เชียงใหม่กลางสายลมฤดูร้อน ต้นตะแบกแตกช่อสีม่วงม่วนอ๊ก ม่วนใจ๋ รับแดดเดือนเมษาฯ เช่นเดียวกับลมแล้งพวงเหลืองอร่ามผลิดอกประชันขันแข่งกับตะแบกชนิดไม่ยอมน้อยหน้า ประดับประดาท้องถนนเชียงใหม่อยู่ทั่วไป จนกลัวใจว่ากิ่งก้านบอบบางของลมแล้งจะโอบอุ้มสีเหลืองไว้ไม่ไหว
อีกไม่กี่อึดใจนี้แล้วสงกรานต์จะเดินทางมาถึงตามวงล้อเวลา แน่นอน เชียงใหม่นับเป็นสถานที่อันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเลือกเป็นสถานที่เปิดสมรภูมิน้ำกัน ชายหนุ่มมากหน้าเดินทางมาเพื่อสาดน้ำ ชื่นชมหญิงสาวกับความเปียกปอนที่ชวนแตะต้อง บันเทิงเริงใจกันบนถนนเรียบคูเมืองเชียงใหม่ ปลุกเร้าความคึกคักด้วยเสียงเพลง แป้งขาว และสายน้ำ
ค่ำคืน เดินจับจ่ายซื้อหาสินค้ากันที่ตลาดไนท์ บาซาร์ และเรื่องราวของประเพณีสงกรานต์มักไปจบบริบูรณ์กับความมึนเมาของน้ำสีอำพัน
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นและเป็นไปมาเนิ่นนาน นับตั้งแต่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หยิบจับเอาเอกลักษณ์โดดเด่นของวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ของชาวเวียงพิงค์ไปแปลงเป็นทุน สร้างรายได้เป็นกอบกำแก่เมืองเชียงใหม่-หัวใจแห่งล้านนา
หลังจากนั้นมา 'ปีใหม่เมือง' ก็ค่อยๆ เหือดแห้งจากความทรงจำของละอ่อนหนุ่ม-สาวชาวล้านนา พิธีล่องสังขาร, พิธีแห่ไม้ค้ำสะหรี, พิธีส่งเคราะห์บ้าน เหลือเพียงรอยประทับจางๆ ในห้วงคำนึงของพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ย
แล้วใครที่ไหนจะยอมให้เป็นอย่างนั้นล่ะ
-1-
ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป หลากองค์กรและหลายชุมชนในภาคเหนือจึงร่วมปรึกษาหารือ เพื่อช่วยกันรื้อฟื้นประเพีณีปี๋ใหม่เมืองและซ่อมแซมบางสิ่งบางอย่างที่หล่นหายไปกับวันเวลา โดยงานนี้มี มาลา คำจันทร์ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2534 ผู้ก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา และ ชัชวาล ทองดีเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทางสังคมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงาน 'สืบสานล้านนา ประเพณีปีใหม่เมือง ม่วนงันสันเล้า บ่กิ๋นเหล้าปีใหม่เมือง'
ชัชวาลกล่าวถึงที่มาที่ไปของการฟื้นฟูประเพณีปีใหม่เมืองขึ้นอีกครั้งว่า ประเพณีของชาวล้านนาที่สืบทอดกันมาแต่เก่าก่อน มีองค์ความรู้ มีคุณค่าแฝงฝังอยู่ แต่ภายหลังกลับถูกแปรไปเป็นทรัพย์สิน นำไปรับใช้การท่องเที่ยว
"โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณีสงกรานต์หรือว่าปีใหม่เมือง พอมาจัดกันที่เชียงใหม่ โปรโมตเป็นงานใหญ่ คนก็มาเล่นน้ำกันตามคูเมือง กินเหล้าเมายา สาดน้ำกันแบบสงครามน้ำ ซึ่งจริงๆ เหล่านี้ไม่ถูกต้อง เพี้ยน เป็นความเข้าใจที่ผิด ก่อนหน้านี้เราก็พยายามที่จะทำความเข้าใจและสืบทอดภูมิปัญญาในด้านต่างๆ อยู่ แต่ครั้งนี้เราเริ่มมีการมาพูดคุยกัน อย่างเช่นมีกลุ่มเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เขาก็อยากมาร่วมกับเรารณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุ ส่วนมุมของเราคือเพื่อสืบทอดสิ่งที่ดีงาม เราอยากทำให้สิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ไม่ดีซึ่งภาษาเหนือเรียกว่า เพอะ หรือเพี้ยน ให้กลับมาสู่สิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมและสร้างสรรค์"
หลังจากที่แต่ละกลุ่มองค์กรได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันแล้ว สรุปได้ว่ามีอยู่ประมาณ 10 องค์กรที่พร้อมจะให้ความร่วมมือและร่วมจัดงานปีใหม่เมืองในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ กระจายกันไปในหลายอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ เช่น สันป่าตอง, สันกำแพง, เชียงดาว, ฝาง รวมถึงที่สวนรุกขชาติในตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่
แต่ก่อนที่จะมีการจัดงานจริงในวันพรุ่งนี้ ทางโฮงเฮียนสืบสานล้านนาและกลุ่มองค์ร่วมจัดต่างๆ ได้มีการจัดงานปีใหม่เมืองสาธิตขึ้นภายในบริเวณโรงเรียน เมื่อวันที่ 7-9 เมษายนที่ผ่านมา
-2-
ใต้แมกไม้ร่มรื่นของโฮงเฮียนสืบสานล้านนา บรรยากาศหมู่บ้านล้านนาในอดีตถูกเนรมิตขึ้น พระพุทธรูปถูกนำมาประดิษฐานไว้ในศาลากลางหมู่บ้าน แวดล้อมไปด้วยร้านขายสินค้าพื้นเมืองที่ถูกจัดบรรยากาศให้เป็นตลาดค้าขายในสมัยอดีต มีมีด ผ้าซิ่น เสื้อผ้า ฯลฯ มาให้เลือกซื้อหาตามความต้องใจ
ส่วนใครที่ฝักใฝ่การรับประทาน ก็ไม่ผิดหวังเพราะภายในงานได้นำอาหารพื้นเมืองหน้าตาชวนหิวของชาวล้านนามาขายไว้หลายอย่าง เช่น แอบหมู, แอบปลา, แอบอ่องออ (สมองหมู), ไส้อั่ว, สาหร่ายทอด, เห็ดทอดกระเทียม, หมี่ขนมเส้น, ไข่ปาบ เป็นต้น
ที่เวทีกลางมีการแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวล้านนาจากเยาวชนชาวเชียงใหม่ ทั้งรำนกกิงกะหร่า การตีกลองสะบัดชัย โดยเฉพาะการฟ้อนดาบ-ฟ้อนเจิง-ฟ้อนหอก อันเป็นศิลปะการต่อสู้ของชาวล้านนาที่ดูอ่อนช้อย งดงาม พริ้วไหว ดูไปคลับคล้ายการร่ายรำมากกว่าการต่อสู้ หากแต่ในความอ่อนช้อยนั้นกลับเร้นไว้ด้วยกระบวนท่าต่อสู้มากมาย
ผู้คนหลากเพศหลายวัยตั้งแต่ละอ่อน 4-5 ขวบที่พ่อแม่จูงมือมาต่อรากชีวิตแบบคนล้านนา จนถึงพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ยที่มาค้นหาความทรงจำแห่งอดีต ต่างชักชวนกันมาเดินกันภายในงาน ไม่มากมายจนยัดเยียด แต่คึกคักอบอุ่นและชวนจำ
ละอ่อนหนุ่มในชุดกางเกงสะดอ เสื้อผ้าฝ้ายเดินแอ่วแวะนั่นชมนี่ บ้างก็เตรียมตัวแสดงบนเวที บ้างก็เล่นการละเล่นพื้นเมืองกับละอ่อนสาวๆ ภายในงาน แม่ญิงเชียงใหม่ในชุดผ้าซิ่นนั้นก็งามขนาด เกรงว่าหนุ่มๆ คนไหนที่แข็งแรงไม่พออาจทำให้หัวใจหล่นหายไว้ในงาน จนลืมเก็บใส่หน้าอกด้านซ้ายกลับบ้านไปด้วย
เป็นความสวยงามในอีกรูปลักษณ์หนึ่งที่ค่อนข้างหาชมได้ลำบากในเชียงใหม่เวิร์ลด์ยุคนี้
ไม่เพียงส่วนพื้นที่ที่ถูกจัดให้เป็นตลาดเท่านั้น พื้นที่ส่งที่ถูกสร้างขึ้นเป็นบ้านจำลองก็น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนกัน บ้านแต่ละหลังมีชาวเชียงใหม่จากอำเภอต่างๆ บนบ้านพบเห็นเด็กๆ วัยละอ่อนขึ้นไปออกันอยู่เต็มชานบ้านเฝ้ามองแม่อุ๊ยตระเตรียมข้าวของเขาร่วมพิธีกรรม
หรืออย่างเด็กชาย ณัทพงษ์ หวงสัตย์ วัย 13 ปีกับเพื่อนก็สนุกกับการเล่นเครื่องมือเอาเมล็ดออกจากฝ้าย เด็กน้อยไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่เขาเล่นอยู่นั้นมันคืออะไร
กระทั่งคุณน้า ศรีออน โยรภัตร์ ชาวแม่แจ่มเดินเข้ามาบอกว่าเครื่องมือหน้าตาแปลกๆ นั้นเรียกว่า อีด ฝ้ายที่ผ่านกระบวนการเอาเมล็ดออกแล้ว จะถูกนำไปสู่ขั้นตอนของการปั่นฝ้ายเพื่อทำให้กระจุกปอยไร้ระเบียบเหล่านั้นจับรวมเป็นเส้นด้ายสีขาวนวล สำหรับแม่ญิงใช้ทอผ้าซิ่น ผ้าขาวม้าผืนใหม่ต้อนรับปีใหม่เมือง
-3-
"แก่นหลักๆ ของประเพณีปีใหม่เมืองเป็นเรื่องของพระไตรลักษณ์-อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ปีใหม่เมืองนี่สะท้อนเรื่องอนิจจัง จากการที่พระอาทิตย์ย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษซึ่งเป็นราศีแรกของรอบปี ทางภาคกลางเรียกว่าวันมหาสงกรานต์ล่อง แต่ทางเหนือเราเรียกกันว่าวันสังขารล่อง ซึ่งจริงๆ มีรากศัพท์เดียวกัน ทางเหนือจะคิดเป็นเรื่องของสังขารที่ผ่านพ้นไป เป็นเด็กก็เติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ก็แก่ขึ้น
"หัวใจอีกข้อหนึ่งคือเป็นเรื่องการขออภัยและให้อภัยกัน คนล้านนายึดถือกันว่าในรอบปีที่ผ่านมา เราอาจจะได้ทำสิ่งที่ล่วงล้ำก้ำเกินพระรัตนตรัย ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ หรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูง ฉะนั้น เมื่อครบรอบปีเราก็จะไปดำหัวขออภัยในสิ่งที่เราผิดพลาดไป จะไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน ปีใหม่เมืองยังเน้นให้เด็กและเยาวชนได้ใกล้ชิดกับศาสนา เพราะมันจะเต็มไปด้วยพิธีกรรมต่างๆ ที่แยกจากศาสนา วัดวาไม่ออก อย่างเช่นในวันเน่าแทนที่จะไปกินเหล้าหัวราน้ำ ก็จะมีการจัดกิจกรรมขนทรายเข้าวัดกัน"
มาลา คำจันทร์ หรือที่ละอ่อนในโฮงเฮียนสืบสานล้านนาเรียกว่า พ่อครูมาลา อธิบายแก่นภูมิปัญญาองค์ความรู้ที่อยู่ในประเพณีปีใหม่เมืองให้ฟัง
จากเอกสาร 'องค์ความรู้ประเพณีปีใหม่เมือง' กล่าวถึงความสำคัญของประเพณีปีใหม่เมืองไว้ว่า นอกจากจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านจากปีเก่าสู่ปีใหม่แล้ว ยังระบุไว้เพิ่มเติมด้วยว่าเป็นไปเพื่อเตือนตน สำรวจตรวจสอบตนเอง, เป็นการชำระสะสางสิ่งไม่ดี และเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ ยังได้มีการจัดสาธิตพิธีกรรมต่างๆ ของชาวล้านนาที่เกี่ยวเนื่องกับประเพณีปีใหม่เมืองให้ได้ชมกันทั้ง 3 วัน เช่นในวันแรกของประเพณีปีใหม่เมืองเรียกว่า วันสังขารล่อง จะมีการทำพิธีสังขารล่องซึ่งเกี่ยวพันลึกซึ้งกับหลักอนิจจัง ในวันนี้ชาวบ้านจะตื่นแต่เช้าทำความสะอาดบ้านเรือน เอาขยะมากองรวมแล้วเผา จุดประทัดยิงปืนไล่สังขาร ช่วงบ่ายจึงจะเป็นการชำระล้างร่างกาย สระหัวดำเกล้า แต่งเนื้อตัวด้วยผ้าใหม่ ผู้หญิงจะเหน็บดอกไม้ที่เป็นพญาดอกไม้ของปีนั้น ซึ่งสำหรับปี 2549 นี้ กาสะลอง ถือเป็นพญาดอกไม้
นอกจากการสาธิตพิธีสังขารล่องแล้ว วันต่อๆ มาก็ยังมีการสาธิตพิธีแห่ไม้ค้ำสะหรี พิธีส่งเคราะห์บ้าน ซึ่งแต่ละพิธีกรรมก็จะมีองค์ความรู้ มีภูมิปัญญาของคนโบราณแฝงฝังให้ครุ่นคิด
-4-
ยุทธพงษ์ วงศ์ชัย เด็กหนุ่มวัย 17 ปี อดีตเด็กติดเกมที่ใช้เวลา 5 ปีหลังกับการฝึกศิลปะล้านนาแขนงต่างๆ ที่โฮงเฮียนสืบสานล้าน บอกว่าเขาสนุกที่ได้มาร่วมงานนี้ สนุกที่ได้แสดงสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาให้คนอื่นได้รับรู้ รับชม ขณะที่เราเจอเขา เขากำลังเตรียมตัวเพื่อร่วมพิธีกรรมส่งเคราะห์บ้าน ก่อนเขาจะเดินจากไปเขากล่าวว่า
"อยากให้วัยรุ่นเชียงใหม่ที่สนใจด้านกีฬาหรือดนตรีลองหันมาดูตรงนี้บ้าง เผื่อว่าวัฒนธรรมของเราอาจจะมีอะไรมากกว่าที่คิด คนที่เล่นดนตรีสากลก็ดีอยู่แล้วครับ แต่อย่างน้อยมาตรงนี้จะได้ย้อนมองพื้นหลังของเราบ้าง อย่าได้เอาสิ่งใหม่ๆ ไปจนหมดคือ ใหม่ก็เอาเก่าก็บ่ละ"
ประเพณีปีใหม่เมืองไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการแสดงออกของยุทธพงษ์ หรือดำเนินไปเพื่อรื้อฟื้นอดีตงดงามเท่านั้น แต่องค์ความรู้ ภูมิปัญญา และวิธีคิดบางอย่างในประเพณีปีใหม่เมืองยังสามารถตอบสนองจุดประสงค์ด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย
ธีระ วัชรปราณี จากสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมจัดครั้งนี้บอกกับเราว่า
"โจทย์ของเราคือจะทำยังไงให้คนไทยลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง โจทย์ง่ายนะครับ แต่ว่าทำยาก และเราก็พบว่างานประเพณีแทบจะทุกประเพณีคนไทยจะมีเรื่องเหล้า เรื่องแอลกอฮอล์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
"ทีนี้ภาคเหนืองานปีใหม่เมืองของที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเขาอยู่ มีความเชื่อ พิธีกรรม เราจึงคิดว่าน่าจะทำให้ความเชื่อ พิธีกรรม ในช่วงเทศกาลปีใหม่เมืองมันฟื้นคืนมา เพราะมันเป็นงานบุญ ทุกอย่างเป็นเรื่องของความดีทั้งนั้นซึ่งควรจะตรงข้ามกับเรื่องของแอลกอฮอล์ มันมีจุดแข็งตรงนี้อยู่ เพียงแต่ที่ผ่านมามันอาจจะเลอะเลือน ไม่มีการระบุให้ชัดเจนว่าบุญมันไม่ต้องปนบาปก็ได้ เราจึงคิดว่าจะมาทำให้ความชัดเจนของประเพณีปีใหม่เมืองมันชัดมากขึ้น เห็นแก่นของมันมากขึ้น เราจึงตั้งสมมติฐานว่าเมื่อคนได้เห็นถึงแก่นของงานประเพณีนี้น่าจะนำไปสู่พฤติกรรมการดื่มที่ลดลง และจะต่อไปเป็นแบบอย่างให้แก่เยาวชน ดังนั้น จุดสำคัญคือประเพณีและเยาวชนจะต้องเชื่อมต่อกัน"
-5-
ในวันสุดท้ายของงานซึ่งมีการรดน้ำดำหัวพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ย ทางคณะผู้จัดงานได้เชิญ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ธิดาคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน ของเจ้าราชภาคินัย (เมื่องชื่น ณ เชียงใหม่) มาร่วมให้ศีลให้พร ผูกข้อมือกับผู้มาร่วมงาน
เจ้าดวงเดือนได้บอกเล่าปีใหม่เมืองของชาวล้านนานในอดีตให้ได้รับฟังว่า
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่ยังน้อยๆ นะเจ้า เฮาบ่หันว่าบ้านเมืองเฮามันจะเติบโตรวดเร็วอย่างนี้ บรรยากาศหมู่บ้านสมัยก่อนก็จะเป็นใกล้เคียงกับภายในงานนี่น่ะเจ้า เจ้าย่าได้หันคนตื่นเต้นฮับสงกรานต์กันอย่างคึกคัก เปิ้นจะกวาดบ้าน กวาดช่องทำความสะอาด ซักผ้า สระผม แม่ญิงจะทอผ้าเอาไว้ดำหัว ทอซิ่นให้แม่อุ๊ย ทอผ้าขาวม้าให้พ่ออุ๊ย เตรียมการกันว่าจะทำขนม ข้าวต้มอะไรไปวัด บ้านใครมีผลไม้รากไม้เขาก็จะไม่ขายแต่จะเตรียมไว้ทำทานในวันปีใหม่ ผู้หญิงจะใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ซิ่นยาวกรอมเท้า เสื้อแขนยาว มีกระดุมห้าเม็ดเรียบร้อย เกล้าผม เหน็บดอกเอื้อง นี่คือลักษณะการเตรียมตัวรับปีใหม่เมือง
"สมัยก่อนมันไม่ได้เป็นสงครามน้ำที่มีเครื่องไม้เครื่องมือมาฉีดน้ำใส่กันอย่างรุนแรง แต่จะเอาหม้อใหญ่มีจอกน้อยๆ แล้วเปิ้นก็เอาน้ำอบไทย มะลิลอย คนก็แต่งตัวเรียบร้อย ผู้ชายนุ่งกางเกงสะดอ ผ้าขาวม้ามัดเอว เวลาจะรดน้ำแม่ญิงก็จะขอสุมาเต๊อะเจ้า ขอฮดน้ำนะเจ้า อยู่เย็นเป็นสุขนะเจ้า แล้วก็ยิ้มแย้มใส่กันด้วยความคารวะธรรม
"สงกรานต์ของบรรพบุรุษเฮาแท้ที่จริงคือการแสดงคารวะธรรม ความกตัญญูกตเวที และการให้อภัย ไม่ใช่การฮดน้ำ เล่นน้ำกันอย่างไร้สาระ ไม่มีความรุนแรง และเฮาก็ฮู้ว่ามันยากที่บรรยากาศเก่าๆ นั้นจะปิ๊กมา แต่ก็ได้พยายามกันอยู่"
ปีใหม่เมืองไม่ใช่เพียงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองและความรื่นเริง แต่ยังเป็นกระบวนการเยียวยาความขัดแย้งของคนภายในชุมชนที่แนบเนียน มีทั้งแบบตะล่อมนุ่มนวลด้วยการไหว้สาขอขมา จนถึงวิธีการลุ่นๆ อย่างนักเลงโบราณที่มาลา คำจันทร์เล่าให้ฟังว่า
สมัยก่อนถ้ารู้ว่าหนุ่มคู่ไหนผิดใจกัน พอถึงปีใหม่เมืองจะมีการจัดเวทีกันกลางหมู่บ้านให้เจ้าหนุ่มขึ้นไปตีลูกคุย (ชกมวย) ตัดสินกันบนนั้น โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเดินลงจากเวทีจะไม่พกพาความบาดหมางเก่าๆ กลับลงมาด้วย
"เราก็อยากจะให้ปีใหม่เมืองกลับไปสู่ความงดงามแบบดั้งเดิมซึ่งบางทีก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ วันเวลาไม่เคยเดินถอยหลัง แต่ว่าเมื่อวันเวลาเดินไปข้างหน้า ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องทิ้งสิ่งดีงามเอาไว้ข้างหลัง แล้วปีใหม่สมัยนี้มันมีแต่ความรุนแรง ก็เลยอยากให้กลับไปสู่ความรัก ความสามัคคี ความปรองดองกันเช่นแต่ก่อน" มาลา คำจันทร์กล่าวทิ้งท้ายไว้
-6-
กลีบเหลืองของลมแล้งพลัดพรากจากต้นหล่นรายตามแรงลมผสมผเสกับดอกสีม่วงของตะแบก แล้วร่วงวางกระจายตามสองฟากถนน เบื้องหลังของเราขุนเขาดอยสุเทพยืนนิ่งเงียบงันเช่นที่เคยเป็นมา หากภูเขามีความรู้สึกไม่มีใครบอกได้ว่ามันกำลังห่มไห้หรือเริงร่ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
พรุ่งนี้สงครามน้ำเลียบคูเมืองเชียงใหม่จะเปิดศึก ยากเย็นเหลือเกินที่ชาวเชียงใหม่จะฝ่าฝืนกระแส แต่ไม่ยากเกินไปที่จะรื้อฟื้นความงดงามดั้งเดิมขึ้นมาเคียงคู่กับสิ่งใหม่
'ใหม่ก็เอา เก่าก็บ่ละ' ประโยคนี้คงช่วยทำให้เสน่ห์ล้านนาไม่เสื่อมคลายเร็วจนเกินไป เชื่อเถอะน่า บางอารมณ์คนเราก็ต้องการความชุ่มชื่นแบบเรียบง่ายบ้าง กลมกลืนกันได้เมื่อไร เชียงใหม่คงจับใจ ทอประกาย และงามขนาด เหมือนการผสมสีของตะแบกและลมแล้งท่ามกลางสายลมฤดูร้อนอันอบอุ่น
หมายเหตุ รายละเอียดการจัดงานปีใหม่เมืองตามอำเภอต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ สอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-4176-8158, 0-1595-0884, 0-4170-4438 และ 0-6915-1463
โรแมนติกแบบปีใหม่เมือง
อย่าเข้าใจว่าปีใหม่เมืองจะเป็นแค่เรื่องของพิธีการหรือเป็นเรื่องของพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ย แต่ในมุมเล็กๆ น่ารักๆ ของละอ่อนหนุ่ม-สาวในอดีต ปีใหม่เมืองคือช่วงเวลาสีชมพูที่เขาและเธอจะได้ทำความรู้จักและถักสานเยื่อใยหัวใจกันและกัน มาลา คำจันทร์ เล่าให้ฟังว่า
"ในสมัยก่อนหนุ่ม-สาวจะรู้จักกันยาก อยู่กันคนละหมู่บ้านหรือว่าพ่อแม่หวงห้ามบ้าง แต่วันนี้จะเป็นวันที่ปล่อย ไม่หวงห้ามนัก หนุ่มมีโอกาสได้จีบสาว ถ้าสาวชอบใจหนุ่มก็จะมีท่าทีที่บอกให้รู้โดยไม่ต้องใช้คำพูด เป็นภาษาที่ไม่ผ่านคำพูด เป็นภาษาท่าทาง เป็นสัญลักษณ์
"เช่นการต่อบุหรี่กัน แต่ก่อนผู้หญิงก็สูบบุหรี่นะ บุหรี่ขี้โย บุหรี่พื้นเมือง หมายความว่าถ้าฝ่ายหญิงคาบบุหรี่และยอมต่อบุหรี่จากปากของฝ่ายชายด้วยแปลว่าสาวรับรู้ มีใจให้ แต่ถ้าสาวเขายื่นบุหรี่ให้นั่นแปลว่าเขาไม่รับไมตรี ภาพที่วัดภูมินทร์ก็จะมีรูปแบบนี้อยู่
"หรืออย่างการรดน้ำ สมัยก่อนหนุ่มต้องขออนุญาตสาวก่อน ขอฮดน้ำหน่อยเน้อ หนุ่มถึงจะรดได้ แปลว่าเขายังมีเยื่อใยอยู่หรือไม่ได้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าฝ่ายหญิงบอกว่า ข้าเจ้าจะไปวัดอยู่เจ้า นั่นแสดงว่าเขาปฏิเสธ ซึ่งจะไม่ใช่คำพูดตรงๆ เพื่อนตัดรอน เป็นการใช้ภาษาชั้นสอง ชั้นสาม
"หรือเช้าของวันเน่าหรือวันที่ 2 ของปีใหม่เมือง ลูกสาวจะต้องตื่นก่อนไก่ขันเพื่อมาตำข้าว เสียงตำข้าวจะปลุกหนุ่มให้ตื่นขึ้นไปช่วยสาวตำข้าว เรียกว่า อู้สาวหัวมอง คือสาวจะคนข้าวอยู่ตรงหัวมอง หนุ่มจะเป็นคนย้ำกระเดื่อง แล้วก็มีการจีบกันยามหัวรุ่ง ฟ้าสว่างรำไร ไก่ขัน กลิ่นดอกไม้กำลังหอม"
*****************************
เรื่อง - กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล