xs
xsm
sm
md
lg

ปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากถามว่าวัตถุมงคลใดดังที่สุดในยุคนี้ พ.ศ.นี้ คงสามารถตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “จตุคามรามเทพ” ทั้งนี้ เนื่องเพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหน เมืองใด ก็จะพบเห็นคนบูชาขึ้นคออย่างเจนตา กระทั่งส่งผลทำให้ยอดจอง รวมทั้งราคาวิ่งลิ่วไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นวัตถุมงคลใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในวงการพระเครื่องไม่นานนัก นอกจากนั้น บางรุ่นยังไม่ทันได้เททอง ยอดสั่งจองก็เต็มเรียบร้อยแล้ว

คงจะไม่เกินเลยไปนักหากจะกล่าวว่า นี่คือปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ หรือจตุคามรามเทพฟีเวอร์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินสยามประเทศ

**ไขปริศนาทำไมถึงดัง

รุ่นชนะมาร รุ่นโคตรเศรษฐี...รุ่นสิริมงคล...รุ่น 12 นักษัตร...รุ่นหลักเมืองพุทธาคมเข้าอ้อ...รุ่นปรกเกล้า...รุ่นแซยิด 108 ปีขุนพันธรักษ์ราชเดช...รุ่นมหาราชมหาบารมี....พระผงสุริยัน-จันทรา รุ่น 2 รุ่นจักรพรรดิมหาราช รุ่นรวยไม่เลิก รุ่นจอมจักรพรรดิ รุ่นมหาเศรษฐี 1,000 ล้าน รุ่นรักพ่อ รุ่นสมบัติจักรพรรดิ รุ่นเจริญโภคทรัพย์ ฯลฯ

เหล่านี้คือเป็นเพียงส่วนหนึ่งชื่อรุ่นต่างๆ ของจตุคามรามเทพที่ปรากฏให้ผู้ศรัทธาได้จับจองกันอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ถ้าหากพลิกไปดูตามหน้าพระเครื่องในหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารพระเครื่อง รวมกระทั่งถึงเว็บไซต์ต่างๆ ก็จะพบว่า มีข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสร้างและการเปิดจองนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือ ความนิยมในจตุคามรามเทพไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในนครศรีธรรมราชอันเป็นถิ่นกำเนิดและแค่จังหวัดภาคใต้เท่านั้น หากแต่ยังขยายวงกว้างไปในแทบทุกจังหวัด

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทำไมจตุคามรามเทพหรือที่ผู้ศรัทธามักเรียกกันสั้นๆว่า “จตุคามฯ” หรือ “องค์พ่อ” หรือ “พ่อ” ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่เกิดขึ้นไม่นานนัก โดยมีการสร้างเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2530 เพื่อหารายได้มาใช้ในการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ถึง “ดัง” มากมายถึงขนาดนี้

“วัชรพงษ์ ระดมสิทธิพัฒน์” หรือ “อุ๊ กรุงสยาม” นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพพระเครื่อง อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กระแสความศรัทธาในจตุคามรามเทพดำเนินไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยในช่วงแรกไม่ค่อยมีผู้คนรู้จัก คงแต่มีใช้เฉพาะกลุ่มข้าราชการบางคนในพื้นที่และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้นและเพิ่งจะมาได้รับความนิยมสูงสุดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้นี่เอง

กล่าวคือ หลังจากที่มีการสร้างรุ่นแรกในปี 2530 ทุกอย่างก็นิ่งสงบ ไม่ใครสนใจ ขายเพียงองค์ละไม่กี่สิบบาทก็ไม่มีใครเช่า กระทั่งในปี 2542 ก็เริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้นเนื่องจากมีผู้นำไปใช้และมีประสบการณ์บอกกันในลักษณะปากต่อปากว่า “บูชาแล้วค้าขายดี บูชาแล้วธุรกิจไม่มีปัญหา บูชาแล้วสามารถอธิษฐานขออะไรก็ได้”

ต่อมาในปี 2547 เริ่มมีการสร้างจตุคามรามเทพกันหลายรุ่น จากนั้นในปี 2548 ความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมาถึงขีดสุดในปี 2549 ต่อเนื่องมาถึงปี 2550 กระทั่งทำให้ราคาของจตุคามรามเทพรุ่นแรกที่เปิดจำหน่ายในราคาแค่ 49 บาทพุ่งสูงขึ้นถึงหลักล้าน

“กระแสศรัทธาเกิดขึ้นเพราะประสบการณ์ในการใช้ คือเมื่อมีคนใช้มากๆ และเห็นผลก็เริ่มมีการบอกต่อไปเรื่อยๆ ว่าองค์พ่อช่วยได้ และมีบางรุ่นใหม่ๆ ถึงขนาดสามารถขายใบจองกันได้ก็มี ตอนนี้ ผมบอกได้ว่า ความนิยมมีตั้งแต่ระดับมหาเศรษฐีไปจนถึงคนธรรมดา ขณะที่ถ้าเราสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเวลานี้เกิดกระแสวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างต้องห้อยจตุคามรามเทพด้วย”อุ๊ กรุงสยามแจกแจง

ส่วน พิศาล เตชะวิภาค หรือ “ต้อย เมืองนนท์” อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย อธิบายเสริมว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้มีผู้นิยมในองค์จตุคามรามเทพค่อนข้างมากน่าจะเป็นเพราะความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมา รวมทั้งประสบการณ์ของผู้ที่เคยบูชาว่า ใครก็ตามที่แขวนจตุคามรามเทพแล้วจะขออะไรก็ได้

หรือสรุปสั้นๆ ให้ได้ใจความว่า “ขอได้ ไหว้รวย”

ประกอบกับในยุคนี้เศรษฐกิจของไทยในภาพรวมไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ดังนั้น การตัดสินใจที่จะใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อเช่าบูชาพระเครื่องเก่าๆ ที่มีราคาแพงจึงลดจำนวนลง และหันมาบูชาจตุคามรามเทพแทน เพราะมีราคาไม่แพงและไม่ต้องกังวลเรื่องพระปลอมหรือไม่ปลอม

“จตุคามรามเทพดังมากขึ้นเป็นลำดับ ดังสุดๆ ก็น่าจะเป็นสัก 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ เวลานี้หลายรุ่นยังไม่ทันเททองเลย ใบจองก็หมดแล้ว เรียกว่า การสร้างพระใหม่ๆ เวลานี้ถ้าไม่ใช่จตุคามฯ ก็แทบขายไม่ได้เลย อย่างรุ่นแรกขณะนี้บางองค์สวยๆ ก็ราคาร่วมล้านบาทหรืออย่างน้อยก็หลายแสน”

“ดังนั้น ในเวลานี้ผู้ที่อยู่ในแวดวงพระเครื่องจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเซียนพระที่เคยเล่นแต่พระเก่ายังต้องหันกลับมาเล่นจตุคามรามเทพกัน เนื่องจากยอดความต้องการสูงมากจริงๆ”ต้อย เมืองนนท์ให้ภาพ

**เงินสะพัดนับพันล้าน

ผลพวงจากความนิยม ความศรัทธาที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในแวดวงที่เกี่ยวข้องมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ดังจะเห็นได้จากโฆษณาที่ปรากฏตามหน้าพระเครื่องของหนังสือพิมพ์ รวมทั้งเว็บไซต์ต่างๆ ขณะที่บริเวณวัดพระศรีมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช อันเป็นที่ประดิษฐ์สถานจตุคามรามเทพก็มีพิธีบวงสรวงกันไม่เว้นแต่ละวัน

ยิ่งกว่านั้นก็คือ บางรุ่นถึงขนาดสามารถขาย “ใบจอง” ได้อีกด้วย

หรือล่าสุด (2 ก.พ.) ที่วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครอยุธยา หนึ่งในสถานที่ที่ประชาชนนิยมไปกราบองค์จตุคามรามเทพ และทำพิธีเทวาภิเษกจตุคามฯ ออกมาให้ลูกศิษย์ลูกหาผู้นับถือได้บูชากัน ปรากฏว่า วัตถุมงคลที่ทำวัตถุผลิตออกมาแทบหมดเกลี้ยงจากวัดโดยเฉพาะรุ่นทั่วไป เหลือเพียงแค่รุ่นที่มีราคาแพงเท่านั้น

ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรชายของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชและวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ บอกว่า ปัจจุบันความต้องการในการสร้างมีสูงมาก เช่น ในปี 2549 ที่ผ่านมาต้องเข้าไปเป็นเจ้าพิธีในการบวงสรวงมากถึง 39 วัดกับอีก 2 โรงเรียน ขณะที่ในปี 2550 เฉพาะเดือนม.ค.นี้ มีกำหนดถึง 12 วัดด้วยกัน แต่ก็สามารถทำไปได้เดียง 6-7 วัดเท่านั้น

“ความต้องการในการสร้างมากจริงๆ จนทำแทบไม่ทัน ผมเองต้องนำเอาหลายๆ วัดมาปลุกเสกร่วมกัน ไม่งั้นไม่ไหว อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมเห็นว่า แม้จะมีการสร้างมาก แต่ถ้ามีการนำรายได้ไปทำบุญทำกุศลก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง”ฉันท์ทิพย์ให้ภาพ

ขณะที่ อุ๊ กรุงสยาม ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่สร้างจตุคามรามเทพรุ่นแรกจนถึงปัจจุบันมีการสร้างมาแล้วกว่า 100 รุ่น โดยเริ่มมีการสร้างเพิ่มมากขึ้นในช่วงประมาณ 2547 และ 2548 ต่อเนื่องจนถึงปี 2549 ซึ่งคาดว่าเฉพาะในปี 2550 จะมีการสร้างไม่ต่ำกว่า 150 รุ่น เพราะเมื่อทุกคนเห็นว่า จตุคามรามเทพขายได้ สมาคม มูลนิธิ องค์กรหรือกลุ่มต่างๆ ก็แห่กันสร้างจตุคามฯ กันเป็นจำนวนมาก

“ต้นปี 2550 มานี้เรียกว่ามีการเสกกันรายวันก็ได้ ทั้งที่นครศรีธรรมราชเองและที่อื่นๆ เฉพาะม.ค.เดือนเดียวก็มีสร้างกันแล้วประมาณ 30 รุ่น ถามว่าเม็ดเงินในวงการมากไหม ถ้าเฉพาะการสร้างหลักร้อยล้านน่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าขยายผลไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การใส่กรอบ ใส่ตลับ การหมุนเวียนการเช่าต่อในตลาดพระเครื่องก็น่าจะถึงพันล้านได้เหมือนกัน”

“ส่วนถามว่าปี 2550 เป็นอย่างไร ผมคิดว่าน่าจะเป็นอีกปีหนึ่งที่ความนิยมพุ่งแรงขึ้นกว่าเก่าและน่าเป็นห่วง เพราะมีการสร้างกันเยอะมากโดยไม่ได้คำนึงถึงการประกอบพิธีกรรมที่ถูกต้อง ที่ร้ายหนักก็คืออุตสาหกรรมพระเก๊ที่ปั๊มออกมาวางขายแบกะดิน องค์ละ 20 องค์ละ 40 บาท พวกนี้จะทำให้จตุคามฯ เสื่อมความนิยมลงได้”อุ๊ กรุงสยามแจกแจง

เช่นเดียวกับ “เป้า” (ขอสงวนนามสกุล) เซียนพระเครื่องใน จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะนายหน้าการจัดสร้างพระเครื่องรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อมีผู้ศรัทธาและมีความต้องการในองค์พ่อสูงมาก จึงเป็นช่องทางในการทำธุรกิจหารายได้ ซึ่งก็ส่งผลทำให้การจัดทำในแต่ละรุ่นมีรายได้มหาศาล

อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ที่ดำเนินการจัดสร้างนั้นมีทั้งเจตนาดี และก็มีอีกไม่น้อยที่ต้องการทำเพื่อเงิน โดยมีรายได้ส่วนหนึ่งไปทำกุศลเล็กๆ น้อยๆ กันครหานินทาเท่านั้น

    “รายได้ส่วนใหญ่ตกอยู่ที่นายทุนจัดสร้าง และนายทุนเหล่านี้ได้อาศัยวัดในการจัดสร้าง โดยมีข้อตกลงกับวัดว่า ต้องการรายได้แค่ไหน ส่วนต่างคือผลกำไร โดยที่นายทุนจะเป็นผู้ลงทุนจัดสร้างทั้งหมดทุกขั้นตอน รวมทั้งเป็นแม่งานในการดำเนินการทำพิธีในแต่ละช่วง เพราะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง”

        บทพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นความดังของจตุคามรามเทพที่ชัดเจนที่สุดก็คือ กรณีที่ “ศิริพร บุญเจริญ” สรรพากรพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการจัดสร้างจตุคามรามเทพว่า ขณะนี้วงการพระเครื่องของนครศรีธรรมราชกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “จตุคามรามเทพ” ที่กำลังโด่งดังอย่างมาก  ซึ่งรวมๆ แล้วมีเม็ดเงินสะพัดอยู่นับพันล้านบาทเลยทีเดียว และกรมสรรพากรกำลังพิจารณาเรื่องการจัดเก็บภาษีของธุรกิจในกลุ่มนี้อยู่

******************

เรื่อง....พีรยุ ดีประเสริฐ

กำเนิดแห่งจตุคามรามเทพ

เป็นที่ยอมรับกันในกลุ่มผู้นับถือว่า จตุคามรามเทพมีความเกี่ยวพันกับอดีตบูรพกษัตริย์ของอาณาจักรศรีวิชัย โดยเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่มีพระนามว่าพระเจ้าจันทรภาณุ ผู้ทรงสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัย สถาปนาเมือง 12 นักษัตรหรือกรุงศรีธรรมาโศกราช พร้อมทั้งลงหลักปักฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวรบนแผ่นดินศรีวิชัย-สุวรรณภูมิ จนได้รับเทิดพระเกียรติให้เป็น “พญาศรีธรรมาโศกราช”

ทั้งนี้ ตามหลักพุทธศาสนานิกายมหายานเชื่อว่า พระมหากษัตริย์เป็นอวตารของพระโพธิสัตว์ ดังนั้น ผู้คนจึงนับถือจตุคามรามเทพเสมือนหนึ่งพระโพธิสัตว์ที่ทรงช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ขณะที่ “พังพะกาฬ” ที่นิยมสร้างควบคู่กับจตุคามรามเทพในขณะนี้ด้วยนั้นถือเป็นนิรมานกายอีกภาคหนึ่งที่มีฤทธิ์ของจตุคามรามเทพ ซึ่งก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

ส่วนการที่จตุคามรามเทพถูกขนานนามว่า ราชันดำแห่งทะเลใต้นั้น เพราะอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ติดทะเลชวาและพระวรกายของพระองค์มีสีเข้ม

อย่างไรก็ตาม ชื่อของจตุคามรามเทพเริ่มเป็นที่รู้จักและปรากฏสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกในการสร้างศาลหลักเมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช

“ตอนที่สร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช คณะกรรมการหลายท่านต่างก็หยิบยกเทพหลายองค์ด้วยกันให้มาช่วยปกปักรักษาเมือง แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าเป็นจตุคามรามเทพเพราะพระองค์คือพระมหากษัตริย์แห่งเมืองนครฯ อยู่แล้ว”

“จริงๆ แล้ว คนนครศรีธรรมราชมีความศรัทธาและนับถือในจตุคามรามเทพมานานแล้ว เช่นเดียวกับวัตถุมงคลจตุคามคามเทพ ซึ่งผู้ที่นำไปใช้ต่างได้รับประสบการณ์จากองค์พ่อมากมาย เพียงแต่ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบๆ”ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดชให้ข้อมูล

ด้าน สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เล่าว่า จุดกำเนิดเริ่มจากการที่พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล เมื่อครั้งยังเป็นพ.ต.อ.และได้รับมอบหมายให้ไปเป็นผู้การที่นครศรีธรรมราชเพราะขณะนั้นได้เกิดความวุ่นวายในเมืองมาก นายสุรชัย แซ่ด่านได้บุกเข้าเผาจวนผู้ว่าราชการจังหวัด นายคล้าย จิตพิทักษ์ ผู้ว่าฯ ในขณะนั้นจึงคิดหาทางสร้างหลักเมืองเพื่อหวังจะให้เกิดความสงบในเมือง และได้เชิญ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชมาเป็นประธาน แต่ก็ไม่สามารถสร้างได้ โดย พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชให้เหตุผลว่า ดินแดนนี้เมื่อพันกว่าปีมาแล้วเป็นของอาณาจักรศรีวิชัยและปกครองโดยจตุคามรามเทพ ซึ่งถือว่าเป็นจักรพรรดิแห่งทะเลใต้ ทว่า ผู้ว่าฯ เป็นเพียงเจ้าเมืองบารมีไม่ถึง ผู้ว่าฯ จึงได้ทำพิธีขอขมาและต่อมาภายหลังก็ได้ลาออกจากราชการและประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิต

ต่อ พล.ต.ท.สรรเพชญ ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานทอดผ้าป่าที่วัดนางพระยา และได้รับการบอกกล่าวจากจตุคามรามเทพว่า อนุญาตให้ตั้งศาลหลักเมืองได้ และเมื่อชาวบ้านนครศรีธรรมราชได้ทราบว่าจะมีการสร้างศาลหลักเมือง ก็ได้ไปขอไม้ตะเคียนเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี แต่เมื่อโค่นต้นไม้แล้วกลับไม่สามารถลากไม้ออกไปได้ จนต้องให้คนทรงมาบอกกล่าว จึงเอาไม้ออกไปได้

“ท่านสรรเพชญวิตกเกี่ยวกับเรื่องทุนในการใช้ก่อสร้าง จึงคิดจะหาทุนด้วยการให้เช่าวัตถุมงคล แต่ก็คิดว่าถ้าไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์แล้วประชาชนจะไม่เชื่อถือ จึงตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์จตุคามรามเทพ และเชิญลงมาประทับคนทรง จตุคามรามเทพกล่าวผ่านคนทรงว่าในวันบวงสรวงหลักเมือง เมื่อฆ้องตีครบเก้าครั้งตามเวลาที่กล่าวไว้ ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น แล้วเมื่อถึงเวลาดังกล่าว ทันทีที่ตีฆ้องครั้งที่เก้าเสร็จ ก็ปรากฏฝนห่าใหญ่เทลงมาพร้อมกับน้ำป่าที่ไหลหลาก แต่บริเวณที่บวงสรวงกลับมีแสงจ้าจากพระอาทิตย์ที่กำลังทรงกลดอยู่เหนือหลักเมืองอย่างอัศจรรย์ที่สุด”สนธิกล่าว

สำหรับวัตถุมงคลจตุคามรามเทพนั้น สร้างขึ้นครั้งแรกในคราวที่มีการตั้งศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช คือในปี 2530 โดยมีผู้เกี่ยวข้องที่สำคัญในการจัดสร้างมี 3 คนด้วยกันคือ 1.พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช 2.พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล 3.โกผ่อง-นายอะผ่อง สกุลอมร

ส่วนวัตถุมงคลจตุคามรามเทพที่สร้างพร้อมกันเพื่อหาเงินมาใช้ในการสร้างศาลหลักเมืองนั้น มีประมาณ 10 ประเภทคือ 1.เศียรองค์จตุคามรามเทพ 2.ธงและผ้ายันต์ 3.ผ้ายันต์ใหญ่ 108 ผืน ผ้ายันต์เล็ก 3,000 ผืน 4.พระผงหลักเมือง 5.พระผงพุทธสิหิงค์ 7.เหรียญพังพะกาฬ 8.เหรียญโลหะทองแดง 9.สติกเกอร์รูปราหูอมจันทร์ และ 10.วัตถุมงคลที่ระลึกในพิธีการต่างๆ


ที่น่าสนใจก็คือ มีเรื่องเล่ากันว่า ในขณะที่องค์พ่อประทับทรงนั้น องค์พ่อได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “เก็บเอาไว้ให้ดีของ ๆ เราจะแพงขนาดพระสมเด็จวัดระฆัง”

ด้านสถานที่สำคัญที่ประชาชนผู้ศรัทธาในจตุคามรามเทพนิยมเดินทางไปกราบไหว้บูชามีหลายแห่งด้วยกัน ถ้าเป็นในนครศรีธรรมราชก็มี 3 แห่งคือ 1.ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ด้วยความที่มีการบวงสรวงขอบารมีจตุคามรามเทพให้มาเป็นเทพรักษาเมือง 2.วัดนางพระยา ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เหตุด้วยเป็นสถานที่แรกที่มีการประทับทรงอัญเชิญจตุคามรามเทพ และ 3.วัดพระบรมธาตุ ที่มีรูปปั้นของจตุคามรามเทพประดิษฐานไว้ที่บริเวณบันไดทางขึ้นก่อนเข้าประตูไปสู่องค์พระบรมธาตุ

ขณะที่ในต่างจังหวัดก็มีผู้สร้างจตุคามรามเทพขนาดใหญ่ไปประดิษฐานหลายแห่งด้วยกัน อาทิ วัดอุบลวนาราม(วัดบัว) ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา วัดคอหงษ์ อ.หาดใหญ่ จ. สงขลา วัดรวก ต.บางสีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี วัดสุทธาราม คลองสาน กทม. วิหารพ่อที่ จ.นราธิวาส รวมทั้งที่เมืองอิโป ประเทศมาเลเซีย เป็นต้น

สำหรับในปัจจุบัน จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับบรรดาเซียนพระ พบว่า กลุ่มใหญ่ในการสร้างจตุคามรามเทพในปัจจุบันมีหลายกลุ่มด้วยกัน ได้แก่

1.โกผ่องหรือนายอะผ่อง สกุลอมร เนื่องจากเป็นร่างทรงคนแรกในการทำพิธีสร้างศาลหลักเมืองและจตุคามรามเทพรุ่นแรกในปี 2530

2.พระใบฎีกาปรานพ ฐิตคันโธ หรือ หลวงหนุ่ยแห่งวัดคอหงษ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

3.ฉันทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรชายของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช

4.ณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรชายของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช

5.อาจารย์โชติ ธัมมวโร แห่งวัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา

6.กลุ่มของวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรืออุ๊ กรุงสยาม

7.เกจิอาจารย์สายวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง

ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งที่สร้างความสับสนให้กับผู้ที่ศรัทธาในองค์จตุคามรามเทพก็คือ ผลพวงของการที่ไม่ได้ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน ทำให้ขณะนี้เกิดพิธีกรรมและความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาองค์จตุคามรามเทพมากมาย เช่น ต้องบูชาด้วยของดำ ต้องใช้ธูปสีดำ เป็นต้น

“ผมอยากให้ความเห็นว่า ผู้ที่อยากใช้ไม่จำเป็นต้องหาเช่ากันแพงๆ ขอให้เป็นรุ่นที่ทำพิธีดีๆ เท่านั้นก็พอ และอยากบอกว่า จตุคามฯ สามารถห้อยรวมกับพระอื่นได้ ไม่ผิด แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห้อย 2 องค์ จตุคามฯ ท่านไม่ได้มีเงื่อนไข ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านเมตตาทุกคนเหมือนกันหมด ใครที่พยายามพูดว่าพยายามพูดว่า ต้องบูชาอย่างนั้น บูชาอย่างนี้ มีเงื่อนไขอย่างนั้น ไม่จริง”

“หลักบูชามีอยู่ 2 หลักคือปฏิบัติบูชากับอามิสบูชา อามิสบูชาก็คือการบูชาด้วยเครื่องสักการะอะไรก็แล้วแต่ ตามฐานะ ตามจิตปรุงแต่ง แต่ไม่ใช่ว่าบูชาอย่างนี้แล้วจะสำเร็จ เพราะถ้าอย่างนั้นก็จะมีแต่คนรวยเท่านั้นมีสามารถทำได้มาก ไม่ใช่ ส่วนปฏิบัติบูชาก็คือการทำความดีถวาย”อุ๊ กรุงสยามสรุป       

“สนธิ” กับจตุคามรามเทพ

ในการต่อสู้กู้ชาติของประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยตั้งแต่เริ่มปรากฏการณ์สนธิเป็นลำดับไป จนกระทั่งก่อตัวเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และถึงกรณีผ้าพันคอสีฟ้า จตุคามรามเทพได้มีบทบาทอย่างสูงยิ่งในการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนและแกนนำประชาชนจำนวนมาก โดยได้แผ่บารมีปกป้องคุ้มครองผองประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยในการต่อสู้กู้ชาติให้รอดปลอดภัย

        โดยเฉพาะรุ่นที่ขนานนามในกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า “รุ่นกู้ชาติ” ที่สร้างโดย พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล        

       “สนธิ ลิ้มทองกุล” เล่าถึงเรื่องดังกล่าวว่า โดยส่วนตัวเป็นผู้ที่เคารพนับถือจตุคามรามเทพมานานแล้ว นานก่อนที่จะเกิดการขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ในช่วงกู้ชาตินั้นได้มีการโจมตีด้วยคุณไสยจากฝ่ายตรงข้าม แต่ก็มีผู้นำเอาจตุคามรามเทพสีดำมาให้ห้าองค์ และสั่งให้ฝังสี่มุมเวทีและกลางเวที จะทำให้แคล้วคลาด

นอกจากนี้ ร่างทรงของจตุคามรามเทพยังได้สั่งให้นำธงพญาชิงชัยปักบนเวทีและใช้นำหน้าเวลาเดินขบวนด้วย

“ทุกวันนี้ ผมยังพกยันต์เก่าแก่ขององค์พ่อจตุคามฯ ติดกระเป๋าไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ”


ผู้ศรัทธาพากันเข้าคิวเช่าจตุคามรามเทพ

กำลังโหลดความคิดเห็น