คงหมดยุคแล้ว ที่ครูจะมากางตำราสอนสุขศึกษา ว่าด้วยเรื่องเพศ อธิบายหน้าที่ของรังไข่ หรือ ต่อมลูกหมาก โดยไม่สนใจโลกที่มีปัญหาเพศสัมพันธ์เรื้อรังรุนแรงอย่างเช่นในปัจจุบัน การสร้างภูมิคุ้มกันนำยุทธวิธีการสอนที่ตื่นตา ตื่นใจ เข้าใจ เท่าทันเด็ก สอนให้เด็กคิดเป็นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
กลไกที่จะขับเคลื่อนให้เด็กรู้และเข้าใจเมื่อถึงวัยเรียนคงไม่พ้นครู และหากสำรวจครูยุคใหม่ที่สามารถสอนเรื่อง "เพศ" อย่างถึงใจ เข้าถึงวัยรุ่นก็มีไม่มากในระบบการศึกษาไทย ด้วยค่านิยม ทัศนคติ ความเชื่อ ที่เห็นว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องน่าอาย ไม่ควรเปิดเผย
ดังนั้น "ผู้จัดการปริทรรศน์" จึงหยิบยกอาจารย์ชื่อดัง คุณภาพคับแก้ว 2 ท่าน ที่คร่ำหวอดในวงการศึกษามานานอย่าง...อาจารย์นคร สันธิโยธิน จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยที่เคยโด่งดังจากการใช้วีซีดีโป๊ สอนนักเรียน และอาจารย์นีรยา กิตติโสภณ จากโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งเคยถูกมองว่า เนื้อหาที่สอนไม่เหมาะสม โดยจะเปิดใจและล้วงลึกการสอนของทั้ง 2 ท่านกัน
ห้องกุหลาบขาว : ยามเมื่อเซ็กซ์เบ่งบาน
บรรยากาศในห้องกุหลาบขาวของโรงเรียนชายล้วนชื่อดัง "สวนกุหลาบวิทยาลัย" คึกคักไปด้วยนักเรียนชายเต็มห้อง เด็กๆ กรูกันเข้าชั้นเรียนตั้งตารอคอยอาจารย์ นคร สันธิโยธิน อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา สอนบทเรียนเพศศึกษาด้วยใจจดจ่อ
วันนี้เป็นบทเรียนเรื่องจินตนาการรัก เสียงอาจารย์นครดังก้อง และเริ่มอธิบายวัตถุประสงค์ในการเรียนการสอนและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ ...หากเธอปิ๊งสาว จีบกัน โทรศัพท์คุยกันตั้งแต่หัวค่ำจนรุ่งเช้า ไปดูหนัง ฟังเพลง และในที่สุดก็เป็นแฟนกัน ต่อจากนั้น "ความรัก" ของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป...
นั่นเป็นกิจกรรมกลุ่มที่อาจารย์นครทิ้งคำถามไว้ให้เด็กได้ขบคิด
แน่นอนว่า ความคิดของแต่ละคนแตกต่าง หลากหลายกันออกไป ทำให้ภาพจินตนาการรักที่ออกมาไม่เหมือนกัน อาจารย์นคร บอกว่า บทเรียนนี้ เป็นการสำรวจความคิดและทัศนคติของเด็กเกี่ยวกับความรัก โดยคำตอบที่ได้จะไม่มีผิดไม่มีถูก บางกลุ่มออกมาเรตเอ็กซ์ มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง ฟันแล้วทิ้ง คิดว่าผู้หญิงเหมือนลูกไก่ในกำมือ เหมือนขยะจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ บางกลุ่มจินตนาการถึงการแต่งงาน ความรักชั่วนิรันดร์ ซึ่งทำให้เราได้เห็นแนวคิดของวัยรุ่น จากนั้นค่อยๆ ชี้แนะ เช่น ทำไมตั้งใจฟันแล้วทิ้ง แลกเปลี่ยนสอบถาม สอนให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา
ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับคนในครอบครัว กับคนที่เรารักจะรู้สึกอย่างไร ชี้ให้เห็นถึงผลที่จะตามมา เมื่อมีรักต้องเท่าทันอารมณ์ความรู้สึกและสามารถคิดไตร่ตรองผลที่เกิดจากการกระทำ รวมทั้งความพร้อมที่จะรับผิดชอบกับสิ่งที่จะตามมาก่อนที่จะตัดสินใจ
"จะย้ำเสมอๆ ให้เด็กคิดในมุมกลับ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักให้เกียรติ เคารพซึ่งกันและกัน คิดด้วยวิธีง่ายๆ แบบนี้ ซึ่งไม่ว่าจะเด็กชายหรือเด็กหญิงก็จะเหมือนกันคือต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นกระบวนการตั้งแต่เกิดถึงตาย พัฒนาการทางเพศ อารมณ์ สังคม สัมพันธภาพ พฤติกรรมทางเพศ สุขภาพทางเพศ มันเป็นการพัฒนา 6 ด้าน ไม่ใช่การสอนให้มีเพศสัมพันธ์กัน" อาจารย์นครอธิบาย
นอกจากนี้ บทเรียนจะต้องไม่ซ้ำซากน่าเบื่อ มีกิจกรรมหลายหลายให้เด็กทำมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมทั้ง 18 คาบ จะไม่ซ้ำกันเลย ดังนั้น เด็กจะรีบมาเพราะอยากรู้ว่าอาจารย์จะสอนอะไร มีกิจกรรมอะไร เปิดหนัง แสดงบทบาทสมมติให้เด็กทุกคนได้มีส่วนร่วม เด็กจึงไม่รู้สึกว่าการเรียนน่าเบื่อ และอยากมาเรียน ทุกครั้ง
ดังนั้น จากวันแรกที่สอนสุขศึกษาจนถึงวันนี้อาจารย์นครกล่าวอย่างมั่นใจว่า ความเข้าใจเรื่องเพศของเด็กดีขึ้น เมื่อก่อนยังไม่เปิดกว้าง ทำให้ซีดีโป๊ หนังสือโป๊เกลื่อนห้องเรียน แต่พอเปิดห้องกุหลาบขาวขึ้นมา เมื่อเด็กอยากรู้อยากเห็นก็เข้ามาหาความรู้ในนี้ เมื่อเขาเรียนรู้มากพอ ความอยากรู้อยากเห็นก็น้อยลง
เท่าทันสื่อ...เท่าทันเด็ก
ในโลกทุกวันนี้เด็กมักตกเป็นเหยื่อของสื่อ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต หนังสือการ์ตูนลามก ฯลฯ การเรียนรูปแบบเดิมๆ ในตำราจึงไม่เพียงพอ โลกหมุนเร็วขึ้นและเปลี่ยนไปทุกวัน ครูก็ต้องตามให้ทันด้วย โดยที่ไม่ต้องถึงกับล้ำหน้าแต่ก็ไม่ควรล้าหลัง เด็กไปถึงไหนๆ แล้ว แต่ครูยังต้วมเตี้ยมๆ อยู่ไม่ได้
อาจารย์นคร บอกว่า ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า สื่อเร็วมาก อายุของเด็กที่ Search เข้าเว็บไซต์ X น้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้น ต้องตามให้ทันเด็ก มีอะไรจะได้รับได้ทุกรูปแบบ ถ้าเราไม่เปิดใจเราก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ดีขึ้นได้ รู้ว่าเด็กคิดยังไงเราก็จะดักทางถูก บางเรื่องหากเห็นเด็กผิดสังเกตก็ต้องถาม สิ่งที่อยากรู้ถ้าไม่ถามก็ไม่รู้ ต้องเปิดใจกัน เวลานี้เด็กต้องเท่าทันความรู้สึกแล้วจัดการกับตัวเองได้
เมื่อถามว่าเวลานี้เด็กยังดูวีซีดีโป๊อยู่ไหม? ก็ต้องบอกว่า คนที่ดูก็ยังดูอยู่ แต่ดูแล้วรู้เท่าทันเป็นประโยชน์กับตัวเองไม่ตกเป็นเหยื่อ มีวิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องไม่หมกหมุ่นไม่สร้างความเดือนร้อนให้กับตัวเองและคนอื่นด้วย
ดังนั้น คนที่ทำงานกับวัยรุ่นจะต้องเปิดใจให้กว้างจะทำให้เราสามารถรับฟังปัญหาได้ทุกแง่มุมที่สำคัญเราต้องพูดในแนวเชิงบวกกับเยาวชน เราจะไม่มองในแง่ลบ ครูจะต้องไม่ประเมินคุณค่าว่าเด็กคนนั้นดี เด็กคนนี้ไม่ดีเพราะคนแต่ละคนมีเหตุผลในการกระทำ เมื่อไม่รู้เหตุผลแห่งการกระทำนั้น เราจะไปประเมินคุณค่าคนไม่ได้ เราต้องเชื่อมั่นว่าเขาพัฒนาได้ ทุกคนก็รักดี อยากทำสิ่งดีๆให้แก่ชีวิตตัวเองทั้งนั้น
ไม่มีใครอยากทำร้ายตัวเอง แต่บางคนมีโอกาสพลาด ไม่ใช่รุมซ้ำเติม แต่ต้องช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น ก้าวต่อและเป็นคนใหม่มีเข้มแข็งต่อไป คิดว่า บทเรียนที่ได้รับเป็นบทเรียนของชีวิตและป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย รวมทั้งคิดเสมอว่า บนเรียนของคนอื่นจะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเรา ทั้งคนติดเอดส์ คนท้องก่อนแต่ง เรียนรู้จากตรงนี้ให้มากที่สุด
"เคยมีเด็กมาปรึกษาปัญหาอกหัก ก็บอกเขาให้จำเป็นบทเรียน แล้วกลับมาดูตัวเองว่าทำไมสาวๆ ไม่รักเธอ คุณค่าตัวเองอยู่ที่ไหน ถ้าจะรักก็ควรดูที่คุณงานความดี ความสามารถ ดูที่เนื้อแท้ ถ้าเขาไม่ชอบเราก็ไม่เห็นต้องคิดมากชีวิตมีสิ่งที่ต้องทำตั้งหลายอย่าง เมื่อยังไม่ถึงเวลาก็ไม่เห็นต้องไขว่คว้า"อาจารย์นครยกตัวอย่าง
เด็กวันนี้เป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า
สำหรับสถานการณ์ปัญหาด้านเซ็กซ์ของเด็กวัยรุ่นในยุคนี้ ที่เรียกได้ว่าเกินจุดวิกฤตไปแล้วนั้น ผู้ใหญ่จึงมองเด็กๆ ในแง่ลบและยัดเยียดความเป็น "จำเลย" สังคมให้ หากแต่อาจารย์นคร มองว่า เรื่องเซ็กซ์กับวัยรุ่นเป็นเรื่องธรรมดา วัยรุ่นเมื่อ 50 ปีที่แล้วกับวัยรุ่นยุคนี้ก็เหมือนกัน ไม่หนีห่างแตกต่างกันเลยเพียงแต่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนัดเจอกันหลังกองฟาง เดี๋ยวนี้มีโทรศัพท์นัดเจอกันสะดวก ซึ่งการอยากรู้จักเพศตรงข้ามก็เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เราในฐานะครู ผู้ใหญ่ ผู้ปกครองควรทำคือ ต้องดูแลห่างๆ อย่าไปตีกรอบขีดเส้นอะไรให้มากเกินไป ให้เขาได้เรียนรู้เอง ในเมื่อชีวิตเป็นของเขา ที่ทำได้ก็คือ การเตรียมความพร้อมให้เด็กมีภูมิคุ้มกันไม่บกพร่อง เช่น เด็กต้องรู้จักการเจรจา การต่อรอง และการปฏิเสธ พร้อมที่จะออกไปต่อสู้กับโลกภายนอกได้
ทั้งหมดทั้งสิ้นอาจารย์นคร ชี้ว่า อยู่ที่กระบวนการคิดและการตัดสินใจ ทุกวันนี้พยายามสอนเด็กโดยให้ข้อมูลรอบด้านแต่การตัดสินใจมันอยู่ที่ตัวเขาเอง เราไม่สามารถตัดสินใจแทนในช่วงเวลาวิกฤตนั้นได้ แต่เราป้องกันได้โดยสร้างกระบวนการคิดอย่างรอบด้านเวลาที่มองอะไรต้องมองหลายมุม เมื่อคิดมากๆ เข้า ก็เกิดการกลั่นกรอง อีกทั้งปรับทัศนคติทางเพศให้เป็นแง่บวก มองความสัมพันธ์ของคนเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ เป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนจะต้องพบเจอ และต้องเตรียมรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นจะทำอย่างไรให้เยาวชนของเราให้เข้มแข็งตรงนี้สำคัญ
ส่วนแก๊งกุหลาบขาวกลุ่มแกนนำเยาวชนซึ่งให้ความรู้เรื่องเพศอย่าง ต๊าฟ-อานนท์ อันติมานนท์ นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย บอกว่า การเรียนแต่ในตำราน่าเบื่อ มัวแต่สอนวิชาการแต่กลับเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ อย่างถ้าเกิดอารมณ์ XXXจะให้ทำอย่างไร หากจะต้องออกกำลังกาย คุยกับเพื่อน ดูหนังฟังเพลง ปลูกต้นไม้ อย่างในหนังสือแนะนำ ซึ่งจริงๆ คือ ว่าไปตามหลักวิชาการ แต่ทำไม่ได้ พอเกิด XXX ลองไปนั่งสมาธิดูซิ
"ถ้าจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แล้วเกิดอารมณ์จะทำไงไม่ก้าวไปสู่ความเสี่ยง หาวัตถุแปลก อย่างที่ตกเป็นข่าวหรือ ผมว่ามันอยู่ที่ว่า มีผู้แนะนำที่ดีหรือเปล่าเมื่อมีปัญหาจะแก้ยังไง" น้องต๊าฟเล่า
ไม่ต่างกันกับ เสถียร นาคธรรมาภรณ์ หรือน้องดี นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย บอกว่า อาจารย์สอนไม่น่าเบื่อไม่อ่านอย่างเดียว นำไปใช้ได้จริง มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่น การจำลองสถานการณ์ การฝึกในจินตนาการควบคู่กับการคิดวิเคราะห์ บางครั้งเอาวีซีดีโรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ให้ดู พอเห็นแล้วก็เกิดความกลัว ความคึกคะนองก็ลดลง
โรงเรียนหญิงล้วน : โนเซ็กซ์-เซฟเซ็กซ์
ข้ามมาฝั่งโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดัง อย่าง "โรงเรียนสตรีวิทยา" โดยอาจารย์ นีรยา กิตติโสภณ หรืออาจารย์นีน่า หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนสตรีวิทยา ประกาศว่าเบื่อเหลือเกินกับการตอบคำถามเรื่องการสอนเพศศึกษาเพราะไม่อยากเป็น สัญลักษณ์ของการสอนเพศศึกษา มีครูมากมายที่สอนเด็กได้ดี โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าสอนไม่ต่างจากคนอื่น
อาจารย์นีน่า พยายามชี้ให้เห็นว่า การสอนเรื่องเพศศึกษาไม่ใช่เรื่องแปลกเลย มันก็เหมือนกับวิชาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสังคม อังกฤษ คณิตศาสตร์ คือสอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ ได้สัมผัสของจริง รู้จักคิด ที่สำคัญที่ต้องย้ำคือ กระบวนการคิดต้องนำมาใช้อย่างแท้จริงไม่ใช่ฉาบฉวย
"ที่ตื่นเต้นตื่นตาเพราะการใช้อุปกรณ์ในการสอนอย่างถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นแค่อุปกรณ์ประกอบการสอนเหมือนที่สังคมมีแผนที่ประเทศ หรือ วิทยาศาสตร์มีการทดลอง ที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา ก็ขอร้องว่า คุณต้องดูให้จบให้ความเป็นธรรมถ้าทุกวันนี้เราไม่ทำความเข้าใจกับเด็กเรื่องเพศ เรื่องเซ็กซ์จะเป็นอย่างไร หากทำใจไม่ได้ก็ไม่ต้องส่งลูกมาเรียนแล้วสอนลูกหลานไปตามเดิม" อาจารย์กล่าวอย่างน้อยใจและบอกด้วยว่า
ทุกวันนี้เหตุการณ์ เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ จะสอนในห้องเรียนอย่างเดียว ไม่พอ ไม่มีอะไรที่จะพยุงให้ลุกขึ้นมาได้เพราะปัจจัยต่ำๆ มีมากไม่สามารถบอกได้เลยว่าในระหว่างที่เรียนเด็กจะนำไปใช้จริงกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะปราการในการป้องกันเด็กของเราน้อยเกินไป การสอนในชั้นเรียนเพศศึกษาอย่างเดียวเด็กไม่สามารถซึมซับได้ทั้งหมด จริงๆแล้วจึงอยู่ที่กระบวนการสอนในทุกวิชา แต่การศึกษาทุกวันนี้ยังไม่ได้สอนให้เด็กคิด ให้แต่เนื้อหา กิจกรรมที่สร้างสรรค์ก็ไม่ค่อยมี ถึงมีครูก็จัดการหมด เด็กแทบไม่ได้คิดทำอะไรเลย ไอเดียออกมาจากตัวเด็กน้อยมาก
อาจารย์นีน่า ยังบอกอีกว่า การปฏิรูปการศึกษาเรียกได้ว่าล้มเหลว 30 ปีก่อนเป็นยังไงเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น การปรับหลักสูตรสุขศึกษา-เพศศึกษาใหม่ก็ยังมีแต่เนื้อหาที่นักวิชาการ คนทำตำรายัดเยียดใส่ลงไป โดยครูต้องประยุกต์เองแล้วครูจะเอาทักษะมาจากที่ไหน ทางที่ดีควรจะทิ้งวัฒนธรรมการสอนเดิมๆ ให้หมด ต้องปรับยุทธศาสตร์ ปรับหลักสูตรพัฒนาครู และที่สำคัญหากวิชาอื่นๆ ไม่มีการตอกย้ำด้วย ก็จะไม่มีประโยชน์
"ครูยังกลัวไม่กล้าแหกคอก บางครั้งทำให้เราท้อนะ เพราะทำไปก็เปล่าประโยชน์ เมื่อบ้านเรายังมองการสอนเรื่องเพศเป็นเรื่องประหลาด รับไม่ได้ ขณะที่สังคมปัจจุบันเด็กเรียนเก่งขึ้นแต่คุณธรรมต่ำลง อย่างเด็กดูวีซีดีน้องแนท เพราะเพื่อนดูทั้งโรงเรียนแล้วก็ก๊อบมาให้กัน เด็กก็ดูก็รู้ได้ แต่ดูแล้วชนะไหม ถ้าดูแล้วอยากเจอของจริงจะทำยังไง แต่เด็กเขาจะมองด้านเดียว ขาดกระบวนการคิดที่ถูกขั้นตอน ไม่คิดว่าหากผิดจากกรอบทำนองคลองธรรมนั้นเป็นสิ่งไม่ดี ชอบคิดว่าไม่ทำให้ใครเดือนร้อน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ หากหมกหมุ่นมาก การเรียนแทนที่จะดีกว่านี้กับได้แค่นี้ ถ้าพ่อแม่รู้ก็ยิ่งเป็นห่วง ไม่สบายใจ"
อาจารย์นีน่า ยังบอกว่า การสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ยังต้อง สอนเรื่องศีลธรรม กฎหมายควบคู่ไปด้วย ให้รู้ให้คิดว่าควรทำหรือไม่ควรทำ และถ้าตัดสินใจทำแล้ว ยินดีที่จะยอมรับผลที่ตามมาหรือไม่ แต่บอกได้เลยว่าทุกวันนี้ปัญหาคือ "เด็กยังคิดไม่เป็น"
สำหรับบทเรียนที่ใช้สอนในโรงเรียนสตรีวิทย์ ก็เป็นการนำมาประยุกต์ให้เข้ากับเด็กสตรีวิทย์ เรื่องเซ็กซ์เด็กคิดอย่างไรต้องหาให้เจอ สถานการณ์ภายนอกโรงเรียนจะต้องจัดการอย่างไร ครอบครัวสังคมส่งผลต่อแนวความคิด พฤติกรรมอย่างไร หรือกระบวนการกลุ่มเพื่อนมีผลต่อแนวความคิดเขาอย่างไรบ้าง ทุกอย่างเป็นสถานการณ์จริงๆ ในชีวิตจริง
"อย่างไรก็ดี สภาวะการในโรงเรียนที่พบมักเป็นการชักจูงกันไปมีเพศสัมพันธ์โดยหมู่เพื่อน หาสิ่งใหม่ๆ ข้างนอกโรงเรียน ดังนั้นบทเรียนที่จะเข้าไปสกัดพฤติกรรมคือจะเน้นการรักนวลสงวนตัวให้เขารู้ทุกอย่างก่อนตัดสินใจว่าจะรักนวลสงวนตัวหรือไม่ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นช่วงการปฏิเสธการมีเซ็กซ์ แต่หากเด็กมีเซ็กซ์แล้วก็จะต้องมีเซ็กซ์ที่ปลอดภัย หรือเซฟเซ็กซ์"
มาถึงจุดนี้บอกได้เลยว่า วัยรุ่นค่อนข้างมองเรื่องเพศเหมือนการกินอาหาร ต้องเสพเซ็กซ์เสรีไม่ละอาย เรียกว่า เสรีมากจนเกินไป ไม่มีการป้องกัน คุณธรรมไม่มี เป็นอันตรายมาก แน่นอนว่าหากเราฝึกเด็กให้คิดเป็นเด็กมีความคิดก็ไม่ทำ แล้วก็กลับมาได้ กระบวนการคิดเป็น ยับยั้งได้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด
********
ความลับ XX ของนักเรียนอาชีวะ
เด็กอาชีวะ เด็กพาณิชย์ มักถูกสังคมมองตราหน้าและมองในแง่ที่ไม่ดีนัก โดยเฉพาะเรื่องเซ็กซ์ การบริการทางเพศ เด็กสาวขายตัว ท้องแล้วแท้ง ติดเอดส์ มั่วสุม ตีกัน เมื่อตระหนักถึงปัญหาที่ทวีความรุนแรกมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ การอาชีศึกษา จึงมีนำหลักสูตรมาบรรจุไว้ในการเรียนการสอนเลยทีเดียว จึงเรียกได้ว่า ในห้องเรียนของเด็กอาชีวะอบอวนไปด้วยความรู้เรื่องเพศอย่างเต็มที่ไม่ต้องปกปิด ตรงไปตรงมา
อาจารย์พันธ์เพ็ญ โพธิ์ใบ อาจารย์ซึ่งสอนวิชาเพศศึกษา จากวิทยาลัยการอาชีพพรหมคีรี นครศรีธรรมราช 1 ในโรงเรียนนำร่อง เล่าถึงความรู้สึกครั้งแรกที่สอนวิชาเพศศึกษาว่า ปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้วที่มีการสอนวิชาเพศศึกษา ช่วงแรกๆ ตื่นเต้นกันทั้งลูกศิษย์และอาจารย์ แต่เพราะเพื่อนอาจารย์ ผู้อำนวยการค่อนข้างเป็นคนทันสมัย เปิดรับ ใจกว้าง ไม่ใช่คนหัวเก่า ทำให้การเรียนการสอนประสบความสำเร็จมาก
"เด็กสนใจเข้าเรียนมาก น่าตกใจที่วิชาอื่นเด็กขาดเรียนแต่วิชานี้กลับเข้าเรียนกันครบทุกคนมาก็เร็ว ส่วนเด็กปวช.ชั้นปีที่ 3 ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้เรียนก็ขอเข้าเรียน มานั่งฟังด้วย ครูก็ดีใจที่เด็กสนอกสนใจ ขนาดเจ้าหน้าที่ยังมานั่งฟังเลย แล้วบอกว่าโตมาจนป่านนี้ แค่อวัยวะเพศของตัวเองต้องดูแลยังไงยังไม่รู้เลย"
อาจารย์พันธ์เพ็ญ บอกถึงบทเรียนที่นำมาสอนเด็ก เช่น สุขภาพทางเพศ การป้องกันตัวจากเอดส์ การวิเคราะห์สื่อ การตัดสินใจ ภาวะระดับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่หลากหลาย ส่วนเทคนิควิธีการสอน อันดับแรก เราต้องทำให้เด็กเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจก่อน จากนั้นเด็กจะเริ่มมาปรึกษาเรื่องความรัก เรื่องเซ็กซ์แล้วที่สำคัญที่สุดคือ การเก็บความลับของนักเรียนไว้ โดยที่คาบการเรียนแรกๆ เราจะมีการตกลงก่อนการเรียนหรือทำกิจกรรมว่า ครูจะเก็บความลับของนักเรียน เป็นความลับสุดยอดไม่เล่าให้ใครฟัง ส่วนเราก็จะให้ข้อมูลที่เขาอยากรู้ทั้งหมดส่วนจะนำไปปฏิบัติหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อาจารย์พันธ์เพ็ญ บอกว่า เมื่อเราเปิดอกคุยกันเรื่องเพศ เข้าใจเขา เด็กก็เข้ามาปรึกษามากขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อ หรือ ความเข้าใจผิดๆ เช่น การนับหน้า 7 หลัง 7 ขนาดอวัยวะเพศ ซึ่งเมื่อก่อนเด็กจะปรึกษาเพื่อนซึ่งจะได้รับคำแนะนำถูกๆ ผิดๆ ก็หันมาปรึกษาอาจารย์มากขึ้น
"การมีส่วนร่วม การได้แสดงความเห็น แลกเปลี่ยนกัน รวมทั้งการทำกิจกรรมร่วมกัน แสดงบทบบาทสมมติ เช่น การขอซื้อความปลอดภัย ด้วยการทดลองที่จะซื้อยาคุ้ม หรือ ถุงยางอนามัย แล้วสังเกตพฤติกรรมคนรอบข้าง รู้จักแคร์ความรู้สึกบุคคลอื่น โดยเฉพาะผู้ปกครอง พ่อ-แม่ อาจารย์ เพื่อน"
อาจารย์พันธ์เพ็ญ ให้บทสรุปของห้องเรียนเซ็กซ์ว่า แน่นอนว่าปัญหาเรื่องเพศลดลง เห็นได้ชัดเจนที่สถิติฝ่ายปกครอง เช่น เด็กที่ออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะพฤติกรรมชู้สาว การท้อง แท้ง ลดลงมาก ปัจจุบันวิชาเพศศึกษาถือว่าจำเป็นที่เด็กควรเรียนรู้เพราะสถานการณ์สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงดีใจที่มีส่วนช่วยถ่ายทอดความรู้ให้เด็กรู้เท่าทันสถานการณ์ปัจจุบัน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัย
********
เรื่องโดย วรรณภา บูชา/ภาพโดย อาทิตย์ นันทพรพิพัฒน์