xs
xsm
sm
md
lg

'หนุ่ม-สาวเชียร์เบียร์' อนาคตบนทางสองแพร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


'เชียร์เบียร์' ต้องนับเป็นอีกหนหนึ่งที่สร้างรายได้งามของคนหนุ่มสาวยุคนี้ แต่เมื่อเอ่ยถึงอาชีพนี้ หลายคนคงนึกถึงหนุ่มสาวหน้าตาดี สวมชุดรัดรูปประดับด้วยโลโก้เบียร์ในสังกัดของตัวเอง ไว้คอยเชียร์คอยชงให้ลูกค้าเรียกหาดื่มเบียร์ของตัวเองเพื่อแลกกับรายได้ พวกเขาและเธอยังต้องคอยรับมือกับลูกค้าขี้เมาของตัวเองอีกสารพัด ขณะที่มีบางคนใช้เส้นทางนี้เป็นช่องทางในการทำอาชีพขายบริการ แต่เมื่อกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายว่า จะห้ามมิให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เบียร์ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออาชีพและรายได้ของพวกเขาและเธอโดยตรง ลองไปฟังดูว่าเขาและเธอเหล่านั้นมีมุมมองต่อเส้นทางอาชีพของตัวเองอย่างไร

ปัจจุบันร้านอาหารแทบทุกร้านที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีชายหนุ่ม-หญิงสาว ที่ทำหน้าที่เชียร์เบียร์ยี่ห้อของตัวเองที่ปรากฏอยู่บนเสื้อผ้าที่สวมใส่ กลายเป็นอีกอาชีพหนึ่งสำหรับหนุ่มสาวที่ดิ้นรนหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง และเป็นโอกาสสำหรับนักศึกษาที่หาเงินเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเองนอกเวลาเรียน

แต่หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจะห้ามไม่ให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสื่อตลอด 24 ชม. รวมถึงการโฆษณารูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ลานเบียร์ การโฆษณา ณ จุดขายต่างๆ ของแจก ของแถม ฯลฯ นโยบายนี้นอกจากจะสร้างความหวั่นไหวให้แก่ผู้ประกอบการน้ำเมาที่อาจจะส่งผลให้ยอดขายตกลงแล้ว ยังสร้างความหวั่นไหวจากหนุ่มสาวที่มีรายได้จากการเชียร์เบียร์ที่จะต้องตกงานและสูญเสียรายได้ไปอย่างน่าเสียดายด้วย

โดยปกติแล้วหนุ่มและสาวเชียร์เบียร์จะมีรายได้หลักๆ 3 ส่วนด้วยกัน คือ รายได้จากเงินเดือนซึ่งคิดเป็นรายวัน วันละ 250-300 บาท (หากวันไหนหยุดก็ไม่ได้) ค่าคอมมิชชันที่คำนวณจากยอดขาย ขวดละ 2-5 บาท นอกจากนั้นยังมีเงินพิเศษจากค่าทิปที่ได้จากลูกค้าที่เรียกกันว่า 'ทิปมือ' อีกด้วย ซึ่งรวมแล้วพวกเขาจะมีรายได้อย่างน้อยๆเดือนละหนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป

'อุ๊' นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งยึดอาชีพหนุ่มเชียร์เบียร์อยู่ในร้านเหล้าย่านสีลมซอย 4 ก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ทำงานเชียร์เบียร์เพื่อส่งเสียตัวเองเรียน อุ๊บอกว่า ด้วยรายได้ไม่ต่ำกว่า 12,000 บาทต่อเดือน ทำให้เขาสามารถส่งตัวเองเรียนได้อย่างสบายโดยไม่ต้องรบกวนเงินจากทางบ้าน ดังนั้น หากรัฐบาลห้ามไม่ให้มีหนุ่มและสาวเชียร์เบียร์เขาก็คงเดือดร้อน และแม้จะสามารถหางานอื่นทำได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่ารายได้มากขนาดนี้หรือไม่

"ที่มาทำงานเชียร์เบียร์เพราะผมมองว่างานรายได้ดี รวมเงินเดือน ค่าคอมมิชชันจากยอดขาย และเงินที่ได้จากทิปแล้วเดือนหนึ่งก็ตกหมื่นกว่าบาท พอค่ากินค่าอยู่ และค่าลงทะเบียนแต่ละเทอม เราก็ไม่ต้องไปรบกวนพ่อแม่ อีกอย่างเราสามารถมาทำหลังจากเลิกเรียนได้ เพราะงานที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ประมาณทุ่มหนึ่งถึงเที่ยงคืน บางคืนห้าทุ่มก็เลิกเชียร์แล้ว เราทำงานแค่วันละ 4-5 ชั่วโมง ถ้าวันไหนไม่เหนื่อยมากยังอ่านหนังสือหรือทำรายงานต่อได้ เพื่อนๆของผมก็มาทำกันหลายคนนะ"

ขณะที่ 'แคท' สาวน้อยวัย 22 ปี สาวเชียร์เบียร์ประจำร้านกุ้งกระทะย่านเตาปูน บอกว่า ค่าทิปจะขึ้นกับความพอใจของลูกค้า หากเห็นว่าชาวเชียร์ฯดูแลดีก็อาจจะทิปหนัก ซึ่งวันไหนโชคดีเธออาจมีรายได้จากค่าทิปหลายพันบาททีเดียว

"ก็แล้วแต่ว่าลูกค้าจะชอบการเซอร์วิสของเรามากน้อยแค่ไหน ที่เคยได้เยอะสุดนี่ลูกค้าฝรั่งเคยให้ทิปถึง 2,000 บาท ส่วนใหญ่ที่ทิปหนักๆนี่จะเป็นลูกค้าต่างชาติ ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี"

จริงหรือที่ว่าแอบขายตัว

ข้อครหาหนึ่งที่หนักหนาสาหัสและบั่นทอนความรู้สึกของบรรดาหนุ่มและสาวเชียร์เบียร์เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องการแอบแฝงขายบริการทางเพศ และถูกมองว่าเรียก 'ออฟ' ได้ถ้าจ่ายให้มากพอ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากชุดที่สาวเชียร์เบียร์บางคนสวมใส่ ซึ่งเว้าหน้าผ่าหลัง นุ่งสั้น เอวลอย และแนบรัดทุกสัดส่วน ขณะที่สถานที่ซึ่งหนุ่มเชียร์เบียร์ต้องเข้าไปประชาสัมพันธ์สินค้านั้นส่วนใหญ่จะเป็นผับและสถานบันเทิงที่เจาะกลุ่มขายชายสีม่วงโดยเฉพาะ เช่น ย่านสีลมซอย 4 หรือผับเกย์แถวตลาด อตก.
'มา' นาฏยา สุคนธมาลี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการโรงแรม จากมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง ซึ่งเพิ่งมาเป็นสาวเชียร์เบียร์ได้ไม่กี่เดือน บอกเล่าถึงข้อเท็จจริงที่เธอได้พบเห็นว่า

"ถ้าถามว่ามีพวกที่ออฟได้จริงไหมมันก็แล้วแต่คนนะ ก็อาจมีสาวๆบางคนที่หลงใหลไปกับข้าวของเงินทอง แต่บางคนก็อาจแค่ออดอ้อนอ้อล้อเพื่อให้ขายเบียร์ได้ เท่าที่รู้จักก็ยังไม่เห็นใครขายตัวนะ ภาพมันออกมาไม่ค่อยดีเพราะบางคนเขาก็พยายามปรับเปลี่ยนชุดที่ทางบริษัทให้มาให้มันดูเซ็กซี่ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสนใจ เพราะต้องยอมรับว่าชุดสาวเชียร์ฯที่เน้นความเซ็กซี่มันมีผลต่อยอดขาย คือลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย สาวเชียร์คนไหนที่แต่งตัววับๆแวมๆหน่อย ลูกค้าก็มักจะเรียกไปถามไปคุยก่อน ซื้อไม่ซื้ออีกเรื่องหนึ่ง

"แต่เบียร์ยี่ห้อที่หนูเชียร์อยู่นี่ไม่มีนโยบายให้ชาวเชียร์เบียร์แต่งตัวเซ็กซี่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชุดของสาวเชียร์ฯยี่ห้อนี้เดิมเป็นเสื้อแขนกุดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาว คาดผ้ากันเปื้อนที่มีโลโก้ของสินค้า ตอนหลังเปลี่ยนมาเป็นเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขาสามส่วน ทางบริษัทเขาเน้นเรื่องการแต่งตัวให้ดูเรียบร้อยเพราะเขากลัวว่าภาพลักษณ์ของสินค้าจะออกมาไม่ดี"

ขณะที่การแต่งตัวของบรรดาหนุ่มเชียร์เบียร์แม้ไม่ได้หวือหวา รัดติ้ว อวดมัดกล้ามให้สาวแก่และเกย์เฒ่าน้ำลายไหล โดยส่วนใหญ่จะใส่เสื้อยืดที่มีตราสินค้ากับกางเกงขายาว แต่พวกเขาก็ไม่วายถูกลูกค้าอารมณ์เปลี่ยวทาบทามขอหิ้ว

'แซ็ก' หนุ่มหน้าใสซึ่งผันตัวจากพนักงานเสิร์ฟมาเป็นหนุ่มเชียร์เบียร์ในร้านเหล้าย่านสีลม บอกว่า เหตุที่บริษัทผู้ผลิตเบียร์หลายยี่ห้อเริ่มมีหนุ่มเชียร์เบียร์ไปประจำร้านเหล้าบางแห่งแทนที่จะเป็นสาวเชียร์เหมือนที่ผ่านมา ก็เพราะต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าชายรักชายซึ่งแน่นอนว่าพนักงานเชียร์สาวๆเข้าไม่ถึง

"หนุ่มเชียร์จะมีไปประจำหลายจุด เท่าที่รู้ก็มี ลานเบียร์สวนลุมไนท์บาซาร์ ผับในสีลมซอย 4 และร้านเหล้าแถวตลาด อตก. ยี่ห้อที่มีหนุ่มเชียร์เบียร์นี่มักจะเป็นเบียร์ที่ราคาสูงนิดหนึ่ง พวกเบียร์เยอรมันหรือเบียร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่เบียร์ไทยก็มีบ้าง หนุ่มเชียร์ฯนี่ไม่ใช่แค่รู้เรื่องเกี่ยวกับสินค้าเท่านั้นนะ แต่ต้องมีทักษะด้านภาษาด้วยเพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ มันก็มีอยู่แล้วที่มาชวนไปกินข้าว จะหิ้วไปนอนด้วย มันก็ขึ้นอยู่กับคนว่าจะไปไหม ถ้าเป็นผม ผมไม่ไป เพราะเรามองว่ารายได้จากการขายเบียร์มันมากพออยู่แล้ว เราขายเบียร์อย่างเดียว ไม่ขายอย่างอื่น"

สารพัดวิธีรับมือลูกค้าหื่น

จากการพูดคุยแม้พนักงานเชียร์เบียร์ส่วนใหญ่จะมุ่งหารายได้จากการขายเบียร์เพียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดจะพลีเรีอนกายขายเซ็กซ์ แต่สภาพแวดล้อมในการทำงานก็ทำให้เขาและเธอต้องพบเจอกับลูกค้าสารพัดรูปแบบ มีทั้งที่แค่พูดจาเกี้ยวพา, ขอเบอร์โทร., ชวนไปกินข้าว ไปเที่ยวต่อ, แอบแต๊ะอั๋ง จับมือ โอบไหล่ ไปถึงขั้นขอออฟหรือติดต่อซื้อบริการกันอย่างโจ่งแจ้ง หนุ่มและสาวเชียร์เบียร์เล่านี้จึงต้องมีวิธีรับมือกับลูกค้าขี้หลีและบรรดา 'พี่หื่น'

'แจง' นวรัตน์ ผันสำโรง สาวหน้าใสวัย 23 ปี บอกว่า วิธีที่ดีที่สุดคือต้องเว้นระยะห่างในการพูดคุยกับลูกค้า ไม่พูดเล่นพูดล้อจนเกินไป และไม่ยืนใกล้บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากนักเพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้หนุ่มๆเข้าถึงเนื้อถึงตัวได้ง่ายขึ้น

"ถ้าพูดจาในทำนองไม่ดี หรือจะมาจับมาโอบเราก็เดินหนี จำเป็นจริงๆก็จะยืนคุยห่างๆ แต่ถ้าเห็นท่าไม่ดี หรือเมาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่องก็จะให้พนักงานเสิร์ฟที่เป็นผู้ชายเข้าไปดูแลแทน"

ด้านนาฏยาบอกว่า จากประสบการณ์ในการเป็นสาวเชียร์ของเธอนั้นพบว่าลูกค้าที่เจ้าชู้ขี้หลีที่สุดก็คือผู้ชายไทย เพราะไม่ว่ารุ่นกระเตาะหรือรุ่นใหญ่ก็ไวไฟไม่แพ้กัน

"บางคนมากับแฟนนะ ตอนแฟนนั่งอยู่นี่นิ่งมาก แต่พอแฟนเดินไปเข้าห้องน้ำรีบเรียกเราไปคุยเลย น้อง...ขอเบอร์หน่อยสิ ว่างๆจะโทร.ไปคุย แต่มีกำชับด้วยนะว่า อย่าบอกแฟนพี่นะ แมนจริงๆ (หัวเราะ) บางคนก็มานั่งรอทุกวัน จะตามไปส่งที่บ้าน เราก็ต้องหาทางหลบ ส่วนใหญ่ก็จะบอกเขาว่า ไม่เป็นไรค่ะพี่..เดี๋ยวแฟนหนูมารับ บางคนตื้อขอเบอร์หลายๆครั้งเข้าเราก็แกล้งให้เบอร์ของหัวหน้าไป"

ขณะที่ 'แคท' มองว่า การทำงานเชียร์เบียร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทำให้เธอได้เรียนรู้หลายอย่าง ทั้งในเรื่องความอดทน และรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของบรรดาลูกค้าหนุ่มๆที่เข้ามาแทะโลมเกี้ยวพา

"ก็มีบ้างที่เข้ามาพูดจาแทะโลม ส่วนใหญ่จะเป็นคนเมา เราก็ต้องระวังตัวเอง ไม่ไปพูดล้อเล่นกับเขา พูดอะไรก็ปล่อยให้เขาพูดไป บางคนก็มาพูดในทำนองเสนอซื้อนะ ประมาณว่าซื้อเบียร์กี่ขวดจะได้หอมแก้ม จะได้เบอร์ มีมาหลายรูปแบบ มันมีหลายรูปแบบ เราก็บอกว่าขอโทษค่ะ หนูมาขายเบียร์ค่ะ พยายามเดินเลี่ยงไป จะไม่ตอบโต้ เพราะคุณแม่ขอร้อง (หัวเราะร่วน)"

ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสาวๆเท่านั้นที่ถูกแทะโลมจากลูกค้า แม้แต่หนุ่มๆเชียร์เบียร์ก็มักถูกลวนลาม จนถึงขอซื้อบริการเพื่อสนองอารมณ์เปลี่ยว

อุ๊ เล่าว่า "มีทั้งที่เข้ามาแบบสุภาพ คือมานั่งส่งสายตา ชวนไปกินข้าว จนถึงพวกที่มาชวนไปนอนค้างกันตรงๆเลย เราก็คุยด้วยบ้างตามมารยาท แต่จะไม่ไปกับเขาเพราะเราก็มีแฟนอยู่แล้ว ก็จะใช้วิธีปฏิเสธแบบสุภาพ เพราะยังไงเขาก็คือลูกค้า"

ขณะที่แซ็กซึ่งจัดว่ารูปร่างหน้าตาดีกว่าบรรดาหนุ่มเชียร์เบียร์ด้วยกัน บอกว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่เจอลูกค้าเข้ามาคลุกวงในหอมซ้ายหอมขวาแทบทุกวัน บ้างก็มาตามจีบอยู่พักใหญ่ หรือบางทีเข้ามาขอซื้อบริการแบบทุ่มไม่อั้น

"เรื่องจับมือ โอบไหล่ ดึงไปกอดนี่เจอกันจนเป็นเรื่องธรรมดา ลูกค้าบางคนก็เข้ามาหอมแก้ม เดินผ่านก็จับก้น ก็ไม่อยากถือสาเพราะเราเป็นผู้ชายไม่ได้สึกหรออะไร บางคนเราเดินไปไหนก็มองตามตลอด มองเราแบบจะสแกนให้ทะลุทุกอณูเลยมั้ง (หัวเราะขำ) เราก็เฉยๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว (หัวเราะขำ) แต่ถ้ามาออฟไปนอนเราก็พูดกับเขาดีๆว่าเราไม่ใช่แบบนั้นนะ ไม่ใช่บอยมันนี่"

บริษัทแม่ส่งคนแฝงตัวตรวจสอบ

จากปัญหาภาพลักษณ์ที่ไม่สู้ดีของเหล่าหนุ่มและสาวเชียร์เบียร์ ซึ่งมักถูกมองว่าแต่งตัวล่อแหลมและบางรายอาจแอบแฝงขายบริการทำให้บรรดาบริษัทเจ้าของสินค้าต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบการทำงานและการวางตัวของพนักงานเหล่านี้ โดยจะแฝงตัวเข้าไปในลักษณะของลูกค้าที่มานั่งดื่มเบียร์ และหากเห็นว่าวางตัวไม่เหมาะสมก็จะเรียกมาตักเตือน แต่หากพบว่ามีการขายแอบแฝงขายบริการทางเพศจะถูกไล่ออกทันที

ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัทบุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ ชี้แจงว่า

"เราจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสุ่มดูตามผับและร้านอาหารต่างๆเพื่อเช็กว่าการให้บริการของพนักงานเชียร์ของเราเป็นอย่างไรบ้าง กระตือรือร้นที่จะดูแลลูกค้าไหม ตื้อลูกค้าเกินไปหรือเปล่า การแต่งตัวเป็นอย่างไร วางตัวเหมาะสมไหม แล้วการรับพนักงานเชียร์ฯของเบียร์สิงห์เราก็จะว่าจ้างบริษัทเข้ามาดูแลจัดการโดยเฉพาะ เขาจะมีการอบรมทั้งเรื่องข้อมูลของสินค้า วิธีการขาย มารยาทต่างๆ และการวางตัว รวมทั้งการแต่งตัวด้วยเพราะเราต้องรักษาภาพลักษณ์ของเราด้วย"

ขณะที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่อีกค่ายหนึ่ง บอกว่า การรับพนักงานเชียร์เบียร์นั้นมีกฎเกณฑ์พอสมควร คือ ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป วุฒิการศึกษาขั้นต่ำ ม.6 หน้าตาไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ข้อสำคัญต้องมีบุคลิกภาพดี และมีทักษะในการเสนอขายสินค้า

ทางออกที่อาจไม่ตีบตัน

อย่างไรก็ดี ในมุมมองของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายดังกล่าวเห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มีโทษต่อสุขภาพของผู้ดื่มและเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือความรุนแรงภายในครอบครัว ดังนั้นหากพิจารณาโดยยึดประโยชน์ของสังคมเป็นหลักแล้ว ก็ควรเลิกผลิตปิดโรงงาน หรือหากยังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ก็ไม่ควรให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ อันจะเป็นการจูงใจให้มีการบริโภคเครื่องดื่มดังกล่าว

ส่วนข้อเสนอแนะสำหรับหนุ่มสาวซึ่งทำอาชีพเชียร์เบียร์ก็คือ ให้ลองมองหางานอื่น เช่น งานในร้านสะดวกซื้อซึ่งสามารถเลือกทำงานกะกลางคืนได้ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ช่วงเวลากลางวันในการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งหากภาครัฐยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหรือจัดหาอาชีพทดแทนให้ก็น่าจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของหนุ่มและสาวเชียร์เบียร์ไปได้ระดับหนึ่ง

ซึ่งเรื่องนี้สาวเชียร์เบียร์อย่าง 'แจง' นวรัตน์ ก็มีความเห็นไม่แตกต่างจากเพื่อนๆว่าตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอความชัดเจนจากภาครัฐ

"หากรัฐบาลมีระเบียบหรือนโยบายออกมาเช่นไรก็ต้องยอมรับ ถ้าให้ยกเลิกสาวเชียร์เบียร์ก็ต้องหางานใหม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน เลยยังไม่ได้มองหาลู่ทางที่จะไปทำงานอาชีพอื่น"

เส้นทางของหนุ่มและสาวเชียร์เบียร์จะเป็นอย่างไร จะยังคงอยู่หรือถูกสั่งไม่ให้มีหนุ่ม-สาวเชียร์เบียร์ หรือจะปรับรูปแบบไปอย่างไร ก็คงต้องรอดูนโยบายที่ชัดเจนจากภาครัฐอีกครั้ง ที่สำคัญท่ามกลางสังคมที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอนั้น เขาและเธอเลือกที่จะเดินเส้นทางไหน สีขาว สีดำ หรือสีเทาก็คงต้องแล้วใจจะกำหนด

////////////////////////////

เรื่อง – จินดาวรรณ สิ่งคงสิน








มา นาฏยา สุคนธมาลี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการโรงแรม จากมหาวิทยาลัยราชภัฎแห่งหนึ่ง
แจง นวรัตน์ ผันสำโรง สาวเชียร์เบียร์วัย 23 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น