ทุกๆ สิ่งที่ก่อเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีด้านตรงข้ามของมันอยู่เสมอ ดำ - ขาว, ดี - เลว, ต่ำ - สูง, อ้วน - ผอม ฯลฯ
แม้กระทั่งในโลกของคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ก็หนีไม่พ้น
หลายโปรแกรมถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้งานแง่หนึ่งได้แสดงถึงสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นของมนุษย์ ในช่วงเวลาเดียวกันเราก็พบว่าในอีกแง่หนึ่ง "จริยธรรม" ของคนผู้ใช้คือสิ่งที่ลดลงไปอย่างน่าใจหาย
เช่นเดียวกับเจ้าโปรแกรมที่เรียกกันว่า BitTorrent
เพราะขณะที่คนในชุมชนโลกออนไลน์มองว่ามันคือ "พระเจ้า" ที่ทำให้เกิดความสมบูรณ์ทางด้านการดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ที่ "สมบูรณ์แบบ" ทว่าก็มีคนอีกไม่น้อยทีเดียวที่อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเจ้าโปรแกรมนี้นี่แหละที่จะทำให้ "ผู้ใช้" เองแปลสภาพเป็น "ผู้ร้าย" ที่มีส่วนในการละเมิดกฏหมายลิขสิทธิ์ทางปัญญา
.....
BitTorrent (ภาคทฤษฎี)
โปรแกรม BitTorrent เป็นซอฟต์แวร์ประเภทถ่ายโอนไฟล์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ (Peer-to-Peer) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ความพิเศษของโปรแกรม BitTorrent คือการอาศัยความร่วมมือของผู้ใช้ในการแบ่งปันไฟล์ผ่านอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น โดยปกติแล้ว การดาวน์โหลดไฟล์ๆ หนึ่งบนอินเทอร์เน็ต เราจำเป็นต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ที่เปิดให้ดาวน์โหลด ซึ่งถ้าหากมีหลายคนคิดตรงกัน ก็จะทำให้มีคนเข้าไปใช้บริการที่เว็บไซต์แห่งนั้นมาก เซิร์ฟเวอร์ก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อจะแบ่งไฟล์ให้กับผู้ดาวน์โหลดแต่ละคน ส่งผลให้การดาวน์โหลดช้า จนถึงช้ามากๆ
แต่ BitTorrent เข้ามาสะกัดช่องว่างด้วยแนวคิดที่ว่า
ถ้าหากเปรียบเซิร์ฟเวอร์เป็นบ่อน้ำของหมู่บ้าน การดาวน์โหลดไฟล์ก็คือการที่เราต้องแบกถังไปตักน้ำจากบ่อให้เต็มโอ่ง ซึ่งเราอาจต้องใช้เวลาเดินไปกลับหลายรอบ หรือถ้าหากมีผู้มาตักน้ำพร้อมๆ กันมากๆ ก็ต้องต่อคิวยาว ทำให้เสียเวลา การดาวน์โหลดไฟล์บนอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน ผู้ดาวน์โหลดต้องรอให้เซิร์ฟเวอร์จัดการส่งไฟล์มาให้ และถ้าหากมีผู้ดาวน์โหลดจำนวนมาก การบริหารจัดการของเซิร์ฟเวอร์ก็จะยิ่งช้าลง ด้วยแนวคิดของโปรแกรม BitTorrent จะกลับกัน ผู้ใช้โปรแกรมจะหันมาร่วมด้วยช่วยกันตักน้ำ ทำให้ไฟล์ๆ หนึ่ง ไม่ต้องถูกดาวน์โหลดจากที่เดียวต่อไป โดยที่คนที่เคยดาวน์โหลดไปแล้วเก็บในเครื่องตัวเอง จะต้องเข้ามามีส่วนรองรับการดึงไฟล์จากคนอื่นๆ ด้วย ส่งผลให้งานทำได้เร็วขึ้น และไม่มีเครื่องใดต้องรับภาระหนักจนเกินไป
ที่สำคัญ ยิ่งมีคนมาช่วยตักน้ำมาก ๆ น้ำก็เต็มโอ่งทุกบ้านได้เร็วยิ่งขึ้น BitTorrent ก็เช่นกัน ยิ่งมีผู้ใช้บริการมาก ไฟล์ของเราก็จะดาวน์โหลดเสร็จไวขึ้นด้วยเช่นกัน
BitTorrent มาจากแนวคิดของ Bram Cohen ชาวสหรัฐอเมริกา โดยเขาได้แนวคิดดังกล่าวมาจากการทำงานในบริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่ง ที่ใช้การแปลงไฟล์งานเป็นรหัสพิเศษแล้วแบ่งออกเป็นชุด ๆ เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องต่างๆ กัน เมื่อพนักงานคนไหนจะใช้ก็จะดึงชิ้นส่วนจากเครื่องต่าง ๆ นี้มาประกอบรวมกันแล้วแปลงกลับเป็นไฟล์งาน
การจะดาวน์โหลดไฟล์โดยใช้ BitTorrent ผู้ดาวน์โหลดอาจต้องค้นหาว่าเครือข่ายใดที่มีไฟล์แบบที่เราต้องการเปิดให้ดาวน์โหลด แล้วก็ไปใช้บริการกับเขาเหล่านั้น ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายหรือไม่มีก็ได้
พลังอำนาจ
ด้วยความสามารถที่ว่าของ BitTorrent นี้เองจึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในหมู่ของผู้ที่นิยมดาวน์โหลดไฟล์ภาพยนตร์แบบผิดกฎหมาย เพราะ BitTorrent ทำให้พวกเขาดาวน์โหลดได้เร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง แต่ทางผู้พัฒนา BitTorrent ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยพวกเขาได้พยายามหาทางสะกัดกั้นการใช้ BitTorrent ในทางที่ผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน
"เท่าที่รู้มาคือกระทรวงไอซีทีค่อนข้างที่จะมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้มากๆ นะ แล้วก็มีการพยายามที่จะจับตาอย่างใกล้ชิด อย่างกรณีเว็บสยามบิทเองก็เคยถูกระงับการใช้งานมาแล้วพักหนึ่ง..." "จักรพงษ์ คงมาลัย" รองเลขาธิการสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยเปิดเผย
จากจำนวนตัวเลขของผู้เล่นอินเทอร์เน็ตที่มีการประมาณกันว่าอยู่ที่หลัก 10 ล้านคนของบ้านเรา ว่ากันว่าเกือบจะทุกคนจะต้องรู้จักกับเจ้าโปรแกรมตัวนี้ และก็เป็นที่รู้กันว่าการเข้ามาเป็นสมาชิกของ BitTorrent ของแต่ละคนนั้นส่วนใหญ่แล้วแต่คาบเกี่ยวในเรื่องของการเอื้ออำนวยให้เกิดการกระทำที่ละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นมา อันเนื่องมาจากสิ่งที่พวกเขาไปดาวน์โหลดกันมาใช้ฟรีๆ นั้นมีมากมายสารพัด ทั้ง ภาพยนตร์หายาก หนังชนโรง หนังโป๊ เพลงทุกชนิดเกือบทุกศิลปิน ทั้งเก่า - ใหม่ หรือแม้กระทั่งงานที่ยังไม่ได้วางแผงขาย หนังสือ ตำราข้อสอบ ซอฟท์แวร์โปรแกรมต่างๆ เกมส์ ซีรีส์ดังของญี่ปุ่น ของเกาหลี คอนเสิร์ต ฯลฯ
โดยที่ผ่านมาพลังความสามารถของโปรแกรมชนิดนี้ถึงขนาดที่ทำให้บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่างวอร์เนอร์ บราเดอร์สเองต้องหันมาจับมือกับ BitTorrent Inc. หนึ่งในเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการดาวน์โหลดไฟล์ เพื่อทำการจำหน่ายภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ของค่ายผ่านทางเว็บไซต์ BitTorrent.com กระทั่งกลายเป็นข่าวฮือฮาขึ้นมา
อันเนื่องมาจากเป็นที่รู้กันว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีชื่อเสียงในการสบับสนุนการดาวน์โหลดไฟล์อย่างผิดกฏหมายมาช้านาน
"เพียงแค่เราสามารถดึงลูกค้าจำนวน 5 ,10 หรือ 15 เปอร์เซนต์จากการเป็นเซียนบิตที่ผิดกฏหมายมาสู่การดาวน์โหลดสินค้าของเราอย่างถูกต้องได้แล้วละก็แค่นั้นก็สามารถสร้างศักยภาพทางอุตสาหกรรมและทางเศรษฐกิจของเราได้อย่างมหาศาลทีเดียว" คือสิ่งที่ "เควิน สึจิฮาระ" ประธานของของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ฝ่ายโฮม เอนเตอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป มองเห็น
"ความจริงการเกิดขึ้นของ BitTorrent มันก็เหมือนกับโปรแกรมตัวอื่นๆ ที่มาจากความตั้งใจดี ซึ่งมันมีประโยชน์มากๆ ในการส่งไฟล์งานที่มันมีจำนวนเยอะมากในเวลาที่รวดเร็ว อย่างช่วงที่มีการเปิดให้ดาวน์โหลดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ปรากฏว่ามีคนเข้าเยอะมากจนเซิร์ฟเวอร์ล่ม ก็มีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเจ้าหนึ่งเสนอขึ้นมาว่าให้ใช้โปรแกรม BitTorrent แทน ซึ่งมันก็สะดวกขึ้นและถือว่าเป็นเรื่องที่ดี"
ทั้ง BitTorrent ที่มีส่วนส่งผลให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา หรือจะเป็นโปรแกรมการแชตผ่านเวบแคมกับเจ้าโปรแกรม Camfrog ที่มีเด็กวัยรุ่นบ้านเราทั้งชายและหญิงกำลังกำลังฝึกฝนตัวเองให้เป็นนางเอกหนังโป๊กันในวงกว้าง รวมไปถึงข้อมูลจากการสำรวจของสำนักวิจัยเอแบค โพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่ระบุว่าผลการสำรวจสำรวจจากนิสิต / นักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,262 ในเรื่องของพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นมีคนเหล่านี้เข้าไปดูเว็บโป๊ /ลามก เช่น www.ohosexy.com, www.sex.com, www.xxx.com มากถึง 273,596 คน ในช่วง 7 วัน และคิดเป็นร้อยละ 32.4 ของจำนวนนิสิต/นักศึกษาทั้งหมด
มีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่เข้าดูเว็บ www.dekdee.com ซึ่งเป็นเว็บที่สร้างสรรค์ ทั้งหมดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ชวนให้น่าห่วงเป็นอย่างยิ่งของเยาวชนไทยที่อยู่ในโลกออนไลน์ซึ่งนับวันที่ผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบเองจะไล่ตามไม่ทัน
"อินเทอร์เน็ตมันก็เป็นเสมือนกับสื่อๆ หนึ่ง บางครั้งมันแล้วแต่ว่าผู้ใช้เองจะเข้าไปหาข้อมูลอะไร เว็บที่เป็นประโยชน์มันก็มีเยอะไปแต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าคนเข้าน้อย เมืองนอกเองเท่าที่ทราบมาเขาก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกันทั้ง Bit แล้วก็ Camfrog ก็เริ่มที่จะมีการพูดคุยเพื่อหาทางป้องกันแต่ก็ต้องบอกว่ามันยาก เพราะมันเป็นเรื่องของเฉพาะตัวบุคคล อย่างทางสมาคมของเราเอง ทางเราก็พยายามที่จะให้สมาชิกมาร่วมกันลงสัตยาบันนะว่าเราจะทำแต่เว็บที่มันสร้างสรรค์ มีการพูดกันในเรื่องของจริยธรรมกันมากขึ้น"
BitTorrent (ภาคปฏิบัติ)
แม้พฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนเล่น BitTorrent (หรือจะรวมทั้งโปรแกรมอื่นๆ บนหน้าจอคอมฯ )จะถูกมองว่าเป็นต้นกำเนิดเบื้องต้นของการเกิดกิเลสในการทำผิดกฏหมายหรือแม้กระทั่งปัญหาสังคม ทว่าในมุมของคนเล่นแล้วหลายคนมองว่าเจ้า BitTorrent นี่แหละคือสังคมของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, เป็นโลกออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบและเป็นการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่คุ้มค่าที่สุด
"คอนเซ็ปต์ของพวกบิทคือมีอะไรมาแลกกันดู แบ่งกันดู สมมติว่าคุณมีไฟล์นี้อยู่เราก็จะมีไฟล์นี้อยู่ก็เอามาแบ่งคุณดู แล้วจะมีเมนูกลางที่เข้ามาแล้วดูว่าแต่ละคนมีอะไร ของหายากที่เราหาซื้อได้ก็มี ดนตรีแจ๊สเก่าๆ หนังโดราเอมอนอะไรที่เราไม่เคยดู มีงานเพลงใหม่ๆ ซีรีส์ หนังโป๊ หนังเกาหลีก็มีเยอะแยะ" นักเล่นบิทคนหนึ่งเผย
"มันเป็นเรื่องของการเผื่อแผ่แบ่งปันกันด้วยนะ คือถ้าเราเข้าไปดูด(โหลด)อย่างเดียวก็จะถูกถีบออกมา มันจะมีตัวกำหนัดอัตราไว้ว่า อัตราต่ำกว่านั้นคุณจะไม่มีสิทธิ์ดาวน์โหลดอีกแล้วนะ มันจะมีอัตราบอกอยู่ เพราฉะนั้นเราจะต้องอัพไฟล์ขึ้นไปเพื่อให้คนมาโหลดดู นอกจากเป็นการแลกเปลี่ยนมันเหมือนแฟชั่นน่ะ มีการแข่งขันกัน มันเท่ห์นะ แข่งกันอัพโหลด คนที่อัพได้จำนวนเยอะๆ ก็คือจะมีเพชร ในนี้จะเรียกเพชร เขาจะมีสัญลักษณ์ติดไว้เลยว่าเขานี่แหละอัพโหลดเยอะ กลายเป็นการแข่งทำสถิติ มันยิ่งทำให้นิยมกันมากขึ้นเรื่อยๆ”
"มันทำให้รู้ว่าโลกนี้มันไม่มีความลับอีกต่อไป มันใกล้เคียงกับคำว่าความเป็นอุดมคติมาก ไม่มีสังคมปิดบัง มันไม่ใช่แค่เรื่องหนัง เพลง หรือเกม อย่างเดียว มันเป็นเรื่องของหนังสือหายากคุณก็เอามาแชร์กันได้ ตัวอย่างข้อสอบ ซอฟแวร์ก็มีเยอะมาก หาอะไรไม่เจอก็มาหาในนี้ มีหมดนะไม่ต้องซื้อสำหรับซอฟแวร์ การ์ตูนเป็นเล่มๆ ก็มีคนสแกนให้เราอ่านนั่นคือข้อดีข้อแรก"
"อีกข้อคือมันทำให้เราใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างคุ้มค่าในความรู้สึกของผมนะ ปัจจุบันเราแค่เปิดอ่านข่าวบ้าง บางคนใช้แชตอย่างเดียว แต่ลงทุนเปิดอ่านข่าวไปไม่เท่าไหร่เองทั้งที่มีพื้นที่ทำอะไรได้อีกตั้งเยอะ ตัวนี้มันช่วยในค่าใช้จ่ายด้วยที่คุ้มกว่า เราได้ใช้ทั้งหมด...ฮิตแน่ครับ มันจะมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ค่าเช่าพื้นที่ทำเว็บเนี่ยเดือนนึงไม่น่าจะเกิน 300 - 400 บาท ทำเว็บมาเชื่อมไว้ มันเท่ห์ไปอีกแบบหนึ่งนะ สร้างบ้านไว้แล้วมีคนเข้ามาเยี่ยม แล้วมันมีทุกอย่างครับ แชตก็ได้คุยกันก็ได้ มีเกมให้เล่น มันคือสังคมอีกด้านหนึ่งเลย มีทุกอย่าง จะเอาอะไรก็มีหมด”
ด้วยขั้นตอนที่ง่ายแสนง่าย เริ่มต้นจากการเตรียมเครื่องคอมฯ ให้มีความเร็วและระดับความจุที่สูง(ระดับหนึ่งป, ดาวน์โหลด(ฟรี)โปรแกรม อาทิ บิททอเร้นท์, บิททอร์นาโด, บิทโคเมท(กำลังได้รับความนิยม) แล้วเข้าไปสมัครตามเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลาง(ประมาณการจากนักเล่นบิท คาดว่าในบ้านเรามีเว็บไซต์ในลักษณะนี้กว่า 100 เว็บฯ ด้วยกัน) จากนั้นก็เล่นได้เลยนั่นเองที่ทำให้ศิลปินอย่าง "เสนาหอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค" ต้องออกมาร้องห่มร้องไห้มาแล้วเมื่อเพลงใหม่ของเขาถูกถึงเข้าไปสู่โปรแกรมที่ว่าแล้วมีการดาวน์โหลดไปฟังเป็นว่าเล่น ทั้งๆ ที่เพลงดังกล่าวยังไม่ได้วางแผงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีใครหลายคนอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงในเรื่องของละเมิดลิขสิทธิ์เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของหนังและเพลงซึ่งคาดการณ์กันว่ามันจะมีส่วนสร้างความยากลำบากให้กับศิลปินนักร้อง - นักแสดงในบ้านเราที่เจอปัญหากับเทปผี - ซีดีเถื่อนมาแล้วต้องกระอักเลือดมากยิ่งขึ้นไปอีกก็ตาม ทว่าในมุมของนักวิจารณ์เพลงอย่าง "ต่อพงษ์ เศวตามร์" แล้วเขากลับเห็นแตกต่างออกไปโดยยอมรับว่าเทคโนโลยี BitTorrent แม้จะมีส่วนทำให้ค่ายเพลงหรือนักร้องตายก็จริง ทว่าคนเหล่านั้นเองต่างหากมิใช่หรือที่เป็นคนยื่นมีดออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายฆ่าตัวเอง
"เสนาหอยเขาออกมาเศร้ามาก วันแรกที่เขาออกเทปมามีคนมาดาวน์โหลด มีคนเอามาปล่อยแล้วมีคนดาวน์โหลดไปแล้ว 3 หมื่นคน ถามว่าตายมั้ยค่ายเพลง ตายครับ ตายแน่นอน แต่ถ้าเป็นเมืองนอกบางคนก็มองว่าบิทคือเครื่องไม้เครื่องมือโปรโมทอย่างหนึ่งบางคนก็เอามาปล่อยเพลงหนึ่ง เพื่อที่จะเรียกให้คนไปซื้อเพลงที่เหลือ"
"ทีนี้ปัญหาของเพลงไทยคือว่าที่มันต้องตายแน่ๆ เพราะว่า 20 ปีที่ผ่านมาเราทำให้คนไทยนั้นไม่มีความจงรักภักดีต่อศิลปินไทยอีกแล้ว เพราะว่าค่ายเพลงทำสั่วๆ ออกมา ไม่มีใครรู้สึกหรอกว่าต้องสนับสนุนศิลปิน นั่นคือสาเหตุ อย่างญี่ปุ่นเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องบิทเลยทั้งที่ญี่ปุ่นเนี่ยมีเด็กจำนวนมากที่ผมรู้จักทางอินเทอร์เน็ต เขาเช่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อที่จะปล่อยบิทโดยเฉพาะเลย เขาปล่อยทุกอย่างนะ แต่ไม่ปล่อยเพลงของศิลปินที่เขาชื่นชม"
"ทำไมเขาทำได้ เพราะศิลปินเขาไม่เคยทำให้เราต้องผิดหวังไงครับ แต่สำหรับศิลปินเรา ผมรู้สึกว่าอัลบั้มเกือบ 100% ไม่คุ้มกับค่าเงินที่เสียไป ไม่เคยคิดว่าอัลบั้มนี้ทำมาเป็นปีๆ ถึงได้ชิ้นนี้หรือกี่ชิ้น ทุกวันเราก็คิดแค่ว่าเดี๋ยวพี่เบิร์ดก็ออกมาอีกแล้ว 3 เดือน ออก 3 อัลบั้ม เหมือนหยาด นภาลัยเลย ใช่มั้ยครับ นี่คือเมืองไทย นี่คือเพลงทำเองที่ออกมารูปแบบนี้ ไม่เคยเข็ด อย่างตอนที่มีเอ็มพี 3 สิ่งที่ทำได้คืออกไปไล่จับเขา"
"แต่แก่นจริงๆ ที่ทำให้ระบบอุตสาหกรรมไทยล่มสลายคือเพราะตัวศิลปินเองที่ไม่เคารพคนฟังมากพอ นี่คือรูปแบบของการโต้ตอบ มันคือการที่เด็กลุกขึ้นมาบอกว่า ฉันจะปล่อยน่ะ ทำไมล่ะ”
*****
เรื่องโดย น้ำผึ้ง กอระพันธ์ /CyberBiz Team