ใครจะรู้บ้างว่าจักรยานในยุคแรกๆนั้นมีทั้งแบบ 2 ล้อ และ 3 ล้อ และก่อนที่จะมีมอเตอร์ไซค์เราก็ใช้จักรยานติดเครื่องกันมาก่อน 'ผู้จัดการปริทรรศน์'จะพาท่านย้อนไปดูจักรยานรุ่นเก่าๆ หน้าตาแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็น จักรยานล้อโต จักรยาน 3 ล้อ หรือ 'จักรยานเครื่อง' ซึ่งผลิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนั้นยังมีจักรยานล้อโตคันแรกและคันเดียวที่ผลิตโดยคนไทย
แรงบันดาลใจของนักสะสม
จากความชอบจักรยานเป็นชีวิตจิตใจทำให้ 2 หนุ่ม วิทย์ สุวรรณนภาตรี และ 'ตั้ง' ปิติ ตังคโณบล ต่างสะสมและศึกษาเรื่องราวของจักรยานในยุคก่อนๆมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว พวกเขามีจักรยานเก่าๆแปลกๆที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ที่สามารถกล่าวได้ว่าหาดูได้ยาก และบางคันเหลืออยู่ในพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศเท่านั้น
'ตั้ง' ปิติ ตังคโณบล เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาชอบสะสมจักรยานเก่า ว่า
" ผมชอบจักรยานแปลกๆที่ไม่ค่อยมีในเมืองไทย เพราะนอกจากจะเอาไว้ดูเล่นแล้วยังสามารถใช้งานได้ด้วย ก็ค่อยๆเก็บสะสมมาเรื่อยๆ แล้วก็เปิดหนังสือดูบ้าง จักรยานที่มีอยู่นี่มาจากหลายที่ บางคันก็สั่งให้เพื่อนที่อยู่เมืองนอกหาให้ ขอซื้อจากคนเก่าคนแก่ที่เขาเก็บไว้บ้าง บางคันตามจีบเป็นปีกว่าเขาจะขายให้ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะไปเดินดูแถวสะพานมัฆวานซึ่งแต่ก่อนมีชมรมจักรยานอยู่แถวนั้น "
ยุคแรกเป็นจักรยาน 3 ล้อ
จักรยานโบราณที่จะพูดถึงแบบแรกนั้นได้แก่ 'จักรยาน 3 ล้อ' เสน่ห์ของจักรยานคันนี้อยู่ที่ความเก่าแก่ชนิดที่จัดว่าเป็นยุคต้นๆของจักรยานเลยทีเดียว โดยในยุคแรกๆของการประดิษฐ์จักรยานขึ้นมาใช้นั้น จักรยานมีทั้งแบบ 2 ล้อ และ 3 ล้อ โดยจักรยาน 3 ล้อนั้นจะมีล้อด้านหน้า 1 ล้อ และด้านหลังอีก 2 ล้อ โดยผู้ผลิตจักรยาน 3 ล้อรายแรกคือคนอังกฤษ ซึ่งเหตุที่ต้องมีถึง 3 ล้อก็เพื่อให้ง่ายต่อการทรงตัว
" ในส่วนของจักรยาน 3 ล้อนั้น เรามีสะสมอยู่ 2-3 คัน โดยได้มาจากนักสะสมของเก่าในต่างประเทศ บางคันตอนมาเน่ามาก เราก็นำมาทำสีใหม่ หรือตกแต่งเพิ่มเติม อย่างคันนี้ (วิทย์ชี้ไปที่จักรยาน 3 ล้อ ซึ่งมีตะกร้าหวายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง) เราใส่ตะกร้าหวายเข้าไปทำให้ดูคลาสสิกขึ้น เอาไว้ใส่ของเวลาไปจ่ายตลาด หรือใส่ลูกหมาพาไปเที่ยวด้วยก็ได้ คันนี้มาจากญี่ปุ่น อายุประมาณ 20 ปีได้ พวกแม่บ้านญี่ปุ่นชอบใช้มาก จะต่างจากรถ 3 ล้อบ้านเราตรงที่โครงมันไม่แข็งเหมือนรถ 3 ล้อ เวลาเลี้ยวจะสมู้ดกว่า ก็มีคนมาขอยืมไปถ่ายโฆษณาเหมือนกัน คือเขามองว่ามันน่ารักดี ตอนนี้ก็มีคนผลิตจักรยานแบบนี้ออกมาขายใหม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่คลาสสิกเหมือนรุ่นก่อนๆ " วิทย์ สุวรรณนภาตรี บอกยิ้มๆ
จักรยาน 3 ล้อที่น่าสนใจอีกคันหนึ่งคือ 'swing' คล้ายกับจักรยาน 3 ล้อทั้วไปคือมีล้อหนึ่งอยู่ด้านหน้า และอีก 2 ล้ออยู่ด้านหลัง แต่ต่างกันตรงที่จะสามารถปลดล็อกเดือยที่เชื่อมต่อระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ซึ่งเมื่อปลดเดือยดังกล่าวออกจะทำให้ล้อด้านหลังปัดไปมาได้อย่างอิสระ ซึ่งจัดเป็นจักรยานผาดโผนแบบหนึ่ง ผลิตขึ้นประมาณปี 1960 และผลิตออกมาเพียงล็อตเดียวเท่านั้น
คันต่อมาคือ 'lolider' ซึ่งมีความแปลกตรงที่นอกจากจะเป็นจักรยาน 3 ล้อแล้ว ยังเป็นแบบ 2 ล้อหน้า 1 ล้อหลัง รุ่นนี้เป็นจักรยานของวัยรุ่นอเมริกันเมื่อ 30 กว่าปีก่อน
จักรยานล้อโต
จักรยานแบบต่อมาคือ 'จักรยานล้อโต' ซึ่งมีลักษณะล้อด้านหน้าจะโตกว่าล้อด้านหลัง และไม่มีโซ่ ใช้การขับเคลื่อนโดยปั่นล้อหน้า ทำให้การบังคับและการทรงตัวยากกว่าจักรยานที่มีโซ่ เวลาเลี้ยวต้องผู้ขับขี่ต้องโยกทั้งตัว ไม่ใช่โยกเฉพาะมือหรือช่วงเอวขึ้นมาเหมือนจักรยานที่มีโซ่ สำหรับสัดส่วนและรูปทรงจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ต่อมาได้พัฒนาเป็นจักรยาน 2 ล้อที่มีขนาดล้อเท่ากันเช่นในปัจจุบัน
คันแรกที่จะพูดถึงคือจักรยานมีชื่อว่า 'cruser' จักรยานล้อโต สีดำ อายุประมาณ 30 กว่าปี เป็นจักรยานล้อโตรุ่นหนึ่งซึ่งผลิตขึ้นที่สหรัฐอเมริกา มีความพิเศษตรงที่มีสปริงตรงคอจักรยาน เพื่อเป็นโช้ครับแรงกระแทกด้านหน้า ซึ่งผู้ผลิตในยุคนั้นจะผลิตออกมาคู่กันคือมีทั้งจักรยานตัวผู้และจักรยานตัวเมีย โดยตัวผู้คอจักรยานจะมีลักษณะตรง ส่วนตัวเมียคอจักรยานจะโค้ง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีผู้ผลิตบางรายที่ทำการผลิตจักรยานรุ่นนี้ขึ้นมาใหม่ สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นบาท แต่ของเก่าจริงๆนั้นไม่มีให้เห็นตามถนนแล้ว มีก็แต่เพียงในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น
อีกคันที่น่าสนใจคือ 'จักรยานล้อโต' ซึ่งเป็นจักรยานแฮนด์เมดจากประเทศญี่ปุ่น อายุใกล้เคียงกับคันแรกคือประมาณ 30 กว่าปี รุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 300 คันเท่านั้น ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณหมื่นกว่าบาท
แบบต่อไปคือ ' จักรยาน scooter' ซึ่งมีความแปลกตรงที่ เป็นจักรยาน 2 ล้อที่ไม่มีโซ่ และไม่ได้ขับเคลื่อนโดยใช้ขาปั่นเหมือนจักรยานทั่วๆไป แต่ใช้เท้าไถไปในลักษณะเดียวกับสเก็ตบอร์ด ผลิตขึ้นที่ประเทศฮอลแลนด์ และอีกจุดที่แตกต่างจากจักรยานทั่วไปคือล้อด้านหน้าจะมีขนาดใหญ่กว่าล้อด้านหลัง ซึ่งในปัจจุบันจักรยานรุ่นนี้ถือเป็นของเล่นและของหายากสำหรับบรรดานักสะสม
จักรยานเครื่อง
จักรยานอีกแบบที่มีความแปลกชนิดที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นมาก่อนคือ 'จักรยานเครื่อง' ซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดของรถมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบัน โดยจักรยานดังกล่าวมีกลไก 2 ระบบ คือ สามารถเคลื่อนที่ได้โดยใช้ขาถีบ และเคลื่อนที่โดยแรงขับของเครื่องยนต์
วิทย์ สุวรรณนภาตรี บอกถึงคุณลักษณะพิเศษของจักรยานเครื่องคันนี้ ว่า
" คันนี้ทูอินวัน เป็นจักรยานด้วย เป็นมอเตอร์ไซค์ด้วย (หัวเราะ) ปั่นก็ได้ พอเมื่อยก็สตาร์ทเครื่อง พอน้ำมันหมดก็ปั่นต่อ ผมมีอยู่ 2 คัน คันที่หน้าตาคล้ายมอเตอร์ไซค์ฮาเลย์นี่ผลิตที่ออสเตรเลีย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนอีกคันเป็นของเวสป้า ประเทศอิตาลี ทั้ง 2 คันนี้อายุประมาณ 40 ปีแล้ว ซึ่งรุ่นนี้ถือว่าราคาแพงมาก ไม่แน่ใจว่าสมัยก่อนเคยมีคนไทยซื้อมาใช้หรอเปล่า เพราะคนที่จะซื้อมาใช้ได้ต้องเป็นคนรวยเท่านั้น ขนาดเมื่อ 40 ปีก่อน สมัยที่ทองคำราคาบาทละ 400 บาท รถคันนี้ราคา 7-8 พันบาท ซึ่งนอกจาก 2 คันที่ผมเก็บสะสมไว้แล้ว ในเมืองไทยยังมีตั้งโชว์ไว้ในพิพิธภัณฑ์อักษะเชลยศึก ที่ จ.กาญจนบุรี"
จักยานล้อโตฝีมือคนไทย
นอกจากจะสะสมจักรยานเก่าแล้ว 'ตั้ง'ยังทุ่มเทเงินทองและเวลาเพื่อประดิษฐ์ 'จักรยานล้อโต' ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของจักรยานทั้งหมดที่ตั้งและวิทย์มีอยู่ เพราะเป็นจักรยานล้อโตเพียงคันเดียวที่ประดิษฐ์โดยคนไทย
" คือผมมาเจอล้อของจักรยานล้อโตคันหนึ่งที่ตลาดขายของเก่า เป็นงานแฮนด์เมด อายุประมาณ 40 ปีได้ โครงจักรยานมันพังหมดแล้ว และปัจจุบันก็หาไม่ได้แล้ว มีแต่ในพิพิธภัณฑ์ในเมืองนอกเท่านั้น ตอนนั้นเขาบอกขายแพงมาก เฉพาะล้อนี่ 2 หมื่นบาท ผมเดินกลับมาอีกทีกะว่าจะต่อราคา ปรากฏว่าเขาขายไปแล้ว มาหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตดูพบว่ามีคนผลิตจักรยานแบบนี้ขึ้นมาขาย แต่ราคาตั้ง 4 พันเหรียญ (ประมาณ 160,000 บาท ) ไม่รวมค่าส่งนะ ซื้อไม่ไหว
ผมถามพวกคนเก่าแก่ที่สะสมจักรยานว่าทำไมในประเทศไทยไม่มีใครทำจักรยานแบบนี้ออกมาขายบ้าง เขาก็บอกว่ามีคนอยากทำเยอะ ถ้าทำได้นี่ขายได้แน่ๆ แต่ยังไม่มีใครทำได้ เพราะการประดิษฐ์มันยุ่งยากมาก โดยเฉพาะส่วนล้อนี่การจะทำให้มันได้ศูนย์มันยาก ก็คิดว่าเอ...เราน่าจะประดิษฐ์เองได้นะ ก็เลยมาศึกษาอย่างจริงๆจังๆ ผมใช้เวลาประดิษฐ์อยู่ 2 ปี กว่าจะออกมาเป็นคันนี้ (ตั้งชี้ไปที่จักรยานซึ่งล้อหน้ามีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 เมตร)"
'ตั้ง' บอกว่า ส่วนประกอบทุกชิ้นของจักรยานคันนี้นั้นเป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมด และต้องทำขึ้นมาใหม่ทุกชิ้น เพราะไม่มีขายในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น แฮนด์ เบาะ โครงล้อ หรือแม้แต่ซี่ตะเกียบ ซึ่งขั้นตอนที่ยากที่สุดคือการทำให้จักรยานล้อโตคันนี้ได้ศูนย์ และสามารถทรงตัวได้ขณะขี่
"มันค่อนข้างจุกจิกฮะ คือทุกอย่างต้องทำเสร็จแล้วมาประกอบกัน สมมุติได้ล้อแล้ว แต่ตะเกียบไม่ได้ศูนย์ เราก็ต้องมาหาว่าเป็นเพราะอะไร ความยาวของตะเกียบ ความกว้างของล้อ หรือตัววัสดุ ผมต้องตัดต้องเจียเองหมด จะจ้างช่างเชื่อมเหล็กมาทำเขาก็ไม่เอากับเราหรอก เพราะต้องอยู่กับมันตลอดเวลา ไม่คุ้มค่าเสียเวลาเขา แต่พอเสร็จออกมาแล้วก็ภูมิใจนะ ผมเลยเอามาตั้งโชว์ไว้ที่ร้านขายของเก่าหายากที่เยาฮัน (ห้างสรรพสินค้าเยาฮัน) ก็มีฝรั่งมาถามซื้อนะ เลยมีความคิดจะทำขาย เรารู้สัดส่วนที่ถูกต้องแล้ว ก็สามารถผลิตได้ภายในเวลา 15 วัน แล้วราคาก็ถูกกว่าที่ขายที่เมืองนอกถึงครึ่งหนึ่ง" ตั้ง กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
/////////////
เรื่อง จินดาวรรณ สิ่งคงสิน