xs
xsm
sm
md
lg

เฮ้าส์ ซาวด์สังเคราะห์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คนที่ชื่นชอบดนตรีคงกำลังสงสัยว่า ในช่วงต้นปีนี้จะมีแนวเพลงใดหนอเข้ามาปลุกกระแสในบ้านเราแทนที่เพลงฮิปฮอปได้ในยามนี้ ข่าวแว่วๆ จากดีเจหนุ่ม หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากจะเปิดเพลงฮิบฮอพแล้ว เกิดอาการเบื่อเล็กน้อยเพราะเปิดมานานคนฟังก็มีแต่กลุ่มเดิมๆ จึงน่าจะมีแนวเพลงที่เข้ามาปลุกกระแสให้เสียงดนตรีตื่นตัวมากขึ้น และนั่นคือการกลับมาอีกครั้งของดนตรีเฮ้าส์หลังจากที่ห่างหายไปจากวงการเพลงนานหลายปี

เฮ้าส์ถือกำเนิดในช่วงปลายยุค 80's พัฒนาจากเพลงดิสโก้ ในยุค 70's เป็นแนวเพลงที่นิยมในหมู่ชาวสีม่วง โดยดัดแปลงให้ต่างจากเพลงป็อปทั่วไปให้ดูเดิร์นทันสมัยและเทรนดี้โดยมีบีทเสียงสังเคราะห์ในจังหวะ 4/4 (ตึ๊บๆๆๆ) ที่เราคุ้นเคย บวกกับเบสไลน์ที่ลึกและบวมตุ่ยๆ อีกทั้งยังผสานเสียงเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์พวกเสียงซินท์ ด้วยสำเนียงต่างๆ ที่จะสรรหามาได้ในโลก-ละติน, เรกเก้, แร็ป, แจ๊ซ โดยไม่เกี่ยงว่าส่วนประกอบเหล่านั้นจะมาจากเสียงสังเคราะห์หรือสด แม้แต่กลองก็ยังต้องสังเคราะห์เพื่อความแน่นของดนตรีและยังคงยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยมีการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัย ทำให้ดนตรีแนวนี้เป็นที่นิยมของขาแดนซ์ทั่วโลก

ส่วนในประเทศไทย เฮ้าส์ได้เกิดขึ้นมาเกือบ 20 ปี ยุคทองของดนตรีเฮ้าส์ในบ้านเราจะเป็นช่วงปี 2002-2004 ขณะนั้นตลาดดนตรีเต้นรำเปิดกว้างมากๆ และยังมีคลับดังจากต่างประเทศเข้ามาเปิดสาขาในบ้านเรา เช่น Ministry of Sound, Bed Superclub, Met Bar แล้วยังมีคลับสัญชาติไทยซึ่งเป็นที่นิยมไม่แพ้กันได้แก่ Narcissus, Lucile Disco tk., Cafe de Moc, Q-Bar, Tapas

จนมาถึงช่วงปลายปี 2004 ระเบิดทางดนตรีที่เรียกว่า ฮิบฮอพ ก็มากวาดแนวเพลงอื่นๆ ให้หายไป จนแทบไม่เหลือหลอ แต่ปีนี้น่าจะเป็นปีที่มีการเปิดกว้างมากขึ้นเพราะฮิบฮอพอยู่ในช่วงขาลง หากลองเปิดใจฟังเพลงเฮ้าส์กันดูก็น่าจะปลุกความนิยมของเฮ้าส์ขึ้นมาได้อีกครั้ง

*เฮ้าส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

หากพูดถึงเฮ้าส์ที่เน้นความสวยงามของทำนองเพลง มีเสียงของเครื่องดนตรีต่างๆ เช่น เบส (ถือเป็นเอกลักษณ์เลย) String และเสียงสังเคราะห์อื่นๆ จะรู้จักกันในนาม ฟังกี้ เฮ้าส์&ดิสโก้ เฮ้าส์ ซึ่งบางเพลงก็มีเนื้อร้องทำให้จำง่าย (ส่วนมากเป็นนักร้องหญิง) บางเพลงก็คล้ายกับเพลงดิสโก้ได้อารมณ์สนุกสนาน (หรือบางคนเรียกว่า “เด้งๆ”) แถมเซ็กซี่นิดๆ จะฟังให้เพราะหรือเต้นตามจังหวะก็ได้ และไม่ว่าเพลงไหนจะ อินหรือเอาต์ ฟั้งกี้เฮ้าส์ก็ยังถือเป็นแนวที่นิยมเล่นกันมากที่สุด โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายซาวด์ตามความรู้สึกของเพลง เช่น Uplifting, เซ็กซี่ ฟังกี้ เฮ้าส์, ฟิวเตอร์ ฟังกี้ เฮ้าส์ (ค่อนข้างแรงขึ้นมาหน่อย ซาวด์จะออกวูบวาบ), ฟั้งกี้ ดีพ เฮ้าส์ ฯลฯ แล้วแต่ใครจะสรรหามาเรียกกัน ส่วนดีเจหรือโปรดักชันที่น่าสนใจของเพลงแนวนี้ ได้แก่ Bob Sinclar, Antoine Clamaran, Olav Basoski, Master at work, Robbie Rivera, Junior Jack ส่วนคนไทยก็ Funky Gangster, Galaxtic Soul

แต่ถ้ากล่าวถึง Tribal House ซึ่งเป็นแนวที่นิยมกันมากในปีที่แล้ว เนื่องจากจังหวะที่เร้าใจ ซาวด์ดิบๆ จากเสียงเครื่องเคาะต่างๆ บางเพลงก็มีจังหวะคล้ายกลองยาวหรือเพลงของคนป่า (เป็นที่มาของชื่อ Tribal House) ถือเป็นเพลงเฮ้าส์ที่จัดว่าแรงแนวหนึ่ง (ฟังเอาเพราะคงไม่ไหว) ผู้ปลุกกระแส Tribal House ในเมืองไทยคือ ดีเจ Sunzone กับ ดีเจ Otawa ที่หลายๆ คนชื่นชมในผลงาน ส่วนดีเจหรือโปรดักชันจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงด้าน Tribal House ได้แก่ Robbie Rivera, Antoine Clamaran, Superchumbo, Steve Angelo, Steve Lavers

ส่วนเฮ้าส์ ที่นิยมเปิดกันมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นโปรเกร็สซีฟ เฮ้าส์ ถึงจะไม่สวยงามขนาดฟังกี้ เฮ้าส์แต่ก็ได้อารมณ์สนุกไปอีกแบบ ถ้าคุณชอบความล่องลอย มืดมนนิดๆ ลึกล้ำด้วยเสียงสังเคราะห์ จังหวะย่ำๆ หน่อย แนวนี้แหละที่คุณต้องการ จะฟังให้เพราะก็ยังได้ ดีเจบางคนก็นิยมเล่นปะปนไปกับ Progressive Tribal จนบางก็ครั้งแยกกันไม่ออก ดีเจหรือโปรดักชันที่น่าสนใจแนวนี้ ได้แก่ Satoshi Tomei, Deep Dish (ตอนนี้เปลี่ยนแนวไปแล้ว), Seb Fontaine, Sasha

ขณะที่ดีพ เฮ้าส์ จะเป็นเฮ้าส์กึ่งซิลค์ กึ่งเต้นได้ ถ้าฟังเผินๆ อาจจะคล้ายกับโปรเกร็สซีฟ เฮ้าส์ แต่จะไม่หนักและเร็วเท่า ให้ความรู้สึก มืดมน ล่องลอย มีเสียงสังเคราะห์บางๆ เครื่องเคาะนิดๆ มักใช้เปิดในงาน แฟชั่นโชว์หรือเปิดสร้างอารมณ์ก่อนเข้าปาร์ตี้ ถ้าสนใจแนวนี้ลองหางานของเลซี่ ด็อก, ฟั้งกี้ กรีน ด็อก, ซิลิคอน ซาวด์

และหากจะเอาใจคนที่ชอบฟังเฮ้าส์ที่เน้นฟังสบายๆ สวยๆ เบสไม่เร็วนัก อาจจะมีซาวด์แบบละตินมาผสมด้วย กลุ่มนี้เรียกว่าซิลค์ เฮ้าส์ แบ่งออกเป็นแนวย่อยๆ -ซาวด์ ฟูล เฮ้าส์ คล้ายๆ ดีพ เฮ้าส์ แต่จะฟังเย็นกว่า และอาจจะมีเสียงร้องเพราะๆ ด้วยแจ๊ซ เฮ้าส์ คล้ายเอาวงแจ๊ซมาเล่นสดบนจังหวะแบบเฮ้าส์ ส่วน Balearic House ซึ่งเป็นเฮ้าส์ที่ช้าที่สุดเลยก็ว่าได้ ฟังสบายสุดๆ เฮ้าส์กลุ่มนี้เหมาะแก่การนำไปเปิดตาม ฟูล ปาร์ตี้หรือนั่งฟังสบายๆ ริมหาด สนใจแนวนี้ลองหาแผ่นของ Naked Records, Ome Records, Hed Kandi

สำหรับเฮ้าส์ที่เป็นของมาแรงในต่างประเทศ แต่ในเมืองไทยยังถือเป็นของใหม่คือ อิเล็กโทร แจ๊สเฮ้าส์ ซึ่งจริงๆ คือแจ๊สธรรมดานี่แหละ แต่ถูกผสมด้วยเสียงสังเคราะห์จากยุค 80's จังหวะที่เคยกระชับก็ถูกทำให้หนืดขึ้น แน่นขึ้น โปรดักชันบางคนก็เอาเพลงจากยุค 80's มาทำใหม่ หรือบางเพลงที่ทำใหม่ก็ทำจนคล้ายเพลงยุค 80's (ยุค The Palace) ไปเลยนอกจากนี้ ยังมีแนวย่อยๆ ออกมาด้วยคือ มินิมอล เฮ้าส์ เป็นเฮ้าส์ที่เน้นซาวด์ อิเล็กทรอนิกส์ล้วนๆ แต่ไม่รกและไม่แรง ตอนนี้เพลงที่ออกมาใหม่ก็มักจะติดซาวด์แบบนี้ แนวนี้ถ้าชินแล้วจะฟังสนุก คนที่ชอบเต้นฮิบฮอพก็น่าจะเต้นได้ ดีเจหรือโปรดักชันที่น่าสนใจแนวนี้ได้แก่ Benny Benassi, Tocadisco, Cirez D, Philippe B ส่วนคนไทยก็ดีเจ มูดี้

*เฮ้าส์ บนข้าวสาร

มาโชน วอง ผู้จัดการร้าน เดอะ คลับ เล่าว่าดนตรีแนวเฮ้าส์แนวชิคาโก เกิดมาจากทางอเมริกายุค 80 และลามมาที่ยุโรป มีความหลากหลายของแนวดนตรีจนมาเป็นเฮ้าส์ เข้ามาในประเทศไทยนานกว่า 18 ปี แต่ละยุค แต่ละปีจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสแนวดนตรี อย่างปีที่แล้วต่างประเทศจะมีแนวเพลงที่เป็นอิเล็กโทร เฮาส์ อย่างปีนี้ในยุโรปก็จะเป็นแนวมินิมอล เฮ้าส์ ในประเทศไทยจะมีแนวดนตรีที่ล่าช้ากว่านิดหนึ่งอย่างอิเล็กโทร เฮ้าส์ เมืองนอกไปแล้วประเทศไทยเพิ่งมาฮิต

ยกกรณีตัวอย่างในเกาะอิวิซ่าสเปน เป็นเกาะที่จัดงานปาร์ตี้เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งแนวเพลงจะเกิดที่เกาะนี้ และจะทยอยแยกไปตามจุดต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ในสเปนแถบยุโรปแนวเพลงที่เกิดจากอเมริกาจะไปที่ยุโรปก่อนที่จะกระจายไปประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

ส่วนในประเทศไทยเพิ่งจะมาฮิตอิเล็กโทร เฮ้าส์ เนื่องจากแต่ก่อนจะนิยมฟังเพลงฮิปฮอปมานานหลายปี ดีเจจึงอยากจะเปลี่ยนแนวเพลงในบ้านเราบ้าง คนไทยชอบฟังเพลงแนวเต้นๆ อยู่แล้วจึงค้นหาเพลงที่กำลังได้รับความนิยม โดยใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นการสืบหาข้อมูล จึงได้แนวเพลงอิเล็กโทร เฮ้าส์นี่แหละที่เข้ามามีบทบาทแทนฮิบฮอพ และเป็นแรงบันดาลใจให้ดีเจทั้งหลายต่างพยายามจะพาเมืองไทยไปให้ทันแนวเพลงในยุโรปยุค 90

ขณะที่เมืองไทยยังไม่มีกฎเข้มงวดในการกำหนดเวลาปิดผับ ดีเจจึงมีเวลามากในการเปิดเพลงเฮ้าส์คนจึงรู้จักกันเยอะ แต่เมื่อมีกฎหมายให้ปิดผับเป็นเวลา มีการปราบปรามยาเสพติดขึ้น คนจึงเลิกฟังเพลงแนวเฮ้าส์ บางคนอาจจะบอกว่าฟังแล้วต้องอัปยาด้วย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ พักหลังมาดนตรีแนวฮิบฮอพจึงช่วงชิงความนิยมไปซึ่งเป็นกระแสที่มาจากต่างประเทศ โดยมีนักร้องหลายวงออกเทปมาเพื่อสนองความต้องการของคนรักดนตรีแนวนี้ เช่น โจอี้ บอย, ขันที ซึ่งก็ดังเปรี้ยงป้างอยู่ในยุคนั้น

“ลักษณะการเปิดเฮ้าส์ที่นิยมในบ้านเราจะเปิดโวโก้ เฮ้าส์ ในช่วงเวลาเย็นๆ แต่พอดึกๆ หน่อยก็เป็น ฟังกี้ เฮ้าส์ จะออกแนวแดนซ์หน่อย และดึกมากๆ จะเป็น มินิมอล เฮ้าส์ และอิเล็กโทร เฮ้าส์ แต่ตามหลัก ดีเจในเมืองไทยไม่สามารถเปิดเพลงเฮ้าส์ได้ทั้งหมดทุกแนวหรอก เพราะเวลามีจำกัด ดีเจ 1 คนมีเวลางานแค่ 2 ชั่วโมง เวลามีน้อยจึงไม่สามารถเปิดเพลงเฮ้าส์ได้ครบทุกแนว ซึ่งแตกต่างจากต่างประเทศที่สามารถเปิดได้ทุกแนว

“เวลาเปิดเพลงดีเจต้องดูอารามณ์ของลูกค้าด้วยและดึงเอาเสน่ห์ของเฮาส์ออกมาให้มากที่สุด ต้องยอมรับว่าในเมืองไทย เฮ้าส์ไม่ใช่แนวใหม่ แต่กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน เมื่อก่อนการเล่นดนตรีสดดังมาก พอเปลี่ยนแนวมาเป็นเฮ้าส์ เดอะ คลับ ก็หันมาเป็นคลับที่เป็นผู้นำแนวเพลงดังกล่าว และต้องการสร้างรูปแบบแนวเพลงของร้านเพื่อให้คนไทยได้เสพกัน ขณะที่การบริโภคของคนไทยค่อนข้างซบเซา หันมาดูแลการใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น ไม่ค่อยเที่ยวอย่างเมื่อก่อนแล้ว อย่างวันจันทร์- พฤหัสบดี คนก็จะน้อยมากตามร้านอื่นๆ ด้วย ส่วนศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีคนหนาตาหน่อย ซึ่งถ้าเศรษฐกิจของไทยตอนนี้ดีขึ้น มีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ การใช้สอยของคนไทยก็คงจะดีขึ้นตามลำดับ”


ดนตรีเฮ้าส์ เป็นแนวเพลงที่ไม่ค่อยมีศิลปิน จะเป็นการบรรเลงแนวดนตรีของดีเจมากกว่าหรืออาจจะมีโปรดิวเซอร์บางรายที่ต้องการนำแนวเพลงนี้เข้ามา ก็จะจ้างนักร้องมาร้องให้ก็เท่านั้น ซึ่งในเมืองไทยมีน้อยมาก โดยจะหาฟังได้จากค่ายแกรมมี่ที่มีกลิ่นอายของเฮ้าส์อยู่บ้าง เช่น มาช่า ในอัลบั้มชุดใหม่ แต่ยังมีน้อยมาก และก็มีไอซ์ที่เริ่มมีดนตรีแนวนี้เข้ามาผสมผสานร่วมด้วย

“เสน่ห์ของเฮ้าส์มีอยู่ในตัวของมัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบส เสียงร้องเมโลดี้ที่ไพเราะ และยังมีจังหวะที่น่าหลงใหล อย่าคิดว่าฟังเพลงแนวนี้แล้วต้องอัปยา ไม่จำเป็นเพียงเราเปิดกว้างที่จะฟังมันเท่านั้น ยกตัวอย่างกรณี เลิฟ พาเหรด (Love parade) จัดที่กรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมนี มีคนฟังเข้าไปจำนวน 1.5 ล้านคน ฟังก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไรกันเลย มีความสนุก มีความเป็นอิเล็กโทรแดนซ์ ซึ่งต่างจากฮิปฮอป หากไปยัดคนขนาดนั้นอาจจะตีกัน มีเรื่องทะเลาะกัน เพราะแนวดนตรีมันหนัก รุนแรง

“การผสมผสานโดยใช้กลอง เบส คีย์บอร์ด กีตาร์ เสียงร้อง ที่สำคัญเน้นเบสที่ต่ำและลึกมากตามเสียงร้อง ผสมกับเมโลดี้ที่ไพเราะ หากฟังแล้วยอมรับและเข้าใจมัน เฮ้าส์จะติดตามคุณไปทุกที่เพียงเราต้องการมัน จะก่อนนอนก็ฟังได้ เดินเที่ยวเหงาๆ คนเดียวก็ไม่เกี่ยง ขอให้เปิดกว้างฟังมัน เฮ้าส์จะออกมาสวยงามสมบูรณ์แบบมาก”

เจษฎาวุฒิ วชะนะจันทร์ หรือ ดีเจวุฒดี้ ร้าน Silk bar เล่าว่าได้ยินแนวเพลงเฮ้าส์มาตั้งแต่เริ่มเป็นดีเจ ซึ่งก็ประมาณ 6-7 ปีได้แล้ว ต้องบอกว่าเป็นดนตรีแนวใหม่จริงๆ เฮ้าส์จะออกแนวเด้งๆ โดยใช้ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ ในบ้านเราจะเล่นแนวเพลงทางยุโรปกับอเมริกา ช่วงหลังๆ ก็เป็นอังกฤษ แนวดนตรีมี Soul Full House, Funky House, Tribal House, Electro House, Progressive House เป็นต้น ในเมืองไทยนิยม Funky House, Electro House และ Progressive House ที่จะจำแนกออกไปตามกลุ่มคนฟัง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติมากกว่า แต่ในเมืองไทยก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น

“ผมชอบ Tribal House, Funky House และ Electro House เป็นแนวหลักๆ ที่ชอบ เพราะมันจะเด้งๆ แนวเพลงเฮ้าส์ไม่มีศิลปินตายตัว การทำเพลงแนวนี้สามารถทำได้ในทุกเพลง เพียงแต่เอาดนตรีและเพลงมามิกซ์ๆ กันได้หมด ที่เคยฟังก็จะมีเจอรรี่ เรเปโร่ เป็นเจ้าพ่อฟั้งกี้เล็กๆ ก่อนที่ผมจะหาเพลงแนวใหม่ ส่วนใหญ่ก็ทำการดาวน์โหลดในอินเทอร์เน็ตมากกว่า เพลงหนึ่งก็ตก 70-80 บาทซึ่งถือว่าไม่แพงมาก หรืออาจจะไปที่ศูนย์สั่งสินค้าจากเมืองนอกก็ได้ ถ้าเป็นแผ่นเสียงที่บันทึกเพลงมาจากต่างประเทศจะแพงมาก 1 แผ่น 580 บาท จนถึง 700 กว่าบาทก็มี อาจะเป็นอัลบั้มหรือ 2 แผ่นคู่

“ที่ซิลค์ บาร์ จะเปิดเฮ้าส์ทั้งคืน แต่เป็นเฮ้าส์ที่เป็นดนตรีเบาๆ ฟังไปด้วยทานอาหารไปด้วย ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ ส่วนเฮ้าส์ที่หนัก แรงๆ จะเรียกกันว่า ซาวน์ตลาดๆ หน่อย จะเด้งๆ เสน่ห์ของเฮ้าส์ อยู่ตรงที่มีจังหวะที่เพราะ เครื่องเป่ามีซาวนด์แปลกๆ ฟังแล้วมีจังหวะ ไม่เหมือน R&B เวลาที่เราเปิดเพลงก็ต้องดูอารมณ์ลูกค้าด้วยว่ามีปฏิกิริยายังไง เขาชอบมั้ย พอผมฟังแนวเพลงเฮ้าส์ ก็นึกถามในใจว่าเขาแต่งได้ไง จังหวะแบบนี้ แปลกดี เด้งๆ เพลงอะไรยิ่งฟังแล้วยิ่งชอบ” ดีเจหนุ่มบรรยายและทำมือประกอบ

ที่เปิดกันมีย่านข้าวสาร Silk bar, The club ย่านอาร์ซีเอ สามารถเดินได้เป็นโซนๆ ย่านสีลมมี Tabas ย่านซอย 4 พัฒนพงษ์ก็จะเป็นร้านคลิกเฮาส์ โดยแต่ละร้านก็แล้วแต่ว่าจะเปิดเฮาส์แบบไหน

*เฮ้าส์ ในหลากมุม

พอล เฮง นักวิจารณ์ดนตรีนิตยสารเวย์ กล่าวว่า เฮ้าส์เป็นแนวเพลงดิสโก้ที่ฮิตมากว่า 20 ปีแล้ว โดยพัฒนามาตามเทคโนโลยีที่มาจากคอมพิวเตอร์ ในอเมริกานิยมฟังในคลับเต้นรำ ในปัจจุบันแนวเพลงนี้จะนำเข้ามาโดยดีเจที่นำเพลงมามิกซ์เข้าด้วยกันและทำเป็นจังหวะที่เต้นรำได้ จะมีเสียงเบสเดินสลับกัน 72 ครั้ง/นาที หรือ 188 รอบถึง 135 รอบ/นาที

แต่ละเพลงก็จะมีจังหวะที่เร็วช้า เสียงร้องที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่การผสมซาวนด์ของดีเจ เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วตอนที่บอยสลิมเป็นดีเจ ส่วนดาราก็เป็นโดม ปกรณ์ ลัมน์ ขณะที่ Bacady จะมีการปลุกกระแสเครื่องดื่มพวกแอลกอฮอล์ที่เป็นแฟชั่น หรือชีวิตคนในเมืองที่เป็นไลฟ์สไตล์ มีรายได้เยอะ โดยใช้ดนตรีแนวนี้ประกอบ แนวเพลงนี้จะมีคนฟังเป็นกลุ่มก้อนมากกว่า

“เฮ้าส์แตกต่างจากดนตรีแนวอื่นอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีละตินผสมอยู่ มีคนผิวดำร้องเยอะ ความป็อปจะอยู่ในตัวเพลง การฟังจะมีทั้งระดับฉุดกระชาก ผ่อนคลาย ดิ้นสนุกๆ ด้วย ซึ่งมีหลากหลายชนิดมาก เป็นดนตรีที่ผสมแนวการเต้นรำ ผูกโยงชีวิตคนในเมืองกรุง เป็นไลฟ์สไตล์มากกว่าเฉพาะคนชั้นกลาง ในวัยรุ่นก็มีการผลักดันจากสื่อ เป็นเทรนด์ที่ดึงแฟชั่นออกมามากกว่า เพราะวัยรุ่นจะเป็นวัยที่อ่อนไหวในอารมณ์สูงและตามเพื่อนมาก” นักวิจารณ์เพลงอธิบายตามทัศนะ ที่เขาประสบมา

ในอนาคตอาจจะมีการฟังเฉพาะกลุ่มเหมือนเดิม เพราะคนเก่าที่ชอบเฮ้าส์ก็มีกลุ่มมานานหลายปี เช่น บางกอกบาร์ ย่านข้าวสาร มีการเปิดและฟังกันเยอะในช่วง 3-4 ปีมานี้ คนมารวมตัวที่นี่มีการเปิดที่บูมมาก แต่ช่วงหลังบางกอกบาร์ก็หันมาเอาใจคอเพลงอื่น เฮ้าส์จึงจางหายไป

ด้าน วัชรพงศ์ แสงเมฆ หรือ เก็ทตี้ ผู้ที่หลงใหลในเสียงดนตรีเฮ้าส์ เล่าอย่างสบายอารมณ์ว่า ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงเฮ้าส์ ตอนนั้นอยู่ในงานปาร์ตี้กับเพื่อน พอฟังก็รู้สึกชอบและคิดว่า ดนตรีอะไร เพลงอะไร ทำไมแปลกจัง มีแต่ดนตรี ทำไมเนื้อเพลงน้อยจัง ทำให้รู้สึกว่าดนตรีประเภทนี้ไม่เหมือนใคร ไม่จำเป็นต้องใช้ซาวนด์สังเคราะห์ที่แปลกไปจากดนตรีทั่วไป พอมาฟังก็มีความสุขคล้อยตามโดยปกติเพลงที่ฮิตกันทั่วไปเวลาจะฟังให้สนุก เราก็ต้องร้องเนื้อเพลงไปตามจังหวะได้ แต่เฮ้าส์ไม่จำเป็นต้องร้องตามเลย เราก็สามารถมีความสุขไปกับดนตรีที่บรรเลงไปได้

“ชอบเพลงเฮ้าส์มานานกว่า 9 เดือน จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจังและหาฟังบ้าง จะใช้วิธีโหลดจากเว็บต่างประเทศมากกว่าซื้อฟัง เพราะเพลงมันจะใหม่กว่าเพลงที่ดีเจเปิดกัน ที่สำคัญซิลค์ เฮ้าส์, ฟังกี้ เฮ้าส์ เป็นแนวดนตรีเฮ้าส์ที่ผมชอบมาก ยกตัวอย่าง เพลงซานฟรานซิสโก บางคนคิดว่าฟังเพลงแนวนี้ต้องอัปยาไปด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เราสามารถมีความสุขได้ด้วยการฟังและโยกตามจังหวะ มันเป็นดนตรีที่สวยงาม ฟังสบายๆ ตอนฟังเพลงเฮ้าส์ มันก็จะวนไปวนมา มีไม่กี่ท่อนหรอก ทำให้เราจำได้ และสนุกไปกับดนตรีมากกว่า ผมคิดว่าเฮ้าส์กำลังเข้ามาอีกระลอกหลังจากที่หายไปนาน เพราะเห็นว่าหลายๆ ผับได้เปิดเพลงเฮ้าส์แทรกเข้าไปช่วงท้ายๆ ของการเปิดเพลง คิดว่าคนที่ชอบฟังเพลงแนวนี้ คงเป็นคนที่รักอิสระ ไม่ยึดติด เรียบง่าย

“ผมมองว่าความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งแนวดนตรี รสนิยมในการเสพดนตรีก็ต่างกัน เฮ้าส์เป็นอีกดนตรีแนวหนึ่งที่ผมชอบฟัง แล้วคุณหละมีความสุขที่ได้ฟังเพลงแนวนี้บ้างหรือยัง หากยังลองเปิดใจคุณดูสักครั้ง แล้วคุณจะพบว่าเฮ้าส์มีมนต์เสน่ห์ และความน่าหลงใหลอยู่ในตัวของมัน” เก็ทตี้ บรรยายตามประสาหนุ่มนักสร้างสรรค์

*คลับที่เปิดเพลงเฮ้าส์

1. FLIX (RCA.) แนวที่เปิด - Funky & Disco House, Tribal House, Progressive House, Electro House
2. ASTRA (RCA.) แนวที่เปิด - แล้วแต่ event หรือ party
3. Q-Bar (สุขุมวิท) แนวที่เปิด - Funky & Disco House, Progressive House, Electro House
4. BED SUPERCLUB (สุขุมวิท) แนวที่เปิด - Funky & Disco House, Tribal House, Progressive House, Electro House
5. GROOVE KITCHEN (สุขุมวิท) แนวที่เปิด - Funky & Disco House, Tribal House, Progressive House
6. GLOW (สุขุมวิท) แนวที่เปิด - Deep House, Funky & Disco House, Tribal House, Progressive House
7. TAPAS (สีลม) แนวที่เปิด - Deep House, Funky & Disco House
8. CAFE DE MOC (อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย) แนวที่เปิด - แล้วแต่ event หรือ party
9. SILK BAR (ถ.ข้าวสาร) แนวที่เปิด - Chill House, Funky & Disco House, Progressive House, Electro House
10. MET BAR (สาทร) - Chill House, Funky & Disco House, Progressive House

**********************

เรื่อง-ออรีสา อนันทะวัน


กำลังโหลดความคิดเห็น