xs
xsm
sm
md
lg

"วังวรดิศ" ปณิธานที่ยังคงอยู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากที่สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้รับพระราชทาน "วังวรดิศ" มาอยู่ภายใต้การครอบครอง จากอดีตสู่ปัจจุบัน วังเก่าแก่ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งนี้ ยังคงงดงามอยู่ท่ามกลางความร่มรื่น และมากด้วยหลักฐานทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า

ในฐานะผู้สืบตระกูล คงไม่ง่ายดายที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อคงไว้ซึ่งเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ แต่ด้วยสำนึกที่หยั่งลึกถึงความเป็นทายาท ทำให้ วังแห่งนี้ ยังคงอยู่ยั้งยืนยง คู่ถนนหลานหลวง กระทั่งก่อเกิด หอภาพ ดิศวรกุมาร อันเป็นภาพต่อแห่งปณิธานที่ฉายชัดถึงความมุ่งมั่นของทายาท รุ่นเหลนนาม... ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล

ใต้เงาแห่งความร่มรื่นที่ปรากฏภายในรั้วรอบขอบ วังวรดิศ ย่านถนนหลานหลวง ชวนให้อยากเข้าไปสัมผัสถึงความในใจที่ซ่อนอยู่ของทายาทผู้สืบทอดพระวิสัยทัศน์และพระประสงค์ของสมเด็จฯกรมพระยา ดำรงราชานุภาพ องค์ต้นราชสกุล "ดิศกุล" ผู้ทรงดำรงบทบาทสำคัญนานัปการต่อแผ่นดินสยามในช่วงรัชกาลที่ 5

"นอกจากพระตำหนักใหญ่ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพระวรกายของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ และหอสมุดซึ่งไม่ต่างอะไรกับพระสมองของพระองค์ท่าน หอภาพดิศวรกุมาร ก็เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย เป็นดัง พระทัย ของพระองค์ ที่ถูกเติมเต็มเข้ามาเพื่อให้พระประสงค์ขององค์ต้นราชสกุล ที่ต้องการให้ วังวรดิศเปรียบเสมือนเป็นโรงเรียนดำรงราชานุภาพ ที่มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้สืบเชื้อสายจากพระนัดดา หรือหลานชายใหญ่ (ม.ร.ว.สังขดิศ ดิศกุล) และมีศักดิ์เป็นดิศกุล (รุ่นเหลน) หนึ่งเดียว ซึ่งรับหน้าที่สานต่อความเป็นไปของสถานที่แห่งนี้ เล่าถึงภารกิจสืบทอดพระดำริของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ที่แม้จะรับช่วงต่อมาโดยพระพินัยกรรม แต่ในใจเขาระลึกอยู่เสมอว่า... จะต้องธำรงรักษาสมบัติไว้ เพราะทรัพย์สินทางประวัติศาสตร์ที่ได้ครอบครองเหล่านี้เป็น มรดกล้ำค่าของแผ่นดิน

การสานต่อพระประสงค์แห่งองค์ต้นราชสกุล ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยทุกอย่างล้วนแต่ต้องใช้กำลัง ทรัพย์ แม้กระทั่งเงินรางวัลที่ได้รับจากการส่งม้าเข้าประกวดของคุณชายสังขดิศ ก็ยังมีส่วนหล่อเลี้ยงวังวรดิศมาแล้วเช่นกัน

เขาเล่าว่า บางช่วงของการสืบทอดวังวรดิศ ตั้งแต่สมัยท่านปู่ (ม.จ.จุลดิศ ดิศกุล) ก็ต้องเสี่ยงต่อ การสูญเสียวังมาหลายครั้ง โดยเฉพาะ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ช่วงนั้นเป็นยุคที่เจ้านายหลายพระองค์ต้องตกระกำลำบาก ชาวต่างชาติไม่น้อยที่คิดว่าให้อะไรมาก็คงจะรับไว้หมด สถานทูตบาง ประเทศสบประมาท พยายามเข้ามาติดต่อซื้อทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในวังวรดิศ ด้วยเงิน 1 ล้านบาท (ในยุคนั้น) เพื่อนำไปไว้ในหอสมุดแห่งชาติของตัวเอง เพราะเห็นว่าสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ทรงเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่สะท้อนความรุ่งเรือง ทำให้สยามประเทศปรากฏชื่อเสียงไปทั่วโลก

"คิดก็ไม่ได้ แค่คิดก็ผิดแล้ว ถึงแม้จะเป็นการ สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เราก็ต้องสำนึกในพระคุณของแผ่นดิน คุณพ่อเคยพูดเสมอว่า วังวรดิศ เป็นวังแห่ง พระมหากรุณาธิคุณ ได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เมื่อเราเกิดมาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้านายจะเอารัดเอาเปรียบไม่ได้ ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการทดแทนคุณแผ่นดินในการรักษาไว้ซึ่งมรดกทางด้านวัฒนธรรม การศึกษาให้ลูกหลานไทยต่อไป"

เรื่องราวพระจริยวัตรองค์ต้นราชสกุลที่ได้รับการปลูกฝังเรื่อยมา ทั้งการยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความเสียสละและความไม่เอารัดเอาเปรียบคน เมื่อเกิดมาเป็นผู้สืบเชื้อสายของเจ้านาย อย่างที่ ม.จ. พูนพิสมัย ดิศกุล ทรงเล่าประทานให้ฟัง ก็ยิ่งทำให้เหลนชายใหญ่ตอบได้ทันทีว่า ไม่เคยคิดที่จะขาย มรดกของปู่ย่าตาทวด ให้พ้นสภาพจากพระประสงค์เดิมของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นอันขาด

"สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ทรงมีพระทัยกว้างขวางต่อลูกหลาน ทรงมีบันทึกในพระพินัยกรรม ไว้ว่าหากลูกหลานจะขายวังวรดิศออกไปเป็นอะไรอย่างอื่น ด้วยความที่จะพยายามรักษาไว้ให้ถึงที่สุดไม่ได้อีกแล้ว พระองค์ก็ทรงรับสั่งถึงไว้เพียง พระบรมอัฐิขององค์พระมหากษัตริย์ และของพระองค์เอง ณ ห้องพระบรมอัฐิ ลูกหลานที่รับมอบมรดกสืบต่อมาต้องอัญเชิญไปไว้ที่ไหน อย่างไร"

ในฐานะทายาทผู้เป็นเจ้าของวังวรดิศคนปัจจุบัน เขาบอกว่า "คงเป็นเรื่องที่พระองค์ท่านทรงต้องการ ให้ลูกหลานตรึกตรองถึงความชั่ว/ดี และเป็นเรื่อง ความสำนึกของชั้นลูกหลานที่ควรคิดได้ด้วยตัวเอง"

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุให้เขาต้องเดินหน้าสานต่อปณิธานที่ดังกึกก้องด้วยความเต็มใจ นั่นก็คือ การสร้าง "หอภาพดิศวรกุมาร" ตามพระนามแรกประสูติของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ และโดยดำริของคุณพ่อ ให้เป็นแหล่งรวบรวมภาพถ่ายสำหรับบอกเล่าเรื่องราวความงดงามในพระอิริยาบถ ตลอดจนพระจริยวัตรส่วนพระองค์ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ที่แฝงไว้ด้วยแง่คิดที่เป็นประโยชน์ ซึ่งบางภาพ เป็นภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ที่ไม่เคยนำออกมาเผยแพร่ที่อื่นใดมาก่อน อีกทั้งยังรวบรวมรูปภาพสำคัญทางประวัติศาสตร์การปกครองในรัชสมัย รัชกาลที่ 5 ที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ เป็นองค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย

โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ทายาทผู้สืบตระกูล ยังได้รับพระมหากรุณา-ธิคุณ จากสมด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม-ราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด "หอภาพ ดิศวรกุมาร" อย่างเป็นทางการ ยังความปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้

วังวรดิศแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน แต่เดิมมี พิพิธภัณฑ์และหอสมุดกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แหล่งรวบรวมพระนิพนธ์ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ที่ได้รับความร่วมมือจากกรมศิลปากรมาช่วยดูแล

ส่วนพระตำหนักใหญ่ยังเป็นการดูแลของลูกหลานโดยแท้ เช่นเดียวกับหอภาพแห่งนี้ที่จัดสร้างขึ้นโดยยึดหลักไม่ฟุ่มเฟือย ซึ่งให้เป็นแหล่งเรียนรู้อุดมการณ์แห่งความรักชาติบ้านเมืองแก่เด็กและเยาวชน นับเป็นส่วนที่ 3 ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตามความตั้งใจของคุณพ่อ เปรียบเสมือนเป็น พระทัยขององค์ต้นราชสกุล ซึ่งการเข้ามาเยี่ยมชมในหอภาพ แห่งนี้ จะทำให้ทุกคนได้รับทราบถึงพระจริยวัตรอันเรียบง่ายของเจ้านายในยุคก่อน ที่ทรงมีความเป็นแบบอย่างในทุกด้าน แม้จะทรงมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการดูแลบ้านเมืองให้รอดพ้นจากประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกก็ตาม

"สิ่งหนึ่งที่สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ทรง สอนเสมอ นั่นคือ ความเป็นแบบอย่างให้กับสังคม ทรงย้ำอยู่เสมอโดยเฉพาะเรื่องความเสียสละ การดำเนินการจนสามารถเปิดหอภาพดิศวรกุมาร ที่จัดแสดงรูปภาพ อายุร่วม 100 ปี จำนวน 400 ภาพ ตามความตั้งใจของคุณพ่อ เราเองในฐานะคนรุ่นหลัง ตายไปก็เท่านี้ สิ่งที่เหลือไว้ให้ลูกหลานของเราเองได้คิดถึงบ้างก็น่าจะเพียงพอแล้ว"
กำลังโหลดความคิดเห็น