“ทิศทางการท่องเที่ยวของเกาะพะงันค่อยๆ เปลี่ยนไปในสายตาของผม โดยมีความต้องการเข้ามาพักมากขึ้น เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มองหาโรงแรมคุณภาพมาตรฐานสากลแต่คงไว้ซึ่งเสน่ห์ของเกาะ วิถีชีวิตชุมชน”
การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมเป็นที่สนใจของนักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเชนที่รับบริหารโรงแรมขนาดใหญ่จากฝากตะวันตก ทั้งอเมริกา ฝรั่งเศส ก็เข้ามาเปิดแบรนด์ใหม่ๆในเมืองไทยเพิ่มขึ้น บางเชนยังแตกซับแบรนด์เพื่อเกาะเทรนด์นักท่องเที่ยว อย่าง บูติก โฮเทล หรือ ฮิบโฮเทล หรือโรงแรมระดับ 6 ดาวหรูหรา สร้างความต่าง เจาะนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม หรือ นีชมาร์เก็ต ที่เห็นๆในกรุงเทพ เช่น ดรีมโฮเทล สุขุมวิท , สยาม@สยาม ปทุมวัน และ ทริปเปิ้ลทรู สีลม หรือในต่างจังหวัดอย่าง วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน-ชะอำ ,ดาราเทวี เชียงใหม่ เป็นต้น
อดัม เมดเวย์(Adam Medway) เป็นอีกหนึ่งนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่สนใจที่จะลงทุนในธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว แม้จะเป็นธุรกิจที่ไม่ใหญ่โตมากในขณะนี้ แต่อนาคตอันใกล้ เขาคิดต่อไปว่า จะมีการลงทุนเพิ่มอย่างแน่นอน
เริ่มจากการที่นักธุรกิจหนุ่มชาวอังกฤษผู้นี้ ได้หลงใหลในเสน่ห์ของท้องทะเลในประเทศไทย ที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากโอกาสที่เขาได้เคยเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน โดยการแนะนำของเพื่อนร่วมห้องไฮสคูลที่เป็นคนไทย ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 13 ปี ความประทับใจครั้งแรก ทำให้ อดัม เป็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่เดินทางมาซ้ำทุกๆปี จนถึงขั้นลงหลักปักฐานด้วยการลงทุนเปิดภัตตาคารและบาร์สไตล์ฮิปชื่อ “ชิชา บาร์” ขึ้นที่เกาะพงัน ผันตัวเองขึ้นเป็นเจ้าของกิจการ
จุดขายของเกาะพะงันที่เลื่องชื่อลืมนามในหมู่นักท่องเที่ยวคือ “ฟูลมูนปาร์ตี้”(Full-moon Party) เกาะพะงันจึงเป็นที่หมายตาของนักท่องเที่ยวชาวฮิปปี้จากทั่วโลกที่รักธรรมชาติ และกิจกรรมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำ หรือการพายเรือคะยัก เที่ยวชมท้องทะเลของหมู่เกาะอ่านทองแห่งนี้
เมื่อธุรกิจภัตตาคารและบาร์เริ่มอยู่ตัว ผู้บริหารหนุ่นคนนี้จึงคิดต่อยอดขยายกิจการ ด้วยการลงทุน 60 ล้านบาท สร้างโรงแรมสไตล์ฮิบ บูติก ขึ้นแห่งแรกที่เกาะพะงัน ภายใต้ชื่อ “มันดาลัย” (MANDALAI) เป็นโรงแรมขนาด12 ห้องพัก เน้นการตกแต่งแบบโรแมนติก ใช้วัสดุจากท้องถิ่น ผสมงานปูน เพราะกว่า 10 ปี ที่เขาอยู่เมืองไทย นอกจากจะได้เห็นความงดงามของท้องทะเลและความเป็นธรรมชาติของเกาะพงัน เขายังเห็นโอกาสทางธุรกิจ แทรกตัวจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว คือโรงแรมและรีสอร์ทขนาดใหญ่ หรือ โรงแรมขนาดเล็กของคนท้องถิ่น เปิดเป็นฮิบ บูติก โฮเทล
**เทรนด์นักท่องเที่ยวเปลี่ยนเน้นสไตล์เฉพาะตัว
“ทิศทางการท่องเที่ยวของเกาะพงันค่อยๆเปลี่ยนไปในสายตาของผม โดยมีความต้องการของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาพักมากขึ้น เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มองหาโรงแรมที่พักที่มีคุณภาพมาตรฐานสากลแต่คงไว้ซึ่งเสน่ห์ของเกาะ วิถีชีวิตชุมชน ขณะที่โรงแรมตามความต้องการมีจำนวนจำกัด แม้เงินลงทุนไม่มาก และเป็นโครงการที่ไม่ใหญ่โต แต่เชื่อว่าตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้อย่างครบถ้วน” อดัม กล่าว ในฐานะ กรรมการผู้จัดการ เจ้าของโครงการโรงแรมมันดาลัย
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่แปรเปลี่ยนไปตามเทรนด์ของการท่องเที่ยวโลก ด้วยการใส่ใจและรู้รักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรป กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นคนรุ่นใหม่ เขาจะตระหนักในเรื่องนี้มาก ซึ่งตรงกับนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยว ที่ต้องการนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ซึ่งในที่นี้ไม่ใช้แค่มีเงินมีกำลังซื้อ แต่ต้องเป็นผู้ที่เที่ยวอย่างรู้รักษ์ธรรมชาติ
“โจทย์ ของมันดาลัย คือต้องให้ความรู้สึกแก่ลูกค้าที่เข้าพักรับรู้ได้ถึงความเป็นส่วนตัว หรูหรา มีสไตล์เฉพาะตัวให้เกิดความรู้สึกประทับใจตามปรัชญา ของฮิป บูติก โฮเทล ด้วยบริการชั้นยอดให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านแต่ราคาไม่แพงจนเกินไป”
การเติบโตทางการท่องเที่ยวของเกาะสมุย ที่เริ่มเข้ามาถึงขีดสูงสุด การผุดขึ้นของ โรงแรม ที่พัก และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย ก่อให้เกิดความวุ่ยวาย ในสายตาของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบ ในการพักผ่อนกับธรรมชาติ สำหรับช่วงเวลาที่หยุดพักจากการทำงาน เกาะพงัน จึงไม่ใช่ที่เที่ยวสำหรับฮิปปี้ ที่ใช้สังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง หรือ ฟูลมูน อีกต่อไป แต่ยังมีกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงที่ต้องการเข้าไปพักผ่อน และเรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมงท้องถิ่นด้วย บางครั้งคนกลุ่มนี้ อาจเคยเป็นฮิปปี้มาเที่ยวฟูลมูน เมื่อวัยเด็ก เหมือน “อดัม” ก็เป็นได้ แต่เมื่อเขามีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น บางคนเป็นถึงระดับผู้บริหาร ก็ยังอยากจะกลับมาฟื้นความหลังในคืนฟูลมูน ในที่แห่งนี้ก็เป็นได้
นอกจากนั้น “มันดาลัย” ยังมี “เอนโธอิเจน”(Entheogen) ซึ่งเป็นเรือประมงที่ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด คงไว้ซึ่งโครงสร้างเดิมของเรือเท่านั้น แต่ภายในถูกปรับปรุงใสเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ห้องน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น โทรทัศน์ เครื่องเล่นคาราโอเกะ เพื่อสร้างความสำราญที่พิเศษแบบสุดๆ เหมาะสำหรับการปิกนิก ดำน้ำ ตกปลา หรือจัดเลี้ยงอย่างเป็นส่วนตัว โดยเรือลำนี้สามารถรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 15 คน เป็นอีกหนึ่งบริการ ที่มีไว้ให้สำหรับแขกผู้เข้าพัก หรือนักทัศนาจรอื่นๆ
กลุ่มเป้าหมายของ “มันดาลัย” จะเป็นนักเดินทางจากยุโรป กลุ่มคนรุ่นใหม่มีมีสไตล์เป็นของตัวเอง ตลอดจนคู่ฮันนีมูน ที่เป็นอีกหนึ่งตลาดเป้าหมายหลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดยลูกค้าหลักน่าจะเป็นกลุ่ม FIT ที่เดินทางด้วยตนเอง และ ต้องการมองหาความแปลกใหม่สำหรับการท่องเที่ยว อีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นลูกค้าที่มาจากทราเวลเอเจน ช่วงฤดูไฮซีซั่น จะเป็นกลุ่มยุโรป ส่วนช่วงโลว์ซีซั่นจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเกาหลี และ ออสเตรเลีย รวมถึงนักท่องเที่ยวตลาดคนไทย ที่มีสไตล์
**ปั้นแบรนด์มันดาลัยขึ้นฮิบโฮเทล**
“อดัม” กล่าวว่า เขาต้องการสร้างแบรนด์ มันดาลัย ให้เป็นที่รู้จักวงกว้างในกลุ่มกลุ่มธุรกิจโรงแรม และนักท่องเที่ยว โดยชูจุดขายในเรื่องของสไตล์การตกแต่ง และ บรรยากาศของโรงแรม กับราคาที่คุ้มค่า โดยเริ่มต้นที่ 3,200-5,600 บาทต่อคืน ถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งหากเปรียบเทียบกับโรงแรมที่เกาะสมุย แม้ มันดาลัย จะเพิ่มเริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด โฮเทล ไทยแลนด์ ได้จัดให้ มันดาลัย เป็นโรงแรมฮิบ บูติก ระดับ 4 ดาว และมีลูกค้าเข้าพักอัตราเฉลี่ยที่ 60-70%
สำหรับช่องทางการทำตลาดจากนี้ไป จะหาพันธมิตรที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน อย่างเว็บไซน์ เช่น สนุก ดอทคอม และ พันธ์ทิพย์ ดอท คอม ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือ กลุ่มสินค้าบริการอื่นๆ เช่น ล่าสุดเตรียมร่วมกับ บริษัท เอไอเอส จัดแคมเปญช่วงเดือนพฤศจิกายนศกนี้ มอบราคาพิเศษให้แก่ลูกค้าเอไอเอส หรือ จับมือกับเวดดิ้ง พลาซ่า จัดโรแมนติกแพกเกจ ฟูลมูน ปาร์ตี้ เป็นต้น
การลงทุนในอนาคต อยู่ระหว่างการศึกษาเปิด มันดาลัย เฟส 2 ที่เกาะพงัน คอนเซปต์ พูลวิลล่า ทุกหลัง จำนวน 25-35 หลัง ตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณ มันดาลัย เฟสแรก คือที่ชุมชนชาวประมงหาดโฉลกหลำ ราคาห้องพักต่อคืนจะอยู่ประมาณ 250 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ หรือกว่า 8,750 บาท นอกจากนั้นยังฝันว่า หากเป็นไปได้ จะสร้างโรงแรมสไตล์ฮิปโฮเทล ภายใต้แบรนด์ มันดาลัย ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในเอเชีย เช่น อินเดีย ฮ่องกง และในกรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับ มันดาลัย อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท In esto จำกัด ถือหุ้นโดยบริษัท The London Development จากประเทศอังกฤษ 49% ตามข้อกฎหมาย ซึ่งเป็น บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในครอบครัวของตระกูล “เมดเวย์”