ท่ามกลางบรรยากาศการต้อนรับกลับบ้านอันแสนอบอุ่น โดยมีกลุ่มเพื่อนนักปั่นจักรยาน และวงดุริยางค์จากโรงเรียนเซนต์ดอมินิคมาให้การต้อนรับ และร่วมแสดงความภาคภูมิใจกับคนไทยคู่แรกที่ออกเดินทางรอบโลกเป็นผลสำเร็จ โดยใช้จักรยานเป็นยานพาหนะในการเดินทาง ด้วยระยะทาง 40,000 กิโลเมตร
เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้วที่หนุ่มสาวคู่หนึ่งเลือกที่จะออกเดินทางรอบโลกด้วยจักรยาน 2 ล้อ กับโครงการที่มีชื่อว่า Thai Bike Around the World ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 – 2550 โดยมี คุณวรรณ อรวรรณ โอทอง กับแฟนหนุ่ม คุณหมู เจริญ โอทอง เป็นผู้เสนอโครงการ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนตัวแทนช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามของประเทศไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ พร้อมทั้งยังเป็นตัวอย่างให้แก่นักท่องเที่ยวในการรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมและการลดใช้พลังงาน ซึ่งกำลังสอดคล้องกับสถานการณ์การท่องเที่ยวต้านภัยโลกร้อนในปัจจุบันอีกด้วย
ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2544 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดพิธีปล่อยตัวฑูต 2 ล้อ ออกเดินทางไปเผชิญหน้ากับประสบการณ์ชีวิตจากทุกมุมโลก ซึ่งการเดินทางรอบโลกโดยจักรยานนี้ยังถือเป็นการฮันนีมูนของวรรณกับหมู โดยมีเส้นทางออกจากประเทศไทย ข้ามพรมแดนใต้สู่ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู เอกวาดอร์ โคลัมเบีย ปานามา คอสตาริก้า นิคารากัว ฮอนดูรัส เอลซาวาดอร์ กัวเตมาลา เม็กซิโก สหรัฐ อเมริกา โมรอกโก สเปน โปรตุเกส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ลักซัมเบิร์ก ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ ลิกเค่นสไตน์ เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลี สโลวาเกีย ฮังการี โรมาเนีย มอลโดว่า ยูเครน รัสเซีย คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน จีน เวียดนาม ลาว และประเทศสุดท้ายคือ กัมพูชา ก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศไทยทางด่านปอยเปต - อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว รวมประเทศที่เดินทางผ่านกว่า 40 ประเทศ ใน 6 ทวีปรวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 ปี 11 เดือน กับอีก 1 วัน
กว่าจะมาเป็น...ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
การเดินทางในครั้งนี้มีจุดประสงค์ในการเดินทางเพื่อเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รู้จักเมืองไทยมากขึ้นอีกทางหนึ่ง และยังเป็นการค้นหาความฝัน เพื่อทำตามความฝันของหนุ่มสาวคู่นี้ นอกจากนั้นการปั่นจักรยานรอบโลกของทั้งคู่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ติดตาม และทราบข่าวคราวของการเดินทางในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งหนทางนำไปสู่ความสำเร็จในการปั่นจักรยานรอบโลกของเขาทั้งคู่ในครั้งนี้มีผู้จุดประกายความฝันให้คือ ทอม เคลย์เตอร์ (Tom Claytor) นักบินเดี่ยวที่จะบินให้ครบทั้ง 7 ทวีปทั่วโลก โดยใช้ชื่อว่า นักบินลูกทุ่ง ซึ่งเขาได้เดินทางมาแล้วเป็นเวลา 9 ปี ผ่านหลายประเทศทั่วโลก และได้นำประสบการณ์บวกกับเรื่องราวต่างๆ มาถ่ายทอดให้กับคนที่มีความฝันเสมอ โดยเขาจะบอกกับผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเสมอว่า
"PASSION IS ALWAYS A REASON" SO FOLLOW YOUR HEART...
ซึ่งการปั่นจักรยานรอบโลกของวรรณกับหมูก็ได้ทอมเป็นผู้ให้แนวทาง ชี้แนะ ช่วยเหลือ เติมเต็มความมั่นใจ ส่งเสริม สนับสนุน ให้หนุ่มสาวคู่นี้เลือกทำในสิ่งที่ฝัน นอกจากนี้ทอมยังบอกกับวรรณด้วยว่า "เธอสามารถทำได้"
วรรณเล่าให้ฟังด้วยว่า ขณะนี้เราได้เริ่มทำความฝันของเราแล้วอย่างต่อเนื่อง ทอมและเราสองคนมีมิตรภาพที่ดีด้วยกันสูงมาก ทอมมีคุณค่าทางใจอยู่ในตัวเราสองคน โดยก่อนออกเดินทางทอมบอกกับเราสองคนว่า
“The only join in the world is to begin, begin your dreams” “Only as far as we seek can we go, only as much as we dream can we be”
“ผมเห็นแววตาคนมาทั่วโลก..แววตาเธอทั้งสองคนมีประกาย ผมรู้ว่าเธอสองคนทำได้...ไม่ต้องชื่นชมฝรั่ง คนไทยก็ทำได้ ผมจะเป็นที่ปรึกษาให้” คำพูดของทอมที่ปลุกให้วรรณและหมูก้าวเดิน
ความคิด ความฝัน และแรงจูงใจ
ก่อหน้าจะมีโครงการ Thai Bike Around the World วรรณและหมูได้ไปร่วมกิจกรรมการปั่นจักรยาน เพื่อรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดที่สนามหลวง ได้พบกับคุณเซบาสเตียน ซึ่งได้ปั่นจักรยานจากประเทศเนเธอร์แลนด์มาถึงประเทศไทย เขามาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 ทำให้วรรณและหมูได้มีโอกาสพูดคุย และได้รับฟังเรื่องราว ประสบการณ์การปั่นจักรยานในประเทศต่างๆ
“เราได้ถามคุณเซบาสเตียนว่า ประเทศใดในโลกที่เขาชอบไปปั่นจักรยานมากที่สุด เราได้รับคำตอบว่า ประเทศลาว เราทั้งสองจึงได้วางแผนการไปปั่นจักรยานในประเทศลาว เพื่อเรียนรู้และสะสมประสบการณ์ การปั่นจักรยานในต่างประเทศ พวกเราได้รับมิตรภาพที่อบอุ่นจากเด็กๆ ที่วิ่งเข้ามาทักทาย โบกมือ และพูดคำว่า "สบายดี" แปลว่า สวัสดี ตลอดเส้นทางที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ”
จากจุดนี้เองที่ทำให้วรรณกับหมูได้เดินทางร่วมกันโดยจักรยานไปในที่ต่างๆ อยู่เป็นประจำ เขาสองคนได้สนับสนุนช่วยเหลือกัน เพื่อเติมเต็ม ในความสามารถของแต่ละคน เรียนรู้ที่จะประนีประนอม และนำเอาความสามารถของพวกตนเองที่มี ในการทำงาน โครงการจักรยานรอบโลกนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้วรรณมีความฝันที่จะเดินทางไปในประเทศต่างๆ รอบโลกมานาน เคยไปประเทศเกาหลี สหรัฐอเมริกา แคนนาดา และจีน ซึ่งเธอปรารถนาที่จะไปประเทศอื่นๆ ในโลกเพื่อค้นพบ เรียนรู้เพื่อมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับผู้คนในแต่ละประเทศ การดำรงชีวิตของคนในแต่ละประเทศ อาหาร วัฒนธรรมที่แตกต่าง การดำรงชีวิตความเป็นอยู่ ได้พบผู้คนที่ใจดี
“ในช่วงการเดินทาง เราปรารถนาที่จะเติมเต็มกับความฝันที่มีในอนาคตอันใกล้นี้ มั่นใจว่ามีประสบการณ์ที่เพียงพอ ที่จะเดินทางไปในประเทศต่างๆ เพราะเคยได้ปั่นจักรยานในสภาพภูมิประเทศต่างๆ เช่นเนินสูงชันเป็นระยะทางไกลๆ ปั่นจักรยานรอบเกาะ ในป่า ในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย พวกเราเคยมีประสบการณ์ในการปั่นจักรยานขึ้นเขาเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ในอายุตอนนี้เรามีสุขภาพที่ดี มีสภาพร่างกายที่สามารถที่จะเดินทางได้ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะมีความสุขและภูมิใจ ในสิ่งที่ปรารถนาที่จะเดินทางรอบโลกที่เรามีความตั้งใจที่จะเดินทาง และเรากำลังจะเดินทาง เพื่อสำรวจโลกด้วยจักรยาน” วรรณเล่าให้ฟังความมุ่งมั่นในตอนแรก
“ใน 2-3 ปีที่ผ่านนี้ มีเพื่อนๆ แนะนำให้รู้จักกับจักรยานเสือภูเขา แล้วก็ได้ใช้ร่วมเดินทางอย่างสม่ำเสมอ จากการใช้ชีวิต เป็นนักแรมทางอยู่แล้ว พอมีจักรยานก็นำมาผสมผสานอย่างกลมกลืน กลุ่มของเราก็มีกิจกรรมด้วยกัน โดยปั่นจักรยานท่องเที่ยว พักผ่อนในสถานที่ต่างๆในประเทศไทย และนำจักรยานมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยขี่จักรยานไปทำงานตอนเช้า และขี่จักรยานกลับบ้านในตอนกลางคืน เกือบจะทุกวัน ทำให้มีสุขภาพที่ดี รักอิสระ ปลดปล่อยคลายเครียด จากสิ่งรุมเร้า รอบข้างได้เป็นอย่างดี”หมูเล่าให้ฟัง
เรียนรู้กันและกันในความประทับใจ
ตลอดเส้นทางที่ผ่าน ทำให้ทั่งคู่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการเดินทางนานับประการ และต้องอาศัยความวิริยะอดทน เนื่องจากต้องขับขี่จักรยานไปในเส้นทางที่เรียกได้ว่า ทุรกันดาร เช่น ทะเลทรายที่แห้งแล้ง เส้นทางภูเขาสูง เส้นทางอันตรายที่ต้องเสี่ยงกับความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่มีทำให้วรรณกับหมูได้รับการอนุเคราะห์จากเอกอัคราชทูตไทยหลายๆ ท่านในต่างแดนเรื่อยมา
“ประสบการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเดินทาง และเรื่องของภาษาก็นับเป็นปัญหาที่ใหญ่ไม่แพ้กัน ตอนอยู่ประเทศเสปนรู้สึกแตกต่างและไม่คุ้นเคยเลย เราจึงได้พักอาศัยโดยความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อจากท่านเอกอัครราชทูต พิทยา พุกกะมาน เพื่อเตรียมศึกษาเส้นทางให้ถูกต้องชัดเจนอีกครั้ง รวมถึงฝึกภาษาเสปนเป็นพื้นฐานเล็กน้อยก่อนออกเดินทาง
“มีคนถามเรื่องความโรแมนติกบ่อยมากๆ ต้องบอกเลยว่า ทุกๆ ที่ของเราสองคนเป็นความรู้สึกดีๆ ที่จะได้คอยดูแลกันและกัน เรานอกกลางทะเลทรายด้วยกัน ช่วยกันซ่อมจักรยาน เรื่องราวเหล่านี้เป้นความโรแมนติกที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วไหนชีวิต” วรรณเล่าให้ฟัง
ส่วนทางด้านหมูได้บอกถึงความรู้สึกประทับใจที่มีต่อหญิงสาวคู่ชีวิตซึ่งได้ร่วมเคียงข้างกันมาตลอดเวลาที่ปั่นจักรยานรอบโลกว่า
“วรรณเป็นคนเก่ง และมีความฝัน นอกจากนั้นเธอยังกล้าที่จะเดินตามความฝันของตนเอง ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวผู้หญิงคนนี้มาก เธอถือว่าเป็นคนพิเศษที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตผม การเดินทางด้วยกันรอบโลกมีเธอเป็นเหมือนกระทรวงการคลัง คอยดูแลจัดการ และยังเป็นกระทรวงการต่างประเทศสำหรับผมด้วย เพราะส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยเก่งทางด้านภาษา ตัวผมเองถ้าให้เปรียบผมขอเป็นกระทรวงเกษตรแล้วกัน ออกเดินทางออกลุยไปข้างหน้าตามเป้าหมายของตนเอง”
ผ่านร้อน ผ่านหนาว ไหนก็ไม่หวั่น
การปั่นในประเทศชิลีน่าสนใจมาก ยากลำบากเหมือนกัน เพราะต้องปั่นผ่านทะเลทรายอาตากาม่า (Atacama) ซึ่งเป็น “ทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก” ที่ฝนไม่เคยตกติดต่อกันนานถึงสองร้อยปี ระยะทางปั่นรวม 4000 กิโลเมตร ซึ่งสิ่งที่ทำให้วรรณกับหมูลำบากใจที่สุดในการเดินทางในรอบ 6 ปี ไม่ใช่ภูมิศาสตร์ แต่เป็นมนุษย์ด้วยกันเอง
“เบื่อมากเวลาที่ต้องเจอคนใจร้ายแล้วไม่สามารถต่อสู้หรือทำอะไรได้เลย โชคไม่ดี!!! ของการเดินทางในครั้งนี้ เราสองคนถูกโจรปล้นจนสิ้นเนื้อประดาตัว ที่ประเทศเอกวาดอร์ คนร้าย 5 คน ปล้นทุกอย่างของเรายกเว้นจักรยาน แต่เราก็ต้องผ่านจุดนั้นมาให้ได้ด้วยสติ ที่ต้องพร้อมจะแก้ไขปัญหาอุปสรรค” วรรณเผยถึงสิ่งที่รู้สึกแย่ที่สุดในการเดินทาง
นอกจากนี้ช่วงที่ทั้งคู่กำลังปั่นจักรยานเข้ามาถึงมลรัฐเคนตั๊กกี้ ได้ทราบว่าแม่ของหมูป่วยหนักอาการน่าเป็นห่วง หมูจึงได้เดินทางกลับเมืองไทยเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม เพื่อมาดูแลคุณแม่ที่โรงพยาบาล ส่วนวรรณได้พักอาศัยอยู่กับครอบครัวผู้ใจดี รอเวลาหมูกลับมา พอแม่อาการดีขึ้น หมูจึงกลับสู่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง แล้วทั้งสองคนก็ปั่นจักรยานฝ่าความหนาวเย็นที่อุณหภูมิติดลบเพื่อก้าวตามความฝันต่อไป แต่หลังจากนั้นไม่นานวันที่ 29 มกราคม 2548 คุณแม่ของหมูก็ได้เสียชีวิตลง นับเป็นความยากและทรมานยิ่งนักในชีวิตการเดินทาง ความหนาวหนักหนาเท่าใดยังไม่เท่ากับความเศร้าที่เข้ามาแทนที่ เมื่อรู้ว่าแม่ได้จากไปเสียแล้ว
“ทุกมลรัฐเราได้ทำหน้าที่ “ทูต 2 ล้อ” อย่างเต็มที่ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อหนังสือพิมพ์ถึง 10 ครั้ง โทรทัศน์ 2 ครั้ง เป็นภาพพจน์ที่ประเมินค่าไม่ได้ต่อเราสองคน และประเทศไทยที่ได้รับเกียรติอันนี้ ผมภูมิใจมากที่เกิดมาเป็นคนไทย และได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ
“ถึงตอนนี้ชีวิตเราสองคนไม่มีบ้านมาเกือบ 6 ปีเต็ม ยังไงก็ต้องบอกตัวเองและให้กำลังใจกันและกันเสมอว่า สู้ๆ ในชีวิตคนเรามีปัญหาต่างๆ เข้ามาให้เรียนรู้ที่จะแก้ไขตลอด เราต้องผ่านสิ่งยากๆ เหล่านั้นให้ได้ แล้วสิ่งที่ดีๆ จะรอเราอยู่ข้างหน้าเสมอ เรามีวันทุกข์ ยังไงก็ต้องมีวันแห่งความสุขตามมาอย่างแน่นอน
“ชีวิตผมทุกวันนี้กำลังมีความสุขที่จะรับฟัง และจดจำคำแนะนำดีๆ จากคนทั่วโลก และพยายามนำสิ่งเหล่านั้นมามอบให้แก่ผู้อื่นรอบๆ ตัวเพื่อตนเองจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และมีความสุขต่อไป” หมูกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ความฝันก้าวต่อไปของคู่รักนักปั่น
เวลานี้วรรณกับหมูได้เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว โดยเขาทั้งสองคนปรารถนาที่จะทำหนังสือบันทึกการเดินทาง ฉบับสมบูรณ์ ขึ้นมาเพื่อเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์อย่างทั่วถึงกันโดยละเอียด และจะเป็นบันทึกการเดินทาง การเรียนรู้ และการผจญภัย ที่ยาวนานอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งหมูได้เล่าถึงที่มาที่ไปของความฝันก้าวต่อไปให้เราฟังด้วยว่า
“ผมมีความฝันอยากเป็นนักเขียน ปรารถนาจะเขียน ทางด้านสารคดี การท่องเที่ยว เดินป่า ค้นพบ การผจญภัย จากการใช้ชีวิตการเดินทางเพื่อพักผ่อนในวันหยุด จากการทำงานเกือบตลอดเวลา 9 ปี ผมได้แบกเป้สัมผัสกับธรรมชาติ ชนบท ชาวบ้าน ผู้คนและเพื่อนเดินทางใหม่ๆ อยู่เสมอ จึงเป็นการ สั่งสม เติมเต็ม ให้กับความฝันอยู่เสมอ ผมรักธรรมชาติ เพราะเป็นเด็กชนบท ที่อยู่กับป่าเขา แม่น้ำ ทะเล มาตั้งแต่เด็ก ความซึมซับ ที่เกิดจากพื้นฐานชีวิต จึงเปรียบเหมือนได้ว่า "หัวใจสีเขียว”
“ผมคิดว่า จักรยาน, การแรมทาง, สุขภาพกาย, สุขภาพจิต, การค้นพบและแสวงหา จึงเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอยู่เรื่อยๆ ความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนได้ชัดเจนมากขึ้น ผมจะทำให้สำเร็จ… ผมขอสัญญา” หมูกล่าวด้วยความมั่นใจในความฝันของตนเอง
ส่วนกิจกรรมอื่นๆ นั้นวรรณกับหมูบอกว่า อยากจะไปพูดให้กับเด็กนักเรียน นิสิตนักศึกษา ได้รับทราบถึงประสบการณ์ผ่านทางภาพนิ่งและวีดีโอ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความฝันและแรงบันดาลใจกับเยาวชนคนไทยต่อไป...
**********************
ประวัตินักเดินทาง
นาง อรวรรณ (หอวัฒนสุข) โอทอง, (ชื่อเล่นว่า วรรณ)
เกิดที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2513 (ปัจจุบันอายุ 37 ปี) ใช้ชีวิตวัยเด็กและเติบโตที่
จังหวัดสุโขทัย เป็นบุตรของนาย สุรพงษ์ หอวัฒนสุข (เสียชีวิตปี 2548) และนางกาญจนี หอวัฒนสุข
การศึกษา
จบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดคูหาสุวรรณ มัธยมศึกษาที่โรงเรียนอุดมดรุณี
จบมัธยมปลายที่โรงเรียน Chilton High School รัฐวิสคอนซิล ประเทศสหรัฐอเมริกา (ได้รับทุน A.F.S.)
ปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
การทำงาน
อดีตพนักงานที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย
**********************
ประวัตินักเดินทาง
นาย เจริญ โอทอง (ชื่อเล่นว่า หมู)
เกิดที่อำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 (ปัจจุบันอายุ 36 ปี)
เป็นบุตรของนาย ปรีชา โอทอง และนาง สงวน โอทอง (เสียชีวิตปี พ.ศ. 2548)
การศึกษา
จบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านเขาฝ้าย มัธยมศึกษาที่โรงเรียนสิชลประชาสรรค์
ปวช.ที่วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช
อนุปริญญา (ปวส.)ที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลนนทบุรี
การทำงาน
เริ่มทำตั้งแต่จบการศึกษาที่บริษัท แฮ้ปปี้แลนด์ จำกัด เป็นเวลา 9 ปีเศษ จากนั้นจึงได้ออกเดินทางปั่นจักรยานรอบโลกกับคุณ อรวรรณ (หอวัฒนสุข) โอทอง ซึ่งเป็นภรรยา
**********************
เรื่อง – นาตยา บุบผามาศ