xs
xsm
sm
md
lg

ตายก่อนกาล-กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ซีไรต์ แห่งคาบสมุทรภาคใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความตายที่พุ่งเข้ามาเร็วอย่างไม่คาดฝันและตั้งตัว นักเขียนรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ในปี 2539 กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ได้ถูกจู่โจมด้วยไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และถูกส่งเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 7 อาการทุเลาดูไม่น่าเป็นห่วงออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้านริมตีนเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะทรุดถูกส่งเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และเจออาการแทรกซ้อนน้ำท่วมปอด รวมถึงติดเชื้อในปอด ทำให้เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน ทั้งที่มีการช่วยชีวิตทุกวิถีทาง

กนกพงศ์ เป็นนักเขียนที่มีวัตรปฏิบัติในการทำงานเขียนอย่างเข้มข้น หนักแน่น ทุ่มทั้งชีวิต และจิตวิญญาณในการสร้างสรรค์งานเขียนขึ้นมาตั้งแต่เป็นวัยหนุ่มกระเตาะ จนถึงอายุขึ้นหน้าด้วยเลข 4 ในปัจจุบัน เขาเขียนบทกวี และเรื่องสั้นมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และทำงานเรื่อยมาอย่างเต็มที่เต็มกำลัง เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนาครซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มทำงานด้านศิลปวรรณกรรม และศิลปวัฒนธรรมของปักษ์ใต้ผู้อ่อนเยาว์ที่สุด

ความสำเร็จในอาชีพนักเขียนของเขา ซึ่งสะท้อนออกมาจากความเด็ดเดี่ยว และความมีวินัยในการทำงานเขียนหนังสืออย่างหนัก มีความมุ่งมั่นในอาชีพนักเขียนอย่างเต็มที่ จนเป็นแบบอย่างให้นักเขียนรุ่นหลังที่จะเข้ามาสู่อาชีพนี้

การได้รับรางวัลซีไรต์จากนวนิยาย 'แผ่นดินอื่น' จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้คนในวงการวรรณกรรม และคนอ่านหนังสือเท่าไหร่นัก การนั่งเป็นบรรณาธิการนิตยสารไรเตอร์ ซึ่งเป็นนิตยสารวรรณกรรมสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า กนกพงศ์รักและใส่ใจวงการวรรณกรรมมากมาย แม้จะปิดตัวลงไปก็ตาม

กนกพงศ์ ถือเป็นหนึ่งในนักเขียนหนุ่มที่กำลังจะขยับตัวเองเปลี่ยนผ่านสู่มิติหนึ่งในการทำงานสร้างสรรค์วรรณกรรม เพราะตั้งแต่ปี 2548 ที่ผ่านมา งานของกนกพงศ์เริ่มทยอยออกมาสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมเรื่องสั้น 'โลกหมุนรอบตัวเอง' กับการกลับมาของเขาอีกครั้ง หลังจากเว้นระยะไม่มีงานเชิงวรรณกรรมออกมายาวนานเกือบ 10 ปี รวมถึงเขาเป็นโต้โผในการทำนิตยสารวรรณกรรม 'ราหูอมจันทร์' ที่กำลังจะออกมาในดือนหน้า ทำให้วงการวรรณกรรมค่อนข้างตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง

แต่น่าเสียดายที่เขาเพิ่งเริ่มต้นไฟฝันครั้งใหม่ กำลังสานงานต่อยังไม่ลุล่วง พระเจ้าก็รีบเอาตัวไปเสียก่อน

เจน สงสมพันธุ์ พี่ชายของกนกพงศ์ และเจ้าของสำนักพิมพ์นาคร เล่าว่า ความจริงกนกพงศ์เป็นคนที่แข็งแรง เพราะเป็นคนที่วิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ที่บ้านทั้งตระกูลจะมีกรรมพันธุ์น้ำเหลืองไม่ดีทั้งบ้าน สำหรับกนกพงศ์อาจจะเป็นหนักที่สุดในบ้าน

“ปีที่แล้วที่ใต้ฝนตกเยอะมาก อาจจะทำให้กนกพงศ์ออกกำลังกายน้อย ตอนต้นปีเขาหักดิบเลิกสูบบุหรี่ก็อาจทำให้หงุดหงิดฉุนเฉียวได้ง่าย ก็บอกเขาว่าอย่าเครียดจัดให้ผ่อนคลายตัวเองบ้าง ตอนที่เขาป่วยก็คิดว่าคงไม่รุนแรงเป็นเพียงไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ เพราะตอนที่โทร.คุยกัน เขาก็จะขึ้นมากรุงเทพฯ มาร่วมงานเปิดอัลบั้มชุดที่ 4 ของวงสะพาน ของเพื่อนฝูงที่นครศรีฯ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน”

สำหรับงานของกนกพงศ์ที่กำลังทำงานอยู่ เจนบอกว่า มีนิตยสาร 'ราหูอมจันทร์' ซึ่งเป็นนิตยสารรวมเรื่องสั้นของนักเขียนรายฤดูกาลออกทุก 4 เดือน เล่มแรกก็เข้าโรงพิมพ์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยใช้ชื่อเล่มว่า 'กีตาร์ที่หายไป' ซึ่งนำมาจากชื่อเรื่องสั้นของ หงา คาราวาน หรือสุรชัย จันทิมาธร นอกจากนี้ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปลายเดือนมีนาคม 2549 ที่จะถึงนี้จะมีรวมเรื่องสั้น 'นิทานประเทศ' ออกมา และอีกเล่มที่ยังคัดสรรต้นฉบับยังไม่เสร็จเป็นรวมเรื่องสั้น “แผ่นดินอื่น ภาค 2” ซึ่งถือเป็นงานในระดับมาสเตอร์พีซ ของกนกพงศ์เอง

“หลังจากที่กนกพงศ์ออกรวมเรื่องสั้น 'โลกหมุนรอบตัวเอง' มาในปีที่แล้ว ก็จะมีงานรวมเรื่องสั้นที่ใช้เวลาเขียนถึง 8 ปีเต็ม โดยเล่มนี้เขาตั้งใจจะให้เป็นงานเด่นสำหรับคนที่ชอบงานเรื่องสั้นในสไตล์ที่ซีเรียสและหนักแน่นในแบบของกนกพงศ์ที่อยู่ในธีมและอารมณ์แบบ 'แผ่นดินอื่น' ที่ได้ซีไรต์ ซึ่งตัวเขาเองยังคัดสรรเรื่องสั้นไม่เสร็จ ก็ต้องช่วยสานงานต่อในจุดนี้ สำหรับหนังสือในงานศพ ต้องทำอย่างแน่นอน เพราะกนกพงศ์เป็นคนที่มีพรรคพวกเพื่อนฝูงและเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการวรรณกรรมเยอะ ต้องให้มาช่วยเขียนรำลึกและไว้อาลัยให้กับเขา”

สำหรับภรรยาสาว ชมพู-อุรุดาโควินทร์ ซึ่งเป็นนักเขียนคอยดูแลกนกพงศ์มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เจน บอกว่า ก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

“เพราะตั้งแต่ชมพูมาอยู่ด้วยกับกนกพงศ์ เพื่อนๆ ก็อุ่นใจ ไม่ต้องคอยเป็นห่วง เพราะมีคนคอยดูแลอย่างเต็มที่ และตัวกนกพงศ์เองก็ทำงานเขียนได้อย่างที่อยากทำ ก็คงดูกันอีกทีว่าเขาจะเอาอย่างไร”

ทางด้านจำลอง ฝั่งชลจิตร ในฐานะพี่ใหญ่ของวงการนักเขียนเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า รู้สึกเศร้าและใจหาย เพราะวงการวรรณกรรมไทยต้องสูญเสียนักเขียนตัวจริง ที่มีความจริงจัง ทุ่มเทชีวิตในการทำงานเขียน รวมถึงมีความพิถีพิถันในการทำงานอย่างสูง พยายามพัฒนาหามุมมอง และวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้งานออกมาอยู่ในระดับที่เยี่ยมยอด

“ตอนเขาเข้าโรงพยาบาล เพื่อนพี่ที่นครศรีฯ ก็ไม่มีใครรู้ เพราะกนกพงศ์เป็นคนที่ไม่เคยรบกวนใคร คงไม่ต้องพูดถึงรางวัลต่างๆ และการนำงานไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศของกนกพงศ์ เพราะตอนนั้นพิสูจน์ตัวมันเองอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นพี่ ก็รู้สึกว่าได้สูญเสียน้องและนักเขียนเรื่องสั้นชั้นยอดไป เท่าที่เจอกับกนกพงศ์ และพูดคุยกันบ่อยเพราะอยู่ใกล้กัน เขาเป็นคนที่เครียด ชีวิตทำงานหนัก จริงจังกับการเขียนหนังสือ ก็เคยบอกเขาแบบเล่นๆ ว่า ให้ผ่อนคลายลงไปแช่น้ำเล่นในคลองหลังบ้านบ้าง กนกพงศ์ชอบมาคุยเรื่องวรรณกรรม และถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่องเขียนเรื่องสั้นกันบ่อยมาก”

เพื่อนในกลุ่มนกสีเหลือง นักเขียนและบรรณาธิการสำนักพิมพ์บ้านหนังสือ ขจรฤทธิ์ รักษา เล่าว่า เขากำลังจะลงไปเยี่ยมกนกพงศ์ในอีก 2-3 วันข้างหน้า แต่พอทราบข่าวว่าเสียชีวิตแล้วก็ตกใจอย่างมาก เพราะไม่มีวี่แววมาก่อน

“เสียใจมาก รู้ว่ากนกพงศ์ไม่สบาย ดิเรก นนทชิต (นักเขียนกลุ่มภาคใต้เดียวกัน) ก็ชวนให้ไปเยี่ยม ก็ติดงานอยู่ และคิดว่าคงไม่เป็นอะไรมาก เพราะเวลากนกพงศ์ป่วยเขาจะไม่รบกวนเพื่อน ความจริงเขาเป็นคนที่ออกกำลังกาย มีวินัยในตัวเอง ร่างกายมีกล้ามเนื้อแข็งไปทั้งตัว แต่เป็นคนที่สูบบุหรี่เยอะมากทำให้หายใจไม่ออกเป็นบางที ก็ติดต่อกับกนกพงศ์เขียนจดหมายโต้ตอบกันทุกสัปดาห์ มีจดหมายเป็นลังๆ ที่เก็บไว้ ระยะหลังเขาทำงานหนักแรงเยอะเขียนหนังสืออย่างเดียว น่าเสียดายมากที่จากไปเร็วอย่างนี้”

เพื่อนอีกคนที่เคยอยู่ในกลุ่มนกสีเหลือง ซึ่งเป็นช่วงเวลาแสวงหาในวัยหนุ่มของอาชีพนักเขียน อย่าง ชีวี ชีวา หรือจตุพล บุญพรัด บรรณาธิการแพรวสำนักพิมพ์ เขารู้สึกช็อก นึกไม่ถึงว่าความตายจะเข้าจู่โจมกนกพงศ์อย่างกะทันหันอย่างนี้

“กนกพงศ์เพิ่งครบอายุ 40 ปีไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่เก็บตัวทำงานเขียนอย่างหนัก มีวินัยในการเขียนหนังสือ ไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น ช่วงปีใหม่เขาก็ส่งการ์ดมาให้ โดยเขียนเป็นประโยคสั้นๆ มาว่า 'เรายังมีชีวิตอยู่หรือนี่' ระยะหลังเขาจะพยายามกระตุ้นเพื่อนฝูงที่เคยรวมกลุ่มนกสีเหลือง ให้มีแรงฮึดในการทำงานเขียน”

ในช่วง 2-3 ปีหลัง ชีวีบอกว่า กนกพงศ์จะมีความเหงาในฐานะคนเขียนหนังสือ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เขาพยายามที่จะกระตุ้นให้คนหันมาสนใจอ่านและเขียนวรรณกรรมกันอีก

“กนกพงศ์มีอิทธิพลให้กับนักเขียนรุ่นน้องและคนรุ่นหลังในการใช้ชีวิตเพื่อเขียนหนังสือ และผลิตงานที่ดีๆ อออกมา เขาพยายามเป็นแกนหลักและเป็นตัวประสานงานอยู่เสมอในกิจกรรมพวกนี้ เห็นได้ชัดว่ารุ่นน้องอย่างอภิชาติ เพชรลีลา (คนเขียนนวนิยาย 'ตู้ไปรษณีย์สีแดง' ซึ่งถูกนำไปดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์วัยรุ่นที่โด่งดังเรื่อง 'เพื่อนสนิท' พอทราบข่าวการตายของกนกพงศ์ ซึ่งเขาศรัทธาในการใช้ชีวิตในการเป็นนักเขียนก็รีบบินจากเชียงใหม่มางานศพทันที”

จตุพล บอกทิ้งท้ายว่า ชีวิตนักเขียนของกนกพงศ์กำลังทำงานเริ่มต้นในช่วงที่ 2 ของชีวิต เป็นก้าวที่เข้าสู่วัยกลางคน น่าจะสร้างสรรค์งานที่ดีและยอดเยี่ยมได้อีกมาก
ความตายที่มาก่อนกาลของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ แม้จะทำให้ตัวเขาและงานเขียนเป็นอมตะ แต่โลกวรรณกรรมไทยก็เสียคนที่จะสร้างสรรค์งานในระดับแนวหน้าของวงการวรรณกรรมไทยอย่างไม่น่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้

เรื่อง - พรเทพ เฮง

...........................................................

งานเขียนของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
- รวมเรื่องสั้น 'คนใบเลี้ยงเดี่ยว'
- รวมเรื่องสั้น 'สะพานขาด'
- รวมเรื่องสั้น 'แผ่นดินอื่น' (รางวัลซีไรต์ ปี 2539)
- รวมความเรียง 'ยามเช้าของชีวิต'
- รวมเรื่องสั้น 'โลกหมุนรอบตัวเอง'
นอกจากนี้ ยังมีการนำเรื่องสั้นในเล่ม 'แผ่นดินอื่น' แยกมาพิมพ์เป็นเรื่องสั้นขนาดยาว อาทิ 'แม่มดแห่งขุนเขา' และ 'แมวแห่งบูเก๊ะกรือซอ'
งานที่มีแผนจะออกมาในปี 2549 รวมเรื่องสั้นที่เกี่ยวกับเด็ก 'นิทานประเทศ' กับรวมเรื่องสั้น 'แผ่นดินอื่น ภาค 2' รวมทั้งนิตยสารวรรณกรรมราย 4 เดือน ชื่อ 'ราหูอมจันทร์' โดยเล่มแรกตั้งชื่อปกว่า 'กีตาร์ที่หายไป'


***

จดหมายถึง กนกพงศ์
13 ก.พ.2549

พี่หนก...ที่ระลึกถึงเสมอ

พี่หนก...เมื่อถึงวันที่พี่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแบบกะทันหันอย่างนี้ ทำให้ผมต้อง

มาตั้งวงคุยกับตัวเองว่าอยากบอกอะไรกับพี่ ...

บทสรุปเป็นเอกฉันท์คือต้องการแค่บอกประโยคสั้นๆ กับพี่ว่า... “พี่เป็นแบบแผนที่

สำคัญทำให้ผมเป็นคนไม่เหมือนชาวบ้านอย่างเช่นทุกวันนี้”

มีคนไม่กี่คนคนในโลกหรอกครับที่ผมยอมลงให้ - พี่หนกเป็นหนึ่งในคนที่ผมยอมแพ้

โดยไม่มีเงื่อนไข

พระเจ้าเล่นตลกให้ผมเรียนชั้นเดียวกันกับพี่

ช่วงหนึ่งของชีวิต มันเป็นความภาคภูมิใจที่คนที่เราเคยรู้จักและใช้ชีวิตระยะสั้นๆ ได้ดิบได้ดีเป็นหนึ่งนักเขียนซีไรต์ สามารถไปประกาศกับใครต่อใครว่า “คนนี้กูก็รู้จัก”

ประสาคนหนุ่มที่พยายามยกระดับความสำคัญให้ตัวเอง เกาะกระแสความดังซีไรต์ แบบว่า..กูก็เพื่อนซีไรต์โว้ย.... บ่อยครั้งที่เคยนำเรื่องราววันที่มหาวิทยาลัยประกาศขีดเส้นแดงกาชื่อออกจากบัญชีนักศึกษา นายกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มาเล่าสู่กับเพื่อนฝูงว่า กูนี่แหละอยู่ในเหตุการณ์ กูนี่แหละที่นั่งรถเขียว (รถเมล์ประจำทางหาดใหญ่-สงขลา) ไปพร้อมกับกนกพงศ์ เพื่อไปถามอาจารย์พิเศษที่สอนภาษาไทยว่า ให้เกรดตกได้ยังไง ...(โชคดีที่ไม่เจอ)

จริงอยู่ พี่หนกไม่สนใจเรียน – ไม่เข้าเรียน แถมดันไปรู้เรื่องราวของสังคมภายนอกมากกว่าเพื่อนๆ ในรั้วอย่างมากมาย คำประกาศที่ว่า รีไทร์ตัวเองนั้น เป็นคำประกาศที่ชอบแล้ว

นักเขียนซีไรต์ ถูกรีไทร์เพราะอาจารย์วิชาภาษาไทยให้เกรดตก –สะใจดีว่ะ !

บรรยากาศมหาวิทยาลัยของเราในยุคนั้น – เงียบเหงาฉิบหาย ! มีแต่พวกใส่แว่นหนาเดินหอบตำรา แถมซ่อนมีดเอาไว้ข้างหลังพร้อมฟันเพื่อนๆ ร่วมชั้นแลกเกรด

ชมรมอาสาฯ ก็เลยกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกสวนกระแส สำหรับคนที่เพิ่งเดินเข้ารั้วมหาวิทยาลัยมันน่าตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็น การนั่งถ่างตาล้อมวงคุยกันข้ามคืน โซเซกลับไปนอนสวนทางกับเพื่อนๆ ถือหนังสือออกมาเรียน

กนกพงศ์ เป็นตัวแบบของการสวนกระแสสุดๆ กิจกรรมที่หยิบจับทำล้วนแต่ทำให้คนอย่างผมตาค้าง (และต่อมาก็เดินตามต้อยๆ โดยไม่รู้ตัว)

พี่หนกเป็นมือทำคัตเอาต์มือหนึ่ง บ่อยครั้งที่ปีนขึ้นไปเขียนบนฝาผนังคาเฟตฯ ผมทึ่งมากจนกระทั่งพี่รีไทร์ ผมพยายามจองตำแหน่งนั้นบ้าง แต่จนบัดนี้ยอมรับว่าฝีมือสู้พี่หนกไม่ได้

อะไรต่อมิอะไรของกนกพงศ์เป็นเรื่องที่น่าทึ่งไปเสียหมด ... ขณะที่คนอื่นๆ กำลังอ่านตำราสอบ กนกพงศ์นุ่งกางเกงตัวเดียวนั่งยองๆ บนเก้าอี้ ใช้สองนิ้วจิ้มพิมพ์ดีดเพื่อเขียนเรื่องสั้น สูบบุหรี่ควันโขมงจนเช้า รูมเมตคนสนิทก็บ้าพอกัน เพราะ พืช(วงสะพาน) เอาแต่เกากีตาร์ แต่งเพลง และกินเหล้า

วันดีคืนดี หนังสือหรือนิตยสารเล่มนั้นเล่มนี้ก็ลงบทกวีหรือเรื่องสั้นของกนกพงศ์ – สำหรับนักศึกษาคนหนึ่งมันช่างน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เพราะนอกจากได้เงินใช้แล้วมันยังหมายถึงดีกรีคำว่า “นักเขียน” แน่นอน-มันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลียนแบบ บทกวีที่ผมได้ตีพิมพ์ชิ้นแรก- พี่หนกบอกสั้นๆ แค่ว่า “ดีว่ะ” !

พี่หนกแต่งเพลงให้พืช และก่อตั้งวงสะพาน – 2 ปีให้หลัง ผมลองพยายามดูบ้าง แม้พืชมันจะพยายามใส่ทำนองให้ แต่ผมก็รู้ตัวว่ามันไม่ได้เรื่อง และเลิกล้มความคิดเรื่องการแต่งเพลงตั้งแต่บัดนั้น

พี่หนกคิดทำหนังสือทำมือ รวบรวมพวกเรา “นักอยากเขียน” มารวมกันโรเนียวขาย ใช้ชื่อ “ชะเวิ้ง” ทำออกมาได้ 3-5 เล่ม จำรายละเอียดไม่ได้ โดยมีอาจารย์ 'ถา (สถาพร ศรีสัจจัง-พนม นันทพฤกษ์) แวะเวียนมาให้กำลังใจ ผมก็ได้ใบบุญจากหนังสือเอามันเหล่านั้น เอามาเป็นหลักฐานประกอบการสัมภาษณ์สมัครงาน ยืนยันว่าเราเป็นพวกที่ใฝ่ใจงานขีดงานเขียนจริงๆ จนกระทั่งได้งาน

แต่ที่สุดแล้ว แม้เราจะสังกัดพรรคกระยาจกด้วยกัน แต่เราก็แตกต่างกัน พี่เป็นพวกเสื้อสกปรก ผมมันกระยาจกเสื้อขาว พี่ล่อกัญชาไม่เน้นเหล้า นอนหลังยาวเขี่ยขี้บุหรี่บนสะดือตัวเอง ของผมหลังๆ มานี้ต้องเหล้าฝรั่งเพราะมันไม่ปวดหัว

15-16 ปีมานี้ เราเจอกันนับครั้งได้ และแค่ทักทายกันสั้นๆ ก็เหมือนกับพืช ที่ใครๆ ก็ชี้หน้าบอกว่าสองคนนี้สนิทกันโดยวัดจากการร่วมวงเหล้าตอนเรียน แต่ผมก็ยืนยันว่าเราเจอกันนับครั้งได้และพอเจอหน้าก็ไม่รู้จะพูดอะไรกัน – จะติดต่อคุยกันทุกวันนอกจากเปลืองเงินค่าโทรศัพท์แล้วมันท่าจะบ้าเกินไป เพราะต่างคนต่างมีลูกเมีย

ผมมีคำพูดส่งท้ายฝากบอก ซึ่งก่อนหน้านี้พี่คงหมั่นไส้ผมมากที่กิจกรรมหลายอย่างที่ผมหยิบจับนั้นได้แรงบันดาลใจจากพี่ หรือบางอย่างก็เลียนเอาจากพี่มาโต้งๆ แต่ผมก็ทำหน้าเฉย ไม่เคยบอก ไม่เคยชม ไม่เคยสารภาพ

วันนี้ขอสารภาพแบบศิโรราบ - พี่หนก สารภาพจากใจ...ผมโคตรทึ่งพี่จริงๆ ว่ะ !

บัณรส บัวคลี่ / เชียงใหม่

***

อาลัยเพื่อน...กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

ผมถือหนังสือรวมเรื่องสั้น “โลกหมุนรอบตัวเอง” ติดตัวตลอดการเดินทาง ผมยังอ่านไม่จบ อ่านไป 3 เรื่อง

เต้ย-ทินกร หุตางกูร โทร.หาผมในบ่ายของวันหนึ่ง เต้ยเอ่ยชวนผมไปเป็นวิทยากรพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสั้นให้นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

ตุ้ย-ปริทรรศ หุตางกูร สอนศิลปะอยู่ที่นี่ เราเป็นเพื่อนกัน ผมตอบตกลง

1 กุมภาพันธ์ 2549 เราเดินทางถึงนครศรีธรรมราช เข้าพักที่บ้านพ่อ-แม่ของเต้ย ผมนึกอยากกินขนมจีน-น้ำยาป่า พอนึกเรื่องอาหารขึ้นมา ผมก็นึกถึงเพื่อนขึ้นมาทันที

หลายปีก่อนผมเดินทางมาพรหมคีรี เพื่อมาเที่ยวบ้านเพื่อน กนกพงศ์ ย้ายสถานที่ทำการเขียนหนังสือมาอยู่ที่นี่

ภูมิประเทศแบบป่าเขา ไร่สวนครื้มช่างเป็นฉากเหมาะกับการเขียนหนังสือ โดยเฉพาะฝน ฝนซึ่งตกอยู่ตลอดเวลา

กนกพงศ์ทำกับข้าวเก่งมาก 'คั่วกลิ้ง' ฝีมือของเขาเยี่ยมยอดเข้มข้นเหมือนกับการเขียนเรื่องสั้น ซึ่งกนกพงศ์เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือฉาก ไม่นับรวมถึงเรื่องราวแบบเมจิคอล เรียลิสต์ที่ซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ และเขานำมาเล่าได้อย่างประหลาดมีเสน่ห์

เมื่อมานครศรีฯ ผมนึกถึงกนกพงศ์อย่างแรกและอย่างแรง พรุ่งนี้หากมีโอกาส ผมจะไหว้วานเพื่อนให้พาไปหา...

ในช่วงว่างจากการพูดคุยกับนักศึกษา ผม, เต้ย และศักดิ์ชัย ลัคนาวิเชียร ชวนกันไปหากนกพงศ์ ผมได้ทราบว่าศักดิ์ชัยขับรถเป็น เราจะไปรถเขา แต่พอเห็นเขาถอยรถรีบๆ เร่งๆ ผมก็อดเสียวไม่ได้ และผมไม่ชอบนั่งรถกับคนที่ไม่เคยนั่งเสียด้วย

ธัช ธาดา เพื่อนอีกคนเลยอาสาขับรถพาไป ธัชได้รื้อฟื้นความหลัง และเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ถนนสายใหม่ บ้านเรือนที่เปลี่ยนไปสองฟากถนน

พวกเราต่างแก่ขึ้นตามลำพัง เย็นขึ้น พยายามเข้าอกเข้าใจในชีวิตให้มากขึ้น วัยหนุ่มได้เดินทางล่วงหน้าไปมากแล้ว

ด้วยการบอกเล่าของธัชกับศักดิ์ชัยก่อนที่ออกเดินทาง ผมทราบว่ากนกพงศ์ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่

เราต่างกลัวติดไข้หวัดใหญ่ จึงปรึกษากันว่า ให้กนกพงศ์นั่งบนเก้าอี้ ให้นั่งห่างหลายเมตรและตะโกนคุยกันเอา

รถยนต์จอดที่บ้านกนกพงศ์ เพื่อนคู่ชีวิต-ชมพูออกมาต้อนรับ ผมอดคุยเล่นอำเพื่อนไม่ได้ ตะโกนว่า “คิดถึงมากว่ะ แต่กลัวติดหวัด ขออยู่ห่างๆ นะ”

ผมยื่นหนังสือ “โลกหมุนรอบตัวเอง” ให้เพื่อนเซ็น ผมไม่อยากเปิดดูว่าเพื่อนเซ็นให้อย่างไร ตั้งใจเอาไว้ว่าไว้ถึงกรุงเทพฯ ค่อยเปิดดู

“เอ้า! ฤาษีนั่งดีๆ นะ เดี๋ยวก็ให้หวย หนึ่งศูนย์หนึ่งหรอก” ผมแซวเพื่อน เห็นเพื่อนยิ้มเล็กน้อย ผมมองเห็นดวงตาคู่นั้น ช่างอ่อนล้าโรยแรง

ผมขออนุญาตเพื่อนถ่ายภาพ ทั้งบริเวณบ้าน และขณะเพื่อนนั่งเขียนลายเซ็น

เราต้องกลับมาที่ราชภัฏฯ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงแนะนำเรื่องสั้นให้นักศึกษาฟังอีก จึงขอตัวกลับ

ผมเดินไปจับมือกับกนกพงศ์ และเอ่ยว่าให้หายเร็วๆ แล้วเราก็จากลา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการจากลาครั้งสุดท้าย

หลายปีก่อนที่เราไม่ได้เจอกัน แต่พอเจอกัน เราก็จากลากันไปแล้ว ชีวิตเป็นเรื่องเศร้า ทั้งผู้จากไปและผู้ยังอยู่

เมื่อคืน...ผมนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ได้ยินเสียงฝนตกอยู่นอกหน้าต่าง

ผมตื่นตอนเที่ยง เปิดมือถือแป๊บเดียวก็มีสายเข้า เพื่อนคนหนึ่งโทร.มา ให้โทร.หาเพื่อนอีกคน ตามสายบอกว่า กนกพงศ์เสียชีวิตแล้ว

ผมโทร.หาน้องคนหนึ่ง เขาบอกว่า กนกพงศ์เสียชีวิตตอนเช้าที่โรงพยาบาล

ร่องรอยของฝนอยู่บนพื้นดิน อากาศรายรอบเย็น ท้องฟ้ายังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝนคล้ายฝนจะตก ภายในผมหม่นๆ วังเวง

ผมหยิบหนังสือที่เพื่อนเซ็นให้เปิดดู แด่...รัก...กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ สั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ผมตั้งใจว่าจะอ่านเรื่องสั้นให้จบในเร็ววัน

ไปสู่สุคติ ไปตามใจปรารถนาที่ที่เพื่อนชอบ...นะเพื่อน

เสี้ยวจันทร์ แรมไพร

 





กำลังโหลดความคิดเห็น