xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตำรับ ‘ยาสตรี’ โบราณ งามด้วยภูมิปัญญาแบบไทยๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ประเด็นข่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่สุด คงหนีไม่พ้นกระแสข่าวกรณีนักแสดงสาวชื่อดังตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว (ซึ่งเฉือนกรณีข่าวการเทคโอเวอร์หนังสือพิมพ์มติชนไปหวุดหวิด) เป็นธรรมดาของการเป็นข่าวที่ต้องมีเสียงวิจารณ์ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคข้อมูลที่โลกของอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่ช่วยเผยแพร่ข่าวสารชั้นดี

แต่ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างท่วมท้นนั้น กลับพบว่าตัว “ข้อมูล” นั้นมีอยู่น้อยนิด ในสัดส่วนที่แทบจะเทียบกันไม่ได้ กระแสเรื่องรู้หรือไม่รู้ว่าท้องจึงกลบประเด็นปลีกย่อยที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงอย่างเรื่อง “ยาสตรี” ที่ตกเป็นจำเลยเบื้องต้นของข่าวดัง

“ผู้จัดการปริทรรศน์” ขอนำเสนอ เรื่องราวของภูมิปัญญา “ยาสตรี” ยาแผนโบราณของไทย ที่ปัจจุบันนี้กลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่านับร้อยล้านบาทต่อปี!!!

ยาสตรี ยาดีร้อยล้าน


ข้อมูลจากมูลนิธิสุขภาพไทยเปิดเผยว่า ยาสตรีเป็นยาที่ขายดีอันดับหนึ่ง และมีแนวโน้มว่าตลาดจะขยายตัวไปเรื่อยๆ เนื่องมาจากกระแสนิยมสมุนไพรในขณะนี้

การวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสำรวจเฉพาะตลาดยาสมุนไพรที่จำหน่ายตามร้านขายยาจำนวน 121 ร้านทั่วประเทศ พบว่ามีมูลค่าการซื้อยาสมุนไพรจากศูนย์ขายส่งสมุนไพรจำนวน 1,260 ล้านบาท และมูลค่าการขายให้ประชาชนเท่ากับ 2,240 ล้านบาท ยาที่ขายดีมากที่สุดคือ ยาบำรุงโลหิตมีมากถึงหนึ่งในสี่หรือ 25.73% เทียบเท่ามูลค่าเงิน 576 ล้านบาท รองอันดับหนึ่งคือ ยาสตรีและยาหลังคลอด 9.53% หรือมูลค่า 213 ล้านบาท ดูจากตัวเลขเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าสตรีไทยครองความเป็นผู้นำในการใช้ยาไทย เพราะยาที่ขายได้อันดับหนึ่งและสองเป็นของสตรีทั้งนั้น มีมูลค่ารวมเกือบ 800 ล้านบาท (ที่มา; http://www.thaihof.org)

ยาสตรีมีความหมายถึง ยาที่มีสรรพคุณครอบคลุมทั้งสตรีที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติ แก้อาการจุกเสียดแน่นท้องระหว่างมีประจำเดือน เป็นยาหลังคลอดบุตรช่วยขับน้ำคาวปลา และเป็นยาบำรุงโลหิตด้วย

ไม่เพียงมีสรรพคุณ “รักษา” แต่ยัง “บำรุง” ส่งผลให้ผู้รับประทานยาสตรีมีสุขภาพดีจากภายใน เมื่อเลือดลมดี ผิวพรรณก็เปล่งปลั่ง แม้ในระยะหลังจะไม่มีการโฆษณาหรือทำการตลาดมากเท่าสมัยก่อน แต่ยอดขายจากงานวิจัยเบื้องต้นคงเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจยาสตรีอยู่ได้ด้วยสรรพคุณที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยไม่ต้องโหมโฆษณาให้สิ้นเปลือง

เมื่อพิจารณาจากส่วนประกอบต่างๆ ของยาสตรี จะพบถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่นำสมุนไพรต่างๆ มาปรุงแต่ง อาทิ ขิง ไพล พริกไทย เทียนดำ เทียนแดง อบเชย โกฐหัวบัว โกฐสอ โกฐเชียง (หรือเป็นที่รู้จักในชื่อตังกุย) บางตำรับก็ใช้ว่านชักมดลูก สมุนไพรที่อยู่ในยาสตรีเหล่านี้ เช่น โกฐเชียง และว่านชักมดลูก จะมีสารที่เรียกว่า ไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับโครงสร้างหลักของเอสโตรเจน(estrogen) ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีบทบาทในการแสดงลักษณะของเพศหญิง ตั้งแต่วัยรุ่น วัยเจริญพันธุ์ นำไปสู่การมีประจำเดือนและจนกระทั่งหมดประจำเดือน
ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสูงมาก แต่ในบางครั้งบางคนฮอร์โมนตามธรรมชาติในร่างกายอาจเสียสมดุลไปบ้าง เมื่อได้กินยาสตรีจึงช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน และช่วยทำให้รอบเดือนปกติขึ้นนั่นเอง และยังมีส่วนเสริมให้การแสดงออกของลักษณะเพศหญิงดีขึ้น หรือที่เรียกว่าบำรุงเลือดก็เลยทำให้สุขภาพโดยรวมๆ ของสตรีดีขึ้นอีกด้วย

ยาสตรีที่มีจำหน่ายในประเทศไทย มีหลากหลายยี่ห้อ เช่น ยาสตรีเพ็ญภาค, ยาสตรีเบนโล, ยาสตรีบัวแก้ว ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีสูตรดั้งเดิมแตกต่างกันไป อาทิ “ยาตรีนิสิงเห หมอมี” ที่กำเนิดขึ้นโดยการปรุงของหมอมี หรือ นายมี เกษมสุวรรณ ผู้ปรุงยาในกอง “โอสถศาลา” ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ลาออกจากราชการมาดำเนินกิจการ “ห้างขายยาบุญมีดิสเปนซารี” ในปี พ.ศ.2441 (“บริษัท หมอมี จำกัด” ในปัจจุบัน)
 
สำหรับส่วนผสมของ “ยาตรีนิสิงเห หมอมี” นั้น ประกอบไปด้วยสมุนไพรต่างๆ กว่า 40 ชนิด อาทิ น้ำผึ้งที่ช่วยบำรุงร่างกายและย่อยอาหาร, ดอกจันทน์ บำรุงผิวเนื้อและบำรุงโลหิต, โกฐเชียง แก้ไข้และแก้จุกเสียด, ว่านชักมดลูก ช่วยกระชับมดลูกและแก้มดลูกอักเสบ เป็นต้น

ยาสตรีเพ็ญภาค

หากจะเอ่ยถามถึงยาสตรีที่เหล่าสตรีรุ่นแม่รุ่นป้ารู้จักกันดี ชื่อของ “ยาสตรีเพ็ญภาค” ย่อมอยู่ในอันดับต้นๆ ด้วยความเก่าแก่มากกว่า 60 ปี จากการคิดค้นสูตรยาสมุนไพรของนายเชื้อ เพ็ญภาคกุล ชาวจีนโพ้นทะเลที่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรจีนนานาชนิด ได้คิดค้นสูตรปรุงยาสตรีโดยนำสมุนไพรหลากหลายชนิดมาดองรวมกัน จนกระทั่งได้สูตรยาสตรีเพ็ญภาคที่มีชื่อเสียงในวันนี้

พนักงานของบริษัท ขายยาเพ็ญภาค จำกัด ผู้ผลิตยาสตรีเพ็ญภาค รายหนึ่งเปิดเผยว่า หลังจากกระแสข่าวเรื่องการกินยาสตรีขณะตั้งครรภ์ของนักแสดงสาวผู้หนึ่งนั้น ไม่มีผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องมาจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าแก่ที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ยาสตรีเพ็ญภาคมานาน

“ยอดขายของเราปกติ ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะคนที่กินยาของเราเขารู้ว่ายาเรามีสรรพคุณอะไร เพียงแต่มีบางรายโทรมาถามว่า กินยานี้จะเอาเด็กออกได้ไหม เราก็ยืนยันว่าไม่ได้ ตัวยาของเราไม่มีผลต่อมดลูก เพียงแค่เป็นการขับเลือดประจำเดือนที่มากระปริดกระปรอย ประเภทรอบเดือนมาไม่ปกติ บำรุงเลือด ขับเลือดเสียออกมา เพราะคนเราถ้าเลือดไม่ดี อะไรมันก็ไม่ดี”

อาจเป็นเพราะคำว่า “ขับเลือดเสีย” (ประจำเดือน)นี่เอง ที่ทำให้ลูกค้าบางรายนึกว่ายาสตรีสามารถใช้ “ขับเลือด” ในความหมายที่ว่าเป็นตัวอ่อนของทารกในครรภ์ จึงกลายเป็นความเชื่อผิดๆ ที่ว่าการรับประทานยาสตรีสามารถทำแท้งได้
พนักงานคนเดิมกล่าวว่า ในปัจจุบันตลาดยาสตรีในเมืองไทยขยายตัวขึ้น ส่งผลให้มีเจ้าใหม่ๆ ในตลาดมากขึ้น แต่เจ้าดั้งเดิมอย่างยาสตรีเพ็ญภาคก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ยาสมุนไพรแผนโบราณเอาไว้

“คู่แข่งของเราก็จะมีเบนโล แต่ยอดขายทั่วประเทศมันก็จะขึ้นอยู่กับแล้วแต่ภาค บางภาคของเราอันดับ 1 บางภาคก็ของเขาขายดีอันดับ 1 แต่ผู้แทนจำหน่ายก็ยืนยันว่าของเราขายดีอันดับ 1 ในภาคอีสาน โดยเฉพาะอีสานตอนล่าง จะขายดีที่สุด”

ทั้งนี้ จุดเด่นของยาสตรีเพ็ญภาคจะอยู่ที่เมื่อรับประทานไปแล้วจะเกิดอาการค่อนข้างร้อน ส่วนยี่ห้ออื่นๆ นั้นตัวยาจะเบากว่า แต่ทางผู้ผลิตยืนยันว่าส่วนผสมทั้งหมดเป็นสมุนไพร กินแล้วไม่สะสมในร่างกายจึงไม่เป็นอันตราย

“เหตุที่แรงเพราะยาของเราจะดองแอลกอฮอล์ เพื่อทำให้ตัวยาไม่เสีย สูตรก็เหมือนกับยาดอง ยิ่งนานก็ยิ่งดี”

ถึงแม้จะเน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าผู้หญิงเป็นสำคัญ แต่กลุ่มลูกค้าผู้ชายของยาสตรีเพ็ญภาคก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

“ตอนนี้ลูกค้าผู้ชายของเราเยอะมาก เคยมีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งเขาโทรมา เขาบอกว่าทานแล้วไม่เมื่อยเนื้อ ไม่เมื่อยตัว คือทานแล้วได้ผลเหมือนยาจีนที่เขากินขวดละ 1,200 บาท แต่ของเรา 35 บาท กินแล้วได้ผลเหมือนกัน เขาก็เลยยกเลิกยาตัวนั้นไป มากินของเราอย่างเดียว”

ยาสตรีเบนโล กับข้อหา “กินแล้วอ้วน”

ประเด็นข่าวดาราสาวชื่อดังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทานยาสตรีเบนโลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ก่อนจะออกมาแถลงข่าวภายหลังว่าตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัวนั้น ส่งผลให้ชื่อของ “ยาสตรีเบนโล” โด่งดังทั้งในแง่บวกและลบ ทำให้ทางเจ้าของไม่ค่อยอยากให้สัมภาษณ์ในประเด็นที่กำลังอ่อนไหวเท่าที่ควร แต่เจ้าของยาสตรีเบนโลยืนยันว่า ยาของตนเป็นยามีคุณภาพ และสูตรยาสตรีดังกล่าวเป็นสูตรที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ

ส่วนในแง่ของยอดขายนั้น เจ้าของยาสตรีเบนโลกล่าวว่ายังเป็นปกติ แม้จะตกเป็นข่าวดังแต่ก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งนี้ เจ้าของยาสตรีเบนโล กล่าวว่า ยาสตรีเบนโลกินแล้วเลือดลมดี ผิวพรรณดีขึ้น เจริญอาหาร ส่วนเรื่องกินแล้วอ้วนนั้นเชื่อว่าขึ้นอยู่กับความยับยั้งชั่งใจของคนกินมากกว่า

“เรื่องกินแล้วอ้วน คงต้องบอกว่าสรรพคุณของยานี้เจริญอาหาร กินเข้าไปแล้วจะทำให้อยากกินนั่นกินนี่ แต่จะอ้วนทุกคนไหม มันก็แล้วแต่พฤติกรรมการกินของแต่ละคน”

เมื่อลองสอบถามผู้ที่เคยทดลองกินยาสตรีเพื่อหวังผลในการเพิ่มน้ำหนัก พบว่าหลายรายน้ำหนักตัวขึ้นจริง แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นผลจากยาสตรีดังกล่าว 100 เปอร์เซ็นต์

นางสาวเงินยวง (สงวนนามสกุล) สาวออฟฟิศผู้หนึ่งที่เคยทดลองกินยาสตรีเพื่อบำรุงร่างกาย เล่าว่า มารดาของเธอเป็นผู้แนะนำเชิงบังคับให้รับประทานยาสตรียี่ห้อหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่าเธอมีร่างกายซูบผอมเกินไป เกรงว่าสุขภาพอาจจะไม่แข็งแรงจนล้มป่วย

“ตอนนั้นน้ำหนักประมาณ 44 กิโลกรัมได้ แม่ก็ให้กินยาสตรีเพราะอยากให้มีน้ำมีนวล ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วงที่กินก็รู้สึกกินอาหารได้เยอะขึ้น แต่ตอนนั้นน้ำหนักยังไม่ขึ้น ก็กินประมาณ 2-3 เดือนแล้วก็เลิก หลังจากนั้นน้ำหนักก็ขึ้นมาเป็น 47 กิโลกรัม แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกินยาสตรีหรือเปล่า เพราะตอนนั้นตัวเองกินยาคุมเพื่อรักษาสิวร่วมด้วย”

เภสัชกรหญิงสุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงประเด็นการกินยาสตรีแล้วทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นว่า จริงๆ แล้วยาสตรีในทางยาแผนโบราณจัดเป็นยาร้อน เป็นยาที่บำรุงธาตุไฟ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด แก้หนาว ปวดประจำเดือนและประจำเดือนมาไม่ปกติ แต่ไม่เคยมีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ว่ากินยาสตรีแล้วทำให้อ้วนขึ้น

“ในอดีตสังคมไทยเราเป็นสังคมเกษตร เพราะฉะนั้น ยาสตรีเป็นยาที่อยู่คู่สังคมไทย เมื่อกินยาสตรีแล้วผู้หญิงจะร่างกายแข็งแรง สามารถทำงานหนักและมีลูกได้ ในทางตำราไทยเชื่อว่าเป็นยาขูดมดลูกแบบโบราณ เพื่อเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมมีลูกได้ง่าย ถามว่าทำให้อ้วนขึ้นไหม ก็อาจเป็นได้ว่าพอร่างกายแข็งแรงขึ้น ก็กินข้าวได้มากขึ้น”

ยาสตรีกับการ “ทำแท้ง”

สำหรับยาสตรีที่วางขายในเวลานี้ ส่วนใหญ่เป็นสูตรที่ใช้แอลกอฮอล์ในการสกัดตัวยาเพื่อเอาสารสำคัญคือ ไฟโตเอสโตรเจนออกมา หรือจะเรียกว่ายาดองเหล้าก็ได้นั้น จึงมีข้อควรระวังในการใช้ คือ การกินติดต่อกันนานๆ อาจทำให้ติดเหล้าได้ หรือกรณีที่สตรีกำลังให้นมบุตรก็จะทำให้แอลกอฮอล์ส่งผ่านไปถึงลูกได้ด้วย บางคนก็ยังเข้าใจผิดคิดจะทำแท้งด้วยการกินยาสตรี ประเภทฟอกเลือดขับประจำเดือน ซึ่งไม่สามารถทำได้

เมื่อผนวกกับกระแสข่าวดังกรณีดาราสาวชื่อดังกินยาสตรีขณะตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้คนในสังคมวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานานั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้รีบออกแถลงการณ์ประกาศแจ้งให้ประชาชนทั่วไปทราบ เกี่ยวกับความเข้าใจที่ถูกต้องในการใช้ยาสตรี เราจึงรวบรวมความคิดเห็นและบทสัมภาษณ์ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขถึงกรณีที่ผ่านมา ดังนี้

เภสัชกรมานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กล่าวว่า ยาน้ำสตรี ที่ดาราสาวรับประทานในขณะตั้งครรภ์ตามที่เป็นข่าวนั้น จัดเป็นยาแผนโบราณ สรรพคุณที่ได้รับอนุญาต คือ บำรุงเลือด บำรุงร่างกาย เจริญอาหาร แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และเป็นยาแทนการอยู่ไฟ ขับน้ำคาวปลา ช่วยฟอกโลหิต และเนื่องจากตัวยาบางตัว และแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ อาจจะมีผลต่อทารก จึงมีคำเตือนไว้ที่ฉลากว่า "สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน" ทำให้มีบางคนเข้าใจว่ายาเหล่านี้เป็นยาทำให้แท้งและนำไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องอย่างมาก และหากสตรีที่ตั้งครรภ์รับประทานเข้าไปมากเกินไป เช่น รับประทานเป็นขวดหรือหลายขวด อาจเป็นอันตรายถึงทำให้ทารกในครรภ์แท้งได้ แต่ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ ซึ่งจะยิ่งเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับผู้ใช้

เภสัชกรมานิตย์ ยังเตือนว่า การนำยาไปใช้ในทางที่ผิดนอกจากจะไม่ได้ผลในการรักษาแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงทั้งต่อทารกในครรภ์และต่อตัวผู้ใช้ยาเอง รวมทั้งทำให้คุณค่าของยาแผนไทยที่ดีๆ ต้องถูกบิดเบือนและเข้าใจผิดไป จึงขอให้ใช้ยาอย่างระมัดระวัง อ่านคำเตือนในฉลาก และปรึกษาเภสัชกรในการใช้ยา

แพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ยาสตรีแผนโบราณมีสรรพคุณในการบำรุงโลหิตสำหรับสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ร่างกายไม่แข็งแรง แต่สตรีที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงรับประทานเข้าไปก็ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด และยาแผนโบราณนี้ไม่มีคุณสมบัติในการขับเลือด ปกติยาประเภทดังกล่าวจะมีฉลากติดไว้ข้างกล่องว่าห้ามสตรีมีครรภ์รับประทาน แต่หากรับประทานยาสตรีบำรุงโลหิตขณะตั้งครรภ์อาจจะส่งผลรบกวนต่อทารกในครรภ์ ทารกอาจไม่สมบูรณ์ ซึ่งแล้วแต่ปริมาณและชนิดของยาที่รับประทานเข้าไป แต่ยืนยันว่าไม่สามารถขับเลือดได้เพราะมีฤทธิ์อ่อนมาก และเป็นการใช้ยาที่ผิดประเภท (ข่าวผู้จัดการออนไลน์)

ยาสตรีบัวแก้ว ปฏิวัติโฉมยาสตรีไทย

คนในวัย 40 ปีขึ้นไปคงจะคุ้นเคยกับสปอตโฆษณายาสตรีทางวิทยุเอเอ็มและเอฟเอ็มในตอนดึกๆ แต่ในระยะหลังนี้ชื่อของยาสตรี “บัวแก้ว” ยาสตรีน้องใหม่ในตลาดกำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการปฏิวัติโฉมและรูปลักษณ์ยาสตรีแผนโบราณของไทย จากภาพลักษณ์ที่เป็นยาสมุนไพรสำหรับสตรีวัยทองอย่างบรรดาคุณแม่คุณป้า ก็ถูกปรับให้ทันสมัยแต่ยังทรงคุณค่าในสรรพคุณทางยาเพื่อเรียกกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นหญิงตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทอง

ประเสริฐ ประสิทธิพยงค์ ผู้จัดการทั่วไป แผนกยา บริษัทพาราวินเซอร์และบริษัทพาราฟาร์มาซูติคอล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาสตรีบัวแก้ว กล่าวถึงที่มาของตำรับยาสตรีบัวแก้วว่า เป็นสูตรตกทอดเก่าแก่มากว่า 100 ปีของ “แม่เลื่อน” ซึ่งเคยเป็นหมอสูติอยู่ในวังมาก่อน และมีชื่อเสียงด้านการทำยาหลังคลอดมาช้านาน จากนั้นต่อมาทาง ดร. ยอดยิ่ง เอื้อวัฒนสกุล ซีอีโอของบริษัทได้ซื้อโรงงานปรุงยาต่อจากลูกหลานของแม่เลื่อน โดยปรับกรรมวิธีการผลิตให้ทันสมัยขึ้น แต่ยังคงสูตรต้นตำรับสมุนไพรดั้งเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

บริษัทพาราวินเซอร์ผลิตยามากว่า 30 ปีแล้ว ภายใต้ชื่อหจก.บริษัทนกยูงแม่เลื่อน จากนั้นเปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัทพาราฟาร์มาซูติคอล เมื่อก่อนผลิตทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ แต่ก็เลิกไปพักหนึ่ง ต่อมาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจทางผู้บริหารบริษัทเห็นว่า เทรนด์ของยาแผนโบราณน่าจะดีขึ้น ประกอบกับในหลวงได้ทรงพระราชทานแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง คุณประภัสสร์ เอื้อวัฒนสกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท จึงเล็งเห็นว่าสมุนไพรของไทยมีคุณค่าแต่ถูกหลงลืมไป จึงหันมารื้อฟื้นยาแผนโบราณขึ้นมาใหม่ โดยเริ่มจาก ยาขับน้ำคาวปลาและยาที่ใช้แทนการอยู่ไฟสำหรับสตรีสมัยใหม่ที่อาจไม่มีเวลา

“ปัจจุบันนี้คนสมัยใหม่ก็อาจจะลืมยาแผนโบราณ แต่ก็จะมีผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งที่จะบอกต่อให้ใช้กัน จากแม่สู่ลูกมาตลอด ผมเชื่อว่าแนวโน้มในอนาคตน่าจะดีขึ้น เนื่องจากว่าตอนนี้ทางรัฐบาลก็ส่งเสริมยาแผนโบราณด้วย”

“เราพบว่าผู้หญิงมีปัญหาเรื่องปวดประจำเดือนกันมาก มีปัญหาเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ ก็หันไปทานยาฮอร์โมนสังเคราะห์เสียเยอะ ทั้งๆ ที่ของไทยเราเองมียาแผนโบราณที่รักษาอาการนี้ได้เป็นอย่างดีมาก ก็คือยาสตรีที่ช่วยทำให้ประจำเดือนมาปกติ”

ทั้งนี้ ประเสริฐกล่าวว่า ยาสตรีที่มีสรรพคุณช่วยแก้ประจำเดือนไม่ปกติจะมีขนานที่ทาง อย.ประกาศให้เป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ แม้จะใช้ดีแต่ก็ยุ่งยากต้องปรุงกันเองในครัวเรือน ยังไม่มีการผลิตเพื่อจำหน่ายในวงกว้าง จึงจุดประกายแนวคิดดังกล่าว นำมาสู่การนำสูตรยาดั้งเดิมของแม่เลื่อน มาพัฒนาโดยเภสัชกรที่จบการศึกษาด้านนี้โดยตรงจากประเทศเยอรมนี คือ ดร.สุภา เชาวเดช ผู้ที่วิจัยเรื่องสมุนไพรมาตลอดชีวิต

“ดร.สุภาก็ปรุงยาสมุนไพรที่ช่วยสุขภาพผู้หญิงให้ดีขึ้น เช่น ผสมดอกคำฝอยลงไปเพื่อช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ทำให้ถ่ายง่ายขึ้น แล้วก็มีการผสมสมุนไพรตามหลักวิชาการของแพทย์แผนไทย คือมีทั้งการเสริมฤทธิ์และล้างพิษ ก็ทำออกมาเป็นยาสตรีบัวแก้ว เปิดตัวเมื่อประมาณปลายปี 2545”

สปอตโฆษณาโทรทัศน์ที่ดึงดูดในรูปแบบละครไทยทำให้ชื่อของยาสตรีบัวแก้วติดตลาดได้ไม่ยาก ประเสริฐระบุว่าปัจจุบันนี้ยอดขายของยาสตรีบัวแก้วเติบโตขึ้นทุกปี และอยู่ในอันดับที่ 3 ของตลาดยาสตรีไทยในเวลานี้ ด้วยราคาจำหน่ายเพียงขวดละ 35 บาท สำหรับชนิดน้ำขวดใหญ่ และกล่องละ 75 บาทสำหรับชนิดแคปซูล

“อันนี้คือปณิธานของท่านผู้ก่อตั้งบริษัทที่ต้องการทำยาแผนโบราณของบริษัทที่ราคาไม่แพง ใช้กันได้ทั่วไปและมีคุณภาพดี ฉะนั้น ตอนนี้ที่โรงงานของเรากำลังทำ จีเอ็มพี เราหวังว่าจะเป็นยาน้ำแผนโบราณรายแรกที่จะได้ จีเอ็มพี ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์การผลิตยาที่ดีเทียบเท่าสากล ปัจจุบันนี้ยาแผนปัจจุบันโดนบังคับทำจีเอ็มพีหมด แต่ยาแผนโบราณจะมีอยู่ไม่กี่บริษัทที่ได้จีเอ็มพีแล้ว แต่เป็นชนิดเม็ดชนิดแคปซูลเสียหมด”

ทางบริษัทฯ จึงพยายามพัฒนาคุณภาพเพื่อให้ยาสตรีบัวแก้วเป็นยาน้ำสตรีรายแรกที่ได้จีเอ็มพี และ ISO 9001 เวอร์ชัน 2000 เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในบริการและผลิตภัณฑ์

เมื่อสอบถามถึงประเด็นข่าวการกินยาสตรีขณะตั้งครรภ์ของดาราดังนั้น ประเสริฐยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบอะไร พร้อมทั้งกล่าวว่า ที่ผ่านมามีลูกค้าโทรมาสอบถามกรณีเช่นนี้ก่อนหน้าจะมีข่าวของดาราสาวมาตั้งนานแล้ว ที่น่าตกใจคือ ส่วนมากเป็นเด็กสาวที่เกิดพลาดตั้งครรภ์ขณะที่อยู่ในวัยเรียน ทางประเสริฐก็ยืนยันว่ายาสตรีไม่ใช่ยาทำแท้ง แล้วแนะนำให้ปรึกษาผู้ปกครองเพื่อหาทางออกอื่น

“ประเด็นนี้ถ้าไม่ศึกษาดีๆ เข้าใจยากมาก ผมเองเป็นตัวแทนบริษัทที่ได้ยืนยันกับท่านประธานบริษัทว่า ยาสตรีทำแท้งไม่ได้ ผมจะไม่ขายยาที่ทำให้ผิดจรรยาบรรณ ผมยืนยันมาตลอดว่ายาสตรีไม่ใช่ยาทำแท้ง เพราะไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้น และเป็นยาที่ปรุงด้วยสมุนไพรหลายๆ ชนิด สารพวกนี้จะไม่ตกค้าง เหมือนกินพืชกินผักเลยครับ ทีนี้ทำไมคนถึงเข้าใจว่า กินยาสตรีแล้วทำแท้ง อาจเป็นเพราะว่าการกินยาสตรีที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ประมาณ 10% กินเข้าไปแล้วมันเกิดวูบในท้อง พอสมมติว่าแท้งขึ้นมาซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำแท้งด้วยวิธีอื่นที่พยายามทำพร้อม ๆ กับกินยาสตรี ก็เลยนึกเอาประเด็นที่วูบในท้องว่า ยาสตรีสามารถทำแท้งได้ ซึ่งไม่จริงครับ” ผู้จัดการทั่วไป แผนกยา บริษัทพาราฟาร์มาซูติคอล สรุปทิ้งท้าย

*******

เรื่อง ; รัชตวดี จิตดี








กำลังโหลดความคิดเห็น