xs
xsm
sm
md
lg

จิตสำนึกทางการเมือง ผู้กำกับ 2 รุ่น มานพ อุดมเดช - อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภายใต้วิกฤตทางการเมืองในประเทศที่ไม่มีความศรัทธาในตัวผู้นำรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขาดจริยธรรม ไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ

การชุมนุมของประชาชนจำนวนเรือนแสนขับไล่ให้ 'ทักษิณ ออกไป' ดังกึกก้องไปทั่วท้องสนามหลวง ไล่เรื่อยไปบนถนนราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และทำเนียบรัฐบาล เสียงแห่งความไม่พอใจขจรขจายไปทั่วประเทศ รวมถึงทั่วโลกได้รับรู้พลังประชาชนไทยที่บริสุทธิ์และเข้มแข็ง

ในท่ามกลางฝูงชนมากมายมีคนที่ทำงานศิลปะแขนงที่ 7 สร้างเรื่องราวก่อจินตนาการให้เป็นจินตภาพบนแผ่นฟิล์ม ผู้กำกับชื่อดังในโลกเซลลูลอยด์ของไทย 2 คนก็มาร่วมขบวนประชาชนในครั้งนี้ด้วย
ผู้กำกับ 2 รุ่นที่มีจิตสำนึกทางการเมืองได้เปิดเผยความในใจของพวกเขา


'ประชาชนนอก' มานพ อุดมเดช

"การยุบสภาครั้งนี้แสดงถึงความไม่จริงใจที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองของนายกฯ ทักษิณ" มานพ เริ่มต้นพูดคุย และบอกต่อว่า เป็นการเอาตัวรอด โดยไม่เห็นแก่บ้านเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ขาดความชอบธรรมอย่างมากของนายกฯ คนนี้

มานพ เรียนวิชาภาพยนตร์จากบาทหลวงที่บ้านเซเวียร์ กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่อง 'ประชาชนนอก' โดยได้รับทุนจากสภาคาธอลิคแห่งประเทศไทยเพื่อการพัฒนาที่สะท้อนปัญหาการอพยพย้ายถิ่นของคนในภาคอีสาน ซึ่งผู้กำกับได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนบทจากอัตชีวประวัติของคนรอบข้าง ใช้เวลาในการทำงานยาวนานกว่า 4 ปี และเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากหน่วยงานของรัฐ เป็นที่เพ่งเล็งของสันติบาลในการเข้าตรวจสอบระหว่างการถ่ายทำ

ลงโรงฉายในปี 2524 แต่ได้รับความสนใจจากนักศึกษา นักวิชาการ กลุ่มองค์กรเพื่อการพัฒนาต่างๆ นอกจากนี้ยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์ในประเทศต่างๆ อาทิ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง และเกาหลีใต้

จากการที่เป็นผู้คร่ำหวอดในเรื่องการเมืองมาตั้งแต่ในอดีต มานพ ชี้ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านควรกลมเกลียวเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติในการต่อสู้ครั้งนี้ และฝ่ายประท้วงต้องมีกลยุทธ์ในการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย

"ผมมองว่า การประท้วงที่สนามหลวงเห็นได้ชัดถึงการพัฒนาของภาคประชาชน ยึดมั่นในหลักสันติ แต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปจะเหนื่อยและยืดเยื้อ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลคุ้นชินกับการประท้วงเหมือนกับเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นหน้าที่ซึ่งท้าทายมากของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการวางแผนที่จะต่อสู้กับกลไกของรัฐบาล โดยการดื้อแพ่งในสิทธิอันชอบธรรมที่ตัวเองมีตามกฎหมาย สร้างให้เกิดเครือข่ายไปในทุกๆ ที่ๆ แล้วมารวมตัวกัน ที่สำคัญอย่าใช้ความรุนแรง เพราะมีคนที่อยากออกมาอีกมากมาย แต่กลัว จึงเอาใจช่วยอยู่ที่บ้าน ถ้าคนเหล่านี้ออกมาเมื่อไหร่ก็จะชนะได้อย่างแน่นอน" มานพทิ้งท้าย

'สัตว์ประหลาด' อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล

หนังของอภิชาตพงศ์ 'สัตว์ประหลาด' (Tropical Malady) ได้รับรางวัลจูลี่ ไพรซ์ ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ฝรั่งเศส ซึ่งก่อนหน้านั้นหนัง'สุดเสน่หา' (Blissfully Yours) ที่ได้รับรางวัลอันเซอร์เทน รีการ์ด ประเภทหนังฉายโชว์จากที่เดียวกัน

เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และปริญญาโท ด้านวิจิตรศิลป์ สาขาภาพยนตร์ จากสถาบันศิลปะมหาวิทยาลัยชิคาโก เขาเริ่มทำงานด้านภาพยนตร์และวีดีโอในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 โดยใช้วิธีการทำงานนอกระบบสตูดิโอของอุตสาหกรรมหนังในเมืองไทย ก่อตั้งบริษัท Kick the Machine เพื่อทำงานในประเภทของหนังทดลองและอินดี้ ในปี 2542

เขาบอกว่า เป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจการเมืองลึกเท่าไหน แต่ตอนนี้รู้สึกว่า ค่อนข้างจะวิกฤต จึงออกมาร่วมชุมนุมประท้วง

"ถึงแม้ว่าเราไม่ได้สนใจมาก เราก็ยังรู้ข่าว ครั้งนี้มีผลในแง่ที่ว่า เราเป็นคนทำสื่อด้วย มันชัด เข้าใจว่ารัฐบาลมีการคุมสื่ออยู่ในระดับหนึ่ง แต่คราวนี้เกินไป มีการปิดหูปิดตาประชาชน ที่มาร่วมชุมนุมเพราะเป็นสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนต้องมาเรียกร้อง พวกเราก็เสียภาษี ถ้าเราเดือดร้อนจากรัฐบาลนี้เราก็ต้องออกมา

อภิชาตพงศ์ เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นการมาร่วมชุมนุมประท้วงให้นายกฯ ทักษิณลาออกเป็นครั้งแรก เพราะมัวแต่ถ่ายหนังอยู่

"ที่ตัดสินใจออกมาก็คือสนใจด้วย ก็เหมือนคนทั่วไปที่อยากรู้ อยากเห็น ถือเป็นประวัติศาสตร์ เราคนทำหนังมีหน้าที่มาดู เหมือนเป็นกระจกส่อง น่าจะมาในฐานะนักสังเกตการณ์ด้วย เราไม่ได้มีอะไรกับคุณทักษิณ เพียงแต่ว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นทักษิณหรือใครก็ตามถ้าเขาไม่มีความรู้ด้านประชาธิปไตยเหมือนที่เขาพูดออกมา ที่เราไม่ชอบมากๆ เขาไม่สุภาพ คำพูดของเขาดูถูกคน ท่าทีที่แสดงออกมา ไม่ใช่ให้คนดูถูกคนมาเป็นผู้นำประเทศที่เราอยู่

"การยุบสภาในครั้งนี้ ก็มองเหมือนคนทั่วไป เขาล้มหมากล้มกระดานเลยยิ่งตอกย้ำว่า เขาไม่เหมาะกับตำแหน่งตรงนี้ ถ้าทักษิณไม่ลงจากนายกฯ จะมาร่วมชุมนุมทุกครั้งหรือไม่ มันก็ต้องแล้วแต่โอกาสเพราะเราก็ไม่ใช่ฮาร์ดคอร์ ถ้าว่างก็ยังมา"

เท่าที่ผ่านมาจากการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ อภิชาตพงศ์ ก็บอกว่า อยากให้มีการปฏิรูปการเมือง

"แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันอยู่ที่สันดานของคน ไม่ได้อยู่ที่กฎ ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่คิดเองเป็น นายกฯ ก็ต้องเปิดกว้างรับความคิดที่หลากหลายทั้งบวกและลบ เปรียบกับหนังที่เราทำ คนด่าก็เยอะแยะ คนที่ชอบก็มี มันก็ต้องยอมรับได้ว่ามีคนวิจารณ์ นายกฯ เป็นสุดยอดอยู่ข้างบนแล้ว เขาต้องอดทนมากกว่านี้

วันที่ 2 เมษายน ซึ่งกำหนดเป็นวันเลือกตั้ง เขาบอกว่า ก็ต้องไปเลือกตามหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ

"ก็คงอยู่ที่นายกฯ ทักษิณว่า เขาจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ส่วนตัว มองในอนาคต สำหรับผมเขาหมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไป" อภิชาตพงศ์ทิ้งท้าย
ความคิดเห็นของผู้กำกับหนังไทย 2 รุ่น อายุห่างกันเป็นรอบนักษัตร ผ่านประสบการณ์การเมืองต่างยุค แต่มีความรักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน ต้องการเห็นเมืองไทยก้าวเดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพลังประชาชนที่ออกมารวมตัวกันด้วยความสงบ สันติ

ซึ่งทั้งมานพ และอภิชาตพงศ์ ก็เป็นหนึ่งในพลังอันเข้มแข็งที่มาขับไล่ทักษิณ ด้วยสามัญสำนึกทางการเมืองแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนว่า ถึงเวลาแล้วที่ 'ทักษิณต้องออกไป'

*****************************
เรื่อง - พรเทพ เฮง





กำลังโหลดความคิดเห็น