xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิต ศิลปะ และอาร์ตตัวแม่ อุดม แต้พานิช

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุดม แต้พานิช
อยากรู้เหมือนกันว่า นอกจากทารกแรกเกิดที่ยังไม่รู้ภาษา และผู้เฒ่าผู้แก่ที่ชราภาพเต็มทน ยังมีคนไทยคนไหนที่ยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้

ผู้ชายคนที่บอกว่า ถ้าเกลียดใคร ให้ยุคนนั้นทำร้านอาหาร เพราะมันจะเหนื่อยอย่างสาสม เจ้าของวาทะคมคัน 'อาร์ตตัวแม่' อันรู้ซึ้งถึงหัวอกผู้หญิงเป็นอย่างดี และเป็นคนเดียวกับที่เคยประกาศไว้บนเวทีเดี่ยว 6 ตูดหมึก ปี 2546 ว่า อีก 5 ปีเจอกัน...

5 ปีผ่านไป... แล้วผู้ชายคนนี้ก็กลับมาตามสัญญา เขามาพร้อมกับเดี่ยวไมโครโฟน 7 การแสดงเดี่ยวคนเดียวต่อเนื่องกว่า 3 ชั่วโมง ที่ทำให้ผู้ชมขำไปคิดไปกับมุกตลกของคอมเมเดี้ยนจมูกโตคนนี้ ผู้ชายคนที่ผู้คนขนานนามให้เขาว่า "เดี่ยวมือหนึ่งของประเทศไทย" หรือ "เจ้าแห่งไมโครโฟน"

ยังไม่พอ, เขายังเป็นทั้งผู้เขียนบทและเป็นพระเอกหนังเรื่อง อีติ๋มตายแน่ หนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่ทุนสร้าง 70 ล้าน แต่ต่อมาลดลงเหลือ 17 ล้าน ไม่ใช้สลิง แต่ใช้นักแสดงเพียงไม่กี่คน เขียนบทหนึ่งเดือน ถ่ายทำหนึ่งเดือน ตัดต่อหนึ่งเดือน สร้างเสร็จฉายเลย!

ล่าสุดเขาจัดแสดงงานศิลปะ 'ขี้เหร่เนะ' ศิลปะแนว Semi - Abstract (กึ่งนามธรรม) กับศิลปินญี่ปุ่น คิน ชิโอตานิ ที่หน้าตาขี้เหร่พอๆ กัน

ในวันฝนพรำที่แสนจะโรแมนติก (คอมเมดี้) วันหนึ่ง เรามีนัดคุยกับเขาที่เจ แกลเลอรี ชั้น 4 เจ อเวนิว ทองหล่อ 15 กับผู้ชายที่มีชื่อว่า อุดม แต้พานิช ยังมีใครอีกไหมที่ยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้...


ทำไมตั้งชื่องานแสดงศิลปะครั้งนี้ว่า ขี้เหร่เนะ
เล่นคำครับ เผอิญหาคำสักคำหนึ่งที่แสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่นและไทย เผอิญคำนี้มันโดนพอดี ขี้เหร่ ของญี่ปุ่นบอกว่า น่ารัก แต่คนไทยบอกว่า น่าเกลียด เป็นคำเดียวแต่มีสองความหมาย ทั้งไทยและญี่ปุ่น แล้วเผอิญไอ้ที่เรากำลังจะทำ งานศิลปะ มันเป็นเรื่องสองแง่สองง่ามอยู่แล้ว บางคนเขามองศิลปะเป็นขยะ ถูกไหม เป็นก้อนอะไรก็ไม่รู้ เหมือนอย่างที่แม่ผมทุกวันนี้ก็มองงานผมว่าเป็นขยะรกบ้าน ไม่มีที่จะเดินแล้ว หรือบางคนก็มองศิลปะเป็นของสวยงาม มีคุณค่า นี่แหละ เรากำลังเล่นกับคำนี้อยู่ แล้วเผอิญเราทั้งสองคนหน้าตาก็เห่ยพอๆ กัน ผมว่าคุณคิน (ชิโอตานิ) กับผมนี่พอๆ กันเลยลงตัวนะ ลงตัว งานอยู่ด้วยกันก็ไปกันได้ดี มันไม่ขี่กัน

ผลงานของคุณมีภาพวาดเพียงอย่างเดียวใช่ไหม แล้วคุณวาดรูปอะไร พยายามจะสื่อสารอะไรอยู่หรือเปล่า
งานประติมากรรมก็มี ปั้นโน่นปั้นนี่ งานของผมส่วนมากมันจะ... คือศิลปะแยกง่ายๆ เอาสองประเภทก็แล้วกัน บางประเภทก็ทำงานเพื่อประกาศเจตนารมณ์ สะท้อนสังคมในวงกว้าง แต่ของผมจะเป็นอีกประเภทหนึ่ง ของผมมันสะท้อนตัวผมเอง อะไรที่ผมรู้สึก อันนั้นออกไปข้างนอก ส่วนของผมทำกลับเข้ามาข้างใน เยียวยาตัวเราเอง ไม่ได้เยียวยาสังคมอะไร

คุณสามารถวาดรูปท่ามกลางเสียงเอะอะได้ไหม
ท่ามกลางเสียงเอะอะได้ แต่ไม่ดี แล้วท่ามกลางคนนี่ไม่ได้เลย ผมทึ่งพวกที่เขารับวาดภาพเหมือนตามงานถนนคนเดิน ที่มีคนมายืนมองเขา ผมนี่ไปไม่เป็นเลยนะ

คุณอาจจะวาดได้ แต่ไม่อยากวาดในสถานการณ์แบบนั้น
ไม่รู้สิ มันไม่จดจ่อ มันเหมือนมีใครมองดูเราอยู่ แล้วเหมือนเราโดนส่องสัตว์ ผมเข้าใจความรู้สึกนะ คือสัตว์ที่มันอยู่ตามสวนสัตว์ มันเสียธรรมชาติของมันไป จะมีคนมาดูมันเรื่อยๆ กลางคืนก็ยังไปส่องมัน ที่ไนท์ซาฟารี เห็นไหม มันก็เลยจะไม่สืบพันธุ์ตามฤดูกาล อะไรที่เคยทำมันก็จะ... เหมือนมีใครมองดูอยู่ ผมนี่ไม่ถนัด แต่บางคนเขาทำได้

ถ้าอย่างนั้น การสร้างงานศิลปะสำหรับคุณก็เหมือนเวลามีเซ็กซ์ หรือเหมือนกับเวลาที่เราเข้าห้องน้ำ
เอ้อ! มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น มันออกจะส่วนตัวหน่อยๆ

แล้วถ้ามีใครสักคนอยากจะนั่งอยู่เคียงข้างเวลาที่คุณวาดรูปจะได้ไหม
ไม่ได้เลย (กระซิบเบาๆ) ทำไม่ได้...

แม้แต่คนรักก็ไม่ได้
ไม่ได้เลย ไม่ได้จริงๆ นะครับ

แล้วแฟนคุณเขาเคยให้ความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของคุณบ้างไหม
มีๆ มีครับมี เป็นคนที่ให้กำลังใจที่ดีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า เขาบอกว่า... สึโค่ย... (เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่ายอดเยี่ยม เดอะเบสต์ ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นเด็กแนวก็ประมาณ สุดตรีนน!อะไรประมาณนั้น) ไม่หรอก (หัวเราะ) ก็ชมกันตามภาษาคนรักกันธรรมดาอย่างนี้แหละครับ ให้กำลังใจก๊านน! แหม...

คุณชอบวาดรูปมากเลยใช่ไหม
ผมชอบมากเลย ชอบมากจนแบบ... อืม, ถ้าตอบออกไปนี่จะดูดัดจริตมากเลย (หัวเราะ) จริงๆ นะ คือไม่ได้อยากจะทำตัวให้ดูอาร์ตอะไรหรอก แต่คิดว่าเป็นอุปนิสัยที่ติดข้ามภพข้ามชาติมา เพราะชอบตั้งแต่เด็กแล้ว รักทางนี้ พอได้ทำงานในวงการบันเทิงถึงได้มีเงินซื้อสีซื้ออะไรมาทำงาน เพราะศิลปะมันเป็นเรื่องที่แค่คิดก็จนแล้ว

มาที่เรื่องหนัง, การเป็นพระเอกนี่มันยากไหม
โอ้ย ถนัด! (หัวเราะ) การแสดงบทอื่นสิผมไปไม่เป็นเลย เขาติดต่อให้เล่นบทอื่นผมไปไม่เป็นเลยนะ พระเอกนี่ทางถนัด โตมากับสิ่งนี้ (หัวเราะชอบใจ) เอาเป็นว่าคำถามที่คุณถามผม, ผมก็เคยถามตัวเองเหมือนกัน...

แล้วคุณตอบตัวเองว่า...
งง, ก็ตอบไม่ได้ เพราะผมก็ยืนอยู่หน้ากระจก นึกออกไหม ยืนอยู่หน้ากระจก แล้วพูดกับตัวเอง กูนี่เหรอ พระเอก (ทำเสียงกระซิบ) กูนี่นะ (หัวเราะ) ของบางอย่างบางทีมันเหมือนอะไรพาไปก็ไม่รู้ บุญพาวาสนาส่งละกัน อย่างน้อย... (หัวเราะ) ...อย่างน้อยก็ทำให้คนหน้าตาเห่ยๆ มีความหวัง! (ตะโกนเสียงดัง) ขนาดมันยังเป็นพระเอกได้ คิดดู!

(มีกลุ่มหญิงสาวหน้าตาดีเดินเข้ามามุงดูงานศิลปะ อุดมเริ่มลอกแลก เหลียวซ้ายแลขวา เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว) คุณเป็นอะไรหรือเปล่า
ผมดูว่าเขาจะพูดอะไรหรือเปล่า อยากแอบฟังนะ เพราะตอนผมเอากรอบรูปไปใส่ที่ร้านกรอบรูป อาแปะที่ร้านกรอบรูปถามผม ลื้อให้เด็กวาดเหรอ! พูดตรงๆ เลยนะ เขาพูดแบบไม่มุกน่ะ คุณนึกออกไหม อาแปะเดินเข้ามา ลื้อให้เด็กวาดเหรอ! เขาคิดว่าผมเอางานเด็กมา ผมก็บอกว่า อืม! แล้วอั๊วก็รอเซ็นอย่างเดียว (หัวเราะ)

คุณไม่บอกอาแปะไปล่ะว่า "อาแปะไม่เข้าใจงานศิลปะ!"
โอ้ย, ผมไม่เคยๆ คือตัวเราเองยังไม่เข้าใจเลย จะไปโทษคนอื่นได้ไงเล่า (หัวเราะ)

นางเอกหนังเรื่องอีติ๋มฯ เป็นคนญี่ปุ่น
ชื่ออาซึกะ

คุณรู้สึกยังไงกับนางเอกคนนี้
เป็น... เอ่อ...

ไม่ได้คิดอะไรกับเขาใช่ไหม
คิดสิ! (อุดมลอกแลกอีกแล้ว เขาหันไปที่หญิงสาวกลุ่มนั้น) เออๆ เขาดู (ภาพวาด) แล้วเขาส่ายหน้าว่ะ, เอ้าๆ อะไรนะ คือนางเอกคนนี้เขาเพิ่งแสดงหนังเรื่องแรกนะ แต่ความน่าทึ่งของเขาคือเป็นคนที่แสดงได้ดีมาก จังหวะเป็นธรรมชาติมากๆ

แล้วหนังออกมาเป็นที่น่าพอใจไหม ทั้งการแสดงเป็นพระเอกของคุณ และภาพรวมทั้งเรื่อง
ผมวิจารณ์ได้สั้นๆ ว่าหนังไม่ขี้เหร่มาก แต่ว่าในฐานะมืออาชีพ ต้องเข้าใจว่าเป็นหนังของเขา เหมือนหนังเรื่องนี้เป็นบ้านของต้อม - ยุทธเลิศ (สิปปภาค) เขาอยากตกแต่งบ้านยังไงก็เป็นเรื่องของเขา เราเป็นคนเขียนแบบบ้าน ผมว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่ตัดเร็วเหมือนหนังบู๊ ตัดเร็วไปนิดหนึ่ง หนังโรแมนติก บางทีมันดึงจังหวะ บางทีปล่อยให้มันมีอากาศในหนังบ้าง เหมือนภาพวาดที่มีอากาศมีสเปซ บางอารมณ์มันกำลังจะไปถึงจุดนั้น แต่ถูกตัดไปทำอย่างอื่นซะก่อน ทั้งที่เวลาก็เหลือ ก็เป็นสไตล์ของเขา เราก็ต้องเข้าใจ เราก็ต้องเคารพผู้กำกับ ผู้กำกับอยากตัดแบบนั้นก็เรื่องของเขา

คุณเคยคุยเรื่องนี้กับยุทธเลิศไหม
คุย, บอกว่าไปตัดแก้ได้ไหม ไปดูรอบสื่อมาแล้วรู้สึกว่าหนังมันเร็วไป หลายอันดีๆ ที่ทำให้มวลอารมณ์มันเกิดขึ้นถึงขีดสุดถูกตัดทิ้งไป ต้อมบอกว่า หนึ่ง - เวลาไม่มี สอง - เมียกูชอบแล้ว เมียกูไม่เคยชอบหนังกูเลย เรื่องนี้เมียกูชอบ โอเคแล้ว มึงเชื่อกู ทีนี้เราก็ต้องปล่อยวาง ว่าหนังเขา สำหรับผมในเวลาขณะนี้ โอ้โห นี่ถือว่าได้ออกมาไม่ขี้เหร่ เร็วมาก ทำเร็ว นางเอกอยู่กับเราสิบวัน ต้องถ่ายให้เสร็จ โอ้โห ลากกันถึงตีสองตีสาม ตื่นมาถ่ายต่อกัน หนังไท้... หนังไทย

ถามถึงการแสดงเดี่ยวฯ 7 บ้าง ตอนร้องเพลงแร็พแหล่ ที่คุณเอาบรรดานักการเมืองและบุคคลที่มีชื่อเสียงมากล่าวถึงในเพลง คุณไม่กลัวว่าจะเกิดผลกระทบตามมาหรือ
มันเป็นสิ่งที่ผมรู้สึก แล้ว Stand up Comedy มันคือการพูดในสิ่งที่สังคมรู้สึก ไม่ใช่เรารู้สึกคนเดียว ที่คนดูเขาชอบใจก็เพราะว่าเขารู้สึกร่วมไปด้วย มันก็เป็นการระบายออกของมนุษย์คนหนึ่งที่รู้สึกต่อการเมือง ผมก็เลือกวิธีที่จะระบายออก แทนที่ผมจะไปทำอะไรที่มันรุนแรงกว่านี้ ก็เอามาทำเป็นเรื่องโจ๊กซะ มาแต่งเป็นแร็พเป็นแหล่ล้อเล่นๆ ผมว่ามันเป็นศิลปะในการนำเสนอเหมือนกับเราเคยเห็นเขาเขียนผนังโบสถ์สมัยโบราณ จะมีการแอบแทรกไว้ของพวกช่างฝีมือ หรือว่าการร้องลำตัด จะมีแอบแทรกเข้าไปในนั้น ถ้าไม่ได้พูดเราก็อัดอั้นตันใจน่ะครับ

หลายคนบอกว่าเดี่ยวฯ 7 ครั้งนี้ดูสนุก ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ หลายๆ อย่างดูครบเครื่องสมบูรณ์ ครั้งนี้คุณเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีเลยใช่ไหม
ต้องบอกว่าทำการบ้านมาอย่างหนักหน่วง แล้วเหมือนกับว่าพออายุมากขึ้น เหมือนวุฒิภาวะในตัวเรามันมาตรงกับเดี่ยวฯ นี้พอดี วุฒิภาวะข้างในมันไม่ดิ้นทุรนทุรายมาก ไม่ค่อยพยายามมาก ก็เลยสบายๆ ผมชอบซีดาน (ซีเนอดีน ซีดาน) เล่นบอล มันนิ่งๆ เหมือนไม่ต้องวิ่งพล่านไปทั่วสนาม แต่ว่ามีประโยชน์ต่อเกมมาก ต่อบอลสวยๆ ไม่ต้องใช้แรงมาก แต่ก่อนที่ซีดานจะเล่นได้อย่างนี้ ตอนวัยหนุ่มเขาวิ่งพล่านไปทั้งสนาม คือผมหมายถึงว่าเวลามันมีประโยชน์จังเลย หรืออายุที่มากขึ้นมันมีประโยชน์นะครับ มันทำให้เราไม่ต้องไปใช้แรงฟุ่มเฟือย

เหมือนเวลาไปไหนมาไหน คุณต้องจดต้องจำหรือเป็นคนช่างสังเกตอยู่ตลอดเวลา อย่าง ลำปางหนาวมาก หรือว่าป้ายบอกทางไปสวรรณภูมิ หลายคนก็เพิ่งมาเอะใจว่ามันใช่อย่างที่คุณว่าจริงๆ
วันก่อนผมก็นั่งดู ดอยอะไรสักอย่างมันก็บอกมา แม่ฮ่องสอนหนาวแล้วนะ แล้วพักหนึ่งมันก็มี แต่ชัยภูมิร้อนจัง อะไรอย่างนี้มันก็ยังมีของมันอยู่ มันเป็นของมันธรรมชาติ ตลกไหม คนไทยนี่โคตรตลกเลย เรื่องอย่างนี้นะ ผมจะบอกให้ พวกเราด้วยกันรู้สึก อย่างคุณรู้สึก แต่รู้สึกเฉยๆ ไง แต่ว่าด้วยตาของคอมเมเดี้ยน มันรู้สึกแล้วเหมือนดังตึ๊ดในหัวสมอง เหมือนคนหาเหรียญตามชายหาด นึกออกไหม ไปเจอสร้อยแล้วมันตึ๊ด! ผมก็แบบว่ารำคาญจริง กูรำคาญไอ้นี่จริงๆ แทบไม่ต้องจดหรอก มันรู้สึกเดี๋ยวมันก็เข้ามาอยู่ในตัวเราเอง อย่างป้ายสุวรรณภูมิไปไหนก็เจอ แม้! หมื่นป้าย ป้ายละหมื่นบาท แสนป้าย ? แล้วทั่วประเทศมีกี่ล้านป้ายวะเนี่ย! โอ้โห! ถ้ากูรับจ้างทำป้ายสุวรรณภูมิ ชีวิตแม่งคงสบาย (หัวเราะ) คิดแค่นี้นะ
เห็นบางป้าย เราก็แอบสงสัย มันไปสวรรณภูมิตรงไหน หรือว่าป้ายมันเหลือ
บางป้ายลากมาจากพัทยาโน่น!


แล้วเพลงแร็พแหล่ที่คนดูเขาชอบๆ กัน ไอเดียนี้มีที่มาอย่างไร
เป็นไอเดียเมื่อหลายปีมาแล้ว ผมเป็นคนชอบฟังเพลงแร็พ และขณะที่ผมฟังเพลงแร็พผมก็รู้สึกมาตลอดว่าแหล่ของไทยมันก็คือแร็พอย่างหนึ่ง เพียงแต่ว่าคนไทยไม่รู้สึกว่าเท่ คนไทยจะไม่รู้สึกว่าของตัวเองเท่ เหมือนกราฟิตี้ที่เด็กฮิพฮอพพ่นสเปรย์กัน มันพ่นสวยมาก แต่มันไม่เคยพ่นเป็นภาษาไทย มันไม่รู้สึกว่าภาษาไทยมันเท่ไง แต่แหล่สำหรับผมนี่เท่มาก ผมเห็นคนดูหนัง 8 Mile ของ EMINEM ทุกคนแร็พสด ทุกคนทึ่งมาก อ้าว, แล้วอย่างนี้ทำไมมึงไม่ยกย่องคุณ บุญธรรม พระประโทน หรือพวกแหล่ของไทย นั่นน่ะเทพกว่าอีก! ผมรู้สึกมาตลอดเลยว่าแหล่ไทยเท่ แล้วผมก็คิดว่าจะทำยังไงวะ แหล่ไทย เด็กรุ่นนี้มันลืมไปแล้ว มีได้ฟังก็แต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เราตามงานบวช นานๆ ออกทีวีบ้าง แต่ไม่เท่ จะทำยังไงจะเอามารวมกันให้ได้ ผมก็คิดกับเพื่อนตลอด กูทำไงดีวะถึงจะเอามารวมกันได้ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงทดลอง จะทำอะไรต้องไปรู้รากมัน ไปรู้รากแหล่ ก็ไปหาอาจารย์ครูเพลงลำตัด เพลงฉ่อย เพลงแหล่ ไปศึกษากับเขาว่ารากมายังไง มีตัวสะกดยังไง วิธีคิดยังไง

แล้วก็ไปหารากแร็พ
ผมก็ไปถามพวกเพื่อนฝูง น้องๆ ที่เป็นแร็พ รากมายังไงก็จับมาโยงกัน มีอะไรที่เชื่อมกันได้ ลองเขียนเป็นกลอนแร็พกลอนแหล่ขึ้นมา ทำยังไงจะโมเมให้ได้ว่าระหว่างแร็พกับแหล่ แหล่เป็นต้นกำเนิด (หัวเราะ) ถ้าอย่างนั้นเอาเมืองลับแลก็แล้วกัน ก็เป็นลับแหล่ อดีตสมัยก่อนขายแหนม แหนมแต่ก่อนนั้นน่ะ... ไหลหาเรื่องมั่วไป (หัวเราะ) แล้วก็ให้โอ๋ ซีเปียมาวางสัดส่วนดนตรี แล้วก็ลองร้องดู... อ๊ะ อ่ะ เวิร์ก!

แล้วคำว่า 'อาร์ตตัวแม่'
ผมรู้สึกมาตลอด เวลามีคนมาสัมภาษณ์ผมว่า คิดว่าศิลปะคืออะไร ผมก็ตอบว่า ศิลปะเหมือนผู้หญิง คือคุณไม่มีทางเข้าใจได้หรอก ใครที่บอกว่าเข้าใจศิลปะ ก็เหมือนคนที่บอกว่าเข้าใจผู้หญิง แสดงว่ามึงไม่เข้าใจอะไรเลย เพราะผู้หญิงเขายังไม่เข้าใจตัวเขาเองเลย ผู้หญิงเป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ได้ แต่ว่าเราขาดเขาได้ไหม ไม่ได้! ฉะนั้นไม่ต้องไปเข้าใจเขา แต่ว่าโลกนี้ขาดเขาไม่ได้แค่นั้นเอง ผมรู้สึกมาตลอดว่าผู้หญิงเป็นอาร์ต ในหัวผมรู้สึกเรื่องนี้ตลอด แล้วทีนี้เวลาเจอเรื่องที่ผู้หญิงทำกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจากประสบการณ์ตรงของเราเอง หรือของเพื่อนๆ รอบข้าง ผมก็มีเสียงในหัวอย่างนี้ตลอด อาร์ต... อาร์ตมากกก! เป็นเสียงที่ผมรำพึงเป็นประจำอยู่แล้ว เวลาไปแสดงมันก็ออกมาเอง

แล้วอย่างคุณเรียกว่า 'อาร์ตตัวพ่อ' ได้ไหม
แฟนผมเขาเรียกผมว่าอาร์ตตัวพ่อ (หัวเราะ)

ถามเรื่องความรักได้ไหม
จะถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานใช่ไหม

เปล่า, อยากถามว่าความรักของคุณมีส่วนหรือมีฉากที่เป็นโรแมนติกคอมเมดี้บ้างไหม
คอมเมดี้น่ะใช่ แต่โรแมนติกหรือเปล่าไม่ค่อยแน่ใจ คอมเมดี้น่าจะอยู่ฝั่งผม เพราะว่าถ้าเป็นหนังก็จะเป็นเรื่องราวความรักของผู้หญิงนักธุรกิจที่มีมือถือสองอัน กับผู้ชายบ้าๆ บอๆ คนหนึ่งที่ไม่อยากมีมือถือ นี่แหละพล็อตเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้

แต่ความรักของคุณหลายครั้งที่ผ่านมามันดูเป็นดาร์คคอมเมดี้
อืม... ฟิล์มนัวร์! (หัวเราะ)

แล้วเคยรู้สึกเข็ดขยาดกับความรักไหม
เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นว่า เจ็บแล้วมันเข้าใจ พออายุเยอะขึ้นมันจะคิดได้

แต่ก่อนเจ็บแล้วไม่จำ
ตอนหนุ่มๆ มันคิดไม่ออกหรอก มันแบบ อ๋อ! โลกมันเป็นเช่นนี้เอง เพราะอย่างนี้มันจึงเป็นอย่างนี้ มันจะไม่ฟูมฟายมาก เพราะมันมีวันโน้นมันเลยทำให้เรารักเป็นในวันนี้

กับคนรักคนปัจจุบันนี้ ลงตัว เป็นผู้ใหญ่ เข้าใจกันดีใช่ไหม
เข้าใจกันดีครับ เอ่อ... ฝั่งผมเข้าใจเขาดี แต่เขาคงอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจตัวประหลาดตัวนี้ เป็นอยู่ในช่วงกระบวนการการเข้าใจของเขา ซึ่งของอย่างนี้ต้องใช้เวลา แล้วผมก็แสนที่จะเข้าใจเขาเลย เพราะเขาบอกว่านี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งเคยเจอในชีวิตของเขา เราก็มีอายุบนโลกใบนี้มาหลายปีแล้ว แต่นี่เหมือนวัตถุประหลาดที่หล่นลงมาตรงหน้าเขา แล้วเขาพยายามเอานิ้วจิ้มๆ เขี่ยๆ ดู เขากำลังทำความเข้าใจกับมันอยู่ ถ้าวัตถุประหลาดก้อนนี้ไม่มีพิษมีภัยกับเขามันคงไม่มีอะไรผิดปกติ

แล้วคุณรักเธอเท่าไหน
เท่านั้น... (ยิ้ม)

ทุกวันนี้ นอกจากชื่อเสียงเงินทอง อารมณ์ขัน และคนรัก คุณยังต้องการอะไรอีก
อืม... คำถามนี้ดีมากนะ, นั่นน่ะสิ ความทะยานอยากน้อยลงมาก นึกในหัวนี่มีแต่นึกว่าจะไปอยู่เชียงใหม่อย่างเดียวเลย อยู่เชียงใหม่ก็นั่งวาดรูป เนี่ย, มีแค่นี้เลยในหัวในจินตนาการ อยู่เชียงใหม่ อยู่บ้าน วาดรูป แค่นี้ ตอนนี้ไม่มีความฝันใหญ่โตอย่างอื่นเลย ไม่มี ไม่มี และไม่มีเลย เหมือนกับว่าความทะยานอยากมันน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นคนหมดกิเลสแล้วนะ แต่ผมรู้สึกว่าผมพอใจกับสิ่งที่ผม... พอใจตามได้ พอใจตามอยู่ พอใจตามควร ตอนนี้ผมว่าสิ่งที่ผมได้ผมได้เกินควรแล้ว

คุณคิดว่าคุณเข้าถึงแก่นของเดี่ยวฯ หรือยัง
ผมรู้ว่าเดี่ยวฯ ผมเอาอยู่ เพราะว่าผ่านการทำผิดพลาดล้มลุกคลุกคลานกับมันมา ถ้าปีนี้ก็ 12 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนเลี้ยงจระเข้ ก็คือเอาหัวเข้าไปอยู่ในปากจระเข้ได้ รู้ล่ะ รู้ว่าจะอยู่กับจระเข้ยังไงไม่ให้มันกัด

เขาว่าอีกสามสิบปีข้างหน้าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ตอนนั้นคุณจะทำอะไร อยู่ที่ไหน
(กระซิบเบาๆ) ตายแล้วแหละ ตายแล้วมั้งตอนนั้น ไม่ต้องกังวลแล้ว

ไปอยู่เชียงใหม่ดีไหม
เออๆ ใช่ๆ น่าจะอยู่เชียงใหม่ แต่คงตายไปก่อนที่น้ำจะท่วมแล้ว (หัวเราะ)

คุณเคยบอกว่าจริงๆ คุณตายได้แล้ว
ฟังดูมันเป็นคำพูดเท่ๆ นะ แต่ว่าชีวิตผู้ชายคนหนึ่ง เกิดมาเป็นลูกแม่ค้า แล้วได้ทำอะไรหลายอย่าง มาจนถึงวันนี้ มันเกินกว่าที่เราปรารถนาไปแล้ว ...แต่ก่อนกลัว แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าไม่กลัว แต่ว่าเหมือนเข้าใจมัน เข้าใจว่าเดี๋ยวก็ตาย แล้วเวลาตายมันก็ไม่มาบอกเราด้วย มันไม่มีอะไรมาบอกเลยว่ามันจะมาเมื่อไหร่ ฉะนั้นผมถือว่าผมใช้ชีวิตในทุกๆ วันผมว่าก็โอเคกับมันนะ ถึงแม้นถ้ามันจะตายในช่วงเร็วๆ นี้ ก็ถือว่าได้ทำอย่างที่อยากทำแล้ว ไม่ได้เสียดายอะไร เพราะว่าไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยการปรารถนาจะทิ้งอะไรไว้เป็นอนุสรณ์แด่ชนรุ่นหลัง แต่ในวงเล็บ เอ่อ... มึงช่วยอย่าให้กูตายแบบทรมานได้ไหม (หัวเราะ)

*****************

เรื่อง : สุรชัย พิงชัยภูมิ


นิทรรศการ ขี้เหร่เนะ ซึ่งอุดมจัดร่วมกับศิลปินญี่ปุ่น







ผลงานของคิน ชิโอตานิ ศิลปินชาวญี่ปุ่น






กำลังโหลดความคิดเห็น