แฟชั่นต่อผมกลายเป็นเทรนด์ฮิตที่มาแรงอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มวัยรุ่นและสาวทำงาน โดยเฉพาะการต่อผมสไตล์ญี่ปุ่น ชนิดที่เรียกว่าฮิตกันข้ามปีทีเดียว แม้ค่าบริการจะอยู่ที่หลักพันถึงหลักหมื่น แต่เพื่อความงามแล้วสาวๆสู้ตาย ส่วนผมที่นำมาใช้นั้นก็มีทั้งผมที่ทำจากใยสังเคราะห์และเส้นผมของคนจริงๆที่ซื้อจากชาวจีน เวียดนาม และยุโรป ซึ่งมีทั้งแบบชั่งขายเป็นกิโลฯ และแบบสำเร็จรูปที่ขายเป็นแพก
* ทรงสไลซ์สไตล์ญี่ปุ่น
แฟชั่นต่อผมเกิดขึ้นในแถบแอฟริกันเมื่อปี 1960 จากนั้นได้แพร่หลายไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และประเทศต่างๆในหลายทวีปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นเจ้าตำรับในการต่อผมของเอเชียทีเดียว สำหรับประเทศไทยนั้นแฟชั่นต่อผมเริ่มเข้ามาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว และกลายเป็นเทรนด์ฮิตของวัยรุ่นตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาและแรงต่อเนื่องมาถึงปีนี้ กลุ่มที่ฮิตต่อผมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นนิสิตนักศึกษา ทั้งสาวสวยและหนุ่มเซอร์ ตามด้วยสาวทำงานที่สนุกสนานกับการแต่งตัว และต้องการความแปลกใหม่ในชีวิต
ช่วงกลางปีที่แล้วถือเป็นช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดของแฟชั่นต่อผม มีร้านต่อผมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด บรรดาร้านทำผมย่านวัยรุ่นไม่ว่าจะเป็นในศูนย์การค้า แหล่งชอปปิ้ง หรือแถวหน้ามหาวิทยาลัยต่างก็หันมาให้บริการต่อผมเพื่อเอาใจลูกค้าวัยทีนเอจ ขณะที่สาวทำงานก็มองว่าการต่อผมถือเป็นการสร้างสีสันใหม่ในการแต่งตัว เพราะเธอสามารถแปลงโฉมจากสาวผมสั้นเป็นสาวผมยาวสลวยในชั่วพริบตา รวมทั้งยังปรับแต่งทรงผมให้เป็นแบบต่างๆได้ตามต้องการ
สำหรับทรงผมที่ได้รับความนิยมในการต่อผมนั้นมี 3-4 ทรงหลักๆ คือ ต่อผมแบบซอยสไลซ์สไตล์ญี่ปุ่น ต่อไฮไลต์หรือต่อผมสี ต่อผมตรง และต่อผมเดทร็อก นอกจากนั้นยังมีแบบต่อผมตรงแล้วดัดเป็นลอน และต่อเปียอีกด้วย
" ลูกค้าที่มาต่อผมส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง มีตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ทรงที่วัยรุ่นนิยมตอนนี้จะเป็นการซอยสไลซ์แบบญี่ปุ่น เพราะ 2-3 ปีมานี้แฟชั่นญี่ปุ่นมาแรง คล้ายการซอยสไลซ์คือต่อข้างบนสั้นๆ ต่อด้านหลังให้ยาว หรือบางทีลูกค้าไปทำสีผม ทำไฮไลต์ แล้วมีปัญหาผมเสียมากๆก็เลยตัดสั้น แล้วอยากต่อให้ยาวเราต่อแบบตรงให้ " มาลิณี แสงสุวรรณ ช่างทำผมประจำร้าน HAIR AUTO สยามสแควร์ ซอย 5 บอกถึงแฟชั่นการต่อผมที่ได้รับความนิยมในตอนนี้
ด้าน วันนา มีเจริญ เจ้าของร้านนา ซาลอน ย่านถนนข้าวสาร บอกว่า" ทรงที่มาแรงสำหรับวัยรุ่นตอนนี้นอกจากต่อผมตรงและทรงสไลซ์แบบญี่ปุ่นแล้ว ต่อไฮไลต์สีก็ได้รับความนิยมเหมือนกัน ก็มีทั้งผมจริงย้อมสี และผมที่ทำจากใยสังเคราะห์ แต่พวกเด็กหนุ่มๆจะนิยมต่อทรงเดทร็อก พวกนี้จะเป็นเส้นใยสังเคราะห์เพราะไม่เน้นความนุ่มความเงาเหมือนต่อผมตรง คิดว่าที่วัยรุ่นชอบต่อผมคงเพราะมันสามารถเปลี่ยนทรงได้ทันใจ ต่อไปแล้ว 2-3 สัปดาห์เกิดเบื่อขึ้นมาก็แกะออกได้ โดยทั่วไปถ้าผมต่อตรงหรือทรงสไลซ์ก็อยู่ได้ถึง 2 เดือนนะ"
* ขั้นตอนการต่อผม
สำหรับขั้นตอนในการต่อผมนั้นหากเป็นการต่อผมตรง ต่อสไตล์ญี่ปุ่น หรือต่อผมตรงแล้วดัดเป็นลอน วิธีต่อจะใช้ซิลิโคนหรือกาวต่อผมอย่างเดียว ไม่ต้องมีการถักผมเหมือนกับการต่อผมเพื่อทำทรงเดทร็อกหรือต่อผมเปีย
โดยหลังสระทำความสะอาดผมให้ลูกค้าแล้ว ช่างจะแบ่งผมออกเป็นช่อเล็ก แล้วทำการต่อผมด้วยกาวซิลิโคน วิธีการคือยิงกาวตรงรอยต่อโดยใช้เครื่องมือยิงกาวโดยเฉพาะ จากนั้นใช้น้ำลูบให้กาวแข็งตัว แล้วใช้เครื่องมือรีดอีกครั้งเพื่อให้รอยต่อติดทนนาน และรีดให้ผมเป็นเส้นตรงเข้ารูปทรง การต่อจะไล่จากท้ายทอยขึ้นไปจนถึงกลางกระหม่อม ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของลูกค้าว่าต้องการจะต่อผมทรงไหน มากน้อยเพียงใด การต่อผมนั้นช่างจะเลือกสีเส้นผมให้ตรงกับสีผมของลูกค้า หรือหลังจากต่อผมเสร็จแล้วหากลูกค้าต้องการทำสีก็สามารถเลือกสีได้ตามใจ หรือหากต้องการต่อผมแบบดัดเป็นลอนช่างก็จะต่อผมให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วจึงดัดตามแบบที่ลูกค้าต้องการ
ส่วนการต่อผมแบบอื่นๆขั้นตอนต่างๆก็จะคล้ายกัน โดยการต่อไฮไลต์จะใช้วิธีต่อแทรกผมสีต่างๆเข้าไปในระหว่างการต่อผม , การเดทร็อกเป็นการนำเส้นผมที่ใช้ต่อมาถักต่อไปพร้อมๆกับการถักผมจริง ส่วนการต่อผมเปียนั้นช่างจะนำเปียผมที่จะใช้ต่อมาถักเข้ากับผมจริง
สำหรับระยะเวลาในการต่อผมขึ้นอยู่กับประเภททรงผมที่ลูกค้าเลือก ถ้าเป็นการต่อผมตรงต่อสไตล์ญี่ปุ่น หรือต่อผมสีจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 3 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นทรงเดทล็อกหรือต่อผมเปียต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมงขึ้นไป
* ผมจริงซื้อจากจีน-เวียดนาม
ประเภทผมที่นำมาใช้ในการต่อผมนั้นมีอยู่ 3 ชนิดคือ 1) ผมคนจริงๆ 2) เส้นผมที่ทำจากใยสังเคราะห์ และ 3) เส้นผมจริงผสมกับใยสังเคราะห์ ซึ่งเส้นผมจริงที่ใช้ในร้านต่อผมของไทยนั้นส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากจีนและเวียดนาม แต่ก็มีร้านตัดผมระดับไฮคลาสบางร้านที่นำเข้าผมจากญี่ปุ่นหรือยุโรป โดยเฉพาะประเทศรัสเซีย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นเส้นผมที่มีคุณภาพดีที่สุด
ซึ่งผมจริงที่นำเข้าจากจีนและเวียดนามจะมี 2 แบบ คือ แบบที่ชั่งขายเป็นกิโลฯ ซึ่งแบบนี้จะเป็นผมที่ไม่ผ่านการทำความสะอาด ไม่มีการทำสีผม และแบบที่ขายเป็นแพก ซึ่งบริษัทที่นำเข้ามาจะนำผมมาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก่อน จากนั้นจึงปรับแต่งเส้นผมให้เข้ารูป เช่น ยืดหรือรีดเส้นผมให้ตรง รวมทั้งอาจมีการทำสีผมเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ส่วนผมจริงที่นำเข้าจากญี่ปุ่นและยุโรปจะมีเฉพาะแบบแพกเท่านั้น ขณะที่เส้นผมที่ทำจากใยสังเคราะห์และเส้นผมจริงผสมใยสังเคราะห์จะเป็นผมสำเร็จรูปซึ่งผ่านการทำสีมาแล้ว และแพกขายเป็นห่อ
วันนา เจ้าของร้านนา ซาลอน อธิบายว่า " ผมจริงจากจีนและเวียดนามนั้นมีหลายราคา ตั้งแต่กิโลฯละ 4,000-9,000 บาท ขึ้นกับความยาวและความสวยของผม คุณภาพผมเราดูที่ความนุ่มนวล เงางาม ถ้าลักษณะผมดูหยาบกระด้างราคาก็จะถูก"
ขณะที่ มาลิณี ช่างทำผมประจำร้าน HAIR AUTO พูดถึงที่มาของเส้นผมที่นำมาใช้ในการต่อผมว่า
" ผมที่ชั่งกิโลฯขายนี่ ตัดออกมาจากหัวคนปุ๊บก็มาอย่างนั้นเลย มัดเป็นกระจุกมา กลิ่นเกลิ่นอะไรยังอยู่ มีคนไทยหิ้วเข้ามาขาย เราก็จะเอามาสระทำความสะอาดเอง แช่น้ำยาฆ่าเชื้อ ผึ่งไว้สักพักแล้วเป่าให้แห้งอีกที แล้วก็ต้องคัดผมด้วย ถ้าเส้นไหนสั้นๆเราก็ทิ้งไป คือเวลาซื้อเราบอกเขาได้ว่าต้องการผมสั้นผมยาวแค่ไหน 7 นิ้ว 12 นิ้ว เขาก็เลือกให้ แต่มันไม่เท่ากันหมดหรอก เราก็ต้องมาคัดอีกที ส่วนสีผมก็เป็นสีธรรมชาติมา คนจีนกับเวียดนามไม่ค่อยนิยมทำสีผม ส่วนมากก็ผมดำเหมือนคนไทย แต่ถ้าเราสั่งเป็นแพ็กจากบริษัทเขาจะทำแบบสำเร็จรูปเอามาใช้ได้เลย ทำสีและยืดตรงมาให้เรียบร้อย
จริงๆแล้วไม่ว่าเป็นผมสั้นหรือผมยาวเขาคิดราคาเท่ากันหมด ผมจากจีน เวียดนาม ถ้าขายเป็นกิโลฯ เข้ามาก็ตกกิโลละ 7-8 พันบาท กิโลฯหนึ่งทำได้ประมาณ 2-3 หัว แต่ถ้าซื้อแบบเป็นแพกสำเร็จรูปก็ตกแพ็กละ 400 กว่าบาท แพกหนึ่งมีประมาณ 10 ช่อ ต่อผมหัวหนึ่งต้องใช้ประมาณ 6-7 แพ็ก ต้นทุนสูงกว่าแต่ก็สะดวกกว่าเยอะ"
* ผมคนรัสเซียคุณภาพดีที่สุด
ศุภกิจ เมฆอำนวยชัย หรือที่คนในวงการรู้จักกันในนาม 'ป็อก เชลซี' แฮร์ดีไซเนอร์ชื่อดัง เจ้าของร้านเชลซี ระบุว่า
" เส้นผมที่นำมาใช้ในการต่อผมจะมี 4 เกรด คือ 1 ) ฮิวแมน แฮร์ หรือผมที่มาจากคนจริงๆ ซึ่งก็จะแยกออกเป็น ยุโรเปียนสไตล์ คือผมของชาวยุโรป กับเอเชี่ยนสไตล์หรือผมของชาวเอเชีย โดยผมของชาวยุโรปจะมีคุณภาพดีกว่า 2) เทอร์โมไฟเบอร์ เส้นใยสังเคราะห์ซึ่งสามารถทนความร้อนได้ สามารถใช้ความร้อนในการรีดผมได้ 3)โมโนไฟเบอร์ ซึ่งทนความร้อนได้ แต่ต้องเป็นความร้อนในระดับต่ำ และ 4) ไฟเบอร์ คือเส้นผมจากใยสังเคราะห์ที่โดนความร้อนไม่ได้เลย "
'ป็อก เชลซี' กล่าวด้วยว่า หากเป็นการต่อผมในยุโรปนั้นปัจจุบันจะไม่มีการใช้ใยสังเคราะห์เข้ามาเป็นส่วนผสมเลย เนื่องจากร้านต่อผมจะคำนึงถึงคุณภาพเป็นหลัก เพราะไม่เช่นนั้นหากลูกค้าต่อผมไปแล้วเกิดปัญหาทางร้านอาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ ดังนั้นร้านต่อผมในยุโรปจึงใช้เส้นผมจริงทั้งหมด ซึ่งผมที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือผมของคนรัสเซีย เพราะเป็นผมที่มีคุณภาพดีที่สุด
"ในร้านเชลซีของพี่นี่จะใช้ผมที่คุณภาพดี เป็นรัสเซี่ยนแฮร์ทั้งหมด ราคานำเข้าค่อนข้างสูงประมาณ แพ็กละ 8,000 บาท คือเป็นผมของคนรัสเซียซึ่งเขาตัดผมขายเป็นอาชีพ เขาจะมีนายหน้าไปซื้อผมจากเด็กหรือผู้หญิงที่เลี้ยงผมไว้ขาย ซึ่งพ่อค้าพวกนี้เขาได้ค่านายหน้าสูงมาก บริษัทที่รับซื้อก็จะเอามาทำความสะอาด ทำสีผม และจัดทรง ซึ่งเขาจะมีสีให้เลือกทุกเฉดสี มีเป็นร้อยสีเลย แล้วก็มีความยาวให้เลือกหลายขนาด ยิ่งยาวยิ่งแพง มีความยาวสูงสุดถึง 40 นิ้ว การซื้อขายผมในยุโรปจะเป็นผมของคนที่ยังมีชีวิตทั้งหมด เขาห้ามซื้อผมของคนที่ตายไปแล้วนะเพราะถือว่าผิดกฎหมาย"
* ค่าต่อผมอยู่ที่หลักพันถึงหลักหมื่น
สำหรับค่าต่อผมจะถูกหรือแพงนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของผมที่นำมาใช้ และทรงผมที่ลูกค้าเลือกเป็นหลัก โดยผมจริงจะมีราคาสูงที่สุด อยู่ที่ 2,000 - 80,000 บาท ขึ้นกับว่าผมนั้นมาจากประเทศใด หากเป็นผมที่มาจากจีนหรือเวียดนาม ค่าต่อผมสั้นราคาจะอยู่ที่หัวละ 7,000 บาท ส่วนต่อยาวอยู่ที่ 12,000 บาท แต่หากผมจริงที่มาจากยุโรปค่าต่อผมจะสูงถึง 70,000-80,000 บาท
สำหรับสนนราคาในการต่อผมทรงเดทร็อกนั้นจะค่อนข้างถูกถ้าเทียบกับการต่อผมแบบอื่น โดยคิดเป็นเส้น เส้นละ 50 บาท เดทร็อก ถ้าถักทั้งหัวก็อยู่ที่ 1,000 กว่า-3,000 กว่าบาท ทั้งนี้เพราะเส้นผมที่นำมาใช้เป็นผมที่ทำจากใยสังเคราะห์ ไม่ใช่ผมจริง แต่ถ้าใช้ผมจริงราคาจะขึ้นไปถึง หัวละ 4,000-7,000 บาท ขึ้นกับความยาวของผม , ต่อเปีย สนนราคาอยู่ที่ 1,200-3,000 บาทต่อหัว ขึ้นกับขนาดของเปีย และจำนวนเปียที่ต่อ
วันนา แห่งร้านนา ซาลอน บอกว่า"ต่อผมตรงแบบใช้ผมแท้ ราคาจะอยู่ที่ 2,000-3,500 บาท แต่เส้นผมที่ทำจากใยสังเคราะห์ราคาจะถูกมาก แค่ 1,200-1,800 บาท หรือถ้าลูกค้าต้องการแบบผมจริงผสมใยสังเคราะห์เราก็ทำให้ได้ แต่ใยสังเคราะห์มันไม่สวยนะดูฟูๆ หยาบๆ ดูยังไงก็ไม่เหมือนผมจริง แต่ต้นทุนมันมาต่ำ กำละ 200 กว่าบาท กำหนึ่งต่อได้ 1- 2 หัว แต่ถ้าเดทร็อกจะใช้ 2 กำ สำหรับลูกค้าที่ต่อผมแล้วต้องการจะทำสีด้วยนี่เราก็จะบวกค่าทำสีเพิ่ม ตรงนี้ก็ขึ้นกับชนิดของน้ำยาว่าจะเลือกอย่างถูกหรือแพง"
ร้านตัดผมโดยทั่วไปจะคิดค่าต่อผมสั้นในอัตราที่ถูกกว่าการต่อผมยาว ทั้งที่จริงๆแล้วต้นทุนในส่วนของเส้นผมที่นำมาต่อนั้นไม่ว่าจะเป็นผมสั้นหรือผมยาวก็เท่ากัน หรือต่างกันเพียงเล็กน้อย อีกทั้งการต่อผมสั้นกลับยุ่งยากและเสียเวลามากกว่าผมยาว ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะโดยธรรมชาติแล้วลูกค้าจะรู้สึกว่าการต่อผมสั้นน่าจะถูกกว่าการต่อผมยาว ดังนั้นถ้าทางร้านคิดราคาเท่ากันลูกค้าจะรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ ทางร้านจึงตัดปัญหาด้วยการกำหนดราคาให้แตกต่างกัน
อย่างไรก็ดี ไม่มีการยืนยันว่าแท้จริงแล้วการกำหนดราคาที่แตกต่างนี้ ทางร้านใช้วิธีลดกำไรในส่วนของการต่อผมยาว หรือเพิ่มกำไรในส่วนของการต่อผมยาว
" ยิ่งลูกค้าซอยผมสั้นมาการต่อผมก็จะยากขึ้นไปอีก เนื่องจากหากรอยต่อของผมใกล้กับหนังศีรษะจะไปดึงรั้งทำให้รู้สึกเจ็บ ช่างต่อผมจึงต้องระมัดระวังในจุดนี้ จริงๆแล้วไม่ว่าผมยาวหรือผมสั้นต้นทุนมาเท่ากันนะ " ช่างทำผมจากร้าน HAIR AUTO ชี้แจง
* การดูแลรักษา
การดูแลรักษาหลังจากการต่อผมก็ไม่ยุ่งยากอะไร โดยถ้าเป็นการต่อผมด้วยเส้นผมจริง หลังจากสระทำความสะอาดแล้วให้เป่าตรงโคนผมให้แห้ง และไดร์จัดรูปทรง แต่ถ้าเป็นเส้นผมที่ทำจากใยสังเคราะห์หรือเส้นผมจริงผสมใยสังเคราะห์ จะดูแลยากกว่า คือสามารถสระทำความสะอาดได้ ข้อสำคัญห้ามเป่าไดร์เด็ดขาดเพราะหากใยสังเคราะห์โดนความร้อนจะหยิกงอ ดูกระด้างเหมือนผมเสีย และเห็นได้ชัดว่าเป็นผมต่อ ไม่ใช่ผมจริง
ที่สำคัญคุณสาวๆต้องจำไว้ว่าหากร้านต่อผมใช้ซิลิโคน(กาวที่ใช้ในการต่อผม)คุณภาพต่ำ ก็จะทำให้เส้นผมมีปัญหา เพราะเมื่อกาวแห้งจะแข็งมากทำให้รอยต่อดึงรั้งเส้นผมจนเจ็บ อีกทั้งหลังจากต่อผมแล้วไม่สามารถหวีได้ เพราะจะทำให้รอยต่อหลุดขาดได้ง่าย
"ที่ร้านเราต่อผมด้วยผมจริงทั้งหมด เพราะผมที่ทำจากใยสังเคราะห์จะมีปัญหาเยอะ เจอความร้อนไม่ได้เลย ผมที่ต่อไว้จะหยิก ดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งผมจริงกับใยสังเคราะห์นี่ดูรู้เลย แตกต่างกันชัดเจน ใยสงเคราะห์จะดูแข็งและหยาบ ส่วนผมจริงจะนิ่ม ลื่นมือ คือไม่อยากให้ลูกค้ามาบ่นว่าต่อผมไปแล้วดูแลยาก ซิลิโคนก็ต้องเลือกใช้อย่างดี เพราะถ้าใช้ซิลิโคนไม่ดีผมที่ต่อมาจะมีปัญหามาก เคยมีลูกค้าไปทำมาแล้วเจ็บหัว นอนไม่ได้เลย ก็มาให้ทางร้านแก้ให้ คือถ้าใช้ซิลิโคนราคาถูกตรงรอยต่อของผมจะแข็งมาก เวลานอนจะเจ็บ แต่ถ้าใช้ซิลิโคนอย่างดีรอยต่อจะทนและนุ่มเป็นธรรมชาติ สามารถสระและเป่าไดร์ได้เหมือนผมตามธรรมชาติ" ช่างทำผมประจำร้าน HAIR AUTO ย่านสยามสแควร์ กล่าว
ด้าน 'ป็อก เชลซี' ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า "ผมจากใยสงเคราะห์สวยแค่ความเงา แต่เป่าไดร์ หรือดัดไม่ได้ และใช้ได้ชั่วคราว ไม่เกิน 6 เดือน เหมาะกับการต่อผมแบบชั่วครั้งชั่วคราว เช่น เพื่องานโฆษณาหรือเล่นละครที่ต้องการโชว์ความสวยของผม ส่วนผมที่ผสมระหว่างเส้นใยสังเคราะห์กับเส้นผมจริงนั้นต่อแล้วสามารถเป่าไดร์ได้แต่ต้องใช้ความร้อนที่ค่อนข้างต่ำ ไม่เกิน 280 องศาฟาเรนไฮต์ นอกจากนั้นคนที่ต่อผมที่ทำจากใยสังเคราะห์จะมีผลเสียต่อสุขภาพ โดยในต่างประเทศนั้นมีรายงานระบุชัดเจนว่าใยสังเคราะห์ที่นำมาใช้ในการต่อผมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง"
* เชื่อเทรนด์ต่อผมเป็นกระแสช่วงสั้น
อย่างไรก็ดี แฮร์ดีไซเนอร์ที่คร่ำหวอดในวงการมานานอย่าง 'ป็อก เชลซี' แสดงความเห็นว่า แฟชั่นการต่อผมในบ้านเราเป็นเพียงกระแสที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากการต่อผมส่วนใหญ่ในเมืองไทย ยังไม่มีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะในเรื่องคุณภาพของเส้นผมที่นำมาใช้ ซึ่งหากจะใช้เส้นผมที่มีคุณภาพสูง ค่าใช้จ่ายในการต่อผมแต่ละครั้งก็จะสูงตามไปด้วย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ไม่มีกำลังพอที่จะมาใช้บริการ
" จะเห็นได้ว่าร้านทำผมที่มีบริการต่อผมในบ้านเรา ที่ต่อกันเป็นแฟชั่นนั้นพยายามก็อบปี้สไตล์เจแปนนิส แต่ที่ญี่ปุ่นเขาใช้เส้นผมที่มีคุณภาพดี ซึ่งเป็นจุดที่ร้านส่วนใหญ่ในบ้านเรายังไม่มี ดังนั้นการจะทำให้แฟชั่นต่อผมอยู่ได้นานๆเหมือนญี่ปุ่น ซึ่งเขามีมาตั้งแต่ปี 1970 แล้ว คงเป็นไปได้ยาก"
ขณะที่ มาลิณี ช่างทำผมประจำร้าน HAIR AUTO บอกว่า
" แฟชั่นต่อผมนี่ฮิตมาเกือบ 2 ปีแล้ว ช่วงที่เทรนด์ของญี่ปุ่นเข้ามา ช่วงนี้คิดว่าเริ่มแผ่วแล้ว ตอนนี้ผมดัดสไตล์ญี่ปุ่นเข้ามาแล้ว คือระยะหลังมานี่แฟชั่นของวัยรุ่นไทยจะอิงกระแสญี่ปุ่น กระแสญี่ปุ่นไปทางไหนเราก็ไปทางนั้น"
//////////////////
เรื่อง – จินดาวรรณ สิ่งคงสิน