เมื่อพูดถึงแฟชั่นล้ำสมัย ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม เครื่องแต่งกาย วัยรุ่นไทยก็ไม่ด้อยกว่าใครในเรื่องนี้ และดูเหมือนว่าเราจะ 'อินเทรนด์' ไปเสียทุกเรื่อง ค่านิยมต้องสวยถึงจะดี ต้องตามสมัยถึงจะเข้ากลุ่มได้ ทำให้เราวิ่งตามแฟชั่นกันง่ายๆ โดยลืมนึกไปว่าแท้จริงแล้วนั่นเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ หรือไม่
บ่อยครั้งที่ค่านิยมความสวยงามของเราเป็นความสวยงามแบบลวงๆ เช่น ต้องผิวขาวถึงจะดูดี ผอมเท่านั้นจึงจะสวย เป็นต้น และล่าสุด ใครเลยจะรู้ว่า แม้กระทั่ง 'ดวงตา' ก็ต้องสวยงาม ให้ความรู้สึกหวานซึ้งมีเสน่ห์ ยามสบตาใครสักคน...เจ้าของดวงตากลมโต และหวานใสจึงเป็นที่ถูกใจใครต่อใคร ทำเอาประเภทตาตี่ ตาสองชั้นหลบในต้องชิดซ้าย เมื่อเจอแบบนี้
พ่อค้าหัวใสมองเห็นจุดนี้ และเลือกที่จะเอาคอนแทกต์เลนส์มาประยุกต์เล่นกับตากลมโต สวยใส เพื่อสร้างยอดขายและจุดเด่นให้กับตัวเอง ซึ่งก็ได้ผลมีวัยรุ่นหลายคนหลงตามกระแสแฟชั่น 'คอนแทกต์เลนส์ตาโต' นี้เข้าจนได้
-1- คอนแทกต์เลนส์ หนีกรอบของแว่นสายตา
คอนแทกต์เลนส์ในปัจจุบันจึงมิใช่แค่ทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีปัญหาสายตาสั้น-ยาว แต่ไม่อยากใส่แว่น ยังมีคนสายตาปกติอีกมากที่ต้องการแม้กระทั่งเสริมความงามให้ดวงตา ขณะที่ฟากของคนที่ใส่คอนแทกต์เลนส์เพราะมีปัญหาสายตาจริงๆ อย่าง มี่-ชนกภัทร์ วิทูรกลชิต นักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เล่าถึงเหตุจำเป็นที่ต้องใส่คอนแทกต์เลนส์ว่า เพราะสายตาสั้นและไม่อยากใส่แว่นสายตาที่ดูเหมือนคนแก่ จึงได้ไปปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านสายตา แพทย์ได้แนะนำให้ใส่คอนแทกต์เลนส์แทน ด้วยคุณสมบัติของคอนแทกต์เลนส์ที่เหมือนแว่นสายตาที่สามารถสั่งตัดได้ตามขนาดของสายตาของแต่ละคน เนื่องจากสายตาคนเรามีความสั้นเว้าไม่เหมือนกัน ทำให้คนสายตาสั้นที่ต้องการใส่คอนแทกต์เลนส์แทนแว่นสายตา จึงต้องไปวัดสายตาเหมือนการใส่แว่นทั่วไป
สำหรับอายุการใช้งานของคอนแทกต์เลนส์จะขึ้นอยู่กับราคา ถ้าราคาสูงก็จะมีอายุการใช้งานนานถึง 1 ปีกว่า แต่หากราคาต่ำตั้งแต่ 200-300 บาทอายุการใช้งานก็จะอยู่ประมาณ 2-3 เดือน โดยมีสีให้เลือกตามความต้องการทั้งหมด 6 สี คือ 1.สีฟ้า 2.สีเทา 3.สีน้ำตาล 4.สีเขียว 5.สีแดง 6.สีน้ำเงินเข้ม ส่วนสีที่กำลังเป็นที่นิยมใส่มากที่สุด คือสีฟ้าใส่แล้วจะมีตาเหมือนคนต่างชาติรองมาคือ สีน้ำตาล
มี่ เล่าถึงความรู้สึกแรกที่ใส่คอนแทกต์เลนส์ว่า ตอนใส่จะรู้สึกกลัวที่จะถูกเยื่อตา และเมื่อใส่ไปครั้งแรกก็เกิดอาการเคืองจนต้องขยี้ตาแรงๆ ซึ่งครั้งหนึ่งมีอาการเคืองตาขยี้จนตาอักเสบทำให้มีเลือดออก แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก
สิ่งสำคัญในการใส่คอนแทกต์เลนส์จะต้องรักษาความสะอาดตลอดเวลา เนื่องจากเป็นการสัมผัสเลนส์ตาโดยตรง จะต้องทำอย่างระมัดระวัง หากไม่ระวังอาจทำให้เกิดอาจการเคืองตาจนตาแดง หรือไม่ถ้าถูกตาดำอาจจะทำให้ตาบอดได้ ซึ่งการใส่คอนแทกต์เลนส์จะต้องระมัดระวังพอสมควร
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่เวลาใส่คอนแทกต์เลนส์ ประกอบด้วย 1.น้ำยาฆ่าเชื้อ 2.น้ำตาเทียมไว้สำหรับเวลาตาแห้ง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายแว่นตา หรือร้านขายยาทั่วไป 3.ตลับใส่คอนแทกต์เลนส์ไว้สำหรับเวลาแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ
มี่ คือคนที่มีปัญหาทางสายตาและเลือกที่จะใช้คอนแทกต์เลนส์เพื่อแก้ไขปัญหาและไม่ทำให้ตัวเองกลายเป็นสาวแว่น แต่ในยุคนี้สายตาสั้น-ยาวไม่ใช่เหตุผลเดียวที่จะทำให้คนเลือกใส่คอนแทกต์เลนส์ แฟชั่นความสวยงามแพร่ระบาดไปทั่ว ไม่ใช่สวยแค่หน้า เสื้อผ้า ร่างกายและทรวดทรง แต่ต้องสวยที่ 'ดวงตา'ด้วยจึงจะดูดี ทางเลือกของคนที่อยากตาหวาน ตาโต สายตาสบกับใครแล้วดูดีมีเสน่ห์ ก็ทำได้ไม่ยากแค่ใส่คอนแทกต์เลนส์
-2- ตาหวาน สวยใสไม่พึ่งศัลยกรรม
ด้านอาร์ม-อรธิชา พลายทรัพย์ นักเรียนชั้นมัธยมต้นโรงเรียนชื่อดังย่านบางขุนเทียน บอกว่า คอนแทกต์เลนส์ตาหวาน ตาโตเท่าที่ทราบมีมานานแล้ว ประมาณ 3-4 ปี แต่เพิ่งจะมาฮิตในหมู่วัยรุ่นระยะหลังๆ นี่เอง สาเหตุที่อาร์มใส่คอนแทกต์เลนส์นั้นใส่ตามแฟชั่น อยากจะใส่ไปโชว์เพื่อนและอยู่ในอารมณ์ตามเพื่อนมากกว่า ซึ่งตามจริงแล้วตัวเองไม่ได้มีปัญหาทางสายตา
ส่วนแหล่งที่ซื้อนั้น จะรู้มาจากการบอกต่อของเพื่อนที่ใส่มาก่อน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายแว่น ราคาก็ไม่แพง อยู่ที่ประมาณ 245 บาทต่อ 1 คู่ จะมีอายุการใช้งาน 1 เดือน ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมถึงน้ำยาฆ่าเชื้อที่ต้องซื้อต่างหาก รวมแล้วค่าใช้จ่ายในการใส่คอนแทกต์เลนส์จะตกอยู่ที่ประมาณ 300 บาท สีที่ซื้อมาใส่คือสีฟ้า เพราะเป็นสีที่นิยมใส่กันในหมู่วัยรุ่น ส่วนสีแดงและสีขาวจะมีคนใส่น้อยเนื่องจากคนที่ใส่จะเป็นคนเฉพาะกลุ่ม อาทิ เด็กพังก์ที่ต้องการใส่เพื่อทำให้ตาดูคม
อาร์มเล่าถึงประสบการณครั้งแรกการใส่คอนแทกต์เลนส์ ว่า มีความรู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน พอใส่แล้วเวลากวาดสายตาไปมาคอนแทกต์เลนส์ที่ใส่จะมีการเคลื่อนที่ เนื่องจากขนาดของคอนแทกต์เลนส์ที่ไม่เหมาะสมกับตา บางครั้งก็ทำให้สายตามัวมองอะไรไม่ชัด เวลาโดนลมแล้วตาแห้งจะมีอาการแสบตา ซึ่งเป็นสิ่งที่วัยรุ่นที่นิยมตาหวาน ตาโตด้วยคอนแทคเลนส์ยอมอดทน
ที่น่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่งคือ การแลกเปลี่ยนคอนแทกต์เลนส์ระหว่างกัน ซึ่งอาร์มเล่าว่า เป็นเพราะอยากใส่หลายสี แต่ไม่อยากเปลืองเงินซื้อหลายอัน !
"อย่างอาร์มมีสีม่วงกับสีฟ้า เพื่อนมีสีเขียวกับสีแดงก็จะแลกกันใส่ ยืมกันใส่ ถามว่ากลัวการติดเชื้อไหม ก็กลัวเหมือนกัน แต่เราก็ใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดอย่างดีแล้วนะ คิดว่าไม่มีอะไร"
คอนแทกต์แลนส์ตาหวาน ตาโต นอกจากจะหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายแว่นแล้ว ยังนิยมการสั่งซื้อผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งในเว็บไซต์จะระบุว่าเป็นสินค้ามาจากประเทศเกาหลีใต้ และยอดสั่งซื้อมีมาก กระทั่งคนขายต้องระบุในเว็บไซต์ว่าของหมด ให้ใจเย็นรอก่อน ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่ 480 บาท จนถึง 5,000 บาท ในเว็บไซต์มีแม้กระทั่ง การแก้ข่าวที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือนเรื่องคอนแทกต์เลนส์ตาหวานอันตรายว่า แค่ปฏิบัติตามคำแนะนำใส่คอนแทกต์เลนส์อย่างเคร่งครัดก็ไม่เป็นไร
ลักษณะของคอนแทกต์เลนส์ตาหวาน ตาโต จะเป็นแบบสีตัดขอบตรงกลางสีใส เนื้อเลนส์จะแข็งกว่าคอนแทกต์เลนส์ปกติ และมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ตรงที่เป็นสีตัดขอบก็มีหลากสีเพื่อเวลาใส่แล้วจะไปทับตรงตาดำ แต่เว้นสีใสตรงกลางไว้ ขณะเดียวกันยังมีคอนแทกต์เลนส์เปลี่ยนสีตาแบบแฟนตาซี หรือ Carnival Fancy เช่น สีเหลืองแบบตาแมว ดวงตาเป็นรูปหน้ายิ้ม และสีจัดจ้านมากถึงมากที่สุด ราคากล่องละ 5,000 บาท ยังไม่เป็นที่นิยมแต่คาดว่าจะได้รับความนิยมตามมาเร็วๆ นี้
พร-นวพันธุ์ ตาบสกุล นักเรียนชั้นมัธยมต้น โรงเรียนชื่อดังย่านบางขุนเทียน เล่าถึงเหตุที่ต้องใส่คอนแทกต์เลนส์ว่า เห็นคนอื่นใส่ มองดูแล้วสวยดีก็เลยอยากใส่บ้าง แต่ตัวเองไม่ได้สายตาสั้น จึงได้ไปหาซื้อที่ร้านขายแว่นสายตาใกล้บ้าน สีที่ซื้อมาใส่เป็นสีฟ้า เพราะเป็นสีที่คนส่วนใหญ่นิยมและคิดว่าสวยดี ส่วนราคาอยู่ที่ 200-300 บาท ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานที่เราต้องการถ้าอยากจะใส่สีไหนนานๆ ก็จะยอมซื้อในราคาสูง เพราะจะมีอายุการใช้งานนานถึง 1 ปี แต่ถ้าเป็นคนไม่ชอบทำอะไรจำเจ ก็ควรจะซื้อคอนแทกต์เลนส์ที่มีราคาถูกเพราะจะมีอายุการใช้งานเพียง 1 เดือน
"ตอนที่ใส่จะรู้สึกเคืองตาและถ้าเวลาที่ตาแห้ง ก็จะรู้สึกแสบตาต้องใช้น้ำตาเทียม รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยอารมณ์ที่อยากจะอวดเพื่อนมันมากกว่าจึงทำให้ความกลัวหายไป เวลาใส่ไปแล้วจะรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาอยู่ที่ตา ด้วยขั้นตอนการใส่ที่ไม่ยุ่งยากมากทำให้ใช้เวลาใส่ไม่นานเท่าไร ส่วนอันตรายที่จะเกิดตามมาก็คิดกลัวอยู่บ้าง แต่ด้วยระยะเวลาที่ใส่ไม่กี่ชั่วโมงทำให้ไม่คิดว่าจะเป็นอันตรายต่อสายตา"
พร เอ่ยถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสายตาว่า แม้จะมีข่าวออกมา แต่ก็จะยังใส่ต่อไป "ถึงตอนนี้จะมีข่าวเกี่ยวกับอันตรายของคอนแทกต์เลนส์ก็คิดจะใส่ต่อเพราะซื้อมาในราคาที่แพง เสียดายเงินที่ซื้อไปส่วนถ้าหมดอายุการใช้งานของคอนแทกต์เลนส์แล้วก็ต้องดูต่อไปว่าแม่จะให้ใส่ต่อหรือไม่"
วิว-กรวรรณ สุขรินทร์ นักเรียนชั้นมัธยมต้น โรงเรียนชื่อดังย่านบางขุนเทียน ที่กำลังจะไปซื้อคอนแทกต์เลนส์มาใส่ บอกถึงเหตุผลว่า เห็นเพื่อนใส่แล้วสวยดีก็จะซื้อมาใส่เล่นๆ วิว ยังบอกอีกว่า ตอนนี้กำลังศึกษาข้อมูลของคอนแทกต์เลนส์กับเพื่อนที่ใส่อยู่และก็ไม่คิดจะไปปรึกษาแพทย์เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยคงไม่จำเป็นที่จะไปปรึกษาแพทย์ สำหรับตอนนี้ตัวเองก็กำลังมองหาสีของคอนแทกต์เลนส์ที่ใส่แล้วจะทำให้สายตาดูสวยไม่ได้ ทำให้ยังไม่ตัดสินใจซื้อมาใส่
"วิวไม่ได้มีปัญหาทางสายตา เพียงแต่อยากจะใส่เพื่อความสวยงามและตามเพื่อนมากกว่า ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าจะทำให้ตาบอดนั้นไม่ทราบจริง ๆ แต่ถึงจะมีข่าวออกมาก็จะซื้อมาใส่เพราะเพื่อนที่ใส่อยู่ตอนนี้ยังไม่มีใครที่ได้รับอันตรายกับสายตาเลยหลังจากใส่คอนแทกต์เลนส์ จึงทำให้ไม่รู้สึกกลัวที่จะใส่คอนแทกต์เลนส์ ส่วนสีที่จะซื้อมาใส่คงเป็นสีเขียว เพราะคิดว่าใส่แล้วจะทำให้ตาดูสวยดังมรกต สำหรับอายุการใช้งานของคอนแทกต์เลนส์จะเลือกอายุการใช้งานประมาณ 1 เดือน เนื่องจากมีอายุการใช้งานไม่นาน พอหมดอายุแล้วจะได้ซื้อสีอื่นมาใส่ใหม่ ตอนนี้ทางบ้านก็ทราบว่าจะใส่คอนแทกต์เลนส์แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพราะที่บ้านตามใจอยู่แล้ว"
-3- แฟชั่นตาหวาน กับผู้ผลิตหัวใส
ผู้ประกอบการร้านขายแว่นย่านท่าพระจันทร์ บอกถึงคอนแทกต์เลนส์ที่วัยรุ่นนิยมใส่เพื่อทำให้ตาหวาน สวยใส ใส่แล้วจะทำให้ตากลมโตและทำให้สายตาคมนั้น มีผู้ผลิตทำขึ้นมาจำหน่ายโดยเฉพาะ มีทั้งแบบสายตาปกติและสายตาสั้นมีอยู่ 2 รุ่น คือ รุ่นราย 2 เดือนและรุ่นรายปี ส่วนรุ่นราย 2 เดือนจะมีราคาอยู่ 450 บาทแต่ในราคานี้จะไม่ได้รับน้ำยาทำความสะอาด เพราะราคานี้เป็นราคาที่อยู่ในช่วงโปรโมชันจากเดิม 700 บาท แต่ในวันนี้อยู่ที่ 450 บาท และถ้าซื้อควบคู่กับน้ำยาจะตกอยู่ที่ราคา 550 บาท ซึ่งคอนแทกต์เลนส์ตาหวานจะมีอยู่ สีเดียวคือ สีน้ำตาล ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ไม่เพียงแค่คนทั่วไปนิยมใส่แต่ยังมีดาราหลายคนซื้อไปใส่
ผู้ประกอบการร้านขายแว่น บอกอีกว่า คอนแทกต์เลนส์ตาหวาน ตาโต รุ่นราย 2 เดือน หากหมดอายุแล้วจะต้องเลิกใช้ทันทีเพราะวัสดุที่ใช้ทำคอนแทกต์เลนส์จะเสื่อม ถ้านำมาใส่จะทำให้ไม่กระชับกับกระจกตาอาจจะบาดเยื่อตา เป็นเหตุทำให้ตาบอดได้ ส่วนคอนแทกต์เลนส์ที่เป็นสี จะมีราคาอย่างต่ำ 50 บาท มีด้วยกัน 6 สี คือ สีม่วง สีน้ำตาล สีน้ำเงินเข้ม สีขาว สีเทา สำหรับสีที่ได้รับความนิยม คือ สีฟ้า
"วัยรุ่นหลายคนมาซื้อใส่จำนวนมาก จริงๆ แล้วทางร้านมีคอนแทกต์เลนส์ตาหวาน ตาโตวางขายมานานแล้ว แต่เพิ่งมาฮิตในระยะหลังๆ อาจเป็นเพราะมีเพื่อนๆ เคยใส่ วัยรุ่นก็มาซื้อใส่ตาม อาทิตย์หนึ่งก็ขายได้ประมาณ 50 คู่ขึ้นไป คอนแทกต์เลนส์พวกนี้ก็เหมือนคอนแทกต์เลนส์สายตาทั่วไป ไม่มีอันตรายถ้าใส่อย่างถูกต้อง ก็จะแนะนำวิธีใส่ ทำความสะอาดอย่างไร แต่คิดว่าคงจะฮิตกันไม่นาน อีกไม่นานก็คงจะเลิก มีแฟชั่นอื่นๆ มาแทน แต่พวกที่ใส่เป็นสีๆ มีมานานแล้ว ส่วนมากเป็นนักดนตรี พวกดารามาซื้อใส่"
-4- หมอตาเตือน แฟชั่นสุดร้ายเสี่ยงตาบอด
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ จักษุแพทย์ และผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบายถึงประโยชน์ของคอนแทกต์เลนส์ว่า ในวงการแพทย์จะใช้คอนแทกต์เลนส์ในรูปแบบ ดังนี้
1. เป็นการแก้ภาวะสายตาในการหักเหของแสง ใช้กับคนที่มีสายตาสั้น ยาว เอียง ที่ไม่สะดวกจะใส่แว่นสายตา 2. เป็นการใช้เพื่อรักษาโรคกระจกตาที่มีความยืดหยุ่นผิดปกติ อาทิ โค้งผิดปกติ ส่วนการใส่คอนแทกต์เลนส์นั้นจะต้องได้รับการตรวจสภาพที่เหมาะสมจากแพทย์ เพื่อจะได้รู้ถึงวิธีการใส่คอนแทกต์เลนส์อย่างถูกวิธีรวมทั้งการเก็บรักษาที่ถูกต้อง
กรณีที่วัยรุ่นนิยมใส่คอนแทกต์เลนส์เพื่อทำให้ตาหวานนั้น นพ.ธเรศ เตือนว่า "วัยรุ่นที่ใส่คอนแทกต์เลนส์เป็นแฟชั่นควรจะระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจจะทำให้เป็นอันตรายต่อสายตา การแลกเปลี่ยนกันใส่ ใส่คอนแทกต์เลนส์ที่หมดอายุระวังมีปัญหารุนแรงถึงขั้นตาบอด การที่นำไปใส่แบบไม่มีความจำเป็นจะต้องไปปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะสายตานั้นมีความจำเป็นในการดำเนินชีวิต ควรจะต้องระวังเป็นพิเศษ จริงๆ แล้วไม่ควรใส่ การที่มีสายตาปกติเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ไม่ควรเอาอะไรไปกระทบเยื่อตาจะดีกว่า"
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต บอกถึง วัยรุ่นที่ชอบตามแฟชั่นนั้นเป็นเพียงอารมณ์ และช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะวัยรุ่นต้องการความเปลี่ยนแปลงเพื่อความสร้างความโดดเด่นและต้องการเป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อน เวลาที่มีกระแสนิยมอะไร วัยรุ่นจะตอบรับกับสิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นการพัฒนาของวัยรุ่นในการตอบรับกระแสแฟชั่น
"จึงถือว่าการวัยรุ่นที่ทำตามแฟชั่นไม่มีปัญหาทางจิต แต่ถ้าวัยรุ่นคนไหนที่ชอบทำตามแฟชั่นไม่ยอมดูแลสุขภาพตัวเอง มัวแต่ไปหมกมุ่นอยู่กับความสวยงาม ก็อาจจะมีปัญหาทางจิตได้แต่ก็ต้องดูเป็นเฉพาะบุคคล"
นพ.ทวีศิลป์ ฝากถึงวัยรุ่นว่า การที่นำคอนแทกต์เลนส์มาใส่โดยไม่มีการดูแลอย่างถูกต้องอาจทำให้ตาบอดเพราะสิ่งที่นำไปใส่จะใกล้กับแก้วตา เมื่อใส่ไม่ถูกวิธีแก้วตาจะอักเสบได้ ดังนั้น เวลาใส่จะต้องมีความระมัดระวังและต้องปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดตามเอกสารที่แนบมากับผลิตภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
การที่คนเราเดินตามแฟชั่น หรือค่านิยมของตะวันตกบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องมีสติในการจะทำตามสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตประจำวัน การที่จะนำสิ่งที่สำคัญของชีวิตไปเสี่ยงเพียงแค่ความสวยงาม มันคุ้มแล้วหรือหากวันหนึ่งเราจะไม่มีดวงตาในการดำเนินชีวิต เพียงเพราะความสวยในชั่วอารมณ์หนึ่ง โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่จะเป็นกำลังของชาติต่อไปในอนาคตที่ประเทศจะต้องสูญเสียไปกับความสวยงาม ยังจะต้องมาเป็นภาระของคนในครอบครัว และสังคม อย่างคำพูดที่ว่า "จงพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ จะเป็นดี"
*****************************
เรื่อง....สาวิตรี นามวิวัฒน์สุข