xs
xsm
sm
md
lg

เขาคือ เชียร์ลีดเดอร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บทพิสูจน์ความสามารถของ 13 ว่าที่ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 64 เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจาก เสียงเชียร์ดังกระหึ่มหอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ในค่ำคืนวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมาจบลง ท่ามกลางสักขีพยาน แน่นขนัด ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ศิษย์เก่าหรือศิษย์ปัจจุบัน

สำหรับโฉมหน้า 13 นิสิตที่ผ่านบททดสอบเข้าสู่การฝึกซ้อมอันเข้มข้น แบ่งออกเป็นหญิง 7 คน และชาย 6 คน ได้แก่

น.ส.วรรษพร วัฒนากุล นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ปีที่ 2
น.ส.งามสิริ อาศิรเลิศสิริ นิสิตคณะจิตวิทยา ปีที่ 2
น.ส.ณัชกมล เสถียรถิระกุล นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 2
น.ส.จนิสตา ชูช่วยสุวรรณ นิสิตคณะครุศาสตร์ ปีที่ 1
น.ส.วิรินทร์ คำเลิศลักษณ์ นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ปีที่ 2
น.ส.ปันชลิตา จันทรากูล นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 3
น.ส.ชนิตภัท สุดแล่วง นิสิตคณะอักษรศาสตร์ ปีที่ 1
นายพิชญะ ติระธนะพิบูลย์ นิสิตคณะอักษรศาสตร์ปีที่ 1
นายพิเชฐ กิจสัมฤทธิ์โรจน์ นิสิตคณะทันตแพทยศาสตร์ ปีที่ 6
นายวุฒินันท์ ปฐมภควันต์ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีที่ 1
นายวิชยุตน์ เลิศหิรัญรัตน์ นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 3
นายไกรพิชญ์ ทัศนแสงสูรย์ นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ ปีที่ 1
นายกฤช โคมิน นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีที่ 2
โดยทั้งหมดนี้จะเข้าสู่การฝึกซ้อมทุกวัน ตั้งแต่ 16.00 น. เรื่อยไปจนถึงสองยาม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้รับการกล่าวขานว่า หฤโหดไม่แพ้ใคร

พี่เจ็ง - บุญเกษม เสริมวัฒนากุล อดีตผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรุ่นที่ 37 และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้แก่ผู้จัดกิจกรรมเชียร์ลีดเดอร์ประจำงานฟุตบอลประเพณีฯ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องฝึกหนัก เพราะต้องการให้น้องๆ มีแรงสำหรับวันงานบอลประเพณี ซึ่งต้องนำเชียร์ตั้งแต่บ่าย 2 เรื่อยไปจนถึง 2 ทุ่ม ดังนั้นหาก ร่างกายไม่ฟิตพอก็อาจไม่สบายได้

"หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องฝึกหนักกันขนาดนั้น แล้วจะมีเวลาเรียน-พักผ่อนพอหรือไม่ แต่สิ่งที่พบได้ก็คือ น้องๆ ทุกคนรับผิดชอบ สามารถจัดระเบียบชีวิตตัวเองได้ นอกจากนั้น พี่เชื่อว่าการเป็นเชียร์ลีดเดอร์มีเสน่ห์ดึงดูดใจให้หลายคนอยากเข้ามาสัมผัส ตลอด 27 ปีที่พี่กลับมาช่วยงานจะรู้สึกได้ถึงความผูกพัน ความอบอุ่นระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องที่มีให้แก่กันมาโดยตลอด เนื่องจากเราซ้อมกันหนักมาก ทำให้เราเข้าใจจิตใจกันได้ดี แต่พี่ก็เชื่อว่ายังมีน้องบางคนอยากมีชื่อเสียงโด่งดัง อยากเป็นดารา และหวังใช้ตำแหน่งเชียร์ลีดเดอร์นี้เป็นบันได เลยต้องขอชี้แจงให้เข้าใจว่า แท้จริงแล้วเวทีนี้เป็นสถานที่ฝึกให้คุณเป็นคนคุณภาพ เพราะเรามีรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน เป็นระบบ ดังนั้นคนที่ผ่านการฝึกซ้อมนี้ เมื่อออกไปสู่โลกแห่งการทำงานจะเป็นคนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย และมีความมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ สูงนั่นเองครับ"

หันมาทางน้อง จนิสตา ชูช่วยสุวรรณ หรือ เอม นิสิตคณะครุศาสตร์ ปีที่ 1 หนึ่งในว่าที่เชียร์ลีดเดอร์ รุ่นที่ 64 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า "จะมุ่งมั่นทำให้เต็มที่ทั้งเพื่อตัวเอง เพื่อเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่มาคัดเลือกแล้วพลาดหวัง รวมถึงเพื่อมหาวิทยาลัยและรุ่นพี่ทุกคนด้วยค่ะ เพราะงานนี้เป็นงานใหญ่ เชื่อว่าทุกคนสู้เต็มที่แน่นอน"

วิชยุตน์ เลิศหิรัญรัตน์ นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 3 ก็ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยบอกว่า "เราทั้ง 13 คนจะตั้งใจฝึกซ้อมให้เต็มที่ แม้จะเป็นการซ้อมที่หนักมาก เพราะเราต้องไล่ตามธรรมศาสตร์ด้วย เนื่องจากเขาเริ่มซ้อมเชียร์ลีดเดอร์เร็วกว่าเราประมาณ 1 เดือนกว่าๆ แล้วครับ นอกจากนั้นก็จะดูแลเรื่องการเรียนของเพื่อนๆ ในทีมด้วยกันไม่ให้เสียด้วยครับ"

อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบปัจจุบันกับสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีต ผู้นำเชียร์รุ่นพี่หลายท่านต่างก็ให้ ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า มีการปรับปรุงพัฒนาดีขึ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการเชียร์ที่ดีขึ้น รูปแบบการเชียร์ที่ทันสมัยมากขึ้น ส่วนสิ่งที่ไม่เปลี่ยนนั้นคงเป็นเรื่องของทีมงานที่ยังต้องมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักนั่นเอง

ฐาณัติ อนันต์โรจน์วงศ์ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 เชียร์ลีดเดอร์รุ่นที่ 63 ผู้รับหน้าที่ฝึกสอนท่าลีดแก่รุ่น 64 เปิดเผยว่า จุดประสงค์ของการซ้อมหนักไม่ใช่เพื่อแกล้งกัน บางคนอาจไม่เข้าใจว่า ทำไมซ้อมเยอะมาก เราทำเพื่อให้น้องจำ พยายามไม่ให้ทำผิดอีก ทางที่ดีคือเวลาซ้อมอย่าคิดมากครับ ตั้งใจทำแล้วจะดีเอง

สำหรับธีมการจัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ในครั้งนี้ นายคณาธิป สุนทรรักษ์ หรือกอล์ฟ นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 สาขาสื่อสารการแสดง ประธานเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประจำงาน ฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 64 เปิดเผยว่า "ธีมงานฟุตบอลประเพณีฯ เป็นการย้อนมอง ซึ่งเราจะเน้นไปที่การหยิบความสุขเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง รวมถึงใช้งานฟุตบอลประเพณีเป็นสื่อกลางในการสะท้อนคุณค่าที่ดีงามอย่างแท้จริงของสังคมไทย เช่น ความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นอกจากนั้น เรายังอยากให้ชาวจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นศิษย์เก่าหรือศิษย์ปัจจุบันได้มองย้อนถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของงานบอล ซึ่งก็คือการกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างสองสถาบันด้วยครับ"

แม้ว่าในสายตาของใครอีกหลายคนในสังคมไทย การจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีระหว่างสองสถาบันยักษ์ใหญ่จะดูคล้ายกับการสอนให้ฟุ้งเฟ้อ หรือเน้นความรื่นเริงจนเกินเหตุ แต่หากได้มาสัมผัสถึงความตั้งใจจริงของทีมงานทุกฝ่าย การเตรียมงานที่เป็นระบบระเบียบ มีมาตรฐาน และการฝึกซ้อมอย่างหนักโดยไม่ปริปากบ่นจากน้อง ๆ ว่าที่เชียร์ลีดเดอร์ทั้งสองสถาบันแล้ว เชื่อมั่นว่าภาพที่สวยงามของเด็กกลุ่มนี้มีคุณค่าเพียงพอที่จะประทับลงในมุมดี ๆ ของสังคมไทยได้อย่างแน่นอน

หมายเหตุ - ผู้เขียนใส่คำว่า "ว่าที่" นำหน้าเนื่องจากน้อง ๆ ทั้ง 13 คนจะเป็นผู้นำเชียร์รุ่นที่ 64 โดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้ทำหน้าที่ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ วันที่ 19 มกราคม 2551 นั่นเอง


*************

ผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
กับงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

นับแต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการสถาปนาขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ สิ่งหนึ่งอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ "พระเกี้ยว"

ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ทุกครั้งที่ขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนาม นั่นคือความภาคภูมิใจของนิสิตทุกคน ทั้งยังตระหนักถึงความสำคัญของพระเกี้ยวอันศักดิ์สิทธิ์นี้ จึงก่อกำเนิดแนวคิด "ผู้อัญเชิญพระเกี้ยว" เพื่อเป็นเสมือนผู้ถวายอารักขา รวมทั้งยังเป็นตัวแทนของนิสิตจุฬาฯทั้งมวลอีกด้วย

กาลเวลาอันยาวนาน ผ่านทุกยุคทุกสมัย ภาพของผู้อัญเชิญพระเกี้ยวยังคงเป็นตัวแทนของนิสิตจุฬาฯตลอดมา และในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 56 ได้เกิดแนวคิด ผู้อัญเชิญพระเกี้ยวที่มาจากการคัดเลือกของเหล่านิสิตจุฬาฯด้วยกันเอง เพื่อเป็นตัวแทนของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างแท้จริงตราบจนปัจจุบัน และนั่นคือที่มาและความสำคัญของ "กลุ่มตัวแทนนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"

รายชื่อผู้แทนนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 64
1. นายศุภพัชญ ศรีภูษณาพรรณ (โฮม) คณะแพทยศาสตร์ ปี 1
2. นายนาวิน คล่องกิจการค้า (มอธ) คณะเภสัชศาสตร์ ปี 1
3. นายณัฐพงศ์ สหชัยวัฒนา (ปิง) คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 3
4. นายนิสิต รุ่งรุจิรัตน์ (หนุ่ย) คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 4
5. นายสิรภพ พวงจำปา (อ๊อบ) คณะรัฐศาสตร์ ปี 4
6. น.ส.ณัฐวรา หงษ์สุวรรณ (ส้ม) คณะอักษรศาสตร์ ปี 1
7. น.ส.นันทนัช ศิรธรานนท์ (ลูกแพร) คณะนิติศาสตร์ ปี 2
8. น.ส.พีรดา ชีพสัตยากร (พี) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) ปี 2
9. น.ส.พัทธจิต ตั้งสินมั่นคง (เจ) คณะอักษรศาสตร์ ปี 3
10. น.ส.พรรณรัตน์ ลีลาไพบูลย์สกุล (เบล) คณะเศรษฐศาสตร์ ปี 3
กำลังโหลดความคิดเห็น