xs
xsm
sm
md
lg

“นักกายภาพ” กองหนุนของวงการกีฬา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในวันที่การแข่งขันกีฬา ได้กลายเป็นธุรกิจกีฬา มีทัวร์นาเม้นท์ตั้งแต่ระดับสมัครเล่นไปจนถึงที่มีการแข่งขันระดับอาชีพที่มีเงินรางวัลให้ชิงชัยหลายสิบล้านบาท ต่างก็มีวงจรเพื่อสร้างผลประโยชน์ตอบแทนให้กับนักกีฬาได้อย่างมหาศาล เมื่อเป็นเช่นนี้บรรดานักสู้ในสนามทั้งหลายต่างก็ต้องดูแลรักษาสภาพร่างกายของตนเองเป็นอย่างดี แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าการแข่งขันแล้ว อาการบาดเจ็บมักจะมาเป็นของคู่กัน แน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นช่องว่างที่ทำให้คู่ต่อสู้ของพวกเขาและเธอนั้นได้เปรียบขึ้นมาทันที

แต่มีหรือที่ช่องว่างอันเกิดจากอาการบาดเจ็บนั้นจะอยู่เป็นจุดอ่อนได้นาน ปัจจุบันหน้าที่ของ “นักกายภาพบำบัด” กลายเป็นบุคคลสำคัญที่ต้องมีไว้ข้างสนามแข่งตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ไปจนถึง ระดับสากล สำหรับ หน้าที่ของ “นักกายภาพบำบัด” ในวงการกีฬาไทยอาจจะยังไม่เป็นภาพที่ชินตานักหลายคนอาจจะเกิดความสับสนว่านักกายบำบัดมาเกี่ยวข้องอะไรกับวงการกีฬา และมีหน้าที่อย่างไร ซึ่งเราได้ค้นหาคำตอบจากนักกายบำบัดมืออาชีพ อย่าง อาจารย์ ดร.กานดา ชัยภิญโญ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะสหเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในระหว่างคุมนักศึกษาชั้นปีที่สี่ของภาควิชาทำหน้าที่ในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย หรือ “ราชพฤกษ์เกมส์”ที่ผ่านพ้นมา

“นักกายภาพบำบัด” การรักษาที่ไม่ใช้ยา

ดร.กานดา ชัยภิญโญ ซึ่งคลุกคลีอยู่กับแวดวงนักกีฬาทั้งอาชีพและสมัครเล่นในไทยมานาน ได้อธิบายถึงขอบเขตที่ นักกายภาพบำบัด มีความจำเป็นต่อนักกีฬาอย่างไร “ในช่วงเวลาที่มีการแข่งขันกีฬานั้น นักกายภาพบำบัด นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญเพื่อช่วยทำให้นักกีฬาลงสนามได้อย่างเต็มศักยภาพ เพราะการแข่งขันมักมาคู่กันกับอาการบาดเจ็บซึ่งมีหลายลักษณะ หน้าที่ของนักกายภาพบำบัดจะมาเติมเต็มในช่องว่าดังกล่าว เบื้องต้นคือต้องช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บให้ทุเลาลงอย่ารวดเร็ว เป็นงานที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้นักกีฬาคนเก่งกลับลงสู่สนามได้อีกครั้ง ด้วยเวลาอันรวดเร็ว”

“เวลาที่เราไปนั่งข้างสนาม ถ้านักกีฬาเจ็บก็ต้องทำการปฐมพยาบาลรักษากันเลย ซึ่งส่วนใหญ่นักกีฬาที่บาดเจ็บก็จะบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และหน้าที่ของนักกายภาพบำบัดจะเริ่มต้นทันทีโดยเริ่มต้นจากการบรรเทาอาการโดยไม่ต้องใช้ยา” ทั้งนี้ ดร.กานดา อธิบายเพิ่มเติมว่าวิธีการรักษาของนักกายภาพนั้นจะเน้นไปที่การบำบัดกล้ามเนื้อให้อยู่ในสภาพที่คลายตัวหลังจากได้รับบาดเจ็บเพื่อลงสนามทำการแข่งขันต่อ และหลังจากนั้นจะทำการรักษาอีกครั้งโดยไม่ใช้ยาเพราะร่างกายของคนเราโดยทั่วไปจะมีระบบซ่อมแซมอยู่ภายใน”

“ร่างกายคนเราสามารถรักษาตัวเองได้อยู่แล้ว อย่างคนที่มีอาการปวดต้นคอ หากเราตรวจแล้วทราบว่าปัญหามาจากกล้ามเนื้อชิ้นไหน กลไกที่ทำให้เกิดการปวดคอก็มาจากการที่มันตั้งแล้วเกร็งค้างเป็นเวลานานจนขาดเลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว ไม่คลายตัว จนนำไปสู่อาการปวด ซึ่งมีวิธีรักษาด้วยการที่เราต้องทำให้กล้ามเนื้อส่วนคลายตัวเพื่อไม่ให้เจ็บปวด เราอาจจะใช้หลายวิธีเข้าช่วย อาทิ การใช้ความร้อน หรือถ้าเป็นมากขึ้นอาจมีการยืดกล้ามเนื้อร่วมด้วย”

นอกจากหน้าที่ระหว่างทำการแข่งขันแล้ว นักกายภาพบำบัดยังมีความสำคัญในช่วงระหว่างเตรียมทีม เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บของนักกีฬาหรือดูแลนักกีฬาที่มีอาการบาดเจ็บอยู่แล้วไม่ให้มีอาการแย่ลง ซึ่งการมีนักกายภาพบำบัดไว้กับทีมกีฬานั้นเป็นเรื่องที่ ดร.กานดา แสดงความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับนักกีฬาเพราะเมื่อบาดเจ็บก็จะมีคนคอยดูแล และรู้จักวิธีรักษาอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังทราบข้อบกพร่อง และจุดอ่อนของนักกีฬาเป็นรายๆ ไป

“ถ้าเราสามารถดูแลเมื่อนักกีฬาบาดเจ็บได้ทันที ก็จะช่วยลดอาการบาดเจ็บร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้มาก เพราะการดูและเบื้องต้นเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีก็จะทำให้นักกีฬาคนนั้นสามารถรักษาอาชีพนักกีฬาอยู่ในวงการได้นานขึ้น”

แม้หน้าที่หลักของ “นักกายภาพบำบัด” จะดูเหมือนเป็นเพียงผู้รักษาอาการเจ็บปวดของนักกีฬา แต่ก็ยังสามารถช่วยเพิ่มสมรรถภาพของนักกีฬาบางรายได้ โดย ดร.กานดา เปิดเผยว่า “นักกีฬาเทนนิสบางรายนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องการเสิร์ฟลูกให้แรงเหมือนคนอื่นไม่ได้ ทั้งๆ ที่เริ่มต้นฝึกซ้อมมาเหมือนกัน โปรแกรมการฝึกซ้อมแบบเดียวกัน ร่างกายสมบูรณ์พอๆ กัน ซึ่งตรงนี้ นักกายภาพบำบัด ก็อาจจะสามารถตรวจเช็คได้ว่าอาจจะเกิดจากอาการผิดปกติของเส้นเอ็นบางส่วนที่มีความยืดหยุ่นน้อยไป เมื่อพบสาเหตุนักกายภาพบำบัดสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ด้วยการทำให้เส้นเอ็นนั้นคลายตัวลง และเพิ่มแรงเหวี่ยงแขนได้มากขึ้น”

หน้าที่สำหรับผู้มีมนุษย์สัมพันธ์เท่านั้น

ในโลกปัจจุบันที่กีฬามีส่วนผสมของระบบธุรกิจอยู่กว่าห้าสิบเปอร์เซนต์ แน่นอนว่าเอเยนซี่ หรือ สปอนเซอร์ ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกับนักกีฬาในฐานะที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้นั้น ย่อมต้องดูแลนักกีฬาในสังกัดของตนยิ่งกว่าไข่ในหิน และ อาชีพนักกายภาพบำบัด ย่อมเป็นที่ต้องการของตลาดกีฬามากขึ้น สำหรับเมืองไทยนั้นวิชาแขนงดังกล่าวมีการเปิดสอนอยู่ในหลายสถาบัน และก่อนที่นักศึกษาเหล่านั้นจะออกมาประกอบอาชีพจริงพวกเขาจะได้ออกมาหาประสบการณ์จากสนามการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น

ตรีรัตน์ พรหมพลุ้ย หรือ “น้องตรี” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่าต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการเรียน โดยเฉพาะช่วงเวลาฝึกงานถึง 9 เดือนเต็มๆ ก่อนที่จะเรียนจบ ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า “ไม่ง่ายกว่าที่จะเรียนจบมาทำงานได้ เพราะยังต้องมีโปรแกรมการฝึกงานเป็นระยะเวลาถึง 9 เดือน กว่าที่จะจบหลักสูตร และยังต้องผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับกล้ามเนื้อทุกมัด เส้นเอ็นทุกเส้น และข้อต่อทุกชิ้นในร่างกาย เพราะสิ่งเหล่านี้นักกายภาพบำบัดจำเป็นต้องรู้จักมิเช่นนั้นก็ไม่สามารถรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อมาไม่ได้”

เช่นเดียวกับ “สุวรรณี บุญพูนเลิศ” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เพื่อนร่วมคณะของ “ตรี” ก็ยอมรับว่าระยะเวลาฝึกงานที่นานถึง 9 เดือนนั้นช่วยเหลือนักศึกษาในเรื่องประสบการณ์ได้มากทีเดียว “การฝึกงานที่นาน 9 เดือน ไม่ใช่ฝึกงานธรรมดา แต่ต้องเปลี่ยนคลินิกกายภาพฯไปเรื่อยๆ โดยต้องเปลี่ยนถึง 9 คลินิกในระยะเวลา 9 เดือน เพื่อที่จะได้มีโอกาสเจอกับคนไข้ที่มีอาการแตกต่างกันไป ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็มีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งต่างๆไปด้วย”

นอกจากนี้ ดร.กานดา ยังได้อธิบายว่าการทำหน้าที่ของนักกายภาพบำบัดนั้น จำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกับคนไข้ตลอดเวลา ดังนั้นนักกายภาพบำบัดจะต้องมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีกับคนไข้ ซึ่งเธอได้เปิดเผยว่า “คนขี้โมโห หงุดหงิดง่าย จู้จี้ ขี้บ่น จะมาเป็นนักกายภาพบำบัดไม่ได้ เพราะนักกายภาพบำบัดจะต้องทำงานใกล้ชิดกับคนไข้ คอยดูแลความเปลี่ยนแปลง และปรับใช้การรักษาอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนไข้อาการดีขึ้น ที่สำคัญคือเมื่อคนไข้เริ่มเบื่อกับการออกกำลังในแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ต้องคิดหาแบบฝึกใหม่ๆ มาใช้กับคนไข้อยู่ตลอด เพราะฉะนั้นประสบการณ์การทำงานที่มีมากจะช่วยในส่วนนี้ได้เยอะมาก”

“นักกายภาพ” กองหนุนที่ขาดไม่ได้ในวงการกีฬา

ดังที่กล่าวในข้างต้นว่า การแข่งขันมักมาคู่กันกับอาการบาดเจ็บ และในโลกปัจจุบันที่การแข่งขันกีฬามีธุรกิจเข้ามาครอบงำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้หลายสนามการแข่งขันนักกีฬามักจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดังเช่นการแข่งขันเทนนิสระดับโลกที่ นักเทนนิสทั้งชายหญิง มีสิทธิเรียกนักกายภาพบำบัด หากเขาหรือเธอรู้สึกว่ามีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ

ขณะที่กีฬาที่ใช้พละกำลังมากอย่าง อเมริกัน ฟุตบอล แต่ละทีมต้องมีนักกายภาพบำบัดประจำอยู่ด้วยอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคน หรือแม้แต่ในการแข่งขันฟุตบอลอาเซียน คัพ 2007 ที่ผ่านมาทีมแชมป์อย่างสิงค์โปร์ ก็มีนักกายภาพบำบัดหน้าหวานติดทีมมาด้วย และเธอก็มิใช่สวยแต่รูปหากทำหน้าที่ได้จริงในสนามแข่งขัน

แน่นอนว่า สำหรับนักกีฬาและผู้ฝึกสอนแล้ว พวกเขามองว่า นักกายภาพบำบัด คือเทพเจ้าที่สามารถเนรมิตให้ความเจ็บปวดหายลงไปได้ และการที่มีผู้เชี่ยวชาญลักษณะนี้อยู่ในทีมความอุ่นใจก็จะเกิดขึ้นทันที ซึ่งนักกีฬาและผู้ฝึกสอนใน“ราชพฤกษ์เกมส์” ที่ได้เห็นการทำงานและบางรายก็ได้ใช้บริการของนักกายภาพบำบัด ต่างก็แสดงความเห็นด้วยว่าควรจะมีนักกายภาพบำบัดไว้คอยช่วยเหลือดูแลนักกีฬาอยู่เสมอ

ยุรดาร์ ธูปทอง นักกีฬาคาราเต้โดสาววัย 22 ปี จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ยอมรับว่าไม่คุ้นเคยกับอาชีพนักกายภาพบำบัดมากนัก แต่ส่วนตัวแล้วเธอรับรู้ว่าเป็นอาชีพที่มีช่วยเหลือกับนักกีฬามากโดยเปิดเผยให้ฟังว่า “เคยมีอาการบาดเจ็บจากเข่าพลิก ก็ต้องใช้เวลาพักถึง 5 เดือน ตอนนั้นทรมานมาก แต่ก็ได้นักกายภาพบำบัดคอยช่วยเหลือ ให้สามารถกลับมาเล่นกีฬาได้อีกครั้ง ตอนนั้นกลัวเหมือนกันว่าอาจจะกลับมาเล่นกีฬาไม่ได้อีก จริงๆ ถ้ามีนักกายภาพบำบัดคอยดูแล และช่วยเหลือนักกีฬาอยู่ตลอดก็คงจะดีมากๆ เพราะสามารถช่วยแนะนำวิธีการใช้ร่างกายอย่างไรไม่ให้เราต้องบาดเจ็บซ้ำที่เดิมได้อีกด้วย”

เช่นเดียวกับ โค้ชหนุ่มใหญ่อย่าง ทวีสุข เชี่ยวชาญปรีชากุล ของทีมคาราเต้โด จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ยืนยันว่าในทีมกีฬาของทุกมหาวิทยาลัยควรที่จะมีนักกายภาพบำบัดร่วมทำงานด้วย
“ผมว่ามีความสำคัญมากทีเดียว เพราะเวลาเรามีปัญหาอาการบาดเจ็บของนักกีฬา ไม่ว่าระหว่างซ้อม หรือระหว่างแข่งขัน นักกายภาพจะได้ดูแลได้ทันท่วงที นอกจากนี้นักกายภาพบำบัดยังสามารถแนะนำช่วยเหลือนักกีฬาในเรื่องการป้องกันอาการบาดเจ็บได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่ทีมของเราไม่มีนักกายภาพ”

ทั้งหมดนี้คืออรรถาธิบายฉบับย่อสำหรับหน้าที่ของนักกายภาพบำบัด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหน้าที่ของพวกเขาและเธอไม่ได้ต่างอะไรจากนักกีฬาในสนามหรืออาจจะหนักกว่า เพราะในการปฏิบัติภารกิจเพื่อรักษาแต่และครั้งต้องแบกรับความหวังของตัวนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และ กองเชียร์ ที่จะช่วยให้นักกีฬาอันเป็นที่รักของพวกเขาได้ทำผลงานในสนามต่อชนิดไม่มีติ ซึ่งคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า สถานะ “นักกายภาพบำบัด” ในเมืองไทยจะกลายเป็นตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับความสำคัญเช่นเดียวกับ “นักกายภาพ” ในต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าคือกองหนุนคนสำคัญสำหรับวงการกีฬา
 
************

เรื่อง – เชษฐา บรรจงเกลี้ยง




ภารกิจนักกายภาพฯ
นักกายภาพจำเป็น

กำลังโหลดความคิดเห็น