xs
xsm
sm
md
lg

นักมวยค้ายา ก้าวที่ ‘พลาด’ ของนักสู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตร.จับอดีตแชมป์โลกหลงทาง “ศิริมงคล” ขายยาไอซ์ที่พัทยา แม้ไม่ใช่ข่าวลีด พาดหัวตัวเท่าบ้าน ของหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน ฉบับวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ข่าวของ อดีตแชมป์โลกชาวไทย โอ๋-ศิริมงคล สิงห์วังชา หรือชื่อจริง ศิริมงคล เอี่ยมท้วม ค้ายาไอซ์ ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการหมัดมวยเมืองไทยและก่อความฉงนให้สังคมได้ไม่น้อย ถึงสาเหตุที่ทำให้นักมวยเงินล้าน หันไปหารายได้เสริมโดยการรับจ้างขนยาไอซ์ 28.4 กรัม แลกกับค่าเหนื่อย 1 หมื่นบาท!!!

ย้อนกลับไป 1-2 ปีที่ผ่านมา ข่าวคราวของนักมวยค้ายาเสพติดปรากฏในสื่ออยู่เนืองนิจ หากลองไล่เลียงดูจะพบที่เป็นข่าวโด่งดัง ได้แก่ วันที่ 4 กรกฎาคม 2543 ศิริพร ทวีสุข หรือ ‘แซมซั่น ส.สิริพร’ ถูกจับข้อหาค้ายาบ้า 2 พันเม็ด

20 กรกฎาคม 2550 ตำรวจจับกุม มนัส ประจักษ์จิตร อดีตนักมวยชื่อดังที่ผันตัวเองไปเป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้ารายใหญ่ พร้อมยาบ้าถึง 2.3 หมื่นเม็ด และยาไอซ์ 570 กรัม

3 กรกฎาคม 2551 ธงชัย ปักษ์ใต้ หรือ ธงชัย ต.ศิลาชัย’ นักมวยไทยชื่อดังที่สั่งสมชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น ควบตำแหน่งแชมป์ในหลายรุ่น เป็นนักชกประจำในรายการศึกวันทรงชัยจนเลื่อนขั้นเป็นนักมวยคู่บารมีของโปรโมเตอร์นามกระฉ่อน ทรงชัย รัตนสุบรรณ อดีตแชมป์ทั้งเวทีราชดำเนินและลุมพินี รวมทั้งแชมป์สภามวยไทยโลก แต่ก็ไม่แคล้วถูกจับพร้อมยาบ้า 85 เม็ด

10 สิงหาคม 2551 ตำรวจจับกุม ยศศลักษณ์ หรือ ต่าย ก้อนแก้ว หรือชื่อในวงการที่แฟนหมัดมวยคุ้นหู ‘สภาเพชร เกียรติเพชรน้อย’ พร้อมยาไอซ์บรรจุซองพลาสติกใส 6 ซอง น้ำหนัก 30 กรัม ซึ่งมีมูลค่าเกือบแสนบาท

20 สิงหาคม 2551 อัศวิน ไตรลักษณ์ หรือ ‘ก้องธรณีเล็ก ศิษย์ยอดธง’ นักชกค่ายครูมวยชื่อก้องโลก ถูกตำรวจซิวตัวเพราะพบยาบ้า 300 เม็ดซุกซ่อนในรถยนต์กระบะที่เขาขับมา

10 มิถุนายน 2552 ตำรวจบุกเข้ารวมตัว มงคล หรือ วิรุฬ ผลพิมาย อดีตแชมป์มวยไทยและมวยสากลชื่อดัง ‘สกัด พรทวี’ ซึ่งเคยมีประวัติเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในท้องที่ สน.ลุมพินี เมื่อปี 2545 ข้อหาเป็นธุระจัดหาให้มีการค้า ประเวณี และลักลอบจำหน่ายยาเสพติด (ยาเลิฟ) และยังเคยถูกเจ้าหน้าที่ สน.สุทธิสาร จับกุมยาเค และยาเลิฟ เมื่อปี 2547

2 สิงหาคม 2552 วิชาญ ดำเกาะ หรือฉายา ‘ขุนชาญ ศิลาน้อย’ นักมวยชื่อดังขวัญใจชาวใต้ ถูกจับพร้อมยาบ้า 6,040 เม็ด มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาทเศษ

10 สิงหาคม 2552 ตำรวจจับ ด.ต.เสกสรร ปัญญาน๊ะ ผบ.หมู่งานสืบสวน ศสส.ภ.5 อดีตนักมวยฉายา ‘สไปซ์ ส.เสกสรร’ ซึ่งผ่านสังเวียนมาเพียบ ในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติดให้กับกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาในพื้นที่ตำบลช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่

เส้นทางยาของนักมวย

ยอดธง เสนานันท์ หรือ ครูตุ้ย ครูมวยชื่อดังเจ้าของค่ายมวย ‘ศิษย์ยอดธง พยัคฆ์อรุณ’ สะท้อนปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในค่ายมวยว่ามีมานานมากแล้ว โดยขบวนการค้ายาจะเริ่มต้นด้วยการชักชวนนักมวยให้ลองเสพยาก่อน เมื่อนักมวยติด หากไม่มีเงินซื้อยา ขั้นต่อไปจะชักชวนให้เข้าสู่กระบวนการขายหรือเป็นผู้ค้าในที่สุด

“นักมวยก็เป็นคนธรรมดา พอมีชื่อเสียงขึ้นมา เมื่อถูกตำรวจจับเรื่องยาเสพติดจึงเป็นข่าวดังกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง คนในขบวนการยาเสพติดจะรู้วิธีหลอกให้นักมวยตายใจ พอเริ่มติดยา เงินหมดก็ต้องไปขายยา นักมวยบางคนถูกชักชวน หรือบางคนเป็นเพราะนิสัยส่วนตัว คิดเพียงว่าต่อยมวยไม่รวย ไปขายยาเสพติดดีกว่าไม่ต้องเหนื่อย”

เมื่อใดที่ครูตุ้ย รู้สึกเหนื่อยล้าหรือท้อแท้กับปัญหายาเสพติดในค่ายมวยก็จะแต่งกลอนเพื่อเตือนใจนักมวยในค่าย เนื้อหากลอนมีอยู่ว่า

“เสพยาบ้าเสียชื่อลือไปไกล หยุดเสพได้น่านับถือชื่อไม่เสีย เป็นคนดีของบ้านเมืองไม่อ่อนเพลีย ลืมมันเสียบ้านมีสุขทุกคืนวัน”

ครูตุ้ยเล่าว่าทุกครั้งที่มีข่าวนักมวยถูกจับกุมในข้อหาที่เกี่ยวกับยาเสพติด เขาจะรู้สึกสงสาร แต่แค่เฉพาะนักมวยที่อายุน้อยเท่านั้น เพราะนักมวยที่อายุมากแล้ว เขามองว่า เป็นผู้ที่รู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี ด้วยตัวเองแล้ว

ต่อประเด็นดังกล่าว บัญชา อ่อนดี นักข่าวและนักเขียนที่เป็นคอมวยตัวยง มองว่า ชีวิตนักมวยส่วนมากมักต้องเข้าสู่วงการฯ ตั้งแต่วัยเด็ก อาจไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้เล่น ไม่ได้เที่ยวอย่างเด็กทั่วไป อาชีพนักมวยทำให้ใช้ชีวิตอย่างตามใจไม่ได้ จะกินอาหารตามใจปากอย่างที่คนอื่นกินก็ไม่ได้ เพราะต้องดูแลน้ำหนัก

ฉะนั้น เวลานักมวยมีเงินเยอะก็อยากใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยใช้ และเมื่อเริ่มต้นอาชีพนักมวย มาอยู่กับต้นสังกัดแล้ว ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นผู้ชาย อาจจะพลัดหลงไปตามวิสัยผู้ชายบ้าง

“ศิริมงคลไม่ใช่นักมวยธรรมดา เขาเป็นแชมป์โลก ซึ่งกว่าจะได้ตำแหน่งนี้มา นับว่ายากเย็นแสนเข็ญ แล้วเขาเป็นแชมป์ถึง 2 ครั้งด้วย และทุกวันนี้ เขาก็ยังชกอุ่นเครื่องอยู่ ไม่แน่ว่าในอนาคต เขาอาจจะเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 3 ด้วยซ้ำไป เป็นไปได้ว่า สาเหตุที่เขาหลงมัวเมายาเสพติด เนื่องจากโอกาสของเขาที่มีมากกว่าคนอื่น เพราะเขาเป็นนายแบบด้วย มีโอกาสได้พบกับนางแบบดารา พบกับโลกอีกโลกหนึ่งซึ่งต่างจากโลกของนักมวย โอกาสที่เขาจะไขว้เขวอาจมีมากกว่านักมวยคนอื่น”

นอกจากนั้น บัญชากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ศิริมงคลรับสารภาพเองด้วยว่า ค้ายาครั้งหนึ่งได้ 10,000 บาท ตอนเป็นแชมป์โลก อย่างน้อยๆ ชกครั้งหนึ่งต้องได้เงินล้านขึ้นไป 2 ยิ่งไปต่อยต่างประเทศด้วย เขาไปต่อยที่ญี่ปุ่นตั้งหลายครั้ง ต่อยป้องกันแชมป์โลกอีก อุ่นเครื่องอีก อย่างน้อยๆ ในช่วง 2-3 เดือนที่ขึ้นชก ต้องมีเงิน 2-3 ล้านบาท แต่นั่นหมายความว่าถ้าเขาได้รับค่าเหนื่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ แต่ทำไมเขาถึงยอมทำเรื่องแบบนี้ ยอมค้ายาเพื่อแลกกับค่าจ้างแค่ครั้งละหมื่นบาท?

“เราก็มองได้ว่า ศิริมงคล อาจใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเอง ผิดพลาดเอง หลังจากที่เขาได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรมแล้ว หรือมองอีกมุมหนึ่ง เป็นไปได้ไหมว่า เมื่อวีรบุรุษคนหนึ่ง ไปสู้ศึกผจญภัยจนได้รับเหรียญกล้าหาญ แล้วเขาไม่ได้รับในสิ่งที่ควรจะได้ มันก็เลยทำให้เขาต้องยอมทำในสิ่งที่ช็อกสังคมไทย”

พร้อมกันนั้น ได้ตั้งข้อสังเกตที่ทำให้นักมวยหันไปค้ายาว่าอาจเกิดจาก การได้รับส่วนแบ่งในการขึ้นชกที่ไม่เป็นธรรม ที่แม้พระราชบัญญัติมวยจะกำหนดไว้ว่าค่ายมวยกับนักมวยได้คนละ 50-50% แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ในวงการมวยทุกยุคทุกสมัยก็คือ ผู้จัดการหรือโปรโมเตอร์จะรวย แต่นักมวยจน!

หยุดนักมวยค้ายา

สำหรับหนทางป้องกันและแก้ไขปัญหานักมวยค้ายา ครูตุ้ยและบัญชาได้เสนอแนะแนวทางต่างกันไป

ครูตุ้ยเสนอว่าหากมีการจับกุมนักมวยค้ายาแล้ว ไม่ควรปล่อยออกมา

“ตราบใดที่รัฐยังไม่แก้กฎหมายใหม่ จับตัวแล้วปล่อย เขาก็ออกมาขายอีก เป็นผู้เสพ แล้วก็มาขาย เอาเงินมาประกันตัวได้ ออกไปแล้วไม่มีอาชีพก็ไปขายใหม่ เพราะฉะนั้นจับแล้วไม่ควรปล่อยออกมา เพราะออกมาแล้วก็กลับไปขายอีก”
พร้อมฝากถึงนักมวยที่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด หรือคิดจะข้องแวะว่า คนที่ติดขอให้เลิก ขอให้ละ ส่วนคนที่ยังไม่เสพก็อย่าหลงเข้าไปเสพ ส่วนคนที่เลิกได้แล้วก็อย่าคิดกลับไปอีก อย่าไปเป็นหนึ่งในขบวนการชั่วร้าย มันไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายสักนิด


“ครูต่อต้านทุกอย่างเกี่ยวกับยาเสพติด ถ้าใครจะให้ช่วยเหลือเรื่องนี้เราไม่ช่วยเด็ดขาด แต่ตอนนี้ครูต่อต้านไม่ไหวแล้ว ขบวนการมันใหญ่มหาศาลเลย ฝากให้รัฐดำเนินการเอาจริงกับยาเสพติดให้มากกว่านี้ ใครที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้าเห็นประโยชน์กับประเทศชาติให้เลิกเถอะ มันมีมานานแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนค้าตัวใหญ่ก็รวยกันไป แต่รับรองว่าเกิดมาชาติหน้าไม่ได้เกิดมาเป็นคนหรอก”เสียงสะท้อนของครูมวยที่ทำให้นักสู้บนสังเวียนหลายคน ‘สะอึก’

ส่วนบัญชาซึ่งเชื่อว่า มูลเหตุที่ทำให้นักมวยค้ายาเกิดจากการได้รับส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม กล่าวว่า เมื่อทุกวันนี้มีพ.ร.บ. มวยแล้ว หากนักมวยรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถไปร้องเรียนได้ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ แม้จะเป็นคนตัวเล็กๆ ที่ถูกรังแก แล้วตำรวจไม่สนใจไยดี หรือกว่าจะเดินเรื่อง ก็ใช้เวลาเนิ่นนานก็ตาม แต่ถึงอย่างไร คนที่ถูกรังแกควรลุกขึ้นมาสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของตนเอง หากเป็นเช่นนั้น บัญชาเชื่อว่า ในอนาคตข้างหน้า พ.ร.บ. มวย จะแข็งแรงขึ้น

“นักมวยควรได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ได้รับในสิ่งที่ควรได้ และจะเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่ทำให้วงการมวยพัฒนา และทำให้นักมวยไม่ต้องแหกค่ายไปต่อยตามเวทีล้อมผ้าที่ต่างจังหวัด และเป็นความจริงที่ว่า ทุกวันนี้ยังมีนักมวยหลายๆ คน เมื่ออยู่บนเวทีเป็นพระเอก แต่พอลงมาจากเวทีต้องเป็นกรรมกร ไปรับจ้างหาเลี้ยงครอบครัว แต่นั่นก็ยังดีกว่าไปค้ายาผิดกฎหมาย”

สำหรับเราแล้ว นักมวยที่หลงเดินทางผิด แล้วคิดอยากกลับตัว สังคมพร้อมให้อภัยและมอบโอกาสให้ แต่หากยังทำผิดซ้ำๆ ตัดหางปล่อยวัด น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด

------------------------

วิถีนักมวยใฝ่ดี

ศุภชัย แสนพงษ์ หรือ ‘แสนชัย ส.คิงสตาร์’ นักมวยที่แฟนหมัดมวยชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักเป็นอย่างดี เขาได้รับรางวัลนักมวยยอดเยี่ยมจากหลายสถาบันกีฬา เช่น นักมวยไทยขวัญใจมหาชนยอดเยี่ยม ประจำปี 2551 ของชมรมผู้สื่อข่าวกีฬามวย

ตอนนี้แสนชัยลดบทบาทในสังเวียนลงแล้วหันไปฟิตแข้งซ้อมฟุตบอล เพื่อเข้าสังกัดสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่นักมวยที่เกี่ยวข้องกับยาบ้าเป็นนักมวยวัยโจ๋ เนื่องจากความคึกคะนองตามวัยที่อยากรู้อยากลองไปเสียหมดทุกเรื่อง จึงอาจลักลอบเสพยาบ้า

ข่าวนักมวยค้ายาส่งผลต่อภาพลักษณ์วงการกีฬามวยโดยรวมอย่างเลี่ยงไม่ได้

“กลัวคนภายนอกมองว่าเราเกี่ยวข้องกับยาบ้าเหมือนกัน แต่ของอย่างนี้จะไปห้ามความคิดกันไม่ได้อยู่แล้ว ผมจึงแสดงและปฏิบัติตัวในทางที่ดีเพื่อให้เขาเห็นน่าจะดีกว่า”แสนชัยกล่าว

เขามองว่านักมวยส่วนใหญ่เป็นคนประเภท ‘หาเงินง่าย ใช้เงินเร็ว’ เมื่อมีชื่อเสียงและเงินทองไหลมาเทมา จึงไม่แปลกที่บางคนจะหลงระเริง ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย กิน-ดื่ม-เที่ยวตามอำเภอใจ จนทรัพย์สินหมดไปอย่างรวดเร็ว

“ตอนได้เงินได้ทองเยอะถือเป็นช่วงที่น่ากลัวสำหรับนักมวยเลยครับ ใครติดเพื่อนก็จะยิ่งแย่ ชวนไปไหนไปหมดนี่ก็ไม่ไหว โชคดีที่ผมผ่านช่วงนั้นมาได้”

พร้อมแนะนำว่า สิ่งสำคัญของนักมวยในการวางตัวเพื่อไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง อยู่ที่การประพฤติตัวให้คนอื่นเห็นถึงแนวทางการใช้ชีวิต

“ซ้อมมวยเสร็จ เพื่อนมาชวนเที่ยว ผมก็ไม่ไป บอกว่าจะกลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัว เป็นอย่างนี้ประจำ เพื่อนชวนเที่ยวก็บอกเขาไปเลย แฟนไม่ให้ไป ถ้าอยากให้ไปด้วย ไปขออนุญาตแฟนให้ที (หัวเราะ)”

บุคคลรอบข้าง ทั้ง พี่ๆ ในวงการหมัดมวย แฟน และครอบครัว มักพร่ำเตือนและให้คำปรึกษาเรื่องการวางตัวแก่แสนชัยเสมอ โดยเฉพาะบุพการีที่โทรมาเน้นย้ำเรื่องการประพฤติตับ่อยครั้ง

จะทำสิ่งไดไตร่ตรองถึงผลดีผลเสียให้ดี เพื่อนชักชวนทำอะไรก็คิดก่อน สิ่งไหนไม่ดีก็รู้จักปฏิเสธ เพราะกว่าเราจะมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย”นักมวยใฝ่ดีวอนไปถึงเพื่อนๆ นักสู้ร่วมอาชีพ

*****

เรื่องโดย ทีมข่าว CLICK

ภาพโดย ทีมภาพ CLICK


กำลังโหลดความคิดเห็น