มีประวัติศาสตร์มากมายบอกไว้ว่า การเป็น ‘สุภาพบุรุษ’ คือ การเกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น แต่หากในพจนานุกรมฯกลับให้ความหมายของ ‘สุภาพบุรุษ’ ว่าเป็นผู้ชายที่มีความสุภาพ เรียบร้อย อ่อนโยน และประพฤติดี
ลองนั่งทบทวนดูว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในฐานะสิ่งมีชีวิตร่วมโลก ถ้าหากอยากจะเป็นดังสุภาพบุรุษ หรืออัศวิน เราน่าจะทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่คนรอบข้างได้บ้าง
กลับพบว่าความจริงนั้นสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตต้องการความเคลื่อนไหว และต้องการเคลื่อนไหวไปในทางที่ถูก ซึ่งในวันนี้มีการเคลื่อนไหวของสุภาพบุรุษในคราบนักเลงคนหนึ่งมีความแตกต่างไปจากเช้าวันอื่นๆ ซึ่งนั่นก็เหมาะกับการที่เราเรียบเรียงความคิดอันสับสนของเขาออกมาเป็นตัวหนังสือ
“ผมคิดว่าภาพนักเลงที่คนอื่นมองมันดูดีนะ” ชายในช่วงอายุ 62 ปี พูดและหัวเราะในลำคอ
เราจะไม่พูดถึงพื้นเพความเป็นมาของชายสูงวัยคนนี้ และจะไม่สืบสาวราวเรื่องด้วยว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เพราะดูมันจะเป็นเรื่องที่ตื้นเขินเกินไปสำหรับเขา ดังนั้นจากนี้ไปเราจะมาดำดิ่งลึกลงไปค้นหาความหมายของคำว่าสุภาพบุรุษ ที่พร้อมจะทำประโยชน์ให้กับสังคม แต่ผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ใช่คนเรียบร้อย อ่อนโยน อย่างตามพจนานุกรมฯว่าไว้ หากพร้อมแล้วควรเตรียมตัว และโปรดสูดหายใจเข้าลึกๆ.....
นักเลงไม่เกเร
ขวดไวน์นานับชนิด หลากยี่ห้อ วางล้อมหน้าล้อมหลัง ภายในห้องแอร์ที่อากาศกำลังเย็นฉ่ำ นอกจากนั้นรอบๆ บริเวณยังมีกองหนังสือ และนิตยสารหลากหลายประเภทถูกวางไว้เกลื่อนห้อง ในความสูงระดับหน้าอก นี่นับว่าเป็นการบ่งบอกถึงรสนิยมการใช้ชีวิตของผู้ชายคนนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ต้องขอเท้าความให้ผู้อ่านทราบตรงกันก่อนว่า ปัจจุบันในวงการยานยนต์ของเมืองไทยหากจะว่ากันไปอย่างตรงไปตรงมา แบบไม่ตื้นและไม่ลึกจนเกินเหตุพอจะทราบได้ว่า จะมีชายสูงอายุที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการรวมทั้งสิ้น 3 คนด้วยกัน โดยถือได้ว่าเขาทั้ง 3 เป็นแนวหน้าระดับบิ๊กๆ ที่เวลามีงานใหญ่เกี่ยวกับยานยนต์ต้องมีการเทียบเชิญแขกวีไอพี 3 ก๊กนี้เข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ภายในงานด้วยเสมอๆ
ไม่ว่าจะเป็น ปราจิน เอี่ยมลำเนา เจ้าพ่องาน มอเตอร์โชว์ ที่ไบเทค ต่อมาคือ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ หรือที่เราคุ้นเคยกับงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งจัด ณ เมืองทองธานี นั่นแหละคือฝีมือของเขาเป็นผู้เนรมิตขึ้นมา
และอีกคนหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะหากเราจำเป็นจะต้องเอ่ยถึงหัวหนังสือประเภทนิตยสารรถยนต์ของเมืองไทยในรอบเวลาที่ผ่านเลยมาถึง 30 ปี ถ้าเกิดทันคงจะไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เพราะเขาคือ เจ้าของงานสร้างสรรค์นิตยสารสำหรับผู้หลงรักรถยนต์อันดับต้นๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์, นักเลงรถ, นักเลงรถกระบะ, นักเลงรถมอเตอร์ไซค์, และมอเตอร์สปอร์ต ฯลฯ โดยรวมทั้งสิ้นคือ เขามีนิตยสารรายเดือนออกวางแผงจำนวน 6 เล่ม และรายปีอีกทั้งสิ้น 11 เล่ม ที่จะคลอดไล่เลี่ยกันไปในทุกๆ เดือน
คนๆ นี้อยู่ในแวดวงยานยนต์ แต่กลับไม่สนใจที่จะจัดงานมอเตอร์โชว์ หรือมหกรรมใดๆ ทั้งสิ้น นักเลงรถทั่วไปในเมืองไทยอาจจะพอได้ยินชื่อ จรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริษัท ยานยนต์ จำกัด เจ้าของสำนักพิมพ์นิตยสารยานยนต์ ที่ได้ผลิตนิตยสารเกี่ยวกับแวดวงมอเตอร์มากถึง 80 เล่มต่อปี
“ผมอยู่ในวงการรถยนต์มาจนปัจจุบันก็ถือว่าเป็นเวลานานเหมือนกัน ซึ่งเมื่อก่อนผมให้ความสนใจเรื่องรถยนต์น้อยมากๆ แต่สนใจการทำหนังสือมาก่อน การได้มาทำหนังสือที่เกี่ยวกับรถยนต์นั้น เนื่องจากมีโอกาสได้เข้าไปรับช่วงต่อมาจากสมาคมส่งเสริมสวัสดิภาพจราจร แล้วก็ได้นำของเก่านั้นมาประยุกต์ ปรับปรุง และพัฒนาจนออกมาเป็นยานยนต์นิตยสารที่ยาวนานกว่า 30 ปีมาแล้ว
“ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสเป็นผู้ก่อตั้งมหกรรมรถยนต์ที่เมืองทองธานี แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเราเอง ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เพราะตัวผมเองส่วนใหญ่จะผูกติดตัวเองอยู่กับการทำงานหนังสือเสียมากกว่าที่จะไปทำเรื่องแบบนั้น เนื่องจากผมเป็นคนที่ชอบอ่าน และรู้สึกดีถ้าได้ชื่นชมผลงานที่เราผลิตออกมาให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์ จนปัจจุบันก็ได้มีการแตกแขนง และแยกประเภทของหนังสือออกมาเป็นหลายเล่มอย่างชัดเจน เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น” จรวยเล่าให้ฟังถึงการก้าวย่างสู่วงการนิตยสารยานยนต์อย่างเต็มตัว
อ่านเรื่อยๆ ลงมาจนถึงย่อหน้านี้หลายคนคงอาจกำลังตั้งสังเกต หรือสงสัยจนเกิดเป็นคำถามขึ้นว่า ในขณะที่ 2 บิ๊กยักษ์ขยันจัดงานมอเตอร์โชว์ มอเตอร์เอ็กซ์โป แล้วทำไมจรวยถึงไม่กระตือรือร้น ที่จะจัดงานมหกรรมในทำนองเดียวกันเป็นของตัวเองบ้าง มาฟังสาเหตุสวยๆ ของเขากัน
“ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมไม่อยากคิดไปจับงานมหกรรมรถยนต์ตรงนั้น เพราะผมคิดว่าในประเทศไทย หรือวงการรถยนต์ในเมืองไทยยังไม่มีรถที่ผลิตในเมืองไทย หรือถือสัญชาติไทยแท้ๆ เลยสักคัน มีแต่การนำเข้ามาแล้วก็ขายออกไปเพียงเท่านั้น และ ณ วันนี้ก็มีหัวเรือใหญ่ตั้ง 2 เจ้าแล้วที่กำลังดำเนินงานทำตรงนั้นอยู่ ซึ่งบางครั้งผมก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เพราะเราทั้ง 3 คนก็เป็นเพื่อนกันหมด”
จรวยยังเน้นย้ำข้อสงสัยของใครหลายๆ คนอย่างชัดเจนด้วยอีกว่า เขามีความผูกพักกับหนังสือมากกว่า ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องจัดงาน เขาก็สามารถประคองชีวิตให้สามารถอยู่ได้
ยานยนต์คือชีวิต
ยานยนต์ที่นักเลงรถเมืองไทยถือว่าเจ๋งนั้นสมควรที่จะประกอบครบไปด้วยทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นสวย เร็ว และสามารถลงแข่งขันได้ แถมเรื่องของสมรรถนะต้องดีเยี่ยมไม่แพ้ใคร ซึ่งหนังสือเกี่ยวกับแวดวงยานยนต์ของสำนักพิมพ์ที่จรวยเป็นเจ้าของนั้น ไม่ได้มีเนื้อหาจำกัดอยู่เพียงแค่กรอบแคบๆ เท่านั้น เรื่องยานยนต์เจ๋งๆ แนวๆ ต้องถามเขาเลย
“ยอมรับว่าผมเป็นนักเลงรถคนหนึ่งผมสะสมรถอยู่หลายคัน แต่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำอะไร หรือเลือกอะไร ผมมักจะสืบค้น สอบถาม และคุยกับคนอื่นที่เป็นผู้รู้มากๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่เสียโอกาส และไม่ผิดหวัง
“ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์ที่เราได้ค้นพบและร่วมสร้างสรรค์ขึ้นมา บางทีมันอาจจะทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น สนใจตัวเอง และผมคิดว่าการลงมาทำงานธุรกิจหนังสือมันถือเป็นธุรกิจเสรี ทุกคนมีสิทธิทำได้ แต่สิ่งสำคัญคือแต่ละคนจะต้องมีจุดยืนของตัวเองที่แน่วแน่ชัดเจน ไม่ต้องไปวุ่นวายกับหนังสือของใครทั้งนั้น ทำหนังสือที่กำลังทำอยู่ให้ออกมาดูก็พอแล้ว
“สำหรับยานยนต์ ผมได้ทำตามที่ผมตั้งใจไว้แล้ว เราไม่สนใจใครคิดเพียงว่าต้องผลิตงานให้ออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ และผมก็จะภูมิใจในงานที่ทีมงานทำออกมาแล้วมีคนให้ความนิยม มีคนพูดถึง“จรวยเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เขาตั้งใจทำมากว่าครึ่งชีวิต
ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เพียงนิตยสารผู้หญิงเท่านั้นที่มีการแข่งขันสูง แต่ในจำนวนนิตยสารวงการรถยนต์ในปัจจุบันก็มีการแข่งขันที่แสนจะดุเดือนไม่แพ้กัน ซึ่งจรวยได้ให้ความคิดเห็นว่า
“บ้านเรามีหนังสือ นิตยสาร เกิดใหม่เยอะ ทั้งที่ผลิตกันขึ้นเองตามความชอบ ที่นำของต่างประเทศเข้ามาแปล และนำของต่างประเทศเข้ามาขายก็มีมาก ดังนั้นแน่นอนว่าทุกคนที่เป็นผู้ผลิตต้องการที่จะอยู่รอดด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งสื่อประเภทหนังสือที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าจะขายได้เต็มๆ 100เปอร์เซ็นต์ก็ยังขาดทุนอยู่ดี เพราะเรื่องของโฆษณาที่กำลังแข่งขันกันอย่างร้อนฉ่า และดุเดือดเป็นอย่างมาก”
“ถึงเวลานี้ผมวางมือแล้ว ก็จะมีบรรณาธิการในแต่ละเล่มเข้ามาเป็นผู้สานต่อ แล้วผมก็จะดูภาพองค์รวมทั้งหมดของหนังสือเท่านั้น” จรวยกล่าว
ห้องสมุดจากแรงบันดาลใจ
บรรยากาศเก่าๆ และชีวิตวัยแตกสาวแตกหนุ่มของการเป็นนักเรียนมัธยมปลาย กลับมาชัดเจนอยู่ในความทรงจำอีกครั้ง หลังจากที่ ‘ความเงียบ’ และ ‘นิ่ง’ ปล่อยให้ ‘ความสุข’ ‘ความทุกข์’ ผ่านมาแล้วผ่านไป...
ล่าสุดในวันนี้จรวยได้ตัดสินใจนำตึกเก่าตรงข้ามออฟฟิศเดิมมาบรรจงแต่งเติมให้กลายเป็นห้องสมุดรถยนต์แห่งแรกในประเทศไทย ที่มีการเก็บสะสมทั้งหนังสือไทยเกี่ยวกับแวดวงรถยนต์ทุกหัว และหนังสือจากเมืองนอก ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นไว้เป็นจำนวนมาก โดยให้บริการบุคคลภายนอกสามารถเข้ามานั่งอ่าน หรือค้นคว้าเรื่องราวของรถยนต์ในแต่ละยุค แต่ละสมัยได้
จรวยบอกง่ายๆ สั้นๆ ถึงไอเดียการจัดทำห้องสมุดรถยนต์แห่งแรกในเมืองไทยที่ไม่ซ้ำใครของเขาว่า เหตุที่มาทำห้องสมุดก็เพราะว่าเกี่ยวเนื่องกับหนังสือด้วย เพราะย้อนหลังไปประมาณ 30 ปีตั้งแต่มีหนังสือยานยนต์เล่มแรกกลับพบว่าเราผลิตหนังสือออกมาเยอะมากที่ผลิตออกมา แล้วอีกทั้งที่ใช้ค้นคว้าหาความรู้
“มันเกี่ยวเนื่องมาจากการที่สำนักพิมพ์เราทำหนังสือเฉพาะทาง โดยออกบ่อยมาก และหลายเล่ม ทั้งรายเดือนและรายปี การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลหรือห้องสมุดนี้ขึ้นมาก็ถือเป็นการลงทุนเพื่อให้หลายๆ ส่วนได้เข้ามาใช้ประโยชน์ เพราะก่อนหน้านี้มีประชาชนที่สนใจชอบโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องข้อมูลในแวดวงยานยนต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากจะต้องมานั่งตอบคำถามทุกวันคงจะยากลำบากเกินไป จึงเปิดโอกาสให้คนที่ชอบได้เข้ามาศึกษาด้วยตนเองเสียเลย
“บางครั้งมีคนกำลังตีบตันทางความคิด นึกอะไรไม่ออก หาอะไรไม่เจอ อาจเป็นเพราะยังไม่มีสถานที่ให้ได้ศึกษาค้นคว้า ทุกวันนี้คนไทยกลายเป็นนิสัยว่าชอบโทร. ชอบถาม แต่ไม่ค่อยชอบเดินทางมาห้องสมุดด้วยตัวเอง หรืออีกอย่างคือ ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ซึ่งการมีห้องสมุดตรงนี้จะถือว่าเราได้เปิดให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน 100 เปอร์เซ็นต์"จรวยบอกถึงที่มาที่ไปของศูนย์ข้อมูลและห้องสมุด
นอกจากนั้น สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของศูนย์ข้อมูลและห้องสมุดรถยนต์แห่งนี้ คือการนำเสนอเรื่องราวที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าเป็นเรื่องยากลำบากในการสืบค้น โดยได้รวบรวมไว้ทั้งบทความ เรื่องสั้น บทสัมภาษณ์ รวมไปถึงงานเขียนที่เป็นวิชาการเกี่ยวกับเครื่องยนต์ และอุปกรณ์มอเตอร์ ที่ค้นคว้าได้ง่ายๆ
จิตจรวย ขันมณี หัวหน้ากองเลขานุการกองโฆษณา และการตลาดของสำนักพิมพ์ยานยนต์ ได้เข้ามาดูแลจัดการงานในส่วนของศูนย์ข้อมูลและห้องสมุดเล่าให้ฟังว่า
“คนที่เข้ามาใช้บริการทางเรายินดีให้ข้อมูล โดยการให้สำเนาเอกสารหรือสำเนาดิจิตอล ด้วยการอัดสำเนา สแกน หรือไรต์ข้อมูลเป็นซีดีเพื่อนำไปใช้ แต่ของดการยืมหนังสือออกนอกสถานที่ยกเว้นให้เพียงพนักงานในบริษัทนำหนังสือไปใช้ได้เท่านั้น
“เวลานี้คนที่ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และบุคคลที่สนใจวงการยานยนต์ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ แต่ช่วงนี้คนมาใช้บริการยังไม่มากเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะตรงนี้เป็นหนังสือเฉพาะทางด้วย แต่มีการโทร.เข้ามาสอบถามข้อมูลเยอะมากๆ“ จิตจรวยเล่าให้ฟังพร้อมแนะนำการใช้ห้องสมุดที่เธอภูมิใจ
อาคาร 1999 ออฟฟิศที่ดูใหม่ และทันสมัย ก้าวแรกที่สัมผัสอาจจะทำให้รู้สึกตงิดๆ อยู่นิดหน่อย เพราะพนักงานโดยเฉพาะฝ่ายศิลปกรรมแทบจะใส่สูทผูกไทนั่งทำงานกันเลยทีเดียว
“ผมมีเป้าหมาย และความชัดเจนส่วนตัวว่า พนักงานที่ได้เข้ามาทำงานที่นี่ต้องมีทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี ดังนั้นทุกคนจำเป็นที่จะต้องดูดีเสมอ และตลอดเวลา เพราะเราต้องออกงานอยู่ในสังคมบ่อย ฝ่ายศิลป์ผมยังบังคับให้ผูกไทเลย เพื่อจะได้ดูเหมาะสม น่าเชื่อถือ กับอายุอานามของหนังสือ”จรวยเล่าให้ฟัง
และก่อนหน้านี้จรวยยังได้ลงทุนซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย และเปิดมุมฟิตเนสบนตึกสูงให้แก่พนักงานภายในบริษัทได้พักผ่อนอีกด้วย เพราะเหตุอะไรเขาถึงทำเช่นนั้น หากไม่ใช่ความเป็นสุภาพบุรุษที่แฝงอยู่ในตัวเขา
“เวลามาทำงานเช้าๆ ผมอยากเห็นพนักงานออกกำลังกายในบรรยากาศดีๆ ได้มองโลกทัศน์ในมุมกว้างๆ จะได้กระตือรือร้น พร้อมทำงานด้วยความแจ่มใส ผมรู้สึกดีกับการทำแบบนั้น ซึ่งคาดว่าพนักงานทุกคนก็คงต้องการ โดยผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าบริษัทอื่นเขาจะมีให้พนักงานกันหรือเปล่า แต่ผมเลือกที่จะทำให้พวกเขาแล้ว “จรวยสะท้อนให้เห็นความแตกต่างของความคิดเป็นการทิ้งท้าย
ชีวิตของคนบางคนอาจไม่ต้องการเกิดมายืนเป็น 'นักเลง' หรือ 'สุภาพบุรุษ' เพราะบางครั้งเพียงแค่คำจำกัดความผิวเผินอาจจะวัดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ไม่ได้ แต่การมี 'นักเลง' หรือ 'สุภาพบุรุษ' ที่พร้อมจะมอบประโยชน์ให้แก่สังคมยืนอยู่บนโลกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในช่วงเวลาแบบนี้ อาจจะเป็นดั่งฟันเฟืองที่ทำให้โลกก้าวไปข้างหน้าก็เป็นได้
*********
หากใครอยากค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับวงการยานยนต์ทั้งของไทยและต่างประเทศ สามารถติดต่อได้ที่
ศูนย์ข้อมูลและห้องสมุด บริษัท สำนักพิมพ์นิตยสารยานยนต์ จำกัด
7 อาคาร 1999 อินทามระ 33 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงดินแดง กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ 0-2691-8275,0-2691-8248-51 แฟกซ์ 0-2277-6220,0-2275-6888
อีเมล์ service@yanyonttodeys.com
*********
เรื่อง:นาตยา บุบผามาศ