่าหมดโอกาส บางคนอาจจะยังไม่ได้เป็นดีเจ แต่ใกล้เคียงกับดารา ไปเป็นพิธีกรก่อนก็ได้ สิ่งสำคัญมากเลยคือความเป็นธรรมชาติของตัวเรา เทคเแคร์เอาใจใส่ผู้ฟังเต็มที่ คุณจะอยู่ในวงการได้สบายจริงๆ มงกุฎด่วน ไข่มุกต์ลำบากใจแน่ๆ งานนี้ (หัวเราะ)”
Single 7 หลังไมค์วันไร้ “เธอ”
ว่ากันว่า ดีเจทั้งหลายต้องเก็บกดความรู้สึกไว้ในใจ ไม่มีสิทธิ์ปล่อยหน้าไมค์ให้ใครได้ยิน และเมื่อวันที่คนรู้ใจของเจ๊แหม่ม จากไป หัวใจที่สุดเศร้า หน้าไมค์วันที่ไร้เธอก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดี
“ความรักแฮปปี้ดี หลังจากสามีตาย (หัวเราะ) หลังจากเป็นม่าย ความรักก็ได้บทเรียนในชีวิตอะไรที่ดีมาก แฟนเราเสีย คบกันมา 10 กว่าปี แล้วเสียไปด้วยโรคมะเร็ง ก็รู้สึกว่าตอนที่เสียก็ปรับตัวไม่ทัน ระหว่างเสียก็มาทำงานปกติ โชคดีว่า เราคิดอะไรดีๆไว้เยอะ เพราะฉะนั้นมีเรื่องทุกข์ใจ มันผ่อนที่หนักมากๆ ให้กลายเป็นเบา ทุกคนก็ยังถามว่า มาทำงานได้อย่างไร ฉันรู้สึกไม่อยากขาดงาน ในเมื่อแฟนเสียไปแล้วทำอย่างไรได้ล่ะ ต้องอยู่ให้ได้ ต่อให้ข้างในมันช้ำแค่ไหนก็ตาม ไม่ใช่ว่าแฟนฉันเสียแล้วฉันทำงานไม่ได้ หน้าที่เราคือการให้ความสุขคน เพราะฉะนั้นจงลืมและตัดออกให้ได้ ระหว่างเปิดปิดไมค์อยู่ หลังไมค์เราค่อยร้องไห้ แต่เปิดไมค์ต้องกลายเป็นอีกคนหนึ่งทันที ก็คิดจะมีใหม่ แต่ก็ยังไม่เอา เพราะยังสนุกกับงาน มีคนฟังวิ่งมาถ่ายรูป มีความสุขกับการได้มาคุยกับเขา มีความสุขมากกว่า ถ้าวันหนึ่งมันจะมีก็ไม่ได้ปิดอะไรเราก็ไม่ว่าอะไรเราก็แฮปปี้ เราเติบใหญ่แล้ว วันหนึ่งเราก็อยากมีผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิต เวิร์ดดิ้งนี้เหมือนเจ้านาย (ฉอด สายทิพย์ พูดถึงเอส วรฤทธิ์) ฉันพูดว่ะ (หัวเราะ) ฉันก็ได้อะไรมาจากเจ้านายบ้าง คนที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเราก็คือคนที่อยู่รอบข้างเรานั่นแหละ มันไม่ได้มีใครเป็นพิเศษหรอก”
“เราก็ได้อะไรดีๆ จากเจ้านายเราเยอะมาก พี่ฉอดสอนเยอะมาก โดนคอมเมนต์สองหน้ากระดาษ ยังเก็บเอาไว้อยู่เลย ไม่ต้องพยายามเป็นในสิ่งที่เราไม่ใช่ แต่เป็นในสิ่งที่ตัวเองเป็น คนฟังจะเข้าใจเอง หนูก็เป็นเพื่อพี่แล้ว (หัวเราะ)”
พอถามถึงเส้นทางดีเจต่อจากนี้ของเธอ เจ๊แหม่มบอกว่าจะทำไปจนกว่าจะไม่มีความสุขที่จะทำ ไม่ว่าคนฟังกี่คน ความตั้งใจในการทำงานก็ไม่เคยลดลงแม้แต่น้อย .."จริงๆก็ทำไปจนกว่าจะมีอารมณ์แล้วไม่อยากทำ แต่วันนั้น ยังไม่มี ไม่รู้ว่าวันไหน ยังบอกไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ก็จะมีความสุขกับการเป็นดีเจต่อไป คงเหมือนทาทา ที่ทาทาเขาคงจะมีความสุขต่อไป ร้องเพลงต่อให้วันนี้ทาทาดัง หรือไม่ดัง เจ๊แหม่มดังหรือจะไม่ดัง ก็จะเป็นมาดอนน่าเหมือนทาทา (หัวเราะ) ต่อให้วันนี้มีคนฟังเราแค่ร้อยคน เราก็จะทำให้คนร้อยคนมีความสุข หรือมีคนฟังแสนคนเราก็จะทำให้คนฟังเราแสนคนมีความสุข”
...
“อย่าได้แคร์ คำนี้เราก็ได้มาเอง ช่างมันรถติดช่างมัน ก็ติดอยู่นอก รถอย่ามาเข้ารถกูนะ เปิดแอร์เย็นๆ สบายๆ ไม่เก็บมาใส่รถ คิดแบบนี้ คนแน่นขึ้นรถไฟฟ้า ทำไงได้ล่ะ ทุกคนรีบเหมือนกันหมด ทุกคนก็มีธุระ มีความคิดว่าอยากกลับบ้าน ดันมากลับเอาช่วง 5-6 โมงเย็น ทำไงได้ ถ้าไม่อยากเจอคนเยอะกลับ 4 ทุ่มซิ มันมีวิธีคิด จะไปหงุดหงิดเพื่อ? เราต้องคิดแบบนี้ ”
ตัวอย่างศัพท์สไตล์ “เจ๊แหม่ม” (New words New entry)
อย่าได้แคร์** คาดว่าน่าจะ หมายถึง อย่าใส่ใจเรื่องที่ทำให้ทุกข์
เปรี้ยว ** ไม่ใช่กลิ่นตัว แต่หมายถึงอาการที่ไม่มีความหวาน
มั่นใจสไบเฉียง**มั่นใจแบบสวยๆ
หงายเงิบ**อาการงงมากๆ
โน่นนี่นั่น** อะไรหลายๆอย่าง
ล้างตู้เย็น** เรต เด็ก 13 ควรให้ผู้ปกครองแนะนำ
ชะนีนี่นี้** สตรี
เสียงเงือกๆ** เสียงง่วงนอน หรือไม่มีอารมณ์ในการพูด
สะบัดบ๊อบ**เชิดใส่แบบสวยๆ
ประวัติดีเจเจ๊แหม่ม
ชื่อ-สกุล วินัย สุขแสวง (หน่อง)
ชื่อเล่น เจ๊แหม่ม
วัน/เดือน/ปีเกิด 23 พ.ค. 2513
ประวัติการศึกษา
ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
รางวัลที่เคยได้รับ
Brand Ambassador ปปง. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ประวัติการทำงาน ดีเจคลื่น กรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม ช่วงจัดรายการ วันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 06.00 – 10.00 น. วันเสาร์ 15.00-17.00 น.
ของสะสม model/ เครื่องเล่นเกม/ Gadget ต่างๆ สะสมตุ๊กตาบลายธ์
ภาพโดย วรงค์กรณ์ ดินไทย