แสงไฟสลัว และจังหวะดนตรีร็อกอ่อนๆ ทำให้สาวในชุดนักศึกษาลุกขึ้นสะบัดกาย ไปตามจังหวะเพลง สังเกตจากท่าทาง ทรวดทรงองเอว เธอไม่ใช่นักเต้นอาชีพ แค่โยกตัวนิดๆ ส่ายหัวแรงๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ บ่งบอกว่า กำลังกรึ่มๆ ขณะมือสองข้างทำหน้าที่ถือแก้วเหล้า และคีบบุหรี่...
ทันทีที่เพลงจบ เสียงชนแก้วดังเป็นระยะๆ จับใจความได้ว่า วงเหล้านี้มีจุดมุ่งหมายในการสร้างสมานฉันท์ รับน้องใหม่ รุ่นพี่เปิดขวด รุ่นน้องซดตาม...
ถือเป็นธรรมเนียม ข้อปฏิบัติของรุ่นพี่มาสู่รุ่นน้องหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ช่วงเปิดภาคการเรียนใหม่ของหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัย ที่นัดหมายจุดสุดท้ายหลังตะวันตกดิน นั่นคือ ร้านเหล้า ซึ่งเปิดรองรับกันอย่างคึกคัก รอบรั้วรอบด้าน
ใครดื่มไม่เป็น เมาไม่เก่งไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้สอนได้เร็ว ง่ายยิ่งกว่าลงทะเบียนเรียน แค่ยกแก้วดื่มบ่อยๆ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ทำให้มิตรภาพระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้องเบ่งบาน พูดและคุยกันอย่างไม่เคอะเขิน
ดื่มเหล้าไม่ดี มีแต่โทษ หนุ่มสาวปัญญาชนต่างรู้ดี ขมก็ขม อ้วกก็อ้วก แต่วงเหล้าก็เหมือนเป็นจุดหมายปลายทางของการรวมตัว แสดงออกถึงความเป็นความกล้าหาญชาญชัยในการเติบโตขึ้นสู่ความผู้ใหญ่ ยิ่งใครดื่มได้ถึงเช้า คนนั้นจะดูเท่ เก๋าในสายตาของเพื่อน
ปี 2 เลี้ยง ปี 1 ปี 4 สังสรรค์ปี 3 มาสู่การดื่มแบบไม่มีวาระ สังสรรค์แบบไม่ต้องนัดหมาย วาระการดื่มที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจร้านขายสุรา ร้านขายข้าวพ่วงเหล้า จะค่อยๆขยายตัวไปทุกซอกทุกมุมตามแหล่งสถานศึกษา ใกล้ชิดขนาดเดินไม่ถึงสิบก้าวก็นั่งดิงก์ได้ทันที
ถามว่า สถานศึกษารู้ไหม สำนักงานอุดมศึกษาเคยสำรวจจริงๆจังไหม ตอบได้เลยว่า รู้ดี แต่ทำอะไรไม่ได้มาก นานๆทีก็มีการรณรงค์ห้ามดื่มสุรา เฝ้าดูเด็กนักศึกษาค่อยๆ จากไปทีละคนสองคน เพราะเรียนไม่ไหว เกรดไม่ถึง
ห้ามไม่ไหว หรือห้ามไม่ได้ แต่กฎหมายก็ไม่สามารถทำลายความมุ่งหวังของความต้องการดื่มของหนุ่มสาวปัญญาชน แม้บางคนจะอยู่ในเครื่องแบบมหาวิทยาลัย แต่นั่นก็ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าผิด หรือเลิกพฤติกรรมชอบดื่มเมา
ไถ่ถามนักศึกษามหาวิทยาลัย ทำไมถึงก้าวมาสู่ความเป็นนักดื่ม บ้างก็บอกว่า เพราะเพื่อนชวน บ้างก็บอกว่า เป็นวิถีแห่งเด็กมหาวิทยาลัย สุราเมรัย เป็นเรื่องปกติของการลิ้มลอง ฤทธิ์ของเหล้าทำให้เพื่อนมีเพื่อน กล้าที่จะเปิดใจ กล้าที่จะทำให้มิตรภาพแน่นแฟ้นขึ้น
ค่ำคืนแห่งราตรีอันยาวไกล ดนตรีหยุดเล่น ไฟค่อยๆหรี่ลง ฉากสุดท้ายของพวกเขาอยู่ที่ไหน บางคนนประคองสติพาตัวเองกลับสู่รวงรังได้ แต่หนุ่มสาวขี้เมาอีกหลายคน อยู่ในสภาพคนเร่ร่อน บางคนนั่งอยู่ริมฟุตปาธพร่ำเพ้อพรรณนา บ้างก็จบลงด้วยการหมดสติ บ้างก็จุดไฟเสน่หาบนเตียงนอนระหว่างหญิงและชาย สุดท้ายก็มานั่งเสียใจกับการกระทำ
หลากหลายทัศนะกับความคิดเห็น นักศึกษานักดื่ม บอกว่า ให้เลิกดื่มคงไม่ได้ เพราะสภาพแวดล้อมมันจูงใจ ออกมาหน้ามหาวิทยาลัยก็เจอร้าน ผู้พิทักสันติราษฎร์ก็อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ บางร้านเปิดถึงเช้าได้ ไม่มีปัญหา ตำรวจเห็นแต่บอกว่าให้ดื่มกันเงียบๆ
จะเหตุผลใดๆก็ตาม ร้านขายเหล้า ขวดเหล้าไม่ได้ผิด อยู่ที่ตัวบุคคล และการดื่มไม่ได้ทำให้ทุกคนเสียคน เสียการเรียน เสมอไป หากแต่รู้จักดื่มสุราอย่างมีขอบเขต นักดื่มประเภทเรียนดี ระดับเกียรตินิยมก็มีให้เห็นมากมาย เพราะเขาดื่มเพื่อสังสรรค์ พอเหมาะพอควร มิใช่ดื่มเพื่อทำลาย ดื่มแบบไม่ยั้งคิดและขาดสติ
ไม่ดื่มได้ยิ่งดี แต่ความอยากรู้อยากลองในวัยคะนองนั้นห้ามยาก เพียงแต่ต้องนักดื่มต้องรู้จักคิด ไม่ตกเป็นทาส
เคยเมาเหล้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่เมามายไม่ยั้งคิด เสียผู้เสียคน เสียดายที่เกิดมาบนโลกใบนี้!
วัฒนะชัย ยะนินทร
บรรณาธิการ M-Lite