xs
xsm
sm
md
lg

อาหารกึ่งสำเร็จรูป จานด่วนทันใจไม่ต้องปรุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วิถีชีวิตของคนในสังคมเมืองเต็มไปด้วยการแข่งขันและเร่งรีบไปตามกระแสทุนนิยมที่เข้ามามีบทบาทในการดำรงชีวิต ดังนั้นทุกวินาทีจึงเป็นสิ่งมีค่าควรแก่การถนอมใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสังคมมากที่สุด

ด้วยเหตุนี้หลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการออกไปเดินจ่ายตลาด และกลับเข้ามาทำอาหารรับประทานที่บ้านจึงค่อยๆเลือนหายไป พร้อมกับการเกิดขึ้นของวัฒนธรรมการบริโภคอาหารแบบ 'อีต เอาต์' (Eat out) หรือการบริโภคอาหารนอกบ้านตามร้านอาหาร และวัฒนธรรมการบริโภคอาหารจานด่วนทันใจจึงผุดขึ้นมาแทนที่ ผู้คนหันมาซื้อหาอาหารถุงสำเร็จรูป เครื่องวัตถุดิบและอาหารสดบรรจุเป็นแพก พร้อมสำหรับนำไปปรุงรับประทานได้ทันที ตลอดจนอาหารกึ่งสำเร็จรูปตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ มาบริโภค

โดยเฉพาะอาหารกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีแค่ข้าวต้มและโจ๊กเท่านั้น แต่ได้มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีอาหารทำให้อาหารหลายร้อยกว่าชนิดผ่านกรรมวิธีการอบแห้งบรรจุแพ็คพร้อมเสิร์ฟโดยไม่ต้องปรุง

*เติมน้ำร้อนก็กินได้

ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 210) พ.ศ.2543 อธิบายเรื่องอาหารกึ่งสำเร็จรูปไว้ โดยกำหนดให้อาหารกึ่งสำเร็จรูปในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิทเป็นอาหารที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน หมายถึง อาหารที่ผ่านกรรมวิธีและปรุงแต่งมาบ้างแล้ว เพียงแต่ผ่านกรรมวิธีอย่างง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน เช่น การเติมน้ำร้อน หรือการต้มเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถใช้รับประทานได้

ซึ่งตามปกติ กว่าจะได้อาหารแต่ละจาน บรรดาพ่อครัวและแม่ครัวจะต้องใช้เวลา ความละเมียดในฝีมือ บางคนใส่ใจลงไปในการเตรียมวัตถุดิบ เครื่องปรุงรส และอาหารสดให้พร้อม จากนั้นนำไปปรุงบนกระทะร้อนฉ่า จึงจะได้เป็นอาหารจานร้อนพร้อมเสิร์ฟ ขณะที่สำหรับอาหารกึ่งสำเร็จรูปนั้น ผู้รับประทานสามารถทานได้ทันทีทันใด เพียงเติมน้ำร้อนในปริมาณที่พอเหมาะ เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งนาที ความร้อนจะแปรสภาพเนื้อสัตว์ และผักซึ่งแข็งแห้งติดกันเป็นก้อนให้กลับกลายเป็นเนื้อสัตว์นุ่มนิ่ม ผักสดมีสีสันดังเดิมและสามารถทานได้ทันที

อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป จำพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊ก ซุป และข้าวต้มสำเร็จรูป แต่ปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีอาหารทำให้อาหารกว่าหลายร้อยชนิดสามารถนำมาทำเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปได้โดยผ่านกรรมวิธีการอบแห้ง หรือฟรีซ-ดราย (Freeze-Dried)

กรรมวิธีการอบแห้งหรือฟรีซ-ดราย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการอบแห้งแบบเยือกแข็งเป็นการอบแห้งด้วยอุณหภูมิต่ำ ภายใต้ระบบสุญญากาศ โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย ทำให้น้ำแข็งในอาหารระเหิดกลายเป็นไอ จึงไม่ต้องใช้ความร้อนสูงเหมือนกับวิธีการทำแห้งแบบทั่วๆ ไป ทั้งนี้อาหารกึ่งสำเร็จรูปจะยังคงคุณค่าของสารอาหารอยู่ครบถ้วนและมีกลิ่นรสชาติที่ดีอยู่ โดยที่อาหารกึ่งสำเร็จรูปเหล่านี้สามารถเก็บไว้ได้เป็นระยะเวลา 1 ปี

ศศิภัสสร์ กุลวุฒิโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตบริษัทสยามพรีเสิร์ฟฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารกึ่งสำเร็จรูปอธิบายถึงอาหารกึ่งสำเร็จรูปซึ่งมีหลากหลายชนิดให้เลือก โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มซุป และกลุ่มอาหารจำพวกผัด แกง ต้มยำ ต่างๆ

"ปัจจุบันมีการพัฒนาอาหารกึ่งสำเร็จรูปมาหลายประเภท โดยไม่จำกัดชนิดสินค้า มีหลากหลายชนิด แบ่งเป็นกลุ่มซุปใส ภายใต้ชื่อนิวทรี-ซุป (Nutri-soup) มี 3 รสชาติ ได้แก่ ซุปไข่, ซุปสาหร่าย, ซุปเห็ดหอม ซุปใสได้มาจากการนำผัก เนื้อสัตว์และเครื่องปรุงอื่นๆ มาเคี่ยวจนได้สารอาหารที่มีประโยชน์ออกมารวมอยู่ในน้ำซุปโดยมีลักษณะเป็นซุปใส ไขมันต่ำ ไม่ใส่ผงชูรส และไม่มีวัตถุกันเสีย ประกอบกับข้อดีของระบบการผลิตแบบฟรีซ-ดรายทำให้ได้รสชาติที่ใกล้เคียงกับซุปปรุงสด ซึ่งมีความหอมและคงคุณค่าสารอาหารทุกประการ"

"กลุ่มสินค้ากับข้าว ซึ่งรู้จักกันในชื่อของครบเครื่องและเคอรี่คิง ประกอบด้วยอาหารประเภทต่างๆ เช่น ลาบไก่ ไก่กระเทียม แกงส้มกุ้ง ต้มยำกุ้ง ต้มข่ากุ้ง แกงเขียวหวาน"

ผู้จัดการสาวกล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า "อาหารกึ่งสำเร็จรูปก็เหมือนอาหารทั่วไป ถ้ากินเหลือสามารถเก็บไว้ทานมื้ออื่นได้ แต่โดยปกติปริมาณอาหารกึ่งสำเร็จรูป 1 แพกเกจ สามารถรับประทานได้ 1-2 คน ดังนั้นจึงสามารถรับประทานหมดได้ภายในอาหารมื้อนั้น"

สำหรับสนนราคาอาหารกึ่งสำเร็จรูปมีตั้งแต่ 25 - 300 บาท ขณะที่ตลาดผู้บริโภคอาหารกึ่งสำเร็จรูปมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"เดิมเรามีการผลิตสินค้ากลุ่มนี้นานแล้ว ส่วนใหญ่ถ้าเป็นพวกซุปจะมีลูกค้าเป็นผู้หญิง แบ่งเป็นกลุ่มนักศึกษา อายุ 17-25 ปีที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ความสวยงาม ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มผู้หญิงทำงาน อายุ 25-40 ปี ชอบความทันสมัย ความสะดวกสบาย ไม่มีเวลาทำอาหารรับประทานเอง ใส่ใจเรื่องสุขภาพและความสวยงามเช่นเดียวกับกลุ่มแรก นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่นิยมซื้อเป็นของฝาก ส่วนพวกแกงและอาหารกึ่งสำเร็จรูปอื่นๆ กลุ่มผู้บริโภคเป็นทั้งลูกค้าต่างประเทศและนักท่องเที่ยว"

ศศิภัสสร์กล่าวถึงตลาดต่างประเทศว่า มีการส่งไปจำหน่ายยังประเทศแถบยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ทั้งนี้อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็คือ อาหารประเภทต้มยำ

ผู้จัดการสาวแสดงความเห็นเพิ่มเติมถึงความสำคัญของอาหารกึ่งสำเร็จรูปต่อวิถีชีวิตคนในปัจจุบันว่า

"เนื่องจากเรามองเห็นว่าผู้คนมีการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ และไม่มีเวลาในการเตรียมอาหาร เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ยังคงคุณค่าของสารอาหาร และเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เหมาะกับ ไลฟ์สไตล์ ของคนในปัจจุบัน เราจึงเกิดแนวคิดในการทำอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่มีความหลากหลาย สะดวกพร้อมทาน เพียงเติมน้ำร้อน สามารถทานได้ทันที นอกจากจะนำอาหารสดไปประกอบอาหารเองแล้วยังมีอีกทางเลือกหนึ่งที่ประหยัดเวลา และได้ทั้งความรวดเร็ว และครบถ้วนทั้งพลังงาน และคุณค่าทางอาหารซึ่งได้แก่อาหารประเภทฟรีซ-ดราย

"เรามองเห็นว่าชีวิตความเป็นอยู่ในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไป เพื่อการตอบสนองวิถีการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่มีเวลาในการรับประทานอาหารน้อยลง แต่ต้องการอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าของอาหารมากขึ้น เราจึงคิดว่าคนไทยน่าจะมีโอกาสลองทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ดูบ้าง"
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าปริมาณผู้บริโภคอาหารสำเร็จรูปมีอยู่มาก และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

"ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มมีการจำหน่ายอาหารกึ่งสำเร็จรูปออกสู่ตลาดผู้บริโภค พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี คาดว่าตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศไทยจะมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากกระแสสุขภาพที่มาแรง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยมีความสะดวกสบายให้กับชีวิตที่เร่งรีบและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน"

และได้ทิ้งท้ายถึงแนวโน้มการพัฒนาอาหารกึ่งสำเร็จรูปว่า

"แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีอาหารกึ่งสำเร็จรูป เน้นเรื่องคงคุณค่าของสารอาหารเป็นสิ่งแรก นอกเหนือจากรสชาติที่ยังต้องคงความอร่อย และยังต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย"

ก็ไม่แน่ว่า ต่อไปอาจจะมีอาหารแคปซูลออกมาตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่


..................ล้อมกรอบ...................

นานาทัศนะกับการบริโภค

นิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น เจ้าของเว็บไซด์เทรคกิ้งไทยดอทคอม (www.trekkingthai.com) และชื่นชอบการเดินป่าทำให้มีโอกาสลิ้มรสอาหารกึ่งสำเร็จรูปแบบหลายอย่าง อย่างไรก็ตามยังคงติดใจในรสชาติอาหารจากรสมือมากกว่า

"ปกติมีการเข้าป่ามีสองประเภท แบ่งเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวไปตามทัวร์ และแบบไปเดินป่ากันเอง ถ้าไปเดินป่ากันเอง จะเตรียมอาหารกึ่งสำเร็จรูป เพราะน้ำหนักเบา เดี๋ยวนี้มีข้าวสุก ผัดไทย ขนมกึ่งสำเร็จรูป ซาหริ่ม ขนมจีนน้ำยาเอาไปต้มใส่น้ำร้อนกินได้ ออกมาเยอะแยะไปหมด แต่ที่นิยมจะเป็นบะหมี่ ส่วนอาหารกึ่งสำเร็จรูป พวกแกงเผ็ด ต้มยำ ส่วนใหญ่เน้นซื้อเครื่องปรุงมากกว่า ถ้าไปเปิดเป้คนเดินป่า จะเป็นเครื่องปรุงกึ่งสำเร็จรูปเยอะ มะนาวผงเอาไป เครื่องผัดเครื่องแกง ใกล้เคียงเครื่องแกงจริงมากเลย ปรุงไว้เสร็จ ใส่ไปก็อร่อยแล้ว เติมเนื้อรวน ไก่รวน ปรุงรสเสร็จ ทำกินเอง รสชาติที่เราปรุงเองจะถูกใจคนกินมากกว่า

"อาหารกึ่งสำเร็จรูปมีประโยชน์ อย่างไปแคมปิ้ง เป็นอาหารสำรองได้ ถ้าเราต้องกินด่วน หรือทำอะไรรวดเร็ว เติมน้ำร้อนก็กิน หรือเน้นเป็นอาหารเสริมสำหรับตั้งวางรวมกับอาหารที่ทำเอง เช่น ผักดองเปิดกระป๋องเสริมอาหารจานอื่นมากกว่า เท่าที่กินมา ลองใช้แล้ว และก็ถามเพื่อนดู ว่าติดตรงไหนได้ เรื่องราคาไม่มีปัญหา แต่ติดเรื่องรสชาติ ผมว่าเขาลืมเรื่องรสชาติกันไป รสเพี้ยน ถ้ารสชาติถูกปาก มีรสชาติโดนใจติดได้ไม่ยาก อย่างเดินป่า พอกลางวันไม่อยากทำกับข้าว ก็อยากจะกิน คนก็คงกินเยอะ เหมือนอย่างมาม่า คนกินเยอะเพราะรสชาติติดปากแล้ว

"ตัวผมเอง ไม่ว่าในป่าในเมืองคนนิยมอาหารกึ่งสำเร็จรูป เวลาเดินป่ามีอะไรใหม่ๆ ก็จะเอาไปลอง คนอื่นก็จะกินด้วย ถ้ามีอะไรสะดวก แล้วรสชาติติดปากก็จะกินยาว อย่าง ยำปลากระป๋อง พอรสชาติติดปากก็จะกินยาว คนทั่วไปอยู่ในเมืองก็จะกินด้วย ปกติผมอยู่คอนโดฯ ดึกๆ กินอาหารกึ่งสำเร็จรูปตลอด ของผมตัดครัวไปเลย และก็คงมีคนประเภทเดียวกับผมอยู่ไม่น้อย อาหารกึ่งสำเร็จรูปมีความสะดวกมันได้อยู่แล้ว แพกเกจน่ากิน แบบใหม่รวดเร็ว และถ้าเทออกแล้วรสชาติผ่านใช้ได้ อร่อย ถูกปาก มันก็มีคนกิน โจทย์ตรงนี้ทำได้มันก็มีคนกินเยอะขายดี"

ชัยวัฒน์ มีแก้ว นักศึกษาวัย 22 ปี ใช้เวลาว่างเดินทางท่องเที่ยวเป็นประจำแสดงความเห็นต่ออาหารกึ่งสำเร็จรูปในอีกมุมมองว่า

"เคยกินอาหารกึ่งสำเร็จรูปหลายอย่าง เช่น ต้มยำกุ้ง ผัดกะเพรากุ้ง ไก่กระเทียมพริกไทย ไก่ผัดขิง แกงเขียวหวานไก่ ของหวาน คิดว่าเป็นอาหารจานด่วน เร็วกว่าพวกฟาสต์ฟูด เหมาะกับการเดินป่า จำกัดน้ำหนักและเวลา พกสะดวก น้ำหนักเบามากเก็บไว้ได้นาน เตรียมง่าย แค่แกะกล่อง เติมน้ำร้อน ประหยัดเวลาได้มาก 2 นาที ก็กินกับข้าวสวยร้อนๆ ได้ แล้วรสอร่อย ได้คุณค่าตามโภชนาการเหมือนอาหารทั่วไป"

ป้ามล (สงวนนามสกุล) วัย 65 ปี ทุกวันต้องออกไปทำงานข้างนอก ขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งการทำงานในบ้าน แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา ทำให้บ่อยครั้งที่พึ่งพาอาหารถุงและอาหารกึ่งสำเร็จรูป

"ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน จะมาเตรียมอาหารเช้าทุกวันจึงไม่สะดวก เลือกอาหารกึ่งสำเร็จรูป เพราะปรุงง่าย ใช้เวลาไม่นานก็นำมารับประทานได้ทันที"

********************************

เรื่อง - ศิริญญา มงคลวัจน์








กำลังโหลดความคิดเห็น