xs
xsm
sm
md
lg

เสพดนตรีบนความงามของธรรมชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดูเหมือนธรรมชาติจะถูกนำมาอ้างอิงเสมอในหลายๆ กิจกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมทางดนตรี อาจเป็นเพราะธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า สิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวที่นักแต่งเพลงนำมาอ้างอิงเสมอๆ จึงต้องเป็นของคู่กันเรื่อยมา

เทศกาลดนตรีโยกย้ายชวนส่ายเอวแบบโอเพนแอร์ อย่างวินเทอร์เฟสติวัล โบนันซ่า เขาใหญ่, แจ๊ซเฟสติวัล ริมชายหาดหัวหิน, ปาย เร็กเก้มิวสิกเฟสติวัล ฯลฯ ถือเป็นเทศกาลดนตรีที่มีเพลงเพราะบรรเลงท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติ บรรยากาศลมหนาว ไม่ว่าจะเป็นบริเวณริมทะเลหรือกลางหุบเขา โดยผู้ชมสามารถเริ่มต้นดื่มด่ำอารมณ์ ความรู้สึก ความงามของเสียงดนตรีชิลๆ ตั้งแต่ดวงตะวันยังไม่ทันลับสันเขาเพื่อเข้าถึงความงดงามของธรรมชาติ ด้วยเสียงดนตรี

ชมคอนเสิร์ตกลางแจ้ง
การฟังดนตรีเป็นสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นและผ่านไป แต่ถึงวันนี้เห็นได้ชัดเจนว่า อย่างไรก็ตาม มนุษย์กับดนตรีแยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ เทศกาลดนตรี และคอนเสิร์ตที่มีความแปลก หลากหลาย และซับซ้อนจึงโตขึ้นไปอย่างเป็นสเต็ป ทั้งรูปแบบและสถานที่จัดงาน เช่น ในผับ, ไนต์คลับ, โกดัง, สตูดิโอ ฯลฯ รวมทั้งพื้นที่แถบๆ เขาใหญ่ หัวหิน และเมืองปาย ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา เคยถูกใช้บริการจัดงานคอนเสิร์ตกลางแจ้งไปแล้วอย่างคับคั่ง ซึ่งจะมีการจัดคอนเสิร์ตลักษณะดังกล่าวมากที่สุดในช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ และถูกจัดกันจนช้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกนับครั้งไม่ถ้วน เนื่องจากได้รับการตอบสนองจากผู้สนับสนุน และคนดนตรีที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศชิลๆ ฟังเพลงสบายๆ ส่วนคอนเสิร์ตที่เล่นในฮอลล์ใหญ่ๆ สนามกีฬา ก็เริ่มถึงเวลาเอาต์ออกไปไกลทุกทีๆ เพราะลักษณะการจัดงานที่ขึ้นอยู่กับแนวเพลง

ในคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ที่จัดขึ้นกลางแจ้งตามธรรมชาติ ในป่าเขา หรือจะริมชายหาดก็ดี สิ่งสำคัญคือการสร้างความประทับใจให้ผู้ชมที่ยอมเสียทั้งค่าบัตร ค่าเดินทาง ค่าอาหารที่เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว ในขณะที่โลกกำลังรณรงค์ให้ลดใช้พลังงานอย่างบ้าคลั่ง แต่เป็นเพราะความรู้สึกดื่มด่ำในสุนทรียรสของการชมคอนเสิร์ตเกิดขึ้นจากการฟังด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทำให้แฟนเพลงตัวจริงมักปฏิเสธไม่ได้ แต่การเดินทางไปชมคอนเสิร์ตในสถานที่ไกลๆ นั้นไม่ได้มีเพียงเหตุผลทางด้านสุนทรียรสของการฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวช่วยตัดสินใจ เพราะทุกวันนี้เพียงแค่เข้าใจในบทเพลงยังไม่พอ แต่ต้องเข้าใจในบรรยากาศของการเสพเพลงด้วย และความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ทางดนตรีของ แต่ละบุคคลซึ่งมีได้ไม่เท่ากัน

จุดนี้เองทำให้ทางผู้จัดคอนเสิร์ตตามเทศกาล หรืองานดนตรีต่างๆ ต้องเร่งหาแนวทางที่แตกต่างจากการจัดคอนเสิร์ตรูปแบบเดิมๆ เข้ามาเป็นจุดขาย โดยจะมีการออกแบบเวทีและเสริมสร้างบรรยากาศในการชม โดยใช้อุปกรณ์เพิ่มมากขึ้นหลายอย่างเช่น แสง สี เสียง เอฟเฟกต์ จอภาพ ดรายไอซ์ พุไฟ วีทีอาร์ และอื่นๆ


กระแสการเสพคอนเสิร์ต
ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมากระแสเรื่องของการแสดงสดในบ้านเราค่อนข้างบูมมาก แต่นั่นไม่ใช่แค่เรื่องของการไปชมคอนเสิร์ต ณ สถานที่จริงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังรวมไปถึงบรรดายอดขายวีซีดี หรือดีวีดีบันทึกการแสดงสดที่ทำยอดอย่างถล่มทลาย จะว่าไปแล้วค่าเฉลี่ยของอัลบั้มบันทึกการแสดงสดเหล่านี้แซงอัลบั้มเพลงปกติไปเรียบร้อยแล้ว

ถือเป็นเรื่องที่สะท้อนกลับมาให้เห็นว่า สมัยก่อนคนเราเวลาที่จะเสพเพลงนั้น การซื้อซีดี หรือเทป ก็เป็นหนทางเลือกหนึ่ง ซึ่งง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด แต่เวลานี้คล้ายๆ กับว่า นั่นไม่ใช่ตัวเลือกอันดับหนึ่งของคนที่จะเสพเพลงอีกต่อไป เพราะว่ามันมีทางเลือกอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดทั้งฟรี และไม่ฟรี เอ็มพี 3 เพลเยอร์ ทั้งหลาย


ทางด้าน ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม เจ้าพ่อเด็กแนว ผู้บริหารคนดังแห่งคลิกเรดิโอ เล่าให้ฟังว่า การไปดูคอนเสิร์ตนั้นให้ความรู้สึกที่นอกเหนือไปจากการฟังเพลงในซีดี เพราะได้เห็นบรรยากาศ ได้พบปะกับตัวศิลปินอย่างใกล้ชิด ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า จริงๆ แล้วคนกับดนตรีเป็นเรื่องที่แยกออกจากกันไม่ได้ ใครจะว่าวงการเพลงอาจจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม แต่มันเป็นแค่เรื่องของการเปลี่ยนพฤติกรรมการเสพดนตรีของมนุษย์มากกว่า

“สำหรับการที่คอนเสิร์ตย้ายสถานที่จัดออกไปอยู่นอกเมืองผมมองว่า เป็นเรื่องของดีมานกับซัปพลาย คือทุกคนที่เป็นผู้จัดคอนเสิร์ต หรือคนในวงการนี้ ต่างต้องการให้มีคอนเสิร์ตในบรรยากาศที่แปลกๆ ใหม่ๆอยู่แล้ว ซึ่งปัญหาแต่ก่อนถ้าเทียบกับตัวผมเองก็จะพบว่ามีอยู่ 2 เรื่องหลักๆ นั่นคือ การออกไปต่างจังหวัดต้องลงทุนสูงกว่าการจัดในสถานที่ที่เขาเตรียมไว้ให้จัดคอนเสิร์ตอยู่แล้ว ดังนั้น ก็ต้องรอให้ถึงวันที่ทั้งสปอนเซอร์เข้าใจ แล้วสนับสนุนในงบประมาณที่เหมาะสม ส่วนผู้บริโภคหรือคนดูเองก็ต้องเข้าใจและพร้อมที่จะเสียสตางค์แพงขึ้น เพื่อให้คุ้มกับการทำโปรดักชันคอนเสิร์ตแบบนั้น ต่อมาเป็นเรื่องของการจัดการ เนื่องจากการจัดคอนเสิร์ตในอารีนา หรืออินดอร์สเตเดียมนั้นมันเป็นที่ที่ถึงแม้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการจัดคอนเสิร์ตแต่มันก็สามารถดัดแปลงให้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตได้ไม่ยากนัก แต่พอต้องไปจัดที่ต่างจังหวัด ตามป่าเขา ก็เท่ากับว่าผู้จัดต้องทำทุกอย่างใหม่หมดเลย ทั้งในส่วนที่อาจจะต้องมีอยู่แล้วหรือยังไม่มีต้องเพิ่มเข้าไปไม่ว่าจะเป็นแบบชั่วคราว หรือเป็นถาวรวัตถุกันไปเลย และหวังว่าจะมาจัดที่นั่นได้ทุกๆ ปี”

เวลานี้เราอาจะเห็นบัตรคอนเสิร์ตราคา 4,000 -5,000 บาทในประเทศไทยถูกจองและขายไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งราคาใน 4,000 -5,000 บาท แต่ก่อนต้องเป็นศิลปินจากต่างประเทศ แต่เดี๋ยวนี้ศิลปินไทยราคาเท่านี้แล้ว ซึ่งนั่นก็แปลว่าถ้าคอนเสิร์ตดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ ผู้บริโภคก็พร้อมที่จะจ่าย พร้อมที่จะให้การสนับสนุนถ้ามันคุ้มค่ากับสิ่งที่พวกเขาจะได้รับไป

“ในส่วนของสปอนเซอร์ กระแสเรื่องของการทำกิจกรรมแปลกๆ ใหม่ๆ นี่ก็เติบโตมานานแล้ว คอนเสิร์ตก็เป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ค่อนข้างชัดเจน มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนคืออยากได้คนดูแบบนี้ก็ต้องจัดศิลปินที่พวกเขาต้องการ มันจะดึงดูดคนดูมาเองโดยอัตโนมัติ ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ง่าย ทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เลยสอดคล้องกัน” ป๋าเต็ด กล่าว

สร้างบรรยากาศแปลกใหม่
หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับคอนเสิร์ตเลิฟอีส วินเทอร์ เฟสติวัล ที่จัดขึ้น ณ โบนันซา เขาใหญ่ ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่เละที่สุดในรอบปี แม้มีหลายเสียงที่ยังหนักใจเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา วินิจ เลิศรัตนชัย บอสใหญ่แห่ง บริษัท อาร์เอส เฟรชแอร์ จำกัด ได้ออกมาเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการแสดงคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองไทยว่า

“ส่วนตัวผมมองการเปลี่ยนแปลงของการจัดคอนเสิร์ตว่า มาตรฐานการจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ผมเคยทำมาจนถึงปัจจุบัน มันเป็นมาตรฐานที่ต้องมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงขึ้นเรื่อยๆ เรื่องของชัยภูมิสถานที่ด้วย และเรื่องของการจัดการด้วย จะไปทำที่ไหนก็ตามต้องใช้เวลาคิดนานมากถึงจะทำตรงนี้ได้ ธรรมชาติคนไทยต้องการความรัดกุมนิดหนึ่ง

“โชว์กลางแจ้งนับว่ามีเสน่ห์ในรูปแบบของตัวเอง ถ้ามองให้เห็นภาพและเข้าใจได้ก็จะมีคอนเสิร์ตเพื่อชีวิตที่เขาจะขึ้นเป็นประจำต่อเนื่องทุกปีที่แถบๆ เขาใหญ่ ในช่วงแรกๆ ผมก็รู้สึกว่าการจัดคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่นั้นจะไปก่อกวนสัตว์ป่าหรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงแล้วพื้นที่ตรงนั้นมันไม่ใช่พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณที่จัดคอนเสิร์ตเป็นพื้นที่ราบ มีภูเขาเล็กๆ ล้อมรอบ ใกล้ๆ ถนนใหญ่ และเป็นพื้นที่ของเอกชน” วินิจเล่าให้ฟัง

บรรยากาศการชมคอนเสิร์ตที่แตกต่างบนพื้นที่ 165 ไร่ที่อดีตเคยใช้ในการปลูกข้าวโพด แต่เวลานี้หลับตานึกภาพมันก็เหมือนกับอิมแพ็คอารีน่า เพียงแค่อยู่นอกสถานที่เท่านั้นเอง

“การจัดคอนเสิร์ตแบบนี้มีความแตกต่างกับคอนเสิร์ตในอารีนาหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวของผู้ชมเองก็ดี เพราะแน่นอนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าปกติ ทั้งค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าน้ำมันรถ ทั้งหมดก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการดูคอนเสิร์ตในเมือง ฉะนั้นเราต้องดูกลุ่มเป้าหมายที่จะเดินทางไปชมด้วยว่าเราจะเลือกกลุ่มไหน

“ปีแรกที่ทำคอนเสิร์ตในลักษณะนี้ เราก็เข้าใจว่า กลุ่มเป้าหมายจะเป็นคนในพื้นที่แถวปากช่อง โคราช หรือสระบุรี แต่ในความเป็นจริงแล้วการจัดคอนเสิร์ตที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ผู้ชมจำนวนมากเป็นคนจากกรุงเทพฯ ทั้งนั้นที่เดินทางไป เรียกได้ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ก็ขับรถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เปรียบเทียบได้กับการขับรถเพื่อไปอิมแพ็ค อารีน่า ในวันที่รถไม่ติด อารมณ์แบบนั้นเลยขับไกลหน่อยแต่รถไม่ติด นั่นก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่าถ้าจัดคอนเสิร์ตในรัศมีไม่เกิน 200 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ เราจะได้ผู้ชมที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก


“ต่อมาในเรื่องของบรรยากาศ แน่นอนเมื่อจัดงานนอกสถานที่ ต้องมีความพร้อม ทุกอย่างต้องเติมเข้าไปใหม่ เหมือนเราต้องไปสร้างเมืองอีกเมืองหนึ่ง ต้องลงทุนสร้างเมืองเลยสำหรับการเตรียมงาน เพราะถือเป็นสเกลที่ใหญ่มากสำหรับพื้นที่เปิดอันว่างเปล่า จึงอาจเป็นที่พูดถึงว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มีบรรยากาศกลางแจ้งแบบนี้ จึงเป็นที่มาของคอนเสิร์ตเอาต์ดอร์ทุกวันนี้ เรื่องการจัดการถือเป็นคอร์สที่ยุ่งยากมาก เพราะว่าเมื่อเป็นพื้นที่เปิดและใหญ่ การจัดเรื่องจราจร ปรับสถานที่ให้มีที่จอดรถ การจัดอำนวยความสะดวก และการรักษาความปลอดภัย 2-3 ปีที่ทำเหมือนเป็นการวางแผนระยะยาว ให้แก่คนดูดนตรีในรูปแบบใหม่

“ผมเริ่มทำตั้งแต่ช่วงฤดูหนาว อากาศเย็น เพราะต้องหาเรื่องใหม่ๆ สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่คอนเสิร์ตธรรมดา คาดว่านับจากนี้ต่อไป เทศกาลดนตรีแห่งฤดูหนาว จะจัดขึ้นกันเป็นประเพณีทุกปี”

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิมเวลานี้ อาร์เอส เฟรชแอร์ และโบนันซ่า เขาใหญ่ ยอมทุ่มทุนเนรมิตห้องน้ำเพิ่มขึ้นกว่าร้อย บวกกับทำถนนเพิ่มตัดตรงมายังบริเวณงาน ลดปัญหาเรื่องการจราจร และปัญหาเรื่องการขาดแคลนห้องน้ำไปโดยปริยาย

ถูกต้องและบกพร่อง
การจัดคอนเสิร์ตต่างจังหวัดที่ผ่านมา หากมองในมุมของคนทำงานในแวดวงดนตรีอาจรู้สึกว่านั่นเป็นนิมิตรหมายอันดี แต่การทำอะไรก็มีทั้งถูกต้องและบกพร่องเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อไหร่ก็ตามที่คอนเสิร์ตรูปแบบโอเพนแอร์มีการตอบรับเยอะ นั่นแสดงให้เห็นว่าเวลานี้มีผู้ที่สนใจเยอะมากขึ้นเหมือนกัน

เจ้าพ่อเด็กแนวแห่งคลิกเรดิโอมองเรื่องดังกล่าวพร้อมกับไขข้อสงสัยให้ฟังว่า ความผิดพลาดที่ผ่านๆ มาจะส่งผลให้เกิดการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงต่อไป ทำให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดี แล้วการที่เรามองเห็นได้ว่าสปอนเซอร์พร้อมที่จะสนับสนุนในโปรเจกต์ที่มันใหญ่ๆ แบบนี้ ในอนาคตคนคิดคนทำก็มีแรง มีความกล้าที่จะทำอะไรที่มันยากขึ้น ใหญ่โตขึ้นได้ต่อไป

“ผมเชื่อว่าเวลาที่มีคอนเสิร์ตซึ่งเป็นการจำหน่ายบัตร ไม่ใช่ฟรีคอนเสิร์ตทั่วไปที่ใครๆ ก็เข้าไปชมได้แน่นอนที่สุดคนที่เป็นลูกค้าหลักก็จะเป็นแฟนคลับตัวจริงที่ติดตามผลงานของศิลปินเหล่านั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการแสดงที่ไหนเขาก็ไปดู แต่ว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งที่จะไปดูนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับโชว์ หรือการแสดงนั้นๆ ว่าเป็นของศิลปินหมวดไหน บางหมวดคนกลุ่มหลังอาจจะเยอะกว่าคนกลุ่มแรก เป็นคนกลุ่มที่ต้องดูก่อนว่าในงานจะมีอะไรน่าสนใจมั้ย เล่นที่ไหน ศิลปินรับเชิญเป็นใคร ในส่วนนี้ผมว่าน่าจะมีไม่น้อย เพราะว่าการไปดูคอนเสิร์ตไม่ได้จบลงอยู่แค่การไปฟังเพลง มันเป็นการไปเสพบรรยากาศ ดังนั้นการเปลี่ยนบรรยากาศในการจัดนั้นมีผลต่อการตัดสินใจดูคอนเสิร์ตได้ไม่มากก็น้อย

“ต้องขึ้นอยู่กับคนที่เป็นคนจัดว่าให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มากน้อยแค่ไหน อย่างผมได้มีโอกาสไปดูกลาสตันเบอรีมิวสิกเฟสติวัล ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือสเกลมันใหญ่มาก พอเขาจบงานเขามีหน่วย หรืออาจจะเรียกว่ากองทัพก็ได้ในการที่จะมาเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่างคืนสู่สภาพเดิมให้ได้มากที่สุด คือหลังจบงานคอนเสิร์ตขยะจะเยอะเต็มสนามไปหมด ซึ่งต่างชาติเขาก็เป็นกันไม่ใช่เฉพาะคนไทย นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่เขาได้วางแผนวิธีการจัดการไว้ค่อนข้างรัดกุม ส่วนในเมืองไทยเองผมมองว่าประสบการณ์ที่ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ของแต่ละผู้จัดจะทำให้มุมคิดเรื่องนี้ถูกให้ความสำคัญได้มากยิ่งขึ้น


“การไปจัดงานไม่ว่าจะงานอะไรก็ตามบางอย่างเป็นเรื่องของประสบการณ์ บางอย่างเป็นเรื่องของความสามารถ อย่างที่บอกว่าเมื่อมันกระแสจากสังคมตอบรับเรื่องเหล่านี้ทั้งในแง่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยค่อนข้างดัง มันน่าจะส่งผลให้ใครก็ตามที่กำลังจะคิดจัดงานคอนเสิร์ต หรือเทศกาลดนตรีอะไรในลักษณะนี้อีกจะต้องวางแผนกันให้ครอบคลุม และละเอียดลออมากๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง” ป๋าเต็ด เล่าให้ฟัง

ซากศพของคอนเสิร์ต
เมื่อดนตรีเป็นเรื่องของสุนทรียศาสตร์ว่าด้วยความไพเราะ ความไพเราะของดนตรีเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถซาบซึ้งได้และเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ กับทุกคน ทุกระดับ ทุกชนชั้น ตามประสบการณ์ของแต่ละบุคคล

เมธินี ชัยพังยาง หญิงสาวแฟนเพลงเบอเกอรี่มิวสิกที่คว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กๆ ออกเดินทางไปชมคอนเสิร์ตกลางแจ้งตามต่างจังหวัดมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตเลิฟอีส วินเทอร์ เฟสติวัล ซึ่งจัดขึ้นที่เขาใหญ่ และแจ๊ซเฟสติวัลที่ชายหาดทะเลหัวหิน ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการจัดคอนเสิร์ตลักษณะดังกล่าวว่า
นับว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการไปเที่ยว ซึ่งแน่นอนจะมีกิจกรรมให้ทำ ไม่น่าเบื่อ

ความรู้สึกส่วนตัวเมธินียังบอกอีกว่า เธอชอบชมคอนเสิร์ตกลางแจ้งมากว่าการชมคอนเสิร์ตฮอลล์ หรือตามสตูดิโอ แต่ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากในการเดินทาง แต่ก็คุ้มค่าที่ได้มาเสพบรรยากาศด้วยตัวเอง แต่ที่ผ่านมาพบว่าการจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งในบ้านเรายังมีปัญหามากมายที่ต้องแก้ไข และวางแผนใหม่ให้ดีกว่าเดิม

“คอนเสิร์ตเลิฟอีส การแสดงดนตรีดีมาก แต่การจัดการรับไม่ได้จริงๆ สร้างความหงุดหงิดและความไม่พอใจให้แก่ผู้ชมหลายๆ คนที่ไป เพราะรถที่เข้างานติดกัน 3 - 4 ชั่วโมงไม่ขยับไปไหนเลย เจอปัญหาคนไม่มีตั๋วแอบเข้างานจนคนล้นทะลัก ผู้คนค่อนข้างอึดอัด หนาแน่นมากๆ เดินสวนกันไปมาทั้งคืนงานนี้ผู้ชมน่าจะประมาณ 20,000 คน ที่อัดกันเข้าไปได้

“ปัญหาห้องน้ำและอาหารไม่เพียงพอ ไปครั้งนี้ได้เข้าห้องน้ำแค่ครั้งเดียว (เกินพอ) แค่เห็นจำนวนห้องน้ำที่จัดให้ก็ใบ้กิน เพราะน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ ไหนจะอาหารการกินก็แพงแสนแพงอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกันนักร้องเล่นได้ประทับใจ เพลงเพราะดี แต่ปัญหาระบบเสียงไม่ทั่วถึงที่เป็นอีกหนึ่งปัญหาของคนที่ต้องการมาฟังเพลง

“ก็เข้าใจนะว่าตามป่าตามเขา คนไปก็อย่างหวังความสะดวกสบายอะไรมากมายเลย ต้องทำใจตั้งแต่ตอนไปแล้วแหละ เพราะมันไม่ใช่อิมแพ็ค แต่ที่ผ่านมาบางแห่งก็ไม่ไหวจริงๆ” เมธินีเล่าประสบการณ์อันโหดร้ายให้ฟัง

ทาด้าน มงคล ฉ่ำนิตย์ คนเพื่อชีวิตแฟนเพลงคาราบาว สะท้อนอีกมุมมองหนึ่งให้ว่า ความจริงเขาไม่สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตตามพื้นที่ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นของเอกชน หรือของอุทยาน เพราะป่าเติบโตอยู่ดีๆตามธรรมชาติได้ มนุษย์เราเข้าไปจัดงานอะไรก็ได้ แต่ไม่ยุ่งกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้จะดีที่สุด

“ให้ธรรมชาติอยู่แบบธรรมชาติดีที่สุดแล้ว คนจะอ้างอะไรก็ได้ สุดท้ายทั้งคนจัดและคนดูนั้นแหละไปรบกวนธรรมชาติ เลิกได้ก็น่าจะเลิกเถอะ เพราะเรามีหนทางเลือกอีกมากมายถ้าคิดจะทำ ประเภทรักธรรมชาติแล้วแห่กันไปถล่มกันในป่าในเขา บางครั้งผมได้บัตรมายังไม่ไปเลย เพราะคิดว่าไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของคนจำนวนมากๆ ที่ยกโขยงกันไปเหยียบธรรมชาติ ให้ธรรมชาติเติบโตดีกว่าต้องมาเป็นป่าท่องเที่ยวของมนุษย์”

เวลานี้ไลฟ์สไตล์การอิ่มอรรถรสกับความบันเทิงของคอนเสิร์ตเอาต์ดอร์เรื่องของระยะทางใกล้-ไกลคงไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว เพราะคนเมืองต่างแฮปปี้ และเต็มใจที่จะร่วมกันยกคาราวานเดินทางออกจากตัวเมือง เพื่อไปชมงานที่พวกเขาชื่นชม ในบรรยากาศสบายๆ ดังนั้นเสียงสะท้อนที่ตอบกลับมาก็ควรจะเป็นเสียงแห่งความสุข ความบันเทิง อย่าให้กลายเป็นเสียงบ่น เสียงด่า เสียมากกว่า...

********************
เรื่อง – นาตยา บุบผามาศ









กำลังโหลดความคิดเห็น