xs
xsm
sm
md
lg

เอเชี่ยนคัพ 2007 ศึกชิงจ้าวลูกหนังเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังเกมลูกหนังแห่งชิงแชมป์ทวีปเอเชีย ซึ่งใช้ชื่อว่า "เอเชียนคัพ" เริ่มดวลแข้งเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1956 หรือเมื่อ 50 ปีก่อน โดยมีเจ้าภาพชาติแรกเป็นเกาะเล็กๆ แต่ทว่าเกรียงไกรด้วยสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอย่าง "ฮ่องกง"
จากนั้นฟุตบอลรายการนี้ก็ยังดำเนินต่อมาด้วยการดูแลของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ "เอเอฟซี" ที่มีการสลับปรับเปลี่ยนชาติเจ้าภาพเรื่อยมา กระทั่งมาถึงศึกลูกหนัง "เอเชียนคัพ 2007" ที่จะฟาดแข้งกันในระหว่างวันที่ 7-29 กรกฎาคม 2550 ที่มีจำนวนเจ้าภาพร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การขับเคี่ยวของศึกลูกหนังระดับทวีปเลยทีเดียว

4 เจ้าภาพร่วมใน "เอเชียนคัพ 2007"

ภายหลังจากจบศึกฟุตบอล "เอเชียนคัพ 2004" ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ทาง "เอเอฟซี" ก็เล็งเห็นว่าการจัดฟุตบอลรายการนี้ที่ผ่านมามักจะไปชนกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่จัดเป็นประจำทุก 4 ปีอันทำให้มีมติเห็นควรให้ร่นการแข่งขัน เอเชียนคัพ ครั้งต่อไปมาจัดกันในปี 2007 พร้อมทั้งเล็งหาชาติเจ้าภาพที่มีความพร้อมในการจัดการแข่งขันที่ทิ้งช่วงเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น

จากเหตุผลเรื่องระยะเวลานี่เอง ส่งผลให้ 4 ชาติ อาเซียน ประกอบด้วย มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และประเทศไทย ร่วมมือกันเสนอตัวจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการจัดการแข่งขันกีฬาลูกหนังที่มีเจ้าภาพร่วมมากที่สุด

ด้าน โมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานเอเอฟซี ออกมาให้เหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ว่า “ทางเอเอฟซีให้การยอมรับในทุกประเทศที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพร่วมในครั้งนี้ ซึ่งแต่ละชาติก็มีความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ออกไป" แต่การมีเจ้าภาพร่วมมากถึง 4 ชาติ นำมาสู่ปัญหาความยุ่งยากในการจัดการถึงขนาด "ประธานเอเอฟซี" ต้องออกมาเอ่ยปากว่าจะไม่มีการปล่อยให้มีการเป็นเจ้าภาพร่วม 4 ชาติอีกแล้วโดยกล่าวว่า

"แต่ละชาติมีปัจจัยที่แตกต่างกันออกไป และก็มีหลายเรื่องให้เรานำมาพิจารณาไม่ว่าจะในส่วนระบบโครงสร้างพื้นฐาน หรือความปลอดภัย มันไม่ใช่งานง่ายเลยจริงๆ สำหรับการต้องมีฝ่ายจัดการแข่งขันถึง 4 จุด มีมีเดียเซ็นเตอร์ถึง 4 แห่ง ซึ่งก็รวมไปถึงการจัดการด้านการเงิน ถือว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดทีเดียวและเราคงไม่พิจารณาเรื่องแบบนี้อีก”

ส่วนหนึ่งของความหน่ายระอาจาก "เอเอฟซี" ก็เนื่องมาจากปัญหาการจัดการในการเตรียมความเป็นเจ้าภาพที่ล่าช้า ซึ่งประเทศที่ประสบปัญหาหนักที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นประเทศไทย ที่มีปัญหาเรื่องการปรับปรุงสนาม และการประชาสัมพันธ์จนส่งผลให้ ปีเตอร์ เวลัมปัน เลขาธิการสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ระหว่างเดินทางมาตรวจสอบความพร้อมของสนามราชมังคลากีฬาสถานเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของ ครม.ชุดเก่าและชุดใหม่
ทั้งนี้ เวลัมปัน กล่าวถึงความไม่พร้อมของไทยในเวลานั้นว่า
 
 “การทำงานของฝ่ายไทยสร้างความหนักใจให้เรามาก เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ไปตรวจความพร้อมของ 3 ประเทศ ทั้ง มาเลเซีย, เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ต่างก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เหลือแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่ยังมีปัญหาหลายอย่าง แต่เรายังรอการยืนยันจากรัฐบาลไทยอยู่ ซึ่งหากว่าไม่ต้องการจัด หรือว่าไม่พร้อม เราจะยกสิทธินี้ให้กับสิงคโปร์รับไปทำหน้าที่แทน เนื่องจากมีความพร้อมอยู่แล้ว”

แต่ท้ายที่สุดคณะทำงานในฐานะเจ้าภาพร่วมการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ ก็สามารถรักษาหน้าตาของคนในชาติด้วยการเร่งปรับปรุงสนาม รวมทั้งการวางแผนการจัดการต่างๆ ตามรูปแบบการแข่งขันระดับสากลจนหลุดพ้นวิกฤติในครั้งนั้นมาได้

จากการยืนยันของ คาร์โร โนร่า ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2007 ภายหลังจากถูกตำหนิมากว่าหนึ่งเดือนว่า "ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายผู้รับเหมาฯ ให้คนงานเร่งทำงานถึงเที่ยงคืนทุกวันเพื่อให้เสร็จเร็วที่สุด ส่วนพื้นสนามยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะใช้หญ้าเบอร์มิวด้า 419 มาปลูก จึงมั่นใจว่าพื้นสนามจะเรียบเนียนเหมือนพรมแน่นอน"

“เอเชี่ยนคัพ” ยึดมาตรฐานลูกหนังยุโรป

สำหรับศึกลูกหนังเอเชียนคัพ 2007 จะเป็นอีกครั้งที่กลับมาฟาดแข้งกันในภูมิภาคอาเซียน หลังจากปี 1984 ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ สำหรับศึกครั้งนี้การประลองแข้งรอบแรกจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน ประกอบด้วย กลุ่มเอ ที่มีทีมชาติไทย , อิรัก , ออสเตรเลีย และ โอมาน กลุ่มบี เวียดนาม, ญี่ปุ่น, กาตาร์ และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลุ่มซี มาเลเซีย, อิหร่าน, อุซเบกิสถาน และสาธารณรัฐประชาชนจีน กลุ่มดี อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, ซาอุดิอาระเบีย และ บาห์เรน

ซึ่งการแข่งขันในนัดเปิดสนามทางสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย จะมีขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในกรุงเทพ ของประเทศไทย ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ส่วนรอบรองชนะเลิศ 2 นัดจะแบ่งไปจัดที่กุรงฮานอย ประเทศเวียดนาม และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สำหรับในนัดชิงชนะเลิศวันที่ 29 กรกฎาคมจะมีขึ้นที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

ขณะที่ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 7-29 กรกฎาคมที่มีการประลองยุทธหาสุดยอดทีมแข้งเอเชีย ทาง “บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานจัดการแข่งขันเอเชียน คัพของไทย เปิดเผยว่า การดำเนินการจัดการแข่งขันทุกอย่างจะอยู่ในความรับผิดชอบของ เอเอฟซี ทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงหลังจากส่งมอบสนามแล้ว โดยทาง เอเอฟซี จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

"แผนของ เอเอฟซี บอกได้คร่าวๆ ว่ามีมาตรฐานที่เทียบเท่ากับการแข่งขันในยุโรปไม่ว่าจะเป็นการปิดประตูทางเข้าใหญ่ตั้งแต่ก่อนเที่ยงในวันแข่งขัน และจะเปิดให้แฟนบอลเข้าสนามได้เฉพาะประตู 2 เท่านั้น ซึ่งจะมีจุดตรวจ เพื่อห้ามนำสิ่งของบางอย่างเข้าสนาม เช่น อาวุธ หรือขวดน้ำ เป็นต้น รวมถึงการถ่ายทอดสัญญาณภาพโดยทางโทรทัศน์ของไทย เอเอฟซีจะอนุญาตให้ช่อง 7 สี เท่านั้นที่สามารถนำกล้องวิดีโอเข้าสนามได้"

นอกจากนี้ ดร.ณัฐ อินทรปาณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เข้ามาช่วยดูแลให้การแข่งขันเอเชี่ยนคัพ ดำเนินงานไปอย่างราบรื่นหลังติดปัญหามาโดยตลอดได้กล่าวถึงมาตรฐานที่จะใช้จัดการแข่งขันในครั้งนี้ว่า “ต้องยอมรับว่าทาง เอเอฟซี ได้กำหนดมาตรการเพื่อหวังให้การแข่งขันเอเชี่ยนคัพ ครั้งที่ 14 เป็นทัวร์นาเม้นท์ ระดับเดียวกับการฟาดแข้งในระดับใหญ่ของฟีฟ่า แม้ว่าเรื่องสนามจะหมดปัญหาไปแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากถึงแฟนบอลชาวไทยคือมาตรการเข้มงวดแบบเข้มข้นของ เอเอฟซี อาจส่งผลให้มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับแฟนบอล รวมทั้งกับสื่อมวลชนด้วย จึงอยากฝากเตือนกันไว้ก่อน”

ทั้งหมดนี้คือการเตรียมการก่อนที่ศึกใหญ่ระดับทวีปจะฟาดแข้งในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2550 และจากความพร้อมของแต่ละทีมจะเข้ารวมการแข่งขันครั้งนี้ ทัวร์นาเม้นท์ เอเชี่ยนคัพ เป็นอีกหนึ่งรายการที่แฟนบอลพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

จับตาจอมยุทธ์ลูกหนังโชว์ลีลาที่อาเซียน

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2007 รายการนี้นอกจากจะน่าสนใจที่ผลการแข่งขันแล้ว ยังมีการจับตามองเหล่าบรรดาสุดยอดจอมยุทธ์แห่งโลกลูกหนัง ดาวเตะคนดังมากมายที่ตอบตกลงเข้าร่วมแข่งขันรายการนี้
โดยทีมชาติจีนจะให้ ตง ฟาง โจว หัวหอกคนดังของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือธงนำทัพใหญ่บุกภูมิภาคอาเซียน หลังติดทีมครั้งแรกในศึกฟีฟ่า เวิลด์ ยูธ คัพ เมื่อปี 2005 ก่อนถูกดันขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ และก็ยิงหนึ่งประตูในนัดที่จีนอุ่นเครื่องพ่าย สวิตเซอร์แลนด์ 1-4 นั่นถือเป็นประตูเบิกร่องของดาวยิงวัย 22 ปี และคงไม่ใช่ประตูสุดท้ายเพราะเป้าหมายของเขาคือการพาจีนผ่านด่าน อิหร่าน, มาเลเซีย (เจ้าภาพร่วม) และอุซเบกิสถาน ในรอบแรกก่อนไปลุ้นแชมป์ต่อไป

ขณะที่ในทีมชาติอิหร่าน มหาอำนาจลูกหนังแห่งดินแดนตะวันออกกลางก็มี "มาราโดน่าแห่งเปอร์เซีย" อาลี คาริมี่ กองกลางจาก "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค นำทัพ ซึ่งยอดมิดฟิลด์รายนี้มีจุดเด่นที่การผ่านบอล รวมทั้งยังมีสถิติการทำประตูที่เฉียบคม นอกจากนี้ทีมชาติอิหร่านยังมีซูเปอร์สตาร์อีกหลายรายร่วมผสมโรง อาทิ วาฮิด ฮาชิเมียน รวมถึง เมห์ดี้ มาห์ดาวิเคีย ร่วมทัพมาด้วย เพื่อมาทวงแชมป์เอเชียนคัพสมัยที่ 4 มาครองให้ได้

ส่วนทัพใหญ่ของทีม "โสมขาว" เกาหลีใต้ แม้จะขาดซูเปอร์สตาร์อย่าง พาร์ค จี ซอง, ลี ยอง เปียว และโซล คี เฮือน ที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก เนื่องจากอาการบาดเจ็ง แต่ก็ยังได้ ลี ชุน ซู ยอดมิดฟิลด์ตัวรุกของทีมลงช่วย พร้อมผนึกกำลังกับ ลี ดอง กุ๊ก กองกลางจอมเก๋าที่เล่นให้กับ "เดอะ โบโร่" มิดเดิลสโบรช์ ซึ่งถือเป็นดาวเตะสุดอันตราย จากผลงานการลงสนามช่วยชาติมาแล้วทั้งสิ้น 64 นัด ยิงไป 22 ประตู

ด้านทีม "ซามูไรลูกพระอาทิตย์" ญี่ปุ่น ก็มีซูเปอร์สตาร์อย่าง ชุนซึเกะ นากามูระ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งที่เคยไปอาละวาดโชว์ลีลาในเซเรีย อา อิตาลี กับทีม เรจจิน่า ก่อนย้ายมาเล่นให้ กลาสโกว์ เซลติก พร้อมพาทีมครองแชมป์ลีก 2 สมัย แถมได้รับคัดเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งจุดเด่นของยอดกองกลางรายนี้คือลูกยิงไกล รวมถึงฟรีคิกอันเฉียบคม พร้อมจะทำให้คู่แข่งน้ำตาตกได้เสมอ

ในส่วนชาติน้องใหม่แห่งศึกเอเชียนคัพ 2007 อย่าง ออสเตรเลีย ก็ขนดาวดังร่วมทีมมาเรียกเรตติ้งเพียบเต็มลำเรือ ไม่ว่าจะเป็น ทิม เคฮิลล์ กองกลางจอมถล่มประตูจาก เอฟเวอร์ตัน หรือ แฮร์รี่ คีเวลล์ ยอดปีกกระดูกยุงจากค่าย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่หายจากอาการบาดเจ็บ และฟิตทันลงช่วยชาติในรายการนี้ นอกจากนี้ยังมี "กัปตันหน้าเหลี่ยม" มาร์ค วิดูก้า หัวหอกร่างบึ้ก ที่เพิ่งย้ายไปร่วมสังกัดใหญ่แต่ใหญ่กว่าเดิมอย่างสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก็ประกาศก้องว่าจะขอเต็มที่กับทัวร์นาเม้นท์สำคัญรายการนี้ เนื่องจากต้องการจะไว้ลายก่อนโบกมือลาทีมชาติ

แม้ว่าการแข่งขันเอเชี่ยนคัพ จะเป็นศึกลูกหนังของชนชาติในเอเชีย แต่ด้วยมาตรฐานของฟุตบอลในภูมิภาคนี้ที่พัฒนาไปมากกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 4 ทีมแกร่งอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุดิอาระเบีย และ อิหร่าน ซึ่งเคยผ่านสังเวียนระดับฟุตบอลโลกมาแล้ว รวมไปถึง ออสเตรเลีย ที่ประกาศตัวมาแล้วว่าดาราเพียบ สังเวียนเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ที่แม้จะมีปัญหาในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อเปิดศึกดวลแข้งกันแล้วแฟนลูกหนังน่าจะเชื่อมั่นได้ว่านี้คือทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลระดับโลกอีกหนึ่งรายการที่จะเกิดขั้นในเมืองไทย

*****************************************
ทำเนียบแชมป์เอเชียนคัพ

ซาอุดิอาระเบีย 3 สมัย ( 1984, 1988 และ 1996 )
อิหร่าน 3 สมัย ( 1968, 1972 และ 1976 )
ญี่ปุ่น 3 สมัย ( 1992, 2000 และ 2004 )
เกาหลีใต้ 2 สมัย ( 1956 และ 1960 )
อิสราเอล 1 สมัย ( 1964 )
คูเวต 1 สมัย ( 1980 )

โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพในประเทศไทย**

รอบแรก

ไทย - อิรัก เวลา 19.35 น. วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ออสเตรเลีย - โอมาน เวลา 17.20 น. วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

โอมาน - ไทย เวลา 17.20 น. วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

อิรัก - ออสเตรเลีย เวลา 17.20 น. วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ไทย - ออสเตรเลีย เวลา 19.35 น. วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

โอมาน - อิรัก เวลา 19.35 น. วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม ณ สนามศุภชลาศัย

รอบสอง

ทีมอันดับ 1 กลุ่มเอ - ทีมอันดับ 2 กลุ่มบี วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน











กำลังโหลดความคิดเห็น