xs
xsm
sm
md
lg

บริจาคเลือดไอ้ตูบกู้ชีวิตไอ้ตูบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลึกเข้าไปในบรรยากาศของห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง เวลานี้สัตว์เลี้ยงสี่ขาตัวใหญ่บ้าง เล็กบ้าง หลากหลายสายพันธุ์จำนวนไม่น้อยกำลังนอนรอให้เวลาแห่งชีวิตของมันปิดฉากลงอย่างปฏิเสธไม่ได้

สายตาคู่หนึ่งกำลังมองทอดออกไปไกลอย่างไร้ซึ่งความหวัง สีหน้ากังวลปะปนความเศร้าแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน เนื่องจากภาวะการขาดเลือดที่จะมาช่วยเหลือเพื่อยื้อชีวิตน้องหมา น้องแมว เมื่อมันเกิดอุบัติเหตุและเสียเลือดมาก หรือต้องได้รับการผ่าตัดรักษาความผิดปกติอย่างเร่งด่วนนั้นกลับกำลังเกิดวิกฤตขาดแคลนลงไปทุกทีๆ

ซึ่งคงไม่แปลกอะไรถ้าบ้านเรามีปริมาณเลือดสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินอย่างเหลือเฟือ…

แต่บังเอิญว่าเลือดที่จะมาช่วยทดแทนส่วนที่เสียไปนั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับ...

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีโรงพยาบาลสัตว์จำนวนมากที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้นำสุนัข และแมวมาบริจาคเลือด เพื่อเก็บไว้ช่วยเหลือสัตว์ที่กำลังนอนจมความทุกข์ระทมเหล่านี้ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะหลายคนอาจจะกำลังมองข้ามไป หรืออาจเป็นเหตุผลที่ว่าความเชื่อ และความเข้าใจของคนกำลังเดินสวนทางกันอยู่ทุกวัน

เมื่อ มะ หมา มาบริจาคเลือด
เมื่อเลือดกลายเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นในมนุษย์หรือเดรัจฉาน ดังนั้นหากร่างกายขาดเลือดจะทำให้มีผลกระทบอย่างรุนแรงแน่นอนต่อการหล่อเลี้ยงชีวิต

การบริจาคเลือดของสุนัข และแมวทุกวันนี้มีกระบวนการไม่ต่างจากไปคนมากนัก คือต้องมีการตรวจสุภาพ ตรวจเลือด และแบ่งกรุ๊ปเลือด ขั้นตอนเหล่านี้ ต้องผ่านการตรวจสอบ และวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนั่นหมายถึงว่า กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลจะต้องไม่สร้างผลกระทบต่อสุนัข หรือแมวที่รอรับการบริจาคเลือด และตัวผู้บริจาคเองด้วย

สัตวแพทย์หญิง สุวรัตน์ วดีรัตน์ ประจำคลินิกฉุกเฉินโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันมีสัตว์จำนวนมากที่เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลสัตว์เล็ก สัตว์เหล่านั้นส่วนหนึ่งมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้เลือด เพื่อช่วยชีวิตสัตว์อย่างทันท่วงที

“โดยส่วนมากจะมีสุนัข และแมวมาขอรับบริจาคเลือดเฉลี่ยวันละ 3-5 ตัว ส่วนมากเกิดจากการได้รับอุบัติเหตุ สูญเสียเลือดมากจากการผ่าตัด หรือไม่ก็ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง และปัญหาร้ายแรงที่พบบ่อยคือ พยาธิในเม็ดเลือดที่ทำให้เม็ดเลือดแดงในร่างกายถูกทำลายอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องถ่ายเลือดด่วน แต่ทุกวันนี้ที่นี่ก็ยังมีเลือดไม่เพียงพอ ทำให้สุนัข และแมวหลายๆ ตัวต้องเสียชีวิตไป เพราะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทัน

“การบริจาคเลือด นอกจากจะเพื่อแก้ไขเกี่ยวกับสภาพการขาดปริมาณเลือด หรือการเสียเลือดอย่างเฉียบพลันเนื่องจากอุบัติเหตุต่างๆ หรือระหว่างการผ่าตัดที่ว่ามาแล้ว ยังสามารถช่วยแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการขนส่งออกซิเจนของเลือดกรณีที่มีจำนวนเฮโมโกลบินต่ำ ต้องการเม็ดเลือดแดงในการเพิ่มปริมาณเฮโมโกลบิน และนอกจากนั้นการให้เลือดยังช่วยในเรื่องของการแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ในกรณีเลือดไหลไม่หยุดได้ด้วย” หมอสุวรัตน์ เล่าให้ฟังถึงวัตถุประสงค์ของการบริจาคเลือดในสัตว์

นอกจากนั้น หมอสุวรัตน์ ยังเล่าให้ฟังต่อว่า การถ่ายเลือดและให้เลือด เวลานี้คงต้องเป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์เป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อจะได้ไม่เป็นอันตรายกับผู้รับ และนอกจากนั้นต้องมีการนำเลือดของผู้รับกับผู้ให้บริจาคมาตรวจดูว่าสามารถเข้ากันได้หรือไม่ ซึ่งขั้นตอนนี้ทางการแพทย์เรียกว่า Cross Matching เป็นวิธีการที่ต้องทำในห้องปฏิบัติการ ส่วนอุปกรณ์การถ่ายเลือดนั้นก็คล้ายๆ กับของคน คือ มีถุงเก็บเลือด สารกันเลือดแข็งตัว และสายยางสำหรับให้เลือด พร้อมที่กรองเลือด

สุนัขมีเลือดทั้งหมด 8 กลุ่ม แบ่งตาม Glycolipids และ Glycoprotein บนผิวของเม็ดเลือดแดง คือ DEA 1.1, DEA 1.2, DEA 3, DEA 4, DEA 5, DEA 6, DEA 7 และ DEA 8 ส่วนแมวนั้นมีเลือดด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ A, B และ AB

“บางครั้งในการบริจาคเลือดเพื่อช่วยชีวิตสัตว์แบบฉุกเฉิน อาจต้องใช้ผู้บริจาค 2-3 ราย เพราะไม่แน่เสมอไปว่าเลือดของผู้ให้และผู้รับจะเข้ากันได้ จึงควรสำรองเอาไว้ล่วงหน้า สำหรับสัตว์ที่มีปัญหาเลือดไหลไม่หยุด อันเนื่องมาจากภาวะเกล็ดเลือดแข็งตัว โดยทั่วๆ ไปเราสามารถเก็บสำรองเลือดไว้ใช้ได้ถึง 3 สัปดาห์ โดยจะเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 4 องศาเซลเซียส” หมอสุวรัตน์ กล่าว

ถึงคราปัญหาของเพื่อนสี่ขา
ทางด้าน นายสัตวแพทย์ อดิเรก ลิ่มณรงค์เดช เล่าเสริมขึ้นในประเด็นวิกฤตการขาดแคลนเลือดสุนัข และแมวว่า สำหรับเลือดที่ได้มาแล้วทางโรงพยาบาลจะให้ความสำคัญและถือว่าเลือดทุกหยดมีคุณค่ามาก นอกจากจำเป็นต้องมีกระบวนการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ ทางโรงพยาบาลจึงต้องพิถีพิถันกับการจัดเก็บอย่างดี ต้องแยกและจัดเก็บเลือดไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อที่จะสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่าการถ่ายเลือดเพียงหนึ่งครั้ง

“ทุกวันนี้เริ่มมีคนหันมาจับตามอง และพูดเรื่องนี้กันมากขึ้นแล้ว แต่ปัญหาที่แท้จริงของการบริจาคเลือดในสัตว์อยู่ที่ ยังไม่มีใครสนใจพาสัตว์มาบริจาคเลือดมากเท่าที่ควรจะเป็น อาจเป็นเพราะยังไม่เคยประสบปัญหากับตัวเองจึงยังไม่เห็นความสำคัญก็เป็นได้ หรือเหตุผลต่อมาอาจจะเป็นด้วยเรื่องเวลาและเรื่องการเดินทางไปมาลำบากต้องมีรถยนต์ส่วนตัว ถึงจะพาสุนัข และแมวมาได้

“และการบริจาคเลือดทำได้ด้วยกัน 2 ทาง คือ เก็บจากเส้นเลือดบริเวณคอ และขาหน้า หากจะเก็บเลือดจากต้นคอก่อนอื่นต้องโกนขนที่คอออกก่อนเล็กน้อย เพื่อจะได้สะดวกต่อการหาเส้นเลือดใหญ่ การต้องโกนขนออกก็คงถือเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าของคิดหนักเวลานำสัตว์มาบริจาคเลือด

“หลังจากปักเข็มลงไปแล้วนั้นเราจะใช้เวลาประมาณ 10 -15 นาทีก็จะได้เลือด 1 ถุง ปริมาณ 300 ซีซี ความจริงแล้วการมาบริจาคหนึ่งครั้งเสียเวลาไม่นานมากนัก หากเทียบกับการได้ให้สัตว์หนึ่งชีวิตได้รอดตายเพราะหลายครั้งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักจะแก้ไขปัญหากันแบบกระชั้นชิดคือ หาเลือดกันเดี๋ยวนั้นเมื่อสัตว์ป่วย โดยบางทีมันอาจจะไม่ทันเวลา และนอกจากนั้นยังต้องเผื่อเวลาในการอธิบายทำความเข้าใจกับเจ้าของสุนัข และแมวอย่างชัดเจน

“ส่วนเลือดแมวในปัจจุบันการบริจาคเลือดยังไม่ค่อยแพร่หลายเท่าการบริจาคเลือดสุนัข ดังนั้น ปริมาณเลือดแมวสำรองจึงถือว่ามีน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการใช้ เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กปริมาณเลือดที่เราจะสามารถทำการเก็บได้นั้นก็จะน้อยมากถ้าเทียบกับความต้องการใช้” หมออดิเรก เล่าให้ฟัง

ภูมิใจในบุญแบบหมาๆ แมวๆ
ว่ากันว่าอานิสงส์ของการบริจาคเลือดนั้นนอกจากจะช่วยเสริมชีวิตให้เป็นแก่นสาร บังเกิดผลบุญมหาศาล แถมยังได้สร้างทานบารมีอันยิ่งใหญ่ เนื่องมาจากได้ช่วยต่ออายุ และมอบให้ชีวิตให้กับสิ่งมีชีวิตร่วมโลก ดังนั้นหมอสุวรัตน์จึงกล่าวถึงข้อดีของการนำสัตว์มาบริจาคเลือดให้ฟังอีกด้วยว่า

“สำหรับประโยชน์ที่สุนัขจะได้รับหลังมาบริจาคเลือด ได้แก่ ร่างกายสุนัขจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาเอง ทำให้สุนัขมีสุขภาพแข็งแรงกว่าเดิม สำหรับการบริจาคเลือดนั้นนอกจากจะไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และสุนัขจะได้ยาบำรุงเลือดพร้อมกับได้บัตรประจำตัวผู้บริจาค

“นอกจากนั้นแล้วทางโรงพยาบาลยังมีการตอบแทนเหล่าสุนัขผู้ให้เลือดด้วยการสร้างเหรียญที่ระลึกเป็นการสร้างความภาคภูมิใจ โดยการมอบให้กับเจ้าของสุนัขที่นำสุนัขมาบริจาคเลือด ซึ่งทั้งนี้จะประกอบไปด้วย เหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ได้เข้ามาบริจาคเลือด”

นำสุนัขแสนรักร่วมทำบุญ
คุณตุลเทพ แสนสวย
อายุ 30 ปี เจ้าของสุนัขพันธุ์โกเด้นรีทริฟเวอร์จำนวน 3 ตัว ได้แก่ เจ้ากระบวย, เจ้าโมจิ และเจ้าป๊อกกี้ ซึ่งบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน ตลอดระยะเวลาประมาณ 1 ปี เล่าให้ฟังว่า

“เริ่มต้นจากการทราบข่าวจากเพื่อนๆ ว่ามีหมาบางตัวที่ป่วยและกำลังรอเลือดเพื่อใช้ในการผ่าตัดช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนอยู่ จึงตัดสินใจพาหมาของเราไปช่วยเหลือหลังจากนั้นก็ปฏิบัติเรื่อยมาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

“การไปนำสัตว์ไปบริจาคหลายๆ คนอาจจะคิดเรื่องเสียดายความสวยงามของสัตว์เลี้ยงที่อุตส่าห์ทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี แต่ส่วนตัวผมไม่เคยคิดเรื่องความเสียดายเลย ถึงแม้ว่าการบริจาคเลือดแต่ละครั้งจะต้องมีการตัดขนที่ลำคอออกไปบ้าง แต่สำหรับมหาพันธุ์ขนยาวอย่างโกเด้นรีทริฟเวอร์ใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ขนก็ขึ้นเต็มที่เป็นปกติแล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย

“การที่สัตว์ของเราจะเป็นผู้ให้เลือดได้หรือไม่นั้นยังขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูด้วย ซึ่งการเลี้ยงดูที่ผมปฏิบัติอยู่ก็ไม่มีอะไรมากมาย หากเป็นคนที่รักสัตว์อยู่แล้วยิ่งไม่ใช่เรื่องยากเข้าไปใหญ่ เพียงแค่มีอาหารที่ถูกสุขลักษณะให้เขา ฉีดยาป้องกันเห็บ หมัด เป็นประจำ ออกกำลังกายบ้าง และสุดท้ายคือเรื่องของสุขภาพจิตต้องเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ บวกกับการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย

“สังคมไทยตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนสนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่าไม่รู้ หรือกลัวน้องหมาจะเจ็บ เพราะต้องบอกว่าเวลายืนดูก็หวาดเสียวเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามการมาบริจาคเลือดมันก็มีผลดีต่อตัวสัตว์เลี้ยงเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเม็ดเลือดใหม่ การได้โอกาสตรวจสุขภาพเป็นประจำ และที่สำคัญคือ อย่างน้อยสิ่งที่ได้กลับคืนมาเวลาไปบริจาคเลือดคือ ความสบายใจที่ได้พาสัตว์เลี้ยงไปทำบุญ ตัวเราเองซึ่งเป็นผู้ครอบครองสัตว์ก็สบายใจ รู้สึกอิ่มเอม” คุณตุลเทพ กล่าวด้วยความปีติ

คุณตุลเทพ ทิ้งท้ายไว้ด้วยการอยากเชิญชวนและขอความกรุณาคนใจบุญ และคนรักหมา ช่วยกรุณาพาสุนัขที่รักของท่านมาช่วยเพื่อนสุนัขด้วยกัน บริจาคเลือด เพราะยังไม่มีคนรู้เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง จึงอยากให้ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพแข็งแรง นำสัตว์มาบริจาคเลือดจะถือเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้กับสัตว์เลี้ยงที่ได้รับบาดเจ็บ

ถึงแม้ในวันนี้จะยังไม่มีอะไรสามารถซื้อปาฏิหาริย์ได้ แต่การหันมาร่วมกันบริจาคเลือดสำรองไว้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกันต่อชีวิตให้สัตว์เลี้ยงสามารถอาศัยอยู่มองดูโลกได้นานกว่าเดิม เชื่อเถอะว่าทุกคนที่มีโอกาสได้พาสัตว์เลี้ยงไปบริจาคเลือดคงจะได้เสพกลิ่นอายของความภาคภูมิใจกันอย่างท่วมปอด!!!

**********************

คุณสมบัติของสัตว์ที่จะให้เลือด
สุนัข
- ควรมีอายุตั้งแต่ 1-8 ปี และมีสุขภาพแข็งแรง
- น้ำหนักไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม
- ทำวัคซีนครบทุกปี
- กรณีสุนัขเพศเมียควรผ่านการทำหมันแล้ว
- ไม่มีประวัติเคยได้รับเลือดจากสุนัขตัวอื่นมาก่อน
- มีโปรแกรมการป้องกันพยาธิหัวใจและเห็บหมัดอย่างต่อเนื่อง
- ผ่านการตรวจเลือดเช็กสุขภาพแล้วผลการตรวจต้องมีจำนวนเม็ดเลือดแดงอัดแน่นมากกว่า 40% ต้องไม่มีปัญหาพยาธิหัวใจ, พยาธิเม็ดเลือด, โรคตับ, โรคไต และแท้งติดต่อ
แมว
- มีอายุ ระหว่าง 1 ถึง 8 ปี
- น้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 4 กิโลกรัม
- ได้รับการตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนประจำทุกปี
- ปลอดจากโรคพยาธิในเม็ดเลือด, โรคเอดส์แมว, โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว, โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และToxoplasmosis
- ไม่มีประวัติเคยได้รับเลือดจากแมวตัวอื่นมาก่อน
- แมวตัวเมียควรทำหมันแล้ว
- เป็นแมวที่เลี้ยงในบ้าน

************************

เรื่อง - นาตยา บุบผามาศ
เลือดสุนัขที่ได้รับบริจาค

น้องหมาเตรียมตัวบริจาคเลือด

การเก็บเลือดจากเส้นเลือดบริเวณคอ
การเก็บเลือดจากขาหน้า

เหรียญห้อยคอที่มอบให้สำหรับสุนัขที่มาบริจาคเลือด




กำลังโหลดความคิดเห็น