คนเราทุกคนย่อมต้องการแต่งบ้านให้สวยงาม เพื่อความน่าอยู่และเป็นหน้าเป็นตา ด้วยของตกแต่งทั้งหลาย
แต่สิ่งหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาอันยาวนานมา
ทุกที่ ทุกมุม ทุกบ้าน ทุกชนชั้น ต้องมีประดับบ้าน
ก็คือ พระบรมฉายาลักษณ์ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทุกหัวระแหงเมืองไทย ไม่ว่า บ้านเล็ก บ้านใหญ่ บ้านคนจน บ้านคนรวย
ต่างก็ต้องมีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงไว้ประดับบ้านกันทุกหลัง
ให้ความรู้สึกเสมือนหนึ่งพระองค์ท่านประทับอยู่กับเราทุกที่ ทุกเวลา
และนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความเคารพและเทิดทูนองค์ในหลวงแล้ว
ยังเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความเป็นกษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทุกคน
ที่คนไทยทุกคน สามารถแสดงความจงรักภักดีได้เหมือนกัน
อย่างน้อยที่สุดก็คือ การประดับพระบรมฉายาลักษณ์ 'พ่อหลวง' ไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของบ้านนั่นเอง
และเรื่องราวนี้ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ ผู้หญิงคนหนึ่ง และช่างภาพ คนหนึ่ง
ทำหนังสือปกทอง '60 ล้านดวงใจถวายพ่อ' ขึ้นมา
บ้าน ไม่ว่าจะหลังเล็ก หลังใหญ่ เป็นบ้านที่อยู่ในเมือง หรือบ้านปลายนา หลายคนไขว่คว้าเพื่อที่จะมีบ้านสักหลังมาเป็นของตนเองเพื่อเติมเต็มให้แก่ชีวิต เพื่อสร้างครอบครัว สร้างความอบอุ่น แต่ไม่ว่าจะเป็นบ้านไหนๆ ก็ล้วนแต่เป็นที่ที่ให้ความอบอุ่นและเป็นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยเสมอ
และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับทุกๆ บ้านที่เป็นบ้านของประชาชนคนไทยก็คือ การมีพระบรมฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้ประจำบ้าน ไม่ว่าบ้านหลังนั้นจะอยู่แห่งหนใดบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งทุกครั้งที่ได้มองภาพของพระองค์ ก็จะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจได้อย่างมากมาย ไม่ว่าประกอบอาชีพใดก็ตาม
นี่คือความจงรักภักดีที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของชนชาวไทยทุกคน การมีพระบรมฉายาลักษณ์ไว้เพื่อกราบไหว้ ไว้ภายในบ้านถือเป็นสิริมงคลยิ่ง
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ร่วมกับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำโครงการ 'รูปที่มีทุกบ้าน' เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ ได้มีโอกาสร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ด้วยการถ่ายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ หรือภาพ พระราชกรณียกิจที่มีอยู่ประจำบ้าน พร้อมเขียนข้อความถวายพระพร หรือคำบรรยายถึงแรงบันดาลใจในชีวิตที่เกิดจากพระบรมฉายาลักษณ์ ในพระองค์ (ความยาวไม่เกิน 4 บรรทัด) ส่งมาเพื่อรวบรวมประกอบกันขึ้นเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่เพื่อเป็นมิ่งขวัญ สัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจ และความจงรักภักดีต่อพระองค์สืบไป
เมื่อคนดังร่วมถ่ายทอดแรงบันดาลใจที่ได้จากมุมหนึ่ง ของบ้าน
************
จิตต์ จงมั่นคง
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่ายศิลปะ) ปี 2538
'พระบรมฉายาลักษณ์นี้เป็นภาพพระราชทานเมื่อ พ.ศ.2506 ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาตให้ติดตั้งไว้ ณ ห้องภาพ จิตต์ จงมั่นคง ตอนที่ผมเปิดร้านใหม่เพื่อเป็นสิริมงคลในการประกอบอาชีพของผมมากว่า 35 ปี ซึ่งปัจจุบันผมได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์นี้มาไว้ที่บ้าน และจนถึงวินาทีนี้ภาพภาพนี้ก็ยังคงเป็นสิริมงคลต่อการดำเนินชีวิตของผมและครอบครัวจนหาที่เปรียบมิได้'
************
อภิรักษ์ โกษะโยธิน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
'พระบรมฉายาลักษณ์นี้ได้มาเมื่อปี 2539 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ปกติจะตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานตลอดตั้งแต่ทำงานอยู่บริษัทเอกชน พอมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์นี้มาไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ เพราะว่าเป็นภาพที่พระองค์ท่านทรงงาน เราได้เห็นภาพที่พระองค์ท่านทรงตรากตรำทรงงานเพื่อดูแลทุกข์สุขของพสกนิกรชาวไทยในถิ่นทุรกันดาร เห็นภาพนี้ก็ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า เราในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งก็น่าจะทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อถวายพระองค์ท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทในปัจจุบันผมก็ได้พระองค์ ทรงเป็นแรงบันดาลใจ และน้อมนำพระราชดำรัสในพระองค์มาบริหารกรุงเทพมหานครให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่พระองค์ทรงเคยพระราชทานแก่กรุงเทพมหานครมาตลอด ระยะเวลาหลายสิบปี กรุงเทพมหานครได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสในพระองค์ในหลายๆ เรื่องมาปฏิบัติ'
'ในปีนี้เป็นปีมหามงคล 80 พรรษา ก็ได้ทำโครงการภายใต้แนวทางที่ว่า ทรงเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมที่ได้มาจากภาพนี้ด้วย และภาพเดียวกันนี้ กรุงเทพมหานครก็เคยใช้เป็นภาพโครงการปณิธานล้านดวงใจถวายในหลวงเมื่อปีที่แล้ว ที่เชิญชวนคนมาลงนามที่จะตั้งปณิธานทำบัญชีรายรับรายจ่าย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ก็มีความรู้สึกที่ดีทุกครั้งที่ได้เห็นภาพนี้
**************
นันทิดา อัศวเหม
'ตู่จะติดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงไว้ที่มุมนี้ เพราะเห็น ได้ง่าย เวลาที่เรามานั่งตรงนี้ได้เห็นภาพพระองค์ท่านแล้วรู้สึกอุ่นใจ และเชื่อว่าคงเป็นความรู้สึกของทุกคนที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นประชาชนของพระองค์ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน มากล้นจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ตู่เชื่อแน่ว่าหลายคนสำนึกในจุดนี้อยู่แล้ว และได้ยินอยู่ตลอดเวลาว่าทำดีให้พ่อเห็น บางคนทำแล้ว แต่บางคนมีจิตสำนึกที่ดีอย่างเดียวยังไม่พอค่ะ ทำให้พ่อเห็น ไม่มีอะไรที่ช้าเกินไป ถ้ารวมพลังกันแล้วจะเป็นของขวัญที่พระองค์จะดีพระทัย เดาได้เลยว่าพระองค์ไม่ทรงอยากได้อะไรนอกจากการได้ทรงเห็นประชาชนของพระองค์อยู่อย่างมีความสุขค่ะ'
******************
ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค
นักแต่งเพลง
'บ้านตอนสมัยเด็กๆ พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงจะเป็นขาว-ดำ เป็นรูปสมัยครองราชย์ใหม่ๆ พระพักตร์ตรง สวมพระมาลา ตอนนั้นทรงเป็นยุวกษัตริย์ ต่อมาย้ายบ้านบ่อยก็มีภาพใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม จนทุกวันนี้ที่บ้านมีพระบรม-ฉายาลักษณ์ของพระองค์จำนวนมากประดับอยู่เกือบทุกมุมของบ้าน และแต่ละมุมก็จะมีหลายรูปด้วย ถ้าพูดอย่างภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่าเป็นแฟนคลับของพระองค์ สำหรับรูปที่ชอบที่สุดก็คือ พระบรมฉายาลักษณ์ขณะที่ทรงแย้มพระสรวล ทรงพระเกษมสำราญ ทำให้เราสบายใจที่เห็นพระองค์ทรงมีความสุข'
****************
ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล
'พระบรมฉายาลักษณ์นี้ได้มานานกว่า 20 ปีแล้ว จำได้ว่า ตอนนั้นมีการสู้รบกับผู้ก่อการร้าย ตามหน่วยทหารก็จะมีรูปพระราชทานให้แก่หน่วยทหาร พี่ได้รูปนี้มาก็เลยประทับใจ และเป็นรูปที่พี่รักมากๆ เลย จากการที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ที่บ้าน ทุกครั้งที่ได้เห็นพระองค์ ก็จะมีความรู้สึกว่าเราโชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทย และมีพระบาท-สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเสียสละปฏิบัติพระราชภารกิจเพื่อลูกหลานราษฎรของพระองค์ตลอดมา พระองค์ทรงเป็น พระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในโลกที่มีแต่ให้ เราลูกๆ ของพระองค์ก็รับอย่างเดียว มีความรู้สึกว่าอยากให้พระองค์มีพระทัยเบิกบาน ทรงมีความสุข ไม่ต้องทรงแบกภาระเหมือนอย่างปัจจุบัน พี่ก็จะพยายามทำอะไรที่เราทำได้ให้ดีที่สุดเพื่อดำเนินการตามเบื้องพระยุคลบาทตลอดไป'