xs
xsm
sm
md
lg

ศิริโชค โสภา...นักถอดรหัสภาษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เปิดโปงความไม่โปร่งใสของ บริษัทชินแซทเทลไลท์ฯ เพื่อทวงถามถึงความรับผิดชอบของผู้นำอันพึงมีต่อประเทศชาติ

เปิดประเด็นการจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิด CTX เพื่อให้คนเริ่มเห็นความฉ้อฉลในการบริหารประเทศ

ถอดรหัสปาฐกถาที่มีผลกระทบต่อสถาบันหลัก ของจักรภพ เพ็ญแข จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย จนส่งผลให้ รมต.หนุ่มเจ้าสำอางต้องกระเด็นตกจากเก้าอี้รัฐมนตรี

อภิปรายซักฟอก นพดล ปัทมะ จนซวนเซตั้งหลักไม่ถูก กับประเด็นเผือกร้อน เรื่องประสาทเขาพระวิหาร


คดีเหล่านี้ล้วนได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งประเทศ เนื่องจากสร้างความเสียหายและมีผลกระทบในวงกว้าง แต่ละคดีมีความซับซ้อนในเชิงธุรกิจและธุรกรรมที่มีเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเรื่องข้อสัญญาจำนวนหลายหมื่นหน้า ซึ่งยากที่จะหาผู้ที่เชี่ยวชาญภาษามากลั่นกรองข้อเท็จจริง

แต่สำหรับ เล็ก-ศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อย่อยเรื่องราวเหล่านี้ด้วยการแปลข้อมูลจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย แล้วตกผลึกเป็นข้อมูลอย่างลุ่มลึก ใช้เป็นข้อมูลเพื่อนำมาตีแผ่ให้คนไทยทั้งประเทศเห็นความไม่ชอบมาพากลของผู้นำประเทศ ผ่านลีลาการอภิปรายที่ชวนติดตาม

จากเด็กชายที่ไม่ชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ มีความรู้เรื่องภาษาแบบงูๆปลาๆ แต่วันหนึ่งชีวิตเขากลับพลิกผันให้ต้องตั้งใจศึกษาหาความรู้เรื่องภาษาให้แตกฉาน อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ชำนาญภาษาอังกฤษ จนถึงขั้นได้รับความไว้วางใจจาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคฯ ให้เป็นผู้ถอดรหัสปาฐกถาอันหมิ่นเหม่ของจักรภพ เพ็ญแข, เรื่องร้อนกรณีพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร และอีกหลายเรื่อง

“บางทีการที่เราไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็ทำให้รู้สึกเคืองตัวเองเหมือนกัน เพราะเราไม่เข้าใจทั้งๆ ที่บางเรื่องก็อยากรู้แต่ก็ไม่รู้เพราะแปลไม่ได้ ผมคิดว่าการที่คนเรามีความรู้เรื่องภาษา ก็จะทำให้เราได้เปรียบกว่าคนอื่น คือรู้ในเรื่องที่คนอื่นไม่รู้” เล็กเริ่มต้นบทสนทนา

เล็กเล่าถึงชีวิตการเรียนภาษาอังกฤษในวัยเยาว์ของเขาว่า เป็นไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ เข้าห้องเรียนเพื่อให้ตัวเองสอบผ่านไปแต่ละเทอมเท่านั้น โดยไม่สนใจที่อยากจะศึกษาอย่างจริงจัง เพราะขณะนั้นเขาให้ความสำคัญกับการเรียนวิชาทางด้านคำนวณมากกว่า ด้วยความเชื่อที่ว่าถ้าคนไหนเก่งคำนวณก็จะเป็นที่หมายปองของสาวๆ

“ตอนนั้นบรรยากาศในห้องเรียนเท่าที่ผมจำได้ ผมเข้าไปเรียนภาษาที่ห้องแล็บ ซึ่งเป็นห้องแอร์เย็นสบายมาก เราก็นั่งเรียนไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจสักเท่าไร เพราะสิ่งที่ผมสนใจมากว่าคือการแอบมองอาจารย์สาวที่สอนเพราะเธอสวยมาก (หัวเราะ) พอผลสอบภาษาออกมาเกรดจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ด้วยความที่เด็กชายเล็กเป็นลูกชายคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 3 คน พอพี่คนโต และคนรองไปศึกษาต่อต่างประเทศกันหมดแล้ว เด็กชายเล็กจึงคะยั้นคะยอขอทางบ้านไปเรียนต่อที่ต่างประเทศบ้าง

เพราะทนแรงตื๊อของลูกชายไม่ไหว พ่อและแม่จึงตัดสินใจส่งลูกชายคนเล็กออกจากอ้อมอกไปเรียนต่อระดับชั้นมัธยมที่ St. bedes preparatory school ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำตั้งแต่อายุ 10 ขวบ

“จำได้ว่าวันแรกที่ไปถึงโรงเรียนแม่พาเราเข้าไปส่งไว้กับครูใหญ่ที่โรงเรียนเสร็จแล้วแม่ก็บินกลับมาที่ประเทศไทยเลย 2-3วันแรกก็ไม่ได้รู้สึกคิดถึงบ้าน เพราะยังตื่นตากับสิ่งแปลกใหม่อยู่ แต่หลายวันผ่านไปกลับทำให้คิดถึงบ้านและอยากกลับบ้าน เพราะพูดภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยได้ พูดได้แค่คำพื้นฐานเท่านั้น”

ครั้งนั้นเองจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเด็กชายเล็ก เขาเริ่มเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะถ้าไม่ศึกษาเพิ่มเติมเขาก็จะล้าหลังและไม่สามารถใช้ชีวิตในต่างแดนให้รอดได้ ดังนั้น เขาจึงพยายามฝึกฝนและเรียนรู้เรื่องของภาษามากกว่าเพื่อนร่วมชั้นถึง 10 เท่า ด้วยการไปเข้าคอร์สเรียนภาษาเพิ่มเติม และทุกวันเขาจะใช้เวลาว่างจากการเรียนหนังสือ มาอ่านหนังสือนิทานภาคภาษาอังกฤษวันละ 2 ชม.เป็นประจำ

“ทางโรงเรียนมีข้อบังคับให้นักเรียนออกมาอ่านหนังสือหน้าชั้นทุกวัน ถ้าเราอ่านไม่ได้ก็ต้องถูกเพื่อนล้อเลียน เพราะฉะนั้น ก่อนนอนทุกวันผมจะอ่านหนังสือนิทาน เริ่มจากการจดจำคำศัพท์ง่ายๆ ไว้ท่องให้ขึ้นใจ ที่สำคัญในโรงเรียนไม่มีคนไทยเลย ทุกคนพูดภาษาอังกฤษตลอดเวลา มันจึงทำให้เราเริ่มซึมซับเรื่องของภาษาเข้าไปทุกวัน จนในที่สุดเราก็สามารถพูด อ่านออกเขียนได้เหมือนเด็กที่นั่น

ผมคิดว่าปัญหาของคนไทยที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากเรามักคิดเป็นไทยแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่สำหรับที่อังกฤษเขาสอนให้คนคิดเป็นอังกฤษแล้วจึงพูดออกมา” เล็กแจกแจง

ความสำเร็จย่อมมาพร้อมกับผู้ที่มีความพยายามอยู่แล้ว เมื่อเล็กฝึกทักษะเรื่องภาษาอังกฤษจนคุ้นชิน ประกอบกับศึกษาจบระดับชั้นไฮสกูล เขาจึงสอบเข้าศึกษาต่อทางด้านเคมีและการจัดการ ที่ คิงส์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยลอนดอน ในเวลาต่อมา

หลังจากสำเร็จการศึกษาตามความมุ่งหมายแล้ว จึงตัดสินใจบินจากเมืองผู้ดีกลับมาศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากนั้นก็กระโดดเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยการลงสมัคร ส.ส. และช่วงเวลานั้นเองที่เขามีโอกาสได้ใช้ทักษะความชำนาญด้านภาษาของเขาอย่างเต็มที่

“การทำงานในสภาเราต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา เพราะหลายเรื่องเราจำเป็นต้องแปลจากภาษาอังกฤษเพื่อนำมาอภิปรายในสภา”

ผลงานแปลชุดแรกที่ทำให้ชื่อ “ศิริโชค” เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นคือ การอภิปรายเปิดโปงความไม่โปร่งใสของ บริษัท ชินแซทเทลไลท์ฯ ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะนอกจากจะแปลภาษาอังกฤษได้แล้ว ยังต้องมีความรู้เรื่องการนำเข้า-ส่งออกด้วย

ผลงานชิ้นแรกในสภาของเขาผ่านไปได้ด้วยดี ผลงานชิ้นถัดมาที่เล็กบอกว่ายากที่สุดเท่าที่เคยแปลมาก็คือ เรื่องทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิด CTX เพราะมีเอกสารเป็นภาษาอังกฤษจำนวนหลายหมื่นหน้า ที่สำคัญเขายังต้องศึกษาเรื่องของเทคนิคเพิ่มเติมอีกด้วย และผลงานชิ้นนี้ก็ทำให้หนุ่มคนนี้ได้ขึ้นทำเนียบเป็นดาวสภาอีกคนหนึ่ง

“การแปลงานชิ้นนี้ไม่ได้เพียงแค่แปลภาษาอังกฤษเป็นไทยอย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากเรื่องนี้มีหลายขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการผลิต ดังนั้น ผมจึงต้องใช้เวลาศึกษา ค้นและแปลเรื่องนี้นานเป็นเดือนกว่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องมามัดตัวผู้กระทำผิด”

แต่ที่ทำให้ชื่อของหนุ่มคนนี้เป็นที่โจษจันกันทั้งเมืองถึงความแตกฉานด้านภาษาอังกฤษคือ การถอดรหัสปาฐกถาอันหมิ่นเหม่ของจักรภพ เพ็ญแข จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เป็นเหตุให้ รมต.หนุ่มเจ้าสำอางเด้งตกจากเก้าอี้รัฐมนตรี

“เรื่องของจักรภพ ผมใช้เวลาแปลอยู่ประมาณ 3-4 วัน เนื่องจากเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้น ผมต้องแปลให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้คนมองว่าเราแปลเพื่อใส่ความเขา”

เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ยากที่สุดในการแปลถ้อยคำของ จักรภพ เพ็ญแข เขาตอบด้วยน้ำเสียงสดใสว่า “ถ้าแปลคำพูดของฝรั่งจะไม่ยากเท่ากับแปลคำพูดของคุณจักรภพ เพราะเขาพูดผิดหลักไวยากรณ์เยอะมาก เราจึงต้องตีความรู้สึกของเขาในขณะนั้นด้วยว่า เขากำลังมีอารมณ์อย่างไรในประโยคนั้น เรียกว่านอกจากผมจะต้องแปลถ้อยคำเขาแล้ว ยังต้องมานั่งจับทิศทางอารมณ์ของเขาด้วย (หัวเราะ) ยากมาก”

ผลงานอีกชิ้นที่ถือว่าเข้าตากรรมการสุดๆ เพื่อใช้ประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ที่ผ่านมา คือได้รับมอบหมายจากทางพรรคให้เป็นคนแปลกรณีพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร จากข้อมูลของยูเนสโก และของคณะกรรมการมรดกโลก รวมทั้งไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นพดล ปัทมะ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ

“การแปลเรื่องนี้สำหรับผมถือว่ากดดันที่สุดเพราะเรามีเวลาในการแปลเอกสารข้อมูลน้อยมาก และเอกสารที่ต้องแปลมีเป็นพันๆ ชุด แต่ผมมีเวลาแปลแค่ 2 วันเท่านั้น เพราะฉะนั้น จึงต้องแปลเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน และต้องใช้ความละเอียดให้มากเพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก” เล็กอธิบาย

สุดท้าย หนุ่มเล็กยังได้ฝากถึงคนที่อยากเก่งภาษาอังกฤษด้วยว่า “ขอให้ทุกคนลองไปหยิบหาหนังสือนิทานภาคภาษาอังกฤษมาอ่านทุกวัน ก็จะทำให้สามารถจดจำคำศัพท์และพูดตอบโต้กับชาวต่างชาติได้ ถึงแม้ว่าสำเนียงอาจจะไม่ชัดก็ตามที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะพูดไม่ได้เลย”


กำลังโหลดความคิดเห็น