‘สาระ ล่ำซำ’ ชายหนุ่มผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของฮาร์เลย์เดวิดสัน การที่เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของโพธิพงษ์และยุพา ล่ำซำ ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ดูแลธุรกิจประกันชีวิต หนึ่งในสายธุรกิจของตระกูลล่ำซำ ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย ก็หาใช่บทบัญญัติที่จะห้ามไม่ให้เขาสัมผัสกับไอร้อนบนโค้งถนน สูดกลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่ลอยมาในสายลม และชื่นชมวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของผู้คนที่พบเห็นได้ทุกครั้งที่ขี่ฮาร์เลย์คู่ใจไปในแถบในชนบท
หลงใหลในความคลาสสิก
บ่อยครั้งที่ ‘คุณป้อง’ ลุกจากเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย ประกันชีวิต จำกัด เพื่อออกไปสัมผัสกับชีวิตในอีกแง่มุม เขามักควบฮาร์เลย์คันโตจากกรุงเทพฯเมืองใหญ่ไปตามเส้นทางคอนกรีตที่มุ่งสู่หมู่บ้านเล็กๆในจังหวัดห่างไกลแต่เต็มไปด้วยงดงามของธรรมชาติ หนุ่มหล่อคนนี้มิได้ชื่นชอบความเร็วและแรงของฮาร์เลย์เดวิดสัน หากแต่หลงใหลในความคลาสสิกและทรวดทรงอันสง่างามของรถสัญชาติอเมริกันมากกว่า เมื่อผนวกกับความรักในธรรมชาติ ป่าเขา ต้นไม้ และสายธาร การขี่มอเตอร์ไซค์ให้แดดลมโลมไล้จึงเป็นความสุขใจสำหรับเขา
“ผมชอบมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่ตอนไปเรียนมัธยมที่อเมริกา เด็กผู้ชายก็ต้องชอบมอเตอร์ไซค์ ไอ้มดแดงยังขี่มอเตอร์ไซค์เลย (หัวเราะ) แต่แรก ๆ จะชอบพวกซุปเปอร์ไบค์นะ พอเราโตขึ้นได้ไปเห็นฮาร์เลย์ก็รู้สึกว่า โห..รูปทรงมันคลาสสิกมาก เลยหลงรักตั้งแต่นั้นมา สมัยนั้นการจะซื้อฮาร์เลย์นี่ยากมาก ไม่ใช่มีเงินก็ซื้อได้ ต้องไปเข้าคิวเพื่อสัมภาษณ์ว่าคุณเหมาะกับรถของเขาไหม ใส่สูทไปนี่เขาไม่ขายให้เลย แบบว่าบุคลิกอย่างนี้ไม่ใช่คนขี่ฮาร์เลย์ (หัวเราะขำ) ต้องใส่ยีนส์ขาดๆ ใส่เสื้อหนัง แล้วมีคนเป็นร้อยไปนอนรอหน้าร้านดีลเล่อร์ตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าคิวสัมภาษณ์ จำนวนรถก็จำกัด เลือกสีเลือกแบบไม่ได้ด้วย แล้วแต่ว่าดีลเลอร์จะสั่งอะไรมาขาย แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว
แล้วที่ชอบฮาร์เลย์นี่ไม่ได้ชอบเพราะความเร็วนะ เพราะปกติผมไม่ใช่คนขับรถเร็ว ขี่แบบเอ็นจอยกับธรรมชาติ คือผมว่าการขี่มอเตอร์ไซค์มันทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ ได้สูดอากาศอากาศเต็มปอด ต้นไม้เขียวๆอยู่แค่เอื้อม ผมไปเจอหลายที่ที่มันเป็น Unseen Thailand ที่ติดใจมากคือที่ดอยภูคา จ.น่าน เป็นเส้นทางที่ขึ้นไปบนภูเขาคดเคี้ยว พอขึ้นไปถึงบนยอดจะเหมือนถนนลอยอยู่บนภูเขา มองไปข้างหน้าก็เห็นถนนอยู่บนเส้นภูเขาไกลลิบตา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นดอกชมพูภูคา มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ส่วนใหญ่จะชอบไปทางเหนือกับอีสานเพราะอากาศเย็นสบาย ผมขี่รถไปจากกรุงเทพฯเลย อย่างตอนที่ไปแม่ฮ่องสอนเนี่ย ก็ไปเข้าทางเชียงใหม่ ออมไปแม่จัน ไปถึงแม่สะเรียง กี่พันโค้งเนี่ยผมวนมาครบหมดทุกโค้งแล้ว (หัวเราะ) โอ..มีความสุขมาก” คุณป้องเล่าถึงความประทับใจที่ได้จากการขี่ฮาร์เลย์เดวิดสัน
ผสานงานเข้ากับความชอบส่วนตัว
หลายคนอาจแปลกใจที่เห็นหนุ่มมาดเนี้ยบ เจ้าของบริษัทประกันชีวิตชั้นนำของเมืองไทยอย่าง ‘สาระ ล่ำซำ’ ควบฮาร์เลย์เดวิดสันออกตรวจงานตามต่างจังหวัด แทนที่จะนั่งเบนซ์คันโก้หรือเดินทางด้วยรถแวนสุดหรูตามแบบฉบับผู้บริหารทั่วไป ซึ่งคุณป้องไขข้อข้องใจให้ฟังว่า
“ผมว่าผมโชคดีนะ คือผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์มาก แต่งานที่รับผิดชอบมันหนักมาก เวลาส่วนใหญ่ต้องทุ่มเทให้งาน เสาร์อาทิตย์เราก็ให้เวลากับครอบครัว ดังนั้นเวลาส่วนตัวที่จะไปขี่มอเตอร์ไซค์ไม่มีเลย เลยมาคิดว่าเอ...จะทำยังไงจึงจะสร้างสมดุลให้ชีวิตได้ วันหนึ่งก็คลิกว่าการทำธุรกิจประกันเนี่ยบางทีเราต้องออกสาขา การขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปดูสาขาในต่างจังหวัดมันก็สะดวกดีแล้วก็ได้ทำกิจกรรมที่ชอบด้วย แล้วโชคดีว่าคนที่ดูงานด้านนี้ดันชอบขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกันอีก เลยเข้าทาง(หัวเราะ) อย่างคุณกิตติพงษ์ ซึ่งคุมสายตัวแทนก็เป็นคนที่ชอบมอเตอร์ไซค์เขาก็เลยมาอยู่ในก๊วนฮาร์เลย์กับผม ก๊วนนี้ก็จะมีอยู่ 4-5 คน เวลาไปตรวจสาขาผมก็ขี่จากกรุงเทพฯ แวะตรวจสาขานั้นสาขานี้ไปเรื่อย
บางครั้งไปเจอบางหมู่บ้านซึ่งมีวิถีชีวิตที่เราไม่เคยเห็น ก็ได้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับงานของเราด้วย คืองานของผมเป็นงานด้านการประกันชีวิต ซึ่ง target คือคนไทยทั้ง 65 ล้านคน ไปเห็นหมู่บ้านเหล่านี้ก็รู้สึกว่าเอ..ทำไมคนในหมู่บ้านไม่มีการทำประกันชีวิตทั้งที่จริง ๆ ชาวบ้านเขาก็ต้องการนะ อย่างกลุ่มออมทรัพย์เพื่อฌาปนกิจที่ชาวบ้านเขาทำกันก็ถือเป็นการประกันแบบหนึ่ง แต่ผลตอบแทนมันยังไม่ครอบคลุม เราก็เลยมานั่งคิดหารูปแบบการทำประกันแบบใหม่ๆให้เข้ากับวิถีชีวิตของพวกเขา อัตราเบี้ยประกันเหมาะกับเขา อย่างประกันเมืองไทยยิ้ม ปีหนึ่งตก 1,200 บาทเท่านั้น คุ้มครองอยู่ที่ 75,000 บาท โดยเป็นการประกันชีวิตอย่างเดียว เราก็เข้าไปตั้งสาขาของเมืองไทยประกันชีวิต แล้วก็สร้างตัวแทนประกันที่เป็นคนท้องถิ่นจริงเพราะเขาจะดูแลได้ทั่วถึงกว่า อย่างตอนเข้าไปที่หมู่บ้านกระเหรียงคอยาว ที่แม่ฮ่องสอน เราก็ไปได้ตัวแทนประกันหลายคนเป็นกระเหรี่ยงคอยาวทั้งหมด ซึ่งเขาเวิร์คมาก พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย (หัวเราะ)”
เฮฮากับฮาร์เลย์
การชื่นชมธรรมชาติบนหลังอานฮาร์เลย์ของคุณป้องนั้นมักไปกันเป็นกลุ่มเป็นก๊วน ซึ่งกลุ่มที่ร่วมตัวกันแบบเป็นล่ำเป็นสันจริงๆ จะมีอยู่ 3 ก๊วนด้วยกัน คือ ก๊วนเพื่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนสมัยเรียน ก๊วนที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งมีทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง ส่วนก๊วนที่ 3 เป็นก๊วนผู้บริหารและพนักงานของไทยประกันชีวิต ซึ่งคุณป้องบอกว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน อายุเท่าไร หน้าที่การงานเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้มิใช่กำแพงขวางกั้นมิตรภาพสำหรับคนรักฮาร์เลย์
“ก๊วนที่ไปขี่รถด้วยกันนี่มีหลายกลุ่ม อย่างกลุ่มผู้ใหญ่นี่อายุ 60 ก็มี 60 กว่าก็มี คือถ้ารสนิยมเดียวกันเนี่ยอายุก็เป็นแค่ตัวเลข ซึ่งเวลาไปร่วมทริปกันเนี่ยทุกคนจะถอดหมวกออกหมด ไม่ได้นึกว่าใครเป็นผู้บริหาร ใครเป็นนักการเมือง ก็นั่งคุยกันสารพัดเรื่อง คือเราไม่ได้เจอกันเพื่อธุรกิจ แต่มาเจอกันเป็นเพื่อนกันในฐานะคนรักฮาร์เลย์เหมือนกัน อย่างเวลาเข้าไปตามหมู่บ้านในชนบทเนี่ย คนที่นั่นเขาก็ชอบมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน พอเขาเห็นฮาร์เลย์คันโตๆเขาก็จะเข้ามาลูบๆคลำๆ คุยกันถูกคอเลย บางทีก็มีคุณป้าคุณยายมาขอลองซ้อนฮาร์เลย์ของผม ผมก็พาแกขี่รถไปตามหมู่บ้าน โห..บิดทีน้ำหมากกระจายเลย (หัวเราะร่วน) แกก็พาไปกินเหล้าขาว เมากันซะ
อย่างอุบัติเหตุก็มีบ้างนะ ครั้งที่หนักจริง ๆ คือเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จะไปแม่สอด จังหวัดตาก ขับไปชนกับมอเตอร์ไซค์ของลุงคนหนึ่ง คือแกขับตัดหน้ากะทันหันเพราะว่าแกเมา แต่ผมเองก็ผิดด้วยเพราะวันนั้นยอมรับว่าขี่เร็วมาก คืออยากจะถึงที่หมายก่อนพลบค่ำ ชนโครมลุงแกกระเด็นไป หัวแตก เลือดอาบ ผมก็รีบเรียกรถพยาบาล ตอนนั้นนี่แมนมาก....(หัวเราะ) เข้าไปอุ้มลุงขึ้นรถ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองนี่ขาเหวอะเลย แต่พอไปทำแผลที่โรงพยาบาล มันต้องขูดแผลด้วย โหย.....ตอนขูดแผลนี่ร้องเป็นตุ๊ดเลย (หัวเราะขำ) คือมันเจ็บมาก เลยเป็นบทเรียนตั้งแต่นั้นมาว่าถ้าเราขี่ด้วยความเร็วปกติเนี่ย ศักยภาพระดับฮาร์เลย์มันเบรกทัน ไม่เกิดอุบัติเหตุแน่” คุณป้องเล่าถึงประสบการณ์ที่ยังจำไม่รู้ลืม
รถคันโปรด
แต่ก่อนคุณป้องสะสมรถฮาร์เลย์เดวิดสันไว้เกือบ 10 คัน แต่ปัจจุบันเริ่มลดลงโดยเขาจะพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งนอกจากคุณป้องจะดูแลรักษารถแต่ละคันเป็นอย่างดีแล้วเขายังตั้งชื่อให้รถทุกคันด้วย
“ตอนนี้มีฮาร์เลย์อยู่ 3 คันเท่านั้น ทุกคันเป็น limited edition หมด ส่วนอีกคันหนึ่งเป็นรถดูคาติสีแดง ซึ่งฮาร์เลย์คันที่ใช้อยู่ประจำเป็นคันสีขาว จริง ๆ ก็แพงไปหน่อย 2 ล้านกว่า คือมันมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบ ทั้งอุปกรณ์ GPS ซึ่งเชื่อมต่อกับโทรศัพท์แบบ Bluetooth ในหมวกกันน็อค มีเรดาร์บอกพิกัด มี MP3 ฟังเพลงได้ตลอดเวลา ผมจะตั้งชื่อให้รถทุกคัน จะตั้งชื่อเป็นผู้หญิงหมดเลย ภรรยา (คุณน้ำ-สลิล ล่ำซำ) เวลาได้ยินชื่อผู้หญิงจะได้สบายใจเพราะคิดว่าพูดถึงมอเตอร์ไซค์ (หัวเราะร่วน) อย่างคันสีขาวชื่อน้องมุก เพิ่งซื้อมาใหม่ มาแทนน้องแตงโม คันสีเขียว ซึ่งไปชนกับมอเตอร์ไซค์ที่จังหวัดตาก พังยับทั้งคันเลย แล้วก็มีคันสีเหลืองชื่อ เยลโล่เบิร์ด ส่วนคันใหม่ที่เพิ่งได้มา สวยมาก สีส้ม เลยตั้งชื่อว่าน้องส้ม ก็รักทุกคันนะ บางวันไม่ได้ขี่ไปไหน แต่แค่เห็นก็มีความสุขแล้ว” คุณป้องกล่าวตบท้ายถึงรถฮาร์เลย์ที่เขารักด้วยรอยยิ้มละไม
* * * * * * * * * * * *
เรื่อง - จินดาวรรณ สิ่งคงสิน