รัตติกาลไร้ความหมายสำหรับสถานที่แห่งนี้...
ลึกไปในความแข็งแกร่งแห่งแผ่นผา ความมืดมิดปิดบังเส้นทางข้างหน้าจนยากแลเห็นแม้ฝ่ามือที่ยื่นห่างออกไปไม่ถึงฟุต ด้วยดวงตะวันไม่อาจชำแรกกายผ่านโพรงผาเข้าไปส่องสว่างความวิจิตรงดงามทางธรณีวิทยา ชีววิทยา และโบราณคดีที่อวลอุ่นมนต์เสน่ห์ภายในได้
การเลือกคืบคลานเข้าไปในความคับแคบของถ้ำจึงเป็นยิ่งกว่าบททดสอบขวัญกำลังใจของมนุษย์ผู้เคยคุ้นกับทิวากาลมากกว่า ทั้งๆ ที่ระหว่างการล่วงลึกเข้าไปในโลกมืด มิทันถึงปลายทางก็จะได้พบความลึกลับที่หากใครได้สัมผัสสักคราแล้วยากจะเลือนลืม
ทว่าน้อยคนนักจะหาญกล้าผจญภัยเพื่อได้ยลโฉมทรัพยากรถ้ำ หินงอก หินย้อย ผลึกแร่ ปะการังถ้ำ ไข่มุกถ้ำ โลงผีแมน และน้อยกว่านับนิ้วมือที่จะมีผู้เก็บเกี่ยวองค์ความรู้จากการศึกษามรดกโลก และวัฒนธรรมเหล่านั้นออกมาให้สาธารณชนรับทราบ พร้อมนำไปต่อยอดเป็นภูมิคุ้มกันอันตรายจากกระแสการท่องเที่ยวทรัพยากรล้ำค่าทว่าเปราะบางของชาติ
ผจญภัยโลกมืดแคบ
ด้วยเป็นนักสำรวจวิจัยถ้ำคนไทยชุดแรกที่ดำเนินการยาวนานต่อเนื่อง แม้ก่อนหน้าจะมีนักวิชาการไทยสำรวจถ้ำมาบ้าง แต่ก็เพียงช่วงสั้นๆ ส่งผลให้การสำรวจวิจัยถ้ำของคณะนักวิจัยชุดนี้เข้าข่าย ‘Learning by doing’ อย่างแท้จริง เพราะต้องกลั่นกรองข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาแปรเปลี่ยนเป็นประสบการณ์การทำงาน เพื่อท้ายสุดจะมีชีวิตรอดจากการผจญภัยในโลกมืดมิดคับแคบ ควบคู่กับตกผลึกองค์ความรู้เรื่องถ้ำเมืองไทย
"ถ้ำที่เป็นอุปสรรคมากๆ จะอยู่บนหน้าผาสูงชัน บางถ้ำก็อยู่บนภูเขาดิน เวลาเดินแต่ละก้าวจะใช้พลังมากเพราะหนืดเหมือนเดินในโคลน แถมยังมีแมลงรำคาญตอมเนื้อตัวเต็มไปหมด จนต้องใช้หมวกมุ้งกัน ขณะที่น้ำไม่เป็นปัญหานักสำหรับถ้ำทางโบราณคดีที่ส่วนใหญ่เป็นถ้ำตาย น้ำไม่มี แต่อย่างถ้ำผาแดง บางช่วงของถ้ำน้ำสูงถึงระดับคอและต้องแช่กันนาน ทำให้คณะนักวิจัยเกิดตะคริว บางถ้ำต้องรีบมุดก่อนน้ำมา บางทีหน้าผาที่ยืนก็น่ากลัว"
ผศ.รัศมี ทรงชูเดช คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร หัวหน้าโครงการวิจัยโบราณคดีบนพื้นที่สูง ในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ่ายทอดประสบการณ์เสี่ยงและยากลำบากในการค้นหาข้อมูล อันเนื่องมาจากลักษณะเฉพาะของแต่ละถ้ำที่ดูภายนอกไม่อาจรู้ได้ว่าภายในซุกซ่อนอันตราย หรือขุมทรัพย์ทางโบราณคดีใดไว้ กว่าจะค้นพบข้อมูลแต่ละชิ้นนักวิจัยจึงต้องสวมกอดความไม่ประมาทและจิตวิญญาณกล้าหาญของนักสืบค้นในการแสวงหาข้อเท็จจริง
การเตรียมพร้อมก่อนสำรวจวิจัยถ้ำ นอกเหนือจากเครื่องมือทางโบราณคดี แผนที่ เข็มทิศ ไม้วัด ปากกา ดินสอ เกรียง กล้องถ่ายรูป สมุด ไฟ และแบตเตอรี่ของหมวกแบบมีไฟติด ที่แต่ละคนจะต้องแบ็กแพกเป็นเซตของตัวเองแล้ว กล้วย น้ำ ลูกอม และยาดมสำหรับพกติดตัว รวมถึงชุดพยาบาลเบื้องต้นยังไม่อาจหลงลืม เพราะการหลงป่าช่วงแรกของการสำรวจเป็นไปได้ง่ายดายมาก จึงต้องมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ชำนาญพื้นที่ไปด้วย
การสำรวจจะเริ่มจากดูแผนที่ทหารระดับ 1: 50,000 คู่กับภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อประเมินลักษณะพื้นที่บริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร ถนน แม่น้ำลำธารอยู่จุดใด อะไรคือแลนด์มาร์กของคนโบราณและปัจจุบัน เพราะการตั้งชุมชนจะต้องใกล้แหล่งน้ำ
"เมื่อเข้าไปในถ้ำ ทีมโบราณคดีจะแบ่งหน้าที่ถ่ายรูป ทำผัง สเก็ตช์ภาพ ทุกอย่างจะถูกบันทึกในแบบฟอร์มว่าอะไรอยู่ตรงไหน โดยปกติจะถ่ายรูปและเก็บไว้ที่เดิม ไม่เก็บเอาออกมา เว้นแต่สำคัญมากๆ ในการช่วยวิเคราะห์ต่อหรืออธิบายเพิ่มเติม หลังจากนั้นค่อยกลับมาประมวล ทำผังใหม่ลงกระดาษไข แล้วสแกนเข้าคอมพิวเตอร์" ผศ.รัศมีเผยขั้นตอนสลับซับซ้อน พลางสำทับว่ามาตรฐานเครื่องมือที่ใช้ในการสำรวจวิจัยทางโบราณคดีไม่น้อยหน้าต่างประเทศนัก แม้ในช่วงแรกของโครงการสำรวจและการจัดการฐานข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะยังไร้ GPS ช่วยอ่านพิกัดตำแหน่งก็ตามที
แต่ละครั้งทีมโบราณคดีจำเป็นต้องมี 5-10 คนเข้าไปในถ้ำพร้อมกันเพื่อจดบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด กระนั้นบางครั้งยังใช้เวลานานถึงหนึ่งวัน อีกทั้งยังต้องกลับไปซ้ำในกรณีที่ข้อมูลขาด อย่างไรก็ตาม ช่วงปิดเทอมจะได้ผู้ช่วยนักวิจัยที่เป็นนักศึกษาโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร และที่อื่นมาร่วมงานด้วย
"โครงการฯ พยายามฝึกให้คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วม เพราะปัจจุบันนักวิชาการไทยที่สำรวจถ้ำมีน้อยมากเนื่องจากความยากลำบากในการทำงาน รวมทั้งคนไทยทั่วไปจะกลัวความมืด ผี หรือสัตว์ร้ายภายในถ้ำ ถ้าไม่ใช่ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีพระพุทธรูป มีไฟส่องสว่าง คนไทยจะไม่ชอบเที่ยว"
การลงพื้นที่เกือบทุกครั้งทีมนักโบราณคดีและธรณีวิทยาจะทำงานด้วยกัน อันเนื่องมาจากเนื้องานของทั้งคู่ต้องลงรายละเอียดมาก การเตรียมเครื่องมือและความพร้อมในการรับสถานการณ์ไม่คาดฝันของทั้งคู่จึงต้องถี่ถ้วนแม่นยำ กระนั้นในการโรยตัวปีนป่ายหน้าผาคราวหนึ่งก็ทำให้ชัยพร ศิริพรไพบูลย์ นักธรณีวิทยาที่ร่วมวิจัยในโครงการฯ ต้องห้อยตัวในแนวนอน แทนที่จะเป็นแนวดิ่งนานกว่า 20 นาทีมาแล้ว เพียงแค่เขาคลายเชือกที่รัดตัวออกเล็กน้อยเนื่องจากทำงานไม่สะดวก
"เหตุการณ์นั้นทำให้ต่อมาปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด การแต่งกายรัดกุมขึ้น รวมถึงเตรียมอาหารสำรองไว้เผื่อหลงป่าด้วย ถึงแม้จะไม่หลงป่า แต่บางวันกว่าจะกลับถึงแคมป์ก็ดึกมาก เนื่องจากขาดเทคนิคความชำนาญเพราะเป็นมือใหม่ และการสำรวจถ้ำช่วงแรกก็ใช้เครื่องมือพื้นๆ การทำผังถ้ำจึงช้ามาก ขณะที่งานต้องการความละเอียดสูงถึงระดับมิลลิเมตร"
ยิ่งกว่านั้น ตลอด 2 ปีของโครงการฯ ชัยพรที่เปรียบนักธรณีวิทยาว่าเป็นนักสืบธรรมชาติผู้พยายามค้นหาคำอธิบายการเปลี่ยนแปลงของโลกผ่านทรัพยากรถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นชั้นหินหรือฟอสซิลที่โอกาสเจอภายนอกถ้ำมีน้อยมาก ก็สูญเสียกล้องไปแล้ว 3 ตัวระหว่างการสำรวจวิจัย กว่าจะได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ลึกลับภายใต้แผ่นผาแข็งแกร่งครบ 46 ถ้ำ 1 เพิงผา
ดำดิ่งมนต์เสน่ห์ลึกลับ
วาบสัมผัสแรกของการย่างกรายภายในถ้ำ ความแปลกประหลาดมหัศจรรย์ที่ตกกระทบร่างกาย นับแต่ความมืดมิด เยียบเย็น และภูมิทัศน์ตราตรึงประทับใจยากหาสถานที่ใดในโลกเทียบเคียงยามหินงอก หินย้อยกระทบแสงไฟนวลเนียน ก็ทำให้การดำดิ่งลึกลงในความลี้ลับของถ้ำมีมนต์เสน่ห์มากพอจะหยุดห้วงภวังค์ของผู้มาเยือนได้ ยิ่งในกรณีของนักวิจัยสำรวจถ้ำด้วยแล้ว เสน่ห์ของถ้ำไม่ได้ยุติแค่ความตระการตา
"ความลึกลับเร้าใจว่าวันนี้จะเจออะไรเป็นเสน่ห์ของการขุดค้นโบราณคดีในถ้ำ ซึ่งแตกต่างจากการขุดค้นบนพื้นราบ อีกทั้งกลางวันกับกลางคืนภายในถ้ำไม่มีความหมายอะไรเพราะมืดเหมือนกัน การกลัวความมืดจึงไม่เกิดแก่นักสำรวจวิจัยถ้ำ แต่พวกเขามักจะกลัวทางข้างหน้ามากกว่าว่าจะไม่ปลอดภัย"
ผศ.รัศมีที่สำรวจถ้ำมานับแต่เริ่มจนจบโครงการฯ ในปี 2543 ก่อนจะมุ่งมั่นทำโครงการโบราณคดีบนพื้นที่สูงฯ ต่อเนื่องมายังปัจจุบันบอกเล่าความรู้สึก พลางเน้นว่าเวลาเข้าไปในถ้ำจะรู้สึกดีมากๆ ที่สามารถทำสำเร็จในการเข้าไปในที่ที่ยังไม่มีคนค้นพบ และค้นพบสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้ ขณะเดียวกัน การได้ไปยืนบนเพิงผาบ้านไร่ที่มีโลงไม้อย่างน้อย 15 โลง และเสาไม้ 95 เสา จะเข้าใจเลยว่าทำไมคนโบราณถึงเลือกฝังศพบริเวณนี้ เพราะการรับรู้ของเราบอกเลยว่า สถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ ใกล้สวรรค์
รวมทั้งอิสระจากการสำรวจถ้ำที่มาพร้อมการปีนป่ายหน้าผาเพื่อขึ้นไปยืนบนยอดเขา แล้วมองไปรอบๆ ยังเติมเชื้อไฟให้อาจารย์จากคณะโบราณคดีผู้นี้ไม่นำพากับ ‘อาการเซ็ง’ จากการเดินทางที่ทั้งเหนื่อย ลำบาก และเสียเวลาจากการออกมาเอาเครื่องมือแค่ชิ้นเดียวที่ทีมงานลืมนำไป ไม่เหมือนบนพื้นราบที่จะง่ายกว่ากันมาก
ดังบอกไว้แล้วว่ามนต์เสน่ห์ของถ้ำหากใครได้สัมผัสสักคราก็ยากจะไถ่ถอน ดัง ผศ.เกษม กุลประดิษฐ์ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในนักวิจัยโครงการฯ ที่เรื้อการวิจัยสำรวจถ้ำมานานกว่า 5 ปี กำลังจะร่วมกับทีมงานเก่าและสายเลือดใหม่ในการหาทุนเพื่อสำรวจถ้ำที่ยังตกค้างอยู่อีกมากในไทย เพื่อจะได้มีโอกาสกลับไปสัมผัสความกลมกลืนระหว่างธรณีวิทยา ชีววิทยา และวัฒนธรรมอีกครั้ง
"ประทับใจถ้ำขนาดใหญ่ที่มีองค์ประกอบทางธรณีวิทยาสวยงาม โดยเฉพาะถ้าผามอนที่เป็นถ้ำทะลุมีธารน้ำข้างในไหลผ่านตลอดปี นอกจากจะมีสัตว์ถ้ำหายากหลายชนิด และมีหินงอก หินย้อย ทำนบหินปูนและหินน้ำไหลขนาดใหญ่แล้ว ตัวถ้ำยังอธิบายการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกได้ด้วย"
นอกจากนั้นระยะเวลา 2 ปีของโครงการฯ กับอุบัติเหตุมากสุดเพียงแค่ขาแพลงยังฉายภาพความระมัดระวังที่เคียงคู่มากับมิตรภาพการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยหลากสาขาหลายสถาบันนานกว่า 5 ชั่วโมงในแต่ละถ้ำที่ทำการสำรวจ โดยเฉพาะการสำรวจภายในถ้ำที่ความมืดคลี่ม่านครอบคลุม การตะโกนเรียกชื่อกันบ่อยๆ หรือเดินจับเชือกที่เชื่อมร้อยทีมนักวิจัยให้เป็นรถไฟขบวนเดียวกันยามความมืดมิดอนุญาตให้แสงไฟจากหมวกส่องสว่างได้น้อยนิด ก็ติดตรึงจิตใจผู้ทำหน้าที่บันทึกฐานข้อมูลนี้ แม้เวลาเลยล่วงแล้วเกือบทศวรรษ
"ตอนแรกใช้หมวกวิศวกรมาเจาะแล้วใส่หลอดไฟเข้าไป ปรากฏว่าไม่ดี เพราะหนัก จะตกมาปิดหน้าเวลาเดินตลอด บางคนจึงหันหมวกด้านมีไฟไปไว้ข้างหลัง ช่วงนั้นทำงานลำบากมาก แม้ต่อมาจะเจอหมวกของต่างประเทศ แต่ราคาแพงและแบตเตอรี่ก็ใช้ได้ไม่นาน ท้ายสุดมาลงเอยด้วยหมวกแบบชาวบ้านที่ใช้แทงกบ สะดวกดี ถูก และใช้ได้นาน"
ผศ.เกษมเผยที่มาของหมวกสำรวจวิจัยถ้ำไทยประดิษฐ์ที่นานนับปีกว่าจะลงตัว พลางเน้นว่าช่วงแรกที่ยังไม่ชัดเจนในเครื่องมืออุปกรณ์ว่าแบบใดเหมาะสมสำหรับการสำรวจวิจัยถ้ำ ส่งผลกระทบต่อการเขียนงบประมาณโครงการฯ อย่างมาก ด้วยแรกทีเดียวคิดว่าการใช้ไฟฉายก็คงพอ แต่จริงๆ แล้วใช้ไม่ได้เลย เพราะตลอดเวลาในการสำรวจจำต้องใช้มือเกี่ยวเกาะแก่งหินปีนป่ายหรือคุกเข่าคืบคลาน
จะว่าไปแล้ว หมวกนอกจากจะเป็นภาพตัวแทนขวากหนามในการเริ่มต้นสำรวจวิจัยตามโครงการฯ โดยนักวิจัยไทยที่มีเม็ดเงินไม่มากนักได้แล้ว ยังเป็นบทสรุปด้วยว่าถ้าหากพิเคราะห์ถ้วนถี่แล้ว ‘ภูมิปัญญาไทย’ อาจให้ผลเลิศกว่าในการค้นพบเสน่ห์ลึกลับของถ้ำเมืองไทยเอง เฉกเช่นเดียวกับกรณีของรองเท้าที่ช่วงแรกคณะนักวิจัยจะซื้อรองเท้าต่างประเทศราคาแพงมาใส่ ครั้นการสำรวจผ่านไปสักระยะ น้ำหนักที่เดิมก็มากอยู่แล้วกลับเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยครึ่งกิโลกรัมจากการอุ้มน้ำเมื่อเดินผ่านลำธารภายในถ้ำ จนท้ายสุดทีมวิจัยต้องหันไปสวมใส่ ‘รองเท้าโฟร์วีลล์’ หรือรองเท้ายางที่ชาวบ้านใส่กันทั่วไป
ทุกวันนี้แม้อุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจวิจัยถ้ำจะมีเข้ามาขายในบ้านเรามากขึ้น และราคาก็ไม่แพงนัก ไม่ว่าจะเป็นหมวกแบบมีไฟส่อง เชือกโรยตัว ยันรองเท้าที่ออกมาแบบมาโดยเฉพาะ ทว่าหากขาดจิตวิญญาณการผจญภัยในแวดวงวิชาการดังนักวิจัยไทยกลุ่มนี้แล้ว องค์ความรู้เรื่องถ้ำของเมืองไทยเองอาจถูกกำหนดโดยนักวิชาการต่างประเทศทั้งหมด
ความรู้คู่ท่องเที่ยว
"สิ่งที่ขาดหายไปคือการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านงานวิจัย แรกโครงการฯ ต้องการให้การท่องเที่ยวเข้ามาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการอย่างยั่งยืน โดยจะถ่ายทอดความรู้แก่ชาวบ้านที่สนใจจริงๆ กระทั่งพวกเขาสามารถเล่าเรื่องได้ด้วยหัวใจ บวกกับความรู้ท้องถิ่นที่ซึมซับจากบรรพบุรุษก็น่าจะย่อยเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเพื่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยว จนสร้างความประทับใจได้แล้ว"
ผศ.รัศมีมอง พลางขยายความว่า กระบวนการถ่ายทอดความรู้สู่ชาวบ้านจะต้องง่าย จากนั้นต้องนำความรู้เกี่ยวกับถ้ำที่ชุมชนมีมาผูกร้อยเป็นเรื่องราวโดยชาวบ้านให้ได้ เพราะจะนำมาสู่การจัดการการท่องเที่ยวที่มีระบบและเนื้อหาน่าประทับใจ สามารถดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาโดยไม่ทำลายขุมทรัพย์ล้ำค่านี้ ขณะเดียวกันการจัดการความรู้เรื่องถ้ำก็ทำให้ชาวบ้านเองตระหนักในคุณค่าของมรดกชิ้นนี้ ไม่มุ่งหวังแต่จะกอบโกย
ทั้งนี้ แม้ข้อมูลจากการขุดค้นวิจัยต่อให้มีมหาศาลขนาดไหน หากยังขาดการจัดการฐานข้อมูลที่ดีเพียงพออย่างในปัจจุบัน ก็ไม่อาจสร้างความซาบซึ้งใจและดึงพวกเขามาเป็นแนวร่วมอนุรักษ์ได้ ซ้ำร้ายยังเสี่ยงอันตรายจากพวกค้าของเก่าที่นำข้อมูลจากการวิจัยมาหากินอีกด้วย
การเร่งสื่อสารความรู้เรื่องถ้ำแบบง่ายๆ และไม่รู้จบผ่านการทำหนังสือการ์ตูน แอนนิเมชัน และเกม หรือให้ความสำคัญกับกระบวนการถ่ายทอดความรู้แก่ไกด์ชาวบ้านและท้องถิ่นยามพานักท่องเที่ยวชมถ้ำที่ไม่ได้สิ้นสุดแค่การพาพวกเขาไปดูหินงอก หินย้อย แต่ต้องเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาสำคัญพอจะดึงดูดใจพวกเขาด้วยนั้น น่าจะธำรงความสมบูรณ์ของถ้ำไว้ได้
"การจัดการความรู้ที่ควรเน้น คือ นักท่องเที่ยวไม่ควรสัมผัสถ้ำ เพราะถ้ำเหมือนสิ่งมีชีวิต ต้องมีวิธีชี้ให้เห็นถึงภัยของการทำลาย รวมถึงดึงชุมชนเข้ามาร่วมกันอนุรักษ์ถ้ำให้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์เปิดที่ทั้งหมู่บ้านรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา ส่วนการจัดการอื่นๆ เช่น ทางเดิน ก็จะต้องพิจารณาว่าควรอยู่ใกล้ผนังถ้ำ มีไฟหรือไม่ จะให้นักท่องเที่ยวเหยียบหินปูนได้หรือไม่"
หัวหน้าโครงการวิจัยโบราณคดีบนพื้นที่สูงฯ ยังเน้นว่าการจัดการถ้ำทุกแห่งควรมีฐานงานวิจัยรองรับเพื่อหาวิธีดีที่สุดในการบูรณาการความรู้เข้ากับการท่องเที่ยว ด้วยถ้ำแต่ละแห่งจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน จำต้องค้นพบเสน่ห์ของแต่ละถ้ำให้เจอก่อนจึงจะมองออกว่าควรใช้วิธีใดในการจัดการถ้ำอย่างยั่งยืน ทว่าที่ผ่านมาเมืองไทยไม่ให้ความสำคัญมากนักเพราะคิดว่าสิ้นเปลือง
อย่างไรก็ตาม หลังสิ้นสุดโครงการฯ ในปี 2543 ฐานข้อมูลจากการสำรวจวิจัยถ้ำครั้งนั้นได้จัดระเบียบถ้ำออกเป็นหมวดหมู่ เช่น ถ้ำลอด ถ้ำแก้วโกมล เป็นถ้ำท่องเที่ยว ถ้ำแม่ละนา ถ้ำผาแดง ถ้ำผามอนเป็นถ้ำผจญภัย และถ้ำลอด เพิงผาบ้านไร่เป็นถ้ำทางโบราณคดี
อีกทั้งยังลดการทำลายจากการท่องเที่ยวแบบผจญภัยในช่วงนั้นที่กำลังบูม ถ้ำหลายแห่งในแม่ฮ่องสอนถูกเปิดบริสุทธิ์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้กระหายทายท้าธรรมชาติ ทั้งๆ ที่ลักษณะถ้ำเหล่านั้นบางแห่งไม่เหมาะกับกิจกรรมผจญภัย อย่าว่าแต่จะเข้าไปเยี่ยมชมธรรมดา ทางคณะผู้วิจัยของโครงการฯ ที่กอปรกับนักธรณีวิทยา นักโบราณคดี นักสิ่งแวดล้อม และผู้ชำนาญด้านป่าไม้จึงร่วมกันสำรวจข้อมูลถ้ำเพิ่มทุกมิติ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการประเมินจัดการว่าถ้ำใดเปิดได้หรือไม่ได้
ทว่าระหว่างการดำเนินงาน ถ้ำงดงามหลายแห่งกลับถูกทำลายลงไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่อาจยับยั้งได้ ดังกรณีที่ผศ.เกษมเล่าถึง ‘ถ้ำนิรนาม’ หนึ่งในถ้ำจำนวนมากที่คนไทยไม่เคยรับรู้ชื่นชมความสวยงามจากคริสตัลพร่างพราววาววับยามประกายแสงกระทบ ด้วยถล่มลงมาจากการระเบิดเหมืองแร่โดยความยินยอมของภาครัฐที่ยังคงให้สัมปทาน แม้นักวิจัยจะทักท้วงด้วยข้อมูลและชาวบ้านรวมตัวกันคัดค้าน
กระนั้น ใช่แสงสว่างจะสาดส่องขับไล่ความมืดดำให้พ้นทางไปไม่ได้ ในเมื่อนักวิชาการที่เคยได้ชื่อว่ามีอัตตาทางวิชาการสูง ยังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในการเกี่ยวเก็บผลึกความรู้จนได้หนังสือ ‘ถ้ำถิ่นเหนือ’ ที่ข้อมูลในส่วนของถ้ำอำเภอปางมะผ้ามาจากมันสมองและสองมือของคนไทยในการเผยโลกเร้นลับของทรัพยากรถ้ำที่คนไทยเองไม่เคยรับรู้
การผจญภัยของนักสำรวจวิจัยถ้ำจึงไม่ใช่แค่การล่วงล้ำเข้าไปในโลกมืดมิดคับแคบ หากเป็นการแสวงหาแสงสว่างปลายอุโมงค์ในการจัดการถ้ำที่เคยมืดบอดมานานในสังคมไทย เพื่อท้ายสุดพวกเขาและสังคมจะได้ซึมซับมนต์เสน่ห์เร้นลับของถ้ำแต่ถ้ำแต่ละแห่งที่ไม่มีทางซ้ำกัน พร้อมทั้งวางแผนอนุรักษ์ขุมทรัพย์ล้ำค่าเหล่านี้ให้พ้นจากการถูกคุกคามได้ด้วย
*******************
เรื่อง-ภาณุเบศร์ มหาเรือนขวัญ