หลังจากได้ดวลแร็กเกตกับนักเทนนิสหญิงระดับท็อปของโลกในเวลานั้นอย่างเซเรนา วิลเลียมส์ แม้จะต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้มาเรีย ท้อถอยที่สำคัญอันดับโลกที่ขยับ ขึ้นไปอยู่ในท็อป 20 และเป็นหนึ่งใน 6 นักเทนนิสหญิงจากรัสเซีย ที่ขึ้นมาได้สูงสุดใน ดับเบิลยูทีเอ แรงกิ้ง นับเป็นการสร้าง ความเชื่อมั่นในเวลานั้นให้แก่สาวน้อยวัย 16 ไม่น้อย
เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์แพ้บ้างชนะบ้างในดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ ในที่สุดมาเรีย ก็ได้ลงสนามระดับแกรนด์สแลมอีกครั้งในเฟรนช์โอเพ่น แม้ว่าความทรงจำในแกรนด์สแลมแรกของฤดูกาล อย่างออสเตรเลียน โอเพ่น ดูจะเป็นฝันร้ายที่เธอมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนต้องตกรอบที่สาม แต่ในเฟรนช์ โอเพ่น ซึ่งเป็นคอร์ตดิน มาเรีย และ พ่อ ไม่สามารถคาดเดาเกมที่ต้องเผชิญเบื้องหน้าได้เลย
บนสนามโรลังด์ การ์ลอสปี 2004 มาเรีย ถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับที่ 18 ของรายการ และดูเหมือนสาวน้อยผมสีทองที่มีใบหน้าสะสวยไม่แพ้นางแบบจะเป็นที่จับตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอสามารถผ่านถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในการ แข่งขันระดับแกรนด์ สแลม แต่ฝันที่จะเข้ารอบลึกกว่านั้นของ มาเรีย ก็ต้องดับลงเมื่อ เธอพ่ายให้แก่ เปาโล ซูเรซ ซึ่งเป็นมือรองแบบหมดรูปสองเซตรวดและความพ่ายแพ้ดังกล่าวทำให้นักวิจารณ์เกมลูกสักหลาดวิเคราะห์ว่า มาเรีย นั้นไม่ต่างอะไรจาก แอนนา คูร์นิโควา ที่นอกจากความสวยงามแล้วแทบจะไม่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางลูกสักหลาดแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าคำวิจารณ์ดังกล่าวดังมาถึงหูของมาเรีย เป็นการเปรียบเทียบที่วูบแรกทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่ถูกมองว่าเป็นได้เพียงแค่เงาของนักเทนนิสหญิงรัสเซียชื่อดังในอดีต จากนั้นความไม่พอใจดังกล่าวขับดันให้เธอมุ่งมั่นที่จะทำผลงานให้ดีกว่าเดิม และพิสูจน์ให้เห็นว่า มาเรีย ชาราโปวา มีเพียงคนเดียวและไม่ได้เป็นเงาของใคร
ผลงานในเฟรนช์โอเพ่นที่สามารถผ่านไปได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ นับว่าน่าพอใจไม่น้อยสำหรับนักเทนนิสหน้าใหม่ และมาเรีย ก็แสดงให้คนที่สบประมาทเธอให้ได้เห็นว่าเป็นของจริงเมื่อคว้าแชมป์ทั้งประเภทเดี่ยวและคู่ในรายการอุ่นเครื่องก่อนแกรนด์สแลมวิมเบิลดัน ที่เบอร์มิงแฮม และผลงานดังกล่าว ทำให้อันดับโลกของเธอปรับขึ้นสู่หมายเลข 15 แน่นอนว่า ความมั่นใจของสาวน้อยวัย 16 ปีก่อนลงสู่ออลอิงแลนด์เทนนิสคลับ ในรายการวิมเบิลดันนั้นมีเกิน 100 เปอร์เซ็นต์