xs
xsm
sm
md
lg

ตามศิลปินเยือนถิ่นสาละวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอกชัย ลวดสูงเนินและ พรชัย ใจมา กำลังเก็บบรรยากาศยามเช้าที่บ้านสบเมย
ธรรมชาติคือครูที่ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ศิลปิน

ปลายเดือนมกราคมเราตอบรับคำเชิญไปร่วมทริปล่องเรือในแม่น้ำสาละวิน 4 วัน 3 คืน ตามโครงการศิลปินสัญจรครั้งที่ 2 สู่ “สาละวิน : อลังการศิลป์แห่งสายน้ำ วิถีป่า วิถีคนกล้า ปกากญอ” ของสมาคมสร้างสรรค์ชีวิตและสิ่งแวดล้อม (ACED) บนเรือที่บรรทุกผู้โดยสารกว่า 30 ชีวิตนั้น เต็มไปด้วยสัมภาระเพียบแปล้ซึ่งแตกต่างจากเรือลำอื่นๆ ที่วิ่งขึ้นล่องในแม่น้ำสาละวินตรงที่ไม่ได้บรรทุกเพียงข้าวสารอาหารแห้ง ของกินเครื่องใช้สารพัดเท่านั้น แต่ยังมีเฟรมสำหรับวาดภาพอีกนับร้อยที่ว่างเปล่าในขาไป แต่ทว่าขากลับนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งวิถีลุ่มน้ำสาละวิน ถูกบรรจุเพื่อรอคอยการบอกเล่าผ่านภาพวาดเหล่านี้สู่สายตาคนนอก

-1-

ตะวันคล้อยต่ำใกล้จะลับทิวเขาฝั่งตรงข้ามแม่น้ำที่อยู่ในเขตประเทศพม่า จุดหมายแรกในการเดินทางคือบ้านสบเมย ที่ตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำเมยไหลมาบรรจบกับแม่น้ำสาละวิน หลังจากกางเต็นท์บนลานโล่งที่มองเห็นวิวแม่น้ำแล้ว ศิลปินบางคนก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง แต่คว้าเฟรมมาลงมือเขียนภาพสดๆ กันเดี๋ยวนั้น ก่อนที่แสงสุดท้ายของวันจะหมดไป แต่ส่วนใหญ่ยังคงดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เห็นตรงหน้าไปเรื่อยๆ รอที่จะลงมือถ่ายทอดลงบนผืนผ้าใบในวันรุ่งขึ้น

ศิลปินที่ร่วมสัญจรแม่น้ำสาละวินในคราวนี้ ล้วนแต่เป็นศิลปินมีชื่อเสียงระดับมือรางวัลหลายคน ได้แก่ กลุ่มศิลปินภาคเหนือจากเชียงรายอย่าง อภิรักษ์ ปันมูลศิลป์, เสงี่ยม ยารังษี, ทรงเดช ทิพย์ทอง, สมพงษ์ สารทรัพย์, นิตยา ตามวงค์, พานทอง แสนจันทร์ และปรีชา ราชวงศ์ ศิลปินจากเชียงใหม่ เช่น ธีรยุทธ สืบทิม และพรชัย ใจมา รวมทั้งศิลปินที่เดินทางจากกรุงเทพฯ มาร่วมด้วยอย่างเอกชัย ลวดสูงเนิน, ดุษฎี รักษ์มณี (นายดี ช่างหม้อ) และไกรสร ประเสริฐ

รุ่งเช้า หลังจากศิลปินเก็บภาพบรรยากาศจนพอใจแล้ว เราก็เก็บข้าวของลงเรือมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปคือ บ้านท่าตาฝั่งซึ่งเป็นหมู่บ้านริมน้ำสาละวินที่มีความสวยงามมาก ตอนกลางคืนมีการฉายวีดีทัศน์วิถีแห่งลุ่มน้ำสาละวินของชาวปกากญอให้ชม นอกจากนี้ยังมีตัวแทนชาวบ้านมาบอกเล่าถึงความเป็นมาของหมู่บ้านท่าตาฝั่งให้ศิลปินรับฟังปัญหา เข้าใจถึงความเป็นมาของแม่น้ำสาละวินและชีวิตของผู้คนสองฟากฝั่ง เพื่อให้ศิลปินนำไปสร้างเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะ

วันรุ่งขึ้น ศิลปินหลายคนเลือกที่จะเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเดินเข้าไปเที่ยวชมหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไป บ้างหอบเฟรมผ้าใบลงไปเก็บบรรยากาศริมฝั่งน้ำ ที่มีสายหมอกลอยเป็นเส้นสายบางเบาอยู่เหนือแม่น้ำและยอดเขา อภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ ถ่ายทอดความประทับใจของทิวทัศน์ด้วยสีน้ำมันที่เขาถนัด ใกล้ๆ กันพรชัย ใจมา กำลังขะมักเขม้นกับผลงานชิ้นที่สามเป็นรูปเรือ ปัจจัยที่ 5 ของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่สาละวิน อีกฟากหนึ่งปรีชา ราชวงศ์ กับนิตยา ตามวงศ์ ยึดโขดหินใหญ่แทนขาหยั่งวาดภาพ ห่างไกลออกมาในดงไม้ใกล้ตลิ่ง สมพงษ์ สารทรัพย์ ปลีกตัวมานั่งสเก็ตช์ภาพอยู่เงียบๆ ตามลำพัง

บรรยากาศอวลด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติและศิลปะที่ผสานกันอย่างลงตัว มีชาวบ้านทั้งเด็กและผู้เฒ่ามาเมียงมองศิลปินทำงานอยู่ห่างๆ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันระหว่างคน (เมือง) กับคน (ไร้สัญชาติ) ที่ต่างรู้สึกผูกพันและหวงแหนลำน้ำสายนี้ไม่ต่างกัน

-2-

วันที่สามของการเดินทาง หลังรับประทานอาหารเช้า เราออกเดินทางไปยังเว่ยจีใกล้เขตพรมแดนประเทศพม่า ซึ่งเป็นบริเวณโขดหินและภูเขาสูงชันสลับซับซ้อนสวยงามมาก แต่ทว่าในอนาคตหากโครงการเขื่อนสาละวินถูกสร้างขึ้น ความงามเหล่านี้ก็จะจมหายอยู่ใต้สันเขื่อนอย่างน่าเสียดาย ศิลปินหลายคนทั้ง อภิรักษ์, เอกชัย และเสงี่ยม จึงกางขาหยั่งเก็บภาพความงามนี้ไว้ ท่ามกลางแสงแดดสาละวินยามบ่ายที่แผดจ้า ก่อนที่เอกชัยจะลงแหวกว่ายในแม่น้ำเพื่อคลายร้อนในตอนเย็น แม้แต่คนที่คลุกคลีในแวดวงศิลปะมานานอย่าง ทองคร้าม ทองขาว ก็ยังอดเก็บกรวดทรายกลับไปสร้างงานศิลปะแนวคอนเซ็ปต์ชวลที่บ้านไม่ได้

ตกเย็น คณะของเราล่องกลับมาตามสายน้ำเพื่อค้างคืนที่หมู่บ้านแม่ดึ๊ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นจุดหมายหลักในการเดินทางคราวนี้ เทวินทร์ อัครศิลากุล ผอ.สมาคมสร้างสรรค์ชีวิตและสิ่งแวดล้อม หรือ “พ่อตั้ม” ของเด็กๆ ในโรงเรียนม่อนแสงดาว กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกหมู่บ้านนี้ให้เป็นพื้นที่เป้าหมายในโครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อระดมทุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้และด้อยโอกาสว่า เป็นเพราะบ้านแม่ดึ๊เป็นที่ที่พบเด็กมีปัญหามากที่สุดแห่งหนึ่ง และประกอบกับแม่น้ำสาละวินมีธรรมชาติที่สวยงาม ศิลปินน่าจะสร้างแรงบันดาลใจได้

“วัตถุประสงค์หลักก็คือว่า เราต้องการระดมทุนจากการให้ศิลปินมาสร้างแรงบันดาลใจในการสัมผัสธรรมชาติแม่น้ำสาละวินเพื่อนำไปสร้างสรรค์งานศิลปะจิตรกรรมตามที่ตัวเองถนัด เพื่อที่จะนำภาพต่างๆ ไปจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่และจำหน่ายในเดือนตุลาคมที่กรุงเทพฯ เพื่อเอาทุนที่ได้มาไปช่วยเหลือทุนการศึกษาให้แก่เด็กยากจนและด้อยโอกาสในเขตภาคเหนือตอนบน ซึ่งเรามีโรงเรียนเด็กม่อนแสงดาวที่รวบรวมเด็กยากจนทั่วภาคเหนือ ในปัจจุบันเรามีเป้าหมายว่าจะช่วยเหลือเด็กประมาณ 200 คน ในเขตเชียงราย พะเยา และแม่ฮ่องสอน ซึ่งที่นี่ก็เป็นหมู่บ้านหนึ่ง”

จากการเปิดเผยของ สันติพงศ์ มูลฟอง ผอ.ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน ที่ทำงานในพื้นที่นี้มานานบอกเล่าว่า ปัจจุบันหมู่บ้านแม่ดึ๊มีประชากร 87 คน 19 หลังคาเรือน 26 ครอบครัว แม้หมู่บ้านจะก่อตั้งมากว่า 20 ปี แต่คนในหมู่บ้านไม่มีบัตรและสัญชาติไทยแม้แต่คนเดียว ทำให้เด็กๆ ลูกหลานที่เกิดในแผ่นดินไทยไม่อาจเข้ารับการศึกษาในระบบโรงเรียนของรัฐได้ กลายเป็นเด็กไร้สัญชาติที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา

“โซมุ” ผู้เฒ่าชาวกะเหรี่ยงที่ถือกำเนิดบนอีกฟากหนึ่งของลำน้ำ แต่ต้องลี้ภัยจากไฟสงครามที่เข่นฆ่าและเผาทำลายหมู่บ้านและคนในครอบครัวของเขามาอาศัยแผ่นดินนี้อยู่ มองดูอนาคตลูกๆ ทั้ง 3 คนของเขาก่อนตัดสินใจเปิดกระต๊อบเป็นโรงเรียนสอนภาษากะเหรี่ยงและภาษาอังกฤษพื้นฐานให้เด็กๆ ในหมู่บ้าน แต่ไม่อาจสอนภาษาไทยได้เพราะไม่มีความรู้ กระทั่งมีหน่วยงานเอกชนและผู้มีจิตอาสามาช่วยสร้างโรงเรียนเล็กๆ ให้ แต่การเรียนการสอนก็เป็นไปอย่างยากลำบาก นักเรียนทั้งหมดต้องนั่งเรียนคละกันทั้งเด็กเล็กเด็กโตรวมกว่า 21 คน

ด้านเทวินทร์กล่าวอีกว่า เขาอยากจะเผยแพร่ความบริสุทธิ์ของชาวบ้านแม่ดึ๊ที่เป็นหมู่บ้านปกากญอดั้งเดิมของแม่น้ำสาละวินผ่านโครงการนี้ ให้ชาวโลกรู้ว่ามีหมู่บ้านนี้ที่ไม่ถูกสำรวจอยู่บนแผนที่ประเทศไทย อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่า พลังความงามของศิลปะสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้เขื่อนคอนกรีตก็อาจจะแพ้ปลายพู่กัน รวมทั้งศิลปะอาจหยุดยั้งสงครามและนำมาซึ่งสันติภาพได้

สุดท้ายเทวินทร์ฝากถึงโครงการครั้งนี้ว่า ยังมีศิลปินใหญ่อีกหลายท่านที่ยินดีส่งผลงานร่วมแสดง อาทิ พิชัย นิรันดร์,ถวัลย์ ดัชนี, เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, ประเทือง เอมเจริญ,ปรีชา เถาทอง,สงัด ปุยอ๊อก,แนบ โสตถิพันธุ์ และศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยอีกคับคั่ง เพื่อจัดแสดงในราวเดือนตุลาคมที่กรุงเทพฯ , ครั้งที่ 2 ที่เชียงใหม่ในเดือนพฤศจิกายน และครั้งสุดท้ายที่เชียงรายในเดือนธันวาคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งแม่น้ำ

“อย่างที่มีคำกล่าวว่า ชีวิตของเรานั้นสั้นนักแต่ศิลปะนั้นยืนยง เราก็อยากฝากผลงานศิลปะของศิลปินครั้งนี้ไว้ เราไม่รู้ว่าปีนี้หรือปีหน้าแม่น้ำสาละวินอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง อาจจะมีการสร้างเขื่อน และศิลปินได้มาเก็บภาพประวัติศาสตร์ซึ่งอีก 10 ปีข้างหน้าอาจไม่มีให้เห็นก็ได้ ผมคิดว่างานศิลปะเหล่านี้มีคุณค่ามหาศาล อยากจะเชิญชวนคนที่ชื่นชอบงานศิลปะมาช่วยกันทำบุญเพื่อให้การศึกษาเด็กและคนยากไร้ที่ยังมีอยู่มากมายในสังคมไทยเรา”

-3-

มาลองพูดคุยกับเหล่าศิลปินดูบ้างถึงความประทับใจในการสัญจรมาลุ่มน้ำสาละวินในครั้งนี้ เริ่มด้วย ดุษฎี รักษ์มณี ที่บอกว่าประทับใจในธรรมชาติที่นี่เป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้แม่น้ำสาละวิน คือเรื่องไกลตัวสำหรับเขา ไม่เคยนึกว่าจะมีโอกาสได้มา เช่นเดียวกับทรงเดช ทิพย์ทองที่บอกว่าประทับใจวิถีชีวิตชาวบ้านที่ยังเรียบง่าย และเชื่อมั่นว่าผลงานศิลปะเหล่านี้น่าจะช่วยชาวบ้านได้บ้าง นอกจากเม็ดเงินที่จำหน่ายภาพแล้ว ยังช่วยถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้คนที่ไม่เคยเห็นได้สัมผัสชีวิตของผู้คนสาละวิน หลังจากกลับไปแล้วเขาคิดว่างานที่ได้น่าจะมีพลังมากขึ้นเพราะได้มาสัมผัสวิถีชีวิตจริง

ส่วนนิตยา ตามวงศ์ บอกว่าเธอประทับใจธรรมชาติและได้รับรู้ปัญหาที่ซ่อนอยู่ใต้ความสวยงามเหล่านั้น ขณะที่ธีรยุทธ สืบทิม กล่าวว่าเขาได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนอย่างปัญหาการสร้างเขื่อนสาละวิน ซึ่งต่างจากแม่น้ำโขงที่เขาเคยไปมาโดยสิ้นเชิง จากที่เคยทำงานในสตูดิโอพอได้มาทำงานนอกสถานที่ก็ทำให้เขาอดใจบันทึกความประทับใจกลับไปสร้างสรรค์งานต่อที่บ้านด้วย

ด้านพรชัย ใจมา ที่ได้ผลงานกลับไปถึง 7 ภาพบอกว่า เขาประทับใจปกากญอเป็นพิเศษและตั้งใจจะเขียนเมื่อกลับไปบ้าน เสงี่ยม ยารังษี บอกว่าเขาเคยมาสาละวินเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่ก็ยังประทับใจกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของที่นี่ และจะนำไปขยายความคิดทำงานศิลปะต่อไป หากผลงานของเขาขายแล้วสามารถนำเงินมาช่วยชาวบ้านได้ก็เป็นสิ่งที่เขาเต็มใจ

นี่คือเสียงสะท้อนจากเหล่าศิลปินภายหลังกลับมาจากการสัญจรลำน้ำสาละวิน

* * * * * * * * * * * *

ศิลปิน (กับ) เพื่อชีวิต

หลายคนมองว่าศิลปินเป็นมนุษย์สายพันธุ์สุดโต่ง มีโลกเป็นของตัวเอง แต่การสัญจรคราวนี้เป็นการนำศิลปะมารับใช้ความเป็นจริงในสังคมอย่างแท้จริง เราเลยลองไปพูดคุยกับศิลปินดูว่าเขาคิดกันอย่างไร

ดุษฎี รักษ์มณี “จริงๆ ศิลปะมันก็รับใช้ทุกอย่าง เขียนไปก็สุขไป กินไป มันก็รับใช้ร่างกายเราก่อน คนที่ได้ไปก็มีความสุขกับการเห็นงานอยู่ที่บ้าน ส่วนมากคนที่ซื้องานศิลปะเขาไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ส่วนนั้นเมื่อก่อนเราก็เกื้อกูลตัวเราเอง แต่การที่มาในทริปนี้เราก็จะส่งสิ่งนั้นไปเกื้อกูลคนอื่นตามคอนเซ็ปต์ของเจ้าของโครงการ ศิลปินก็คนธรรมดาเป็นสาขาอาชีพหนึ่ง เพียงแต่ว่าเป็นอาชีพที่มีความอิสระสูง ต้องใช้ทักษะพิเศษและลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล คนที่มาตรงนี้ก็คงจะกลั่นกรองระดับหนึ่งแล้วถึงมาทำงานเกื้อกูลคนอื่นได้ สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนที่เราจะทำ มีความสุขด้วยซ้ำที่ได้ทำและสิ่งที่เราทำมันกลับเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ ก็น่าจะเป็นความภาคภูมิใจของศิลปิน”

สมพงษ์ สารทรัพย์ “เราก็เหมือนชาวบ้าน การที่เราอยู่กับตัวเองมากไปเราอาจจะมองไม่เห็นตัวเอง มันมีความจำเป็นเหมือนกันที่เราต้องรับรู้เรื่องข้างนอก ประเทศไทยเพิ่งเริ่มมีศิลปินมาประมาณ 50 กว่าปีเอง ตั้งแต่สมัยของ อ.ศิลป์ (พีระศรี) เรายังไม่มีรูปธรรมของศิลปินที่ชัดเจน ตอนนี้เราเริ่มมีศิลปินที่เป็นตัวตนที่แท้จริง อย่าง อ.ถวัลย์, อ.ประเทือง, พี่เฉลิมชัย ก่อนหน้านั้นจะไม่มี เราเพิ่งเริ่มจะเดิน ผมย้อนกลับมาตรงที่ว่าศิลปินให้อะไรแก่สังคมหรือเปล่า ถ้าจุดเริ่มต้นศิลปินยังยืนไม่ได้ ไม่มีใครที่จะยื่นอะไรให้แก่สังคม แต่เมื่อใดศิลปินยืนและเดินได้ตัวเองเมื่อนั้นศิลปินจะให้แก่ชุมชน ตอนนี้สังคมเรากำลังพัฒนาออกไป เราต้องมองภาพใหญ่ จะมองตัวบุคคลไม่ได้”

อภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ “บนเส้นทางศิลปะของผมเองถ้ามันสามารถจะเอื้อประโยชน์ให้แก่สังคมและคนรอบข้างได้ ผมจะยินดีทำและได้ทำต่อเนื่องมาโดยตลอด ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสไปช่วยทำอะไรให้กับสังคมในเรื่องศิลปะกับชีวิต เราจะคัดกรองด้วยความรู้สึกของตัวเองว่าจุดไหนที่ควรจะให้ เพราะถ้าให้ไปเรื่อยมันจะกลายเป็นการทำลายไปซะ เราทำงานศิลปะ เราจะรู้ว่าจุดไหนละเอียดอ่อน ล่อแหลม และจุดไหนที่ควรจะให้”

* * * * * * * * * * * *

เรื่อง/ภาพ - รัชตวดี จิตดี
อภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ กับภาพธรรมชาติบริเวณเว่ย
บรรยากาศในเรือสัญจรสาละวิน ที่เหล่าศิลปินไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า
บรรยากาศราวกับอยู่ในยุโรป

ฝีมือภาพพอตเทรตสีน้ำมันของ เอกชัย ลวดสูงเนิน
ริมน้ำสาละวิน

ดุษฎี รักษ์มณี หรือที่รู้จักกันในนาม นายดี ช่างหม้อ
เบื้องหลังความสำเร็จ
เด็กน้อยผู้รอคอยโอกาส
เรียบง่ายแต่งดงาม
กำลังโหลดความคิดเห็น