xs
xsm
sm
md
lg

นก-นพวรรณ...She ’s The one

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
     หากกำหนดการยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง วันที่ 13 กรกฎาคมนี้  ‘น้องนก-นพวรรณ เลิศชีวกานต์’ แชมป์เทนนิสเยาวชนหญิงเดี่ยวและคู่วิมเบิลดัน จะเดินทางกลับเชียงใหม่บ้านเกิด หลังจากทุ่มเทให้การแข่งขันอย่างหนัก กระทั่งคว้าแชมป์รายการเทนนิสระดับโลกมากำนัลแด่แฟนๆ ชาวไทยให้ได้ชื่นใจในท่ามกลางภาวะที่บ้านเมืองกำลังแห้งแล้ง สุมรุมไปด้วยปัญหาน่าเบื่อหน่าย จึงไม่น่าแปลกใจ หากคนทั้งประเทศจะหลงรักและชื่นชมสาวน้อยวัยย่าง 18 ปี คนนี้

     แต่นอกจากความมุ่งมั่น ทุ่มเท ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ ‘น้องนก’ ก็ยังคงมีแง่มุมของความเยาว์วัยสดใส อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ที่ใครๆ ต่างชื่นชอบและชื่นชม ดังคำบอกเล่าจากคนใกล้ตัว


ในความทรงจำ ‘โค้ชคนแรก’

     “ตอนเริ่มเรียนเทนนิสใหม่ๆ น้องนกวิ่งในสนามยังไม่คล่องเลย และไม่คุ้นเคยกับลูกเทนนิส ก็ฝึกซ้อมเรื่อยมา และมีพัฒนาการเป็นที่น่าพอใจ”

     เป็นคำบอกเล่าจาก ชัยณรงค์ ทองอยู่ หรือที่นกเรียกติดปากว่า ‘ลุงดำ’ อดีตอาจารย์สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตเชียงใหม่ วัย 66 ปี ผู้เคยฝึกสอนเทนนิสให้กับน้องนกในช่วงปี 2544-2546 ก่อนจะเกษียณอายุราชการ กระทั่ง 'มาเร็ก มาลัสซัค' (Marek Malaszszak) โค้ชชาวเยอรมันที่เคยเป็นผู้ฝึกสอนเทนนิสให้ สเตฟฟี่ กราฟ (Steffi Graf) อดีตราชินีเทนนิสหญิงชื่อดัง จะเข้ามารับหน้าที่ ‘ลับ’ เขี้ยวเล็บให้น้องนกในช่วงเวลาต่อจากการเคี่ยวกรำของลุงดำ

     โค้ชคนแรกในวัยเกษียณ เริ่มต้นพาย้อนความทรงจำไปช่วงที่นก เริ่มซ้อมเทนนิส ณ สนามเทนนิสของสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตเชียงใหม่ ว่า น้องนกในวัย 10 ขวบ เริ่มฉายแววนักเทนนิสดาวรุ่งอนาคตไกลให้โค้ชเห็น ด้วยสโตรคการตีลูกที่รุนแรง แต่สำคัญกว่านั้น คือความมุ่งมั่น ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ

     “หากทำตามที่ผมสอนได้ก็จะดีอกดีใจ มีความสุขไปทั้งวันเลย จนไม่อยากเลิกซ้อมเลยล่ะครับ น้องนกมีแววตามุ่งมั่น สนุกสนานและเอาจริงเอาจังกับการซ้อมเทนนิส ไม่ถือตัวว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น”

     ในความเห็นของลุงดำ เด็ก 10 ขวบบางคนที่ถูกพ่อแม่จับมาเรียนเทนนิส หากทำตามที่โค้ชสอนไม่ได้ก็ไม่อยากเรียนเสียดื้อๆ แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ เธอกลับกระตือรือร้นในการซ้อมเทนนิสเป็นที่สุด โค้ชสั่งอะไรมาก็พยายามทำให้ได้ แม้จะใช้เวลาซ้อมดึกแค่ไหนก็ ‘บ่ยั่น’

     “แม้คุณแม่ของนก (เยาวภา เลิศชีวกานต์) จะจากไปแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง ก็ไม่ได้บั่นทอนกำลังใจในการใช้ชีวิตและเล่นเทนนิสของนก น่าเสียดาย คุณแม่น่าจะได้มีโอกาสชื่นชมความสำเร็จของลูกสาว”


 
     นอกจากความพยายาม ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค อีกมุมหนึ่งของลูกศิษย์คนเก่งที่ยังแจ่มชัดในความทรงจำของโค้ชก็คือความร่าเริงสดใส

     “น้องนกเฮฮา ร่าเริง บางทีก็วิ่งไล่จับกับเพื่อนๆ หยอกล้อเพื่อนประจำ เป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยกับใคร ตอนแข่งเทนนิสผมยังไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์ไม่พอใจ หรือดุด่าใครเลยนะ เวลาตีพลาดก็จะนิ่งๆ เก็บอารมณ์ไว้ได้ ส่วนชีวิตส่วนตัว นกเป็นเด็กที่ไม่ชอบเที่ยวเตร่ ซ้อมเทนนิสเสร็จก็กลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่และพี่สาว”

     สำหรับโค้ช มองว่าแม้ในสนาม น้องนกอาจเป็นนักเทนนิสรุ่นเล็กที่มุ่งมั่นตั้งใจ แต่นอกสนาม เธอก็ไม่ต่างจากสาวน้อยในวัยเดียวกัน ที่ทั้งเรียบร้อย ร่าเริง สนุกสนาน และจริงจังตามแต่สถานการณ์จะพาไป

     และน้อยคนนัก จะรู้ว่า นักเทนนิสขวัญใจคนไทยยังมีแง่มุมมันส์ๆ กับคู่กัดคู่ซ้อมเมื่อครั้ง 10 ขวบ ที่ชื่อ ‘พริกไทย’ จนบัดนี้ ความขี้เล่นของนกกับเพื่อนในครั้งนั้น ก็ยังฝังในใจโค้ช ที่บอกเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ ว่า

     “แข่งกันเสร็จปรากฏว่าน้องนกชนะ พริกไทยก็งอน ทิ้งแร็กเกต บางครั้งถึงขนาดอีกฝ่ายต้องไปง้อ และบางครั้งน้องนกก็เล่นจ๊ะเอ๋หรือชอบมาแหย่ข้างหลังของผมด้วยความสนุกสนาน นกเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆ ไปแข่งเทนนิสที่ไหนได้เพื่อนใหม่กลับมาทุกที อยู่ด้วยแล้วสนุก”

     ก่อนจบบทสนทนา ลุงดำ ยังฝากคำแนะนำ ถึงน้องนกด้วย

     “ตอนนี้น้องนกยังโยนลูกบอลเพื่อเสิร์ฟสูงอยู่เลย ทำให้ตีช้า และใช้พลังหัวไหล่ไม่เต็มที่ ลูกเสิร์ฟจึงเบา”

     อย่างไรก็ดี สำหรับโค้ชแล้ว ยังมีบางสิ่งสำคัญกว่าคำว่า ‘ชัยชนะ’

     “ผมหวังเพียงให้พวกเขามีพื้นฐานที่ดี และเล่นเทนนิสอย่างมีความสุข ไม่เคร่งเครียดเอาจริงเอาจังกับผลแพ้ชนะมากเกินไป จนลืมวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของกีฬา”

จากเพื่อนถึงเพื่อน

     “นิสัยอย่างหนึ่งของนกที่ผมจำได้ไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ก็คือ เวลาที่ผมไปซ้อมสาย แล้วจะถามเพื่อนๆ ว่า นกมาหรือยัง ทั้งที่ยังไม่มีใครตอบ แต่ถ้าได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นสนามนั่นแหละ รู้ได้เลยครับ ว่านกมาแล้ว ทั้งที่ปกติ เวลาตีเทนนิส คนอื่นเขาจะตีกันเงียบๆ หรือส่งเสียงเวลาออกแรงบ้างนิดหน่อย แต่นกไม่ใช่เลย เพราะเขาจะหัวเราะไปด้วย ตีไปด้วย หัวเราะเสียงดังลั่นสนาม จนผมสงสัยมากว่าเขาไปดูตลกอะไรมา ผมก็เคยถามเขานะ ว่าทำไมต้องหัวเราะ มันขำอะไรนักหนา นกเขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน มันขำของมันเอง”

     จึงเป็นอันรู้กันว่า หากได้ยินเสียงหัวเราะลั่นสนาม นั่นแหละ นกกำลังซ้อมอยู่

     ไม่ใช่คำบอกเล่าจากคนอื่นไกล แต่เป็นคนใกล้ชิดคนเดียวกันกับที่ ‘ลุงดำ’ บอกว่า เขาคนนี้นี่แหละคือเด็กหนุ่มในวันนั้น ที่เคยเป็นคู่ซ้อมจอมซี้ของน้องนก ซี้ขนาดเคยงอนและตามง้อกันให้ใครๆ ขบขันเอ็นดู

     เขาคือ พริกไทย-กรชวัล ประทีปเสน ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะการบัญชีและการจัดการสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยสารคาม

     นอกจากเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว พริกไทย ไม่ลืมที่จะบอกเล่าถึงความทุ่มเทของคู่ซ้อม ยามเมื่อลงสนาม

     “นกเขามีความพยายาม มีความใส่ใจ มุ่งมั่น และทนต่อแรงกดดันหลายๆ ด้าน มากกว่าคนอื่นในทีม ตัวอย่างที่ชัดเจนมากเลยก็คือ วันแรกที่ผมได้ซ้อมเทนนิสกับเขา วันนั้น ลูกที่ผมเสิร์ฟไป น้องนกเขารับไม่ได้เลย แต่วันถัดมาไม่รู้เขาทำได้อย่างไร เขารับลูกเสิร์ฟของผมได้หมดทุกลูก จากวันแรกที่รับไม่ได้เลย ผ่านไปแค่วันเดียวรับได้หมด ผมตกใจมากเลยว่าเขาทำได้อย่างไร แต่ก็แสดงให้เห็นว่า นกมีความมุมานะมาก หากว่าตีไม่ได้ เขาก็จะพยายามเต็มที่ เพื่อตีให้ได้อย่างที่ต้องการ”

     พริกไทย เล่าว่า เขากับนกไม่ได้เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน พริกไทยเรียนอยู่ จังหวัดลำพูน ส่วนนกเรียนอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ทั้งคู่จะได้พบและซ้อมเทนนิสด้วยกันก็คือวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนใหญ่จะซ้อมกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงราว 5 โมงเย็น ซึ่งนอกจากนกและพริกไทยแล้ว ก็ยังมีเพื่อนๆ คนอื่นๆ ซ้อมกันเป็นทีม รวมแล้วประมาณ 8- 10 คน และเหตุผลที่ทุกคนมารวมตัวกันก็มีจุดประสงค์คือ ฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันในระดับเยาวชน โดยมี ‘ลุงดำ’ หรือ ชัยณรงค์ ทองอยู่ เป็นโค้ชคอยดูแล แนะนำ

     “เท่าที่เคยได้ยินมา อาจารย์ชัยณรงค์ ก็เคยพูดถึงนกว่า นกเขามีความอดทนต่อแรงกดดันมาก มีความพยายามและไม่เคยถอดใจ ต่อให้เป็นแต้มสุดท้าย เขาก็จะไม่ถอดใจ จะเล่นอย่างเต็มที่ แรกๆ ที่ลงแข่ง นกก็จะมีทั้งแพ้และชนะ แต่หลังๆ เขาก็คว้าแต่ชัยชนะ ได้เหรียญทองมาหลายเหรียญเลยครับ แล้วก็ได้เป็นตัวแทนเยาวชนภาคเหนือ เข้าแข่งมาสเตอร์จูเนียร์ที่กรุงเทพฯ ด้วย”


 
     นอกจากถ่ายทอดความทรงจำเมื่อครั้งวัยเยาว์แล้ว พริกไทยไม่ลืมที่จะฝากแรงใจถึงเจ้าของเสียงหัวเราะดังลั่น เมื่อวันวาร

     “ผมดีใจกับน้องนกด้วย ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ เพราะรู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ นกผ่านอะไรมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมที่หนักมาก ซึ่งทำให้นกต้องยอมเสียสละ ยอมละทิ้งอะไรไปหลายเรื่อง น้องๆ หลายคนที่อายุเท่าน้องนก ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าอยู่ในวัยสนุกสนาน แต่นกเขาเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่มาก ยอมที่จะละทิ้งความสนุกเหล่านั้น เพื่อหันมาทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อม เพราะฉะนั้น ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งสมควรแล้ว ที่นกจะได้รับความสำเร็จอย่างทุกวันนี้”

     “ผมอยากบอกนกว่า ขอแสดงความยินดีด้วย และขอให้พยายามต่อไป สิ่งดีๆ ที่นกทำไว้นั้น ดีทุกอย่าง ก็อยากให้ทำต่อไป แล้วใจผมเอง ก็หวังให้เขาเป็นนักเทนนิสหญิงคนไทยคนแรก ที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลก”

     คือคำอวยพร...จากเพื่อนถึงเพื่อน


จาก ‘คำครู’ ถึง ‘ลูกศิษย์’

     “อยากรู้ไหม ขนมและอาหารสุดโปรดของน้องนกตอนเรียนที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย คืออะไร? น้องนกชอบทานบราวนี่ค่ะ แล้ววันนี้น้องนกกลับมาเชียงใหม่ ครูจะเอาไปฝากด้วย แต่ถ้าเป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือ น้องนกจะชอบไส้อั่วหรือแกงโฮะ เป็นจานโปรดเลยค่ะ”

     เป็นน้ำเสียงที่บอกเล่าอย่างอารมณ์ดี ของ ไพจิตร ดิลกวุฒิสิทธิ์ ครูโรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่น้องนกเข้าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2

     ครูไพจิตร ถือเป็นครูผู้ใกล้ชิดและสนิทกับครอบครัว ‘เลิศชีวกานต์’ ทั้งคอยประสานงานและคอยติดตามงานในชั้นเรียนให้ลูกศิษย์ ตลอดช่วงที่น้องนกต้องเดินทางไปแข่งขันเทนนิสตามต่างจังหวัดและต่างประเทศ

     “น้องนกเป็นเด็กร่าเริง เฮฮา เชื่อมั่นในตัวเองสูง ตั้งใจทำสิ่งใดก็จะพยายามทำให้สำเร็จ มีปัญหาอะไรก็จะเล่าให้ครูฟัง ไม่ปล่อยให้คาราคาซัง ครอบครัวนี้ไปไหนมาไหนก็จะไปกันทั้งครอบครัว อบอุ่นดีค่ะ”

     ครูเล่าเรื่องราวความทรงจำเกี่ยวกับเด็กหญิงนพวรรณ ก่อนทิ้งท้ายว่า นอกจากพรสวรรค์ในการเล่นเทนนิสแล้ว อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้องนกประสบความสำเร็จ ก็เพราะครอบครัวให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

     นอกจากเรื่องเล่าของครูไพจิตรแล้ว นิตยา ฟางศิริวงษ์ ครูอีกคนของโรงเรียนเรยีนาฯ ก็ร่วมวงเล่าเรื่องราวประทับใจที่มีต่อน้องนกเช่นกัน

     “ในฐานะที่ครูเคยเป็นนักกีฬามาก่อน ทำให้รู้ว่านักกีฬามี 2 ประเภท คือ นักกีฬาที่แพ้แล้วท้อถอย และแพ้แล้วมุ่งมั่น น้องนกเป็นกลุ่มหลัง น่ายินดีที่เมื่อครอบครัวรู้ว่าเธอมีพรสวรรค์ด้านเทนนิส ก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี”

     นอกจากครูนิตยาจะเป็นครูฝ่ายปกครอง ที่เด็กๆ รู้กิตติศัพท์ความ ‘เฮี้ยบ’ เป็นอย่างดีแล้ว ยังทำหน้าที่สอนวิชาภาษาอังกฤษด้วย ครูย้อนความหลังเมื่อครั้งสอนน้องนกและเพื่อนๆ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ว่า เพราะมีรูปร่างสูงใหญ่ น้องนกจึงมักจะเลือกนั่งเรียนบริเวณหลังสุดของห้องเสมอ เพื่อไม่ให้บังเพื่อนที่ตัวเตี้ยกว่า และเพราะตัวโตกว่าใครหลายคน น้องนก-เด็กหญิงนพวรรณในตอนนั้น จึงมีฉายาที่เพื่อนๆ ตั้งให้ว่า ‘ไอ้นพ’

     ส่วนเรื่องการเรียนนั้น ครูนิตยาคอนเฟิร์มว่า แม้จะนั่งหลังห้องแต่น้องนกก็ตั้งอกตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี ก่อนจะเผยให้รู้ถึงแง่มุมอ่อนหวานของลูกศิษย์คนเก่ง

 
“แม้นิสัยจะห้าวๆ หรือมีรูปร่างกำยำแข็งแรงแบบนักกีฬา แต่พอเรียนฟ้อนรำ น้องนกก็รำได้สวยทีเดียวนะคะ”

     ได้ยินอย่างนี้ ชักอยากจะเห็นน้องนกรำไทยให้ดูแล้วสิ!

                    .............

           เรื่องโดย : ทีมข่าวคลิก



พื้นดวง 'น้องนก'

     อ.มาศ เคหาสน์ธรรม หมอดูดวงจีน และ ฮวงจุ้ย แห่งเว็บไซต์www.fengshui100.comทำนายไว้เมื่อวันที่ 10 กค. 2552 ใน MBlog ของเว็บไซต์ผู้จัดการไว้ว่า
     นพวรรณ เลิศชีวกานต์ เกิดวันที่ 18 พ.ย. 1991 รูปดวงของเธอเป็นดังนี้

     พลังของดิถีวันเกิดบ่งบอกว่าเธอเป็นคนธาตุน้ำใหญ่ (หยาง) เธอจึงมีนิสัยเหมือนน้ำทะเล ชอบเข้าสังคม ติดต่อ เดินทาง รวดเร็ว รับรู้เร็ว ความรู้สึกไว ไหวพริบดี ฉลาด ชอบใช้ความคิด ความรู้กว้างขวาง มีความสามารถ แต่ใจร้อน โกรธง่ายหายเร็ว เปลี่ยนสีหน้าเร็ว ชอบการเปลี่ยนแปลง กระตือรือร้น ไม่สามารถยืนหรือนั่งอยู่กับที่นานๆได้ (ลองคิดถึงน้ำ...ที่มักเคลื่อนไหวอยู่เสมอ)
 
     ชอบเสี่ยงผจญภัย ชอบกิจกรรมที่ลุยสมบุกสมบัน ตั้งใจแน่วแน่ทำสิ่งใดแล้วจะไม่หยุด ค่อนข้างดื้อ บังคับยาก ไม่ชอบทำตามผู้อื่น เหมือนสายน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลหลากอย่างทรงพลัง ไม่ควรบังคับขัดขวาง แต่ควรที่จะช่วยสนับสนุนหาทางให้น้ำแสดงพลังออกมาให้มากที่สุด เหมือนกับบการใช้น้ำมาผลิตไฟฟ้า หรือชลประทาน
โชคดีที่พ่อแม่เข้าใจลักษณะและนิสัยของลูกที่มีพลังพรสวรรค์พิเศษเช่นนี้ ก็จะไม่ไปบังคับให้เด็กกลับมาขยันตั้งใจเรียนหนังสือตามกระแสสังคมเหมือนเด็กทั่วไป เหมือนกับไทเกอร์ วู้ด ถ้าคุณพ่อของเขาบังคับให้ไปเรียน MBA หรือคอมพิวเตอร์ ตามกระแสการบูมของเทคโนโลยี่ในอเมริกา ทุกวันนี้เราก็คงไม่มีสุดยอดนักกอร์ฟเจ้าเสือน้อยคนนี้!

     น้องนก....เธอเกิดในฤดูหนาวซึ่งก็เป็นธาตุน้ำด้วย เรียกว่าเกิดถูกฤดู เพราะเป็นคนธาตุน้ำเกิดเดือนน้ำ...จึงมีรูปร่างดี ผิวจะค่อนข้างเข้ม แต่ผิวพรรณสดใส เพราะน้ำใหญ่ในเดือนน้ำจะเหมือนทะเลลึก สีเข้ม รูปร่างหน้าตากลมกลึงเหมือนหยดน้ำ
เมื่อคำนวณพลังของจักรวาลที่เข้ามาในดวง ก็พบว่าดวงเธอเริ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 6 ขวบจีน (เท่ากับ 5 ขวบไทย) รุ่งโรจโชติช่วงไปถึงก่อนอายุ 31 ปี เลยทีเดียว เพราะฟ้าส่งพลังของธาตุที่ก่อเกิดและคู่ธาตุเข้ามาเกื้อหนุนต่อเนื่อง

     โดยเริ่มโด่งดังขึ้นมาในปีนี้ เพราะเป็นปีฉลู แต่เธอเกิดปีมะแม ซึ่งเท่ากับเป็นปีชงของเธอนั่นเอง แต่ทำไมเธอกลับมาประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงขึ้นมาในปีนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่า...เคล็ดลับชั้นสูงในวิชาดวงจีน กล่าวเอาไว้ว่า ‘ชง(ปะทะ)ไม่ใช่จะร้าย ส่วนฮะ(ภาคี)ไม่ใช่จะดีเสมอไป’ แต่จะต้องรู้จักวิธีการวิเคราะห์รูปดวงที่ถูกต้อง จึงจะรู้ได้ว่าดีหรือร้าย

     ในกรณีของน้องนก เป็นคนธาตุน้ำเกิดเดือนน้ำ แถมมีธาตุทองปรากฏที่ราศีบนหลักปี จึงทำหน้าที่เป็นมังกรทองผู้คุ้มครองดวงของเธอจากธาตุดิน ที่จะเข้ามาพิฆาต แถมดินกลับต้องไปเกิดทองเสียอีก จึงพลิกกลับมาเป็นธาตุให้คุณ
พอเข้ามาถึงปีฉลู ...ซึ่งเป็นธาตุดิน เข้ามาชงพลังของมะแมที่ปีเกิด โดยที่ตัวมะแมเองก็เป็นธาตุดินอยู่แล้ว เมื่อดินชนกับดิน...เท่ากับธาตุที่ชอบเข้ามารวมกับธาตุที่ชอบ จึงกลายเป็นดินขนาดใหญขึ้นมา กลายเป็นความดังเปรี้ยงป้าง

     แถมเคล็ดลับวิชาดวงจีนอีกข้อหนึ่ง... นั่นคือ หลักปีเกิดหมายถึงเรื่องราวทางไกล ต่างประเทศ เมื่อธาตุที่ชอบเข้ามาชนกับธาตุที่ชอบตรงหลักปี จึงได้ประสบความสำเร็จจากเรื่องทางไกล นั่นเอง

     แถมธาตุดินยังหมายถึงเพศตรงข้ามเสียด้วย เมื่อธาตุดินที่แข็งแกร่งเข้ามาในปีนี้ ก็พอที่จะบ่งบอกอะไรๆ ได้อย่างชัดเจน จึงอยากที่จะแนะนำว่ายังไม่ควรที่จะคิดอะไรจริงจังในช่วงวัยนี้ เพราะในดวงของเธอนั้นมาธาตุดินอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบ่งว่ายังจะมีเพศตรงข้ามที่หลากหลายเข้ามาให้เธอเลือก

     ดวงของน้องนกจะยังรุ่งเรืองต่อเนื่องไปจนถึงปี พ.ศ.2561 จะเป็นปีที่ต้องระวังอุบัติเหตุเภทภัยครั้งใหญ่ของชีวิต !

                    .................


กำลังโหลดความคิดเห็น