ตัวอักษรจีนกว่า 6 ล้านตัว ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นนวนิยายกำลังภายในด้วยระยะเวลานานกว่า 5 ปี
ในยุคนี้ นักเขียนนวนิยายจีนที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมสูงสุดคือใคร? คำตอบยอมหนีไม่พ้น ‘หวงอี้’ นักเขียนชาวฮ่องกงที่สร้างผลงานไปทั่วภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ที่สร้างผลงานนวนิยายกำลังภายในผสมผสานวิทยาศาสตร์อิงประวัติศาสตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
หวงอี้ เป็นคำอ่านภาษาจีนกลาง หากอ่านออกเสียงเป็นแต้จิ๋วจะอ่านว่าอึ้งเอี๊ยะ หวงอี้เป็นคนฮ่องกง ถือกำเนิดในปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันอายุ 55 ปี
*การเดินทางสู่ทำเนียบนักเขียน
เริ่มต้นจากหวงอี้เป็นนักอ่านตัวยง ศึกษาทั้งดาราศาสตร์ จนถึงวิชาคอมพิวเตอร์ การเข้าสู่ทำเนียบนักเขียนของหวงอี้นับว่าเป็นเรื่องราวเหลือเชื่อเพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นถึงรองผู้อำนวยการสำนักงานฮ่องกงอาร์ต ดีเวลล็อปเมนต์ เคาน์ซิล เรียกได้ว่ามีเงินเดือนสูง และความมั่นคงในอาชีพการงานดีอีกด้วย
แต่เมื่อเวลาเดินทางเข้าสู่ปี พ.ศ. 2529 หวงอี้ได้อ่านเจอนิตยสารบู๊เฮียบสี่ก่าน หรือโลกแห่งยุทธจักร เปิดรับต้นฉบับของนักเขียนหน้าใหม่ จากจุดนี้เองที่ทำให้เขาหันมาเขียนนวนิยายกำลังภายในขนาดสั้นเรื่องหนึ่งส่งเข้าไป และหลังจากนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 8 เดือน ในที่สุดหวงอี้ก็ได้รับการติดต่อกลับมา จากนั้นทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการ โดยหันมาผลิตงานเขียนอย่างจริงจัง
*ผลงานสะท้านฟ้า
เนื่องจากหวงอี้เป็นนักเขียนยุคใหม่ที่เขียนนิยายกำลังภายในในช่วงที่ตลาดซบเซา เพราะการเสียชีวิตของโก้วเล้ง และการหยุดเขียนของกิมย้ง สองนักเขียนนิยายระดับปรมาจารย์ ทำให้ผลงานของหวงอี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย
ผลงานของหวงอี้ที่จัดพิมพ์ในประเทศไทยแปลโดย น.นพรัตน์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊คส์ ไม่ว่าจะเป็น เจาะเวลาหาจิ๋นซี มังกรคู่สู้สิบทิศ เทพมารสะท้านภพ ขุนศึกสะท้านปฐพี จอมคนแผ่นดินเดือน ฯลฯ
ในช่วงแรกๆ ผลงานของหวงอี้ค่อนข้างหวือหวา และเต็มไปด้วยบทอีโรติก จนในที่สุดเขาก็พบแนวที่เหมาะสมที่สุดนั่นคือ แนวการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ผสมผสานไปกับนิยายกำลังภายใน ซึ่งถือว่าเป็นความแปลกใหม่และได้จุดกระแสความนิยมขึ้นในหมู่นักอ่านทั้งฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานชุด ‘เจาะเวลาหาจิ๋นซี’ ที่มีการคิดพล็อตเรื่องสลับซับซ้อน การวางจังหวะตัวละครอย่างลงตัว ลุ้นตลอดเรื่อง จนลบอย่างสวยงาม
แต่หวงอี้ไม่หยุดแค่นั้นเขาได้ผูกเรื่อง ‘มังกรคู่สู่สิบทิศ’ ที่ถือเป็นสุดยอดมหากาพย์แห่งยุค ที่สร้างสรรค์ตัวอักษรให้ผู้อ่านได้ลุ้นตั้งแต่บรรทัดแรกถึงบรรทัดสุดท้าย ต่อมาเขายังมีผลงานเรื่องสั้นแบบเรื่องเดียวจบอีกด้วยนั่นคือ ‘ขุนศึกสะท้านปฐพี’
“เทพทลายนภา เป็นนวยิยายเรื่องแรกในชีวิตการเขียน และยังเป็นเรื่องแรกที่เขียนถึงด่านความเป็นความตาย การหลุดพ้นจากทางโลก ซึ่งในผลงานลำดับต่อมาไม่ว่าจะเป็นเทพมารสะท้านภพ มังกรคู่สู้สิบทิศ และจอมคนแผ่นดินเดือด ล้วนดำเนินไปทิศทางที่ชัดเจน”
*กระบี่มือหนึ่ง น.นพรัตน์
กระบี่มือหนึ่งของไทยนามว่า น. นพรัตน์ เป็นผู้ที่ลงมือแปลงานเขียนของหวงอี้ได้ดีอย่างยิ่ง สื่อภาษาออกมาให้คนไทยได้ใช้จินตนาการโลดแล่นไปกับตัวอักษรได้อย่างสนุก น่าติดตาม
น.นพรัตน์ ได้กล่าวในมุมมองนักแปลนวนิยายของหวงอี้ให้ฟังว่า หวงอี้เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางสายใหม่กับวงการนิยายจีนกำลังภายใน ผลงานของเขาหลอมรวมหลักวิทยาศาสตร์เข้ากับกำลังภายในได้อย่างลงตัว บอกจากนั้นยังมีการศึกษาถึงข้อมูล ความรู้ที่อิงประวัติศาสตร์ และมีการบรรยายฉากบวกกับการบรรยายตัวละครได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง
“ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 มา เป็นเวลากว่า 7 ปี ที่ผมไม่ได้แปลหนังสือของคนอื่นเลย นอกเสียจากหวงอี้เพียงผู้เดียวเท่านั้น เพราะหวงอี้มีจุดเด่นที่สามารถชักนำผู้อ่านให้หลุดพ้นจากโลกปัจจุบันก้าวข้ามมิติแห่งกาลเวลาเข้าสู่อาณาจักรแห่งจินตนาการ ความฝันอันเพริศแพร้วพิสดาร
“จุดเด่นนั้นอยู่ที่การสร้างตัวละครให้คล้ายกับบุคคลมีชีวิตร่วมสัมผัสไปกับบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ได้ พร้อมกันนั้นตัวหนังสือของหวงอี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงมนุษย์ทุกรูปแบบ บ้างช่วงชิงเพื่อผลประโชน์ บ้างต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อันสูงส่ง เรื่องราวระหว่างความดีกับความเลวซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
“เค้าโครงเรื่องของหวงอี้เน้นความสลับซับซ้อน แต่ไม่สับสน ชวนให้ติดตาม เพราะฝีมือการถักทอเรื่องราวของเขาไม่แพ้ปรมาจารย์ 'กิมย้ง' แต่ต้องบอกเลยว่าฉากสงครามของหวงอี้เขียนได้เข้มข้นสมจริงยิ่งกว่า จนแทบจะหลับตาลงมองเห็นกองทัพม้าห้อตะบึงอยู่หน้านับหมื่นแสนตัว”
เหล่านี้ทำให้ผลงานของหวงอี้หลายเรื่องที่แปลออกมาขายดิบ ขายดี ติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ที่ฮ่องกง จนได้รับการขนานนามว่าเป็น นักเขียนฮ่องกงที่ขายดีที่สุด
ด้วยปลายปากกาของหวงอี้ที่ทำให้ทุกอย่างมาบรรจบกัน แล้วเกิดเป็นความยิ่งใหญ่อลังการ โดยฝ่ายที่ชื่นชอบหวงอี้ได้ยกว่าหวงอี้มีความสามารถในการแต่งนิยายให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์จีนช่วงต่างๆ อย่างกลมกลืน และมีการค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียด รวมถึงเขียนบรรยายฉากสงครามได้อย่างสมจริง นอกจากนี้เรื่องของปรัชญา ความคิด ศาสนา รวมถึงข้อคิดต่างๆ อันคมคายที่กิมย้งเคยมีให้แก่ผู้อ่าน ทุกวันนี้หวงอี้ก็มีให้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าตัวหนังสือของหวงอี้แทบทุกตัวในเวลานี้มีอรรถรสทางวรรณกรรมครบถ้วน แถมยังทำให้คนไทยรู้จักประวัติศาสตร์จีนอีกด้วย
“จากการอ่านหนังสือที่หวงอี้เขียนทุกเล่นทำให้ผมเห็นพัฒนาการของเขาชัดเจนมาก หวงอี้เป็นคนที่ยิ่งเขียนยิ่งดี เพราะเขาสามารถค้นพบจุดอ่อนของตัวเอง และรู้จักที่จะเสริมสร้างจุดแข็งให้กับตนเอง โดยช่วงหลังๆ มานี้หวงอี้เพิ่มความเป็นสากลลงไปในตัวหนังสือของเขาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากใครที่อ่านแรกๆ จะรู้เลยว่ามีการใช้สำเนียงท้องถิ่นเยอะเกินไป เป็นภาษากวางตุ้งบ้าง แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนเป็นเอาภาษาจีนกลางใส่เข้าไปแล้ว
“หลังจากที่ได้สัมผัสเรื่องราวแต่ละเรื่องของหวงอี้จะพบว่าเขาจะนำเสนอในสิ่งที่ยังไม่มีคนอื่นนำเสนอ หรือคนอื่นนำเสนอไม่ได้ เนื้อเรื่องแต่จะบทแต่ละตอนสามารถจัดระเบียบได้เป็นอย่างดี ช่วงหลังๆ อาจจะดูยืดยาวไปหน่อย บางคนบอกว่ามักจะยาวเกินความจำเป็น ใช้ตัวละครเปลือง และบุคลิกของตัวละครค่อนข้างซ้ำ แต่เขาก็ทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าได้ง่าย ไม่สับสน และนั่นเป็นผลจากการที่เขาค้นคว้าหาข้อมูล”
*กระแส “หวงอี้” ฟีเวอร์
หวงอี้หันมาจับปากกาเขียนนิยายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 โดยเขียนในแนวกำลังภายในและแนวนิยายวิทยาศาสตร์ควบคู่กันไป จนตอนหลังเขาได้ค้นพบตัวเองและจับแนวกำลังภายในมาตลอด
ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของหวงอี้ดังกระฉ่อนไปทั่วเกาะฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย ในฐานะนักเขียนนิยายกำลังภายในหน้าใหม่ที่มาแรงมาก แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว ชื่อของเขาแทบจะไม่มีใครรู้จักเลย เพราะแฟนนิยายกำลังภายในของเมืองไทย ส่วนมากถูกครอบคลุมด้วยผลงานของ 2 ปรมาจารย์แห่งยุคคือ กิมย้ง และ โก้วเล้ง แต่ขณะที่วงการนิยายกำลังภายในของเมืองไทยเกิดสุญญากาศ เนื่องจากการเสียชีวิตของโก้วเล้ง ขณะที่กิมย้งก็ประกาศวางกระบี่เลิกเขียน
ผู้ที่ส่งให้ หวงอี้ เข้ามาแจ้งเกิดในวงการยุทธภพของเมืองไทยแทน ต้องยกให้ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักอ่านนวนิยายกำลังภายในตัวยง และที่สำคัญคือเขาอ่านนิยายกำลังภายในเหล่านี้ในเวอร์ชันภาษาจีนทุกเล่ม และได้ติดตามผลงานของนักเขียนหน้าใหม่คนนี้มาตลอด
ก่อศักดิ์ พูดตัวอักษรของหวงอี้ในมุมมองนักอ่านนวนิยายกำลังภายใจของจีนว่า มองเห็นความสามารถในตัวของหวงอี้ที่สามารถฉีกแนวนิยายกำลังภายในให้อิงประวัติศาสตร์จีน และสอดแทรกด้วยกลยุทธ์ในการวางแผนอย่างแยบยล เขาจึงแนะนำให้สำนักพิมพ์ สยามอินเตอร์บุ๊คส์ ซื้อลิขสิทธิ์ของหวงอี้เรื่อง “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” มาให้น.นพรัตน์ แปล
อัจฉริยภาพของหวงอี้ชัดเจนอยู่ที่การไม่บิดเบือนประวัติศาสตร์ และยังรู้จักใช้จินตนาการ เพิ่มตัวละครที่มีสีสัน จากเรื่องราวกำลังภายในที่อิงประวัติศาสตร์ แต่พล็อตเรื่องกลับเหมือนนิยายฝรั่ง จึงทำให้ เรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี ทั้ง 8 เล่ม ได้รับการตอบรับจากคอนิยายกำลังภายในของไทยอย่างพลิกความคาดหมายทีเดียว
แม้จะเป็นหนังสือนิยายกำลังภายในที่ราคาค่อนข้างจะสูงเมื่อเทียบกับนิยายกำลังภายในเล่มอื่น ๆ เพราะต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ แต่เรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซีก็มียอดขายนับหมื่นเล่ม มียอดผู้อ่านหลายหมื่นคน
ตามติดมาด้วยเรื่อง มังกรคู่สู้สิบทิศ 11เล่ม ซึ่งคอกำลังภายในยกย่องให้เป็นสุดยอดยุทธศาสตร์นิยายกำลังภายใน ตามติดมาด้วย เทพมารสะท้านภาพ 18 เล่ม ขุนศึกสะท้านปฐพี และล่าสุดที่เพิ่งจะจบไปคือ จอมคนแผ่นดินเดือด ที่มีความยาวถึง 23 เล่ม
ทุกเล่มของหวงอี้มียอดขายถล่มทลาย มีแฟนติดตามอ่านอย่างใจจดใจจ่อ ส่งให้หนังสือติด 1 ใน 5 ของ best seller ของร้านหนังสือทุกค่าย นอกจากฐานคนอ่านเดิมที่นิยมอ่านกำลังภายในแล้ว ยังมีปรากฏการณ์ที่มีกลุ่มคนหน้าใหม่ที่ไม่เคยอ่านนิยายกำลังภายในเลย ได้เข้ามาอ่านและกลายเป็นสาวกของหวงอี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ความร้อนแรงของหวงอี้ถึงขนาดเขามีแฟนคลับในทุกประเทศที่ชื่นชอบผลงานเขา และมีการนำนิยายกำลังภายในไปสร้างเป็นภาพยนตร์ จนล่าสุด บริษัท ฟันบ็อกซ์ จำกัด จับมือกับบริษัท ไชนีส เกมเมอร์ จับตัวละครของหวงอี้ไปโลดเล่นเกมออนไลน์ ในชื่อ “หวงอี้ออนไลน์” โดยใช้นิยายกำลังภายในของเขาที่เคยลื่อลั่นมาทำเป็นเกม อาทิ เจาะเวลาหาจิ๋นซี, มังกรคู้สู้สิบทิศ และเทพมารสะท้านภพ เราจะได้เห็น “เซี่ยงเส้าหลง” จากพระเอกย้อนยุคในเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซีโลดแล่นอยู่ในรูปของเกมออนไลน์ในเร็ววันนี้
*ณ ปัจจุบัน
หลักการทำงานของหวงอี้ คือ ตื่นเมื่อใดก็เขียนหนังสือเมื่อนั้น ซึ่งมักเป็นเวลาสามนาฬิกาของวันใหม่ การทำงานเช่นนี้ทำให้เขาสามารถผลิตงานออกมาได้อย่างไม่ขาดสาย โดยป้อนให้กับสำนักพิมพ์ของตัวเองได้ นอกจากนั้นยังฟูเฟื่องด้วยการขยายลิขสิทธิ์ไปตีพิมพ์ในประเทศต่างๆ และแปลออกมาอีกมากมายหลายภาษา
ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้หวงอี้มีแฟนนักอ่านทั่วภูมิภาคพื้นเอเชีย และแม้ว่าหวงอี้จะอยู่ในฮ่องกงเมืองที่เจริญรุ่งเรือง และวุ่นวาย แต่เขาก็เลือกที่จะใช้ชีวิตแบบสมถะในบ้านของเขาที่ห่างไกลความเจริญบนเกาะลันเตา กับภรรยา และสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ที่เขารัก และยังปลีกเวลาในการทำงานออกมาเพื่อหาความบันเทิงส่วนตัวอื่นๆ ให้กับตนเองด้วย
นับได้ว่าหวงอี้เป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะเขารู้จักจัดสรรชีวิตให้เดินทางไปพบความสุขที่ตนเองต้องการได้อย่างรื่นรมย์
เส้นทางนักเขียนของหวงอี้ทุกวันนี้ก็ยังคงทอดยาวไปไกล และเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงที่มิอาจหยุดยั้งได้ จนปัจจุบันหวงอี้ได้ยกย่องให้เป็นนักเขียนนวนิยายกำลังภายในทศวรรษใหม่ นามของหวงอี้จึงกระเดื่องดัง ระดับที่ได้ระความนิยมแทบจะล้ำหน้า "กิมย้ง” และไกลเกิน "โก้วเล้ง” แล้ว
******************
เรื่อง–นาตยา บุบผามาศ/ปาณี ชีวาภาคย์