xs
xsm
sm
md
lg

'สนามจุ๊บ'ยุคใหม่ บนทุ่งหญ้า'เสมือนจริง'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในอดีตที่ผ่านมา สนามหญ้าที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคย คงจะหนีไม่พ้นสนามฟุตบอล ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะการใช้งานอย่างหนักแต่ละทัวร์นาเมนท์ แน่นอนว่าหลังผ่านการใช้งานอย่างหนัก ผู้เป็นเจ้าของต้องปิดสนามเพื่อทำการปรับสภาพและบำรุงรักษาให้กลับมาดีเหมือนเดิม บางครั้งปีหนึ่งนานถึง 3 หรือ 4 เดือน ทำให้เกิดการเสียโอกาสทั้งเจ้าของ และผู้ต้องการจะใช้สนาม

สำหรับประเทศที่กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาอาชีพอย่างในอังกฤษนั้น สนามหญ้าที่ใช้ในการซ้อมและการแข่งขันจะได้รับการดูแลอย่างดี ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะนักกีฬา หรือเจ้าหน้าที่ของสนามไม่มีสิทธิ์ลงไปเหยียบย่ำได้เป็นอันขาด นอกจากนี้สนามของแต่ละสโมสรจะต้องได้รับการดูแลให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ สำคัญที่สุดคำว่า 'บำรุงสนาม' ของสนามในต่างประเทศนั้นคือบำรุงจริงๆเพราะจะมีการรดน้ำ ใส่ปุ๋ยและตัดแต่งหญ้าเป็นประจำ

แต่ในเมืองไทยนั้นสนามฟุตบอลส่วนใหญ่ การดูแลรักษาจะทำกันตามงบประมาณที่ได้รับ หากเป็นสนามฟุตบอลของเอกชน ส่วนใหญ่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดังเช่น สนามมีสุวรรณ ไม่ว่าจะเป็นพื้นสนามหรือไฟในสนาม ที่เป็นเช่นนี้เพราะสนามดังกล่าวเก็บค่าใช้บริการ ในขณะที่สนามฟุตบอลของส่วนราชการหรือ มหาวิทยาลัย การดูแลขึ้นอยู่กับความใส่ใจของเจ้าของสถานที่ บางแห่งอาจปล่อยให้หญ้าแห้งโกร๋น โดยที่บุคคลภายนอกเข้ามาใช้สถานที่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือเสียก็แต่น้อย

ด้วยความที่สนามหญ้าจริงมีข้อจำกัดหลายประการเริ่มตั้งแต่การบำรุงดูแลหญ้าให้เขียวสดอยู่ตลอดเวลา ด้วยการการรดน้ำ และ ใส่ปุ๋ย รวมไปถึงการตกแต่งให้สนามพร้อมใช้งาน นอกจากนี้เมื่อเข้าช่วงฤดูฝนสนามต่างๆก็ต้องหยุดพักเนื่องจาก พื้นสนามมีน้ำท่วมขังหากปล่อยให้มีการใช้งานจะทำให้พื้นหญ้าได้รับความเสียหาย

ทั้งหมดนี้เลยเป็นที่มาของข้อเสนอในการใช้สนามหญ้าสังเคราะห์ แทนการใช้หญ้าจริง เพราะนอกจากดูแลรักษาได้ง่ายแล้ว ยังไม่ต้องหยุดพักสนามแม้จะมีฝนตกเนื่องจากไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง แต่ดูเหมือนว่ากระแสการยอมรับหญ้าสังเคราะห์ จะยังไม่เป็นที่ยอมรับเนื่องจาก ผู้ที่อยู่ในแวดวงกีฬาหลายคนยังฝังใจกับหญ้าเทียมขนสั้นในอดีตที่ไม่เหมาะกับการทำสนามฟุตบอลเนื่องจาก สตั๊ดไม่สามารถยึดพื้นผิวหญ้าได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันฟุตบอลที่ต้องมีการสไลด์ตัวตัดบอล หรือการปะทะจะทำให้ผู้เล่นได้รับบาดเจ็บได้โดยง่าย

แต่ทุกวันนี้ วิวัฒนาการของหญ้าเทียม ได้กลายพันธุ์มาเป็นหญ้าสังเคราะห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคนไทยจะได้ทำความรู้จักกับสนามหญ้าดังกล่าว กับสนามฟุตบอลของศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ'สนามจุ๊บ' ที่ได้รับการบูรณะสนามใหม่ภายใต้งบประมาณ 66.5 ล้านบาท ที่สนับสนุนโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดหมายว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีพุทธศักราช 2548

'สนามจุ๊บ' ลองของใหม่ใช้หญ้าสังเคราะห์เป็นแห่งแรก

แม้จะยังถกเถียงกันไม่จบว่าระหว่างของจริงหรือสังเคราะห์อย่างไหนจะดีกว่ากัน แต่ในที่สุดเมืองไทยก็จะมีสนามหญ้าสังเคราะห์เป็นแห่งแรกในประเทศไทยแล้ว โดยศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การบริหารงานของ ดร. จุฑา ติงศภัทิย์ ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ตัดสินใจเลือกเปลี่ยนสนามฟุตบอลของศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสนามหญ้าเทียมภายใต้งบประมาณ 66.5 ล้านบาทจากความสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สำหรับสนามหญ้าสังเคราะห์แห่งแรกในเมืองไทยนี้ ดร. จุฑา ติงศภัทิย์ ได้ให้ข้อมูลว่า เป็นการสร้างตามมาตรฐานเดียวกันกับสนามหญ้าสังเคราะห์ในเอเชีย ดังเช่นสนามของโรงเรียนฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ฮ่องกง รวมไปถึงสนามฟุตบอลที่มาเลเซีย สิงค์โปร์ โดยสนามดังกล่าวได้ใบรับรองมาตรฐานจากฟีฟ่า หรือ สมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติว่าสามารถใช้งานได้เช่นเดียวกันกับสนามหญ้าจริง ซึ่งสนามฟุตบอลของศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังเปลี่ยนสนามเป็นหญ้าสังเคราะห์เรียบร้อยก็จะดำเนินการขอใบรับรองจากฟีฟ่าด้วยเช่นกัน

สาเหตุหลักๆที่ศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัดสินใจเปลี่ยนสนามฟุตบอลจากหญ้าจริงมาเป็นหญ้าสังเคราะห์ ส่วนหนึ่งมาจากการดูแลรักษาสนาม และอายุการใช้งานของสนามฟุตบอลดังกล่าวที่ทำหน้าที่มายาวนาน ในช่วงฤดูฝนต้องปิดสนามเพื่อบูรณะจากปัญหาน้ำท่วมขัง ทำให้สนามฟุตบอลแห่งนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

ทั้งนี้ ทางผู้บริหารของศูนย์ฯ คาดหวังว่าภายหลังการปรับปรุงสนามใหม่ให้กลายเป็นสนามหญ้าสังเคราะห์ จะทำให้ใช้งานสนามได้เต็มที่กว่าเดิม เพราะไม่ต้องบำรุงดูแลมาก ที่สำคัญไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง แม้ฝนตก สนามหญ้าสังเคราะห์ก็สามารถระบายน้ำออกได้ ไม่ต้องปิดสนามเพื่อปรับปรุง และสามารถเปิดให้บุคคลภายนอกสามารถเช่าใช้ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ทางศูนย์ฯได้อีกทางหนึ่ง

การปรับปรุงสนามฟุตบอลของศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นหญ้าสังเคราะห์ และปรับปรุงหลังคา อัฒจันทร์ซึ่งมีความจุราว 2 หมื่นที่นั่ง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการปรับปรุงยกแรกเท่านั้น ภายหลังจากนี้จะมีการปรับปรุงแสงสว่างในสนาม และภูมิทัศน์ต่างๆเพื่อยกมาตรฐานของสนามให้พร้อมสำหรับการแข่งขันรายการสำคัญระดับประเทศ

ระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ 'สนามจุ๊บ' ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี กำลังจะเปลี่ยนโฉมใหม่หลังจากถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานตั้งแต่ สมัย 'จอมพล ประภาส จารุเสถียร' ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่พลิกประวัติศาสตร์วงการสนามกีฬาในเมืองไทยเลยทีเดียว

ทำความรู้จัก 'หญ้าสังเคราะห์'

ในอดีตนั้นหญ้าสังเคราะห์ รู้จักกันในนามของหญ้าเทียม ถ้าจะลองนึกภาพตามก็จะหมายถึง หญ้าเทียมที่ใช้กันในสนามไดรฟ์วิ่งเลนจ์ ของกีฬากอล์ฟ ซึ่งใบหญ้าเทียมจะสั้นและมีความแข็ง หากล้มตัวบนหญ้าในลักษณะนี้แน่นอนว่าอย่างน้อยนักกีฬาต้องได้แผลถลอกติดตัวเป็นของฝาก ข้อดีของหญ้าเทียมในอดีตนั้นมีอยู่เพียงประการเดียวที่คนทั่วไปรับได้คือคุณสมบัติที่ไม่ดูดซึมน้ำและดูแลรักษาง่าย

แต่สำหรับการใช้ปูสนามกีฬาใหญ่ๆอย่างสนามฟุตบอลนั้น ไม่ได้รับการยอมรับเพราะข้อด้อยของหญ้าเทียมยังมีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นใบหญ้าที่สั้นและแข็ง นอกจากนี้ยังไม่เกาะติดกับพื้นรองเท้าสตั๊ด ทำให้กีฬาหลายประเภทที่ใช้สนามหญ้าเป็นสนามแข่งขันอย่างรักบี้ฟุตบอล ฟุตบอล หรืออเมริกันฟุตบอล เลิกสนใจที่จะใช้หญ้าเทียมปูในสนามแข่งขันแม้ว่าการบำรุงรักษาจะง่ายกว่ากันมากก็ตาม

จากปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตหญ้าเทียม พัฒนารูปแบบของหญ้าให้ดีขึ้นและพยายามกำจัดจุดอ่อนให้หมดไป จนในที่สุด 'หญ้าสังเคราะห์' คือคำตอบใหม่สำหรับสนามกีฬาขนาดใหญ่เพราะนอกจากจะเพิ่มคุณสมบัติที่คล้ายกับหญ้าจริงเข้าไปแล้ว 'หญ้าสังเคราะห์' ยังลบข้อด้อยของ 'หญ้าเทียม' ในอดีตออกไปจนหมด

สำหรับหญ้าสังเคราะห์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในสนามการแข่งขันขนาดใหญ่นั้น ใบหญ้าจะมีความยาวที่ 65 มิลลิเมตร ทออยู่บนยางสังเคราะห์หนา 15 มิลลิเมตร ถูกปูบนผืนยางมะตอยหนา 70 มิลลิเมตร และเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้คล้ายคลึงกับสนามหญ้าจริงมากที่สุด พื้นที่รองรับผืนยางมะตอยจะเป็นชั้นหินคลุกหนา 200 มิลลิเมตรที่เรียกว่า Shock Pad ต่อจากนั้นจะเป็นระบบระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังสนามโดยจะทำการระบายจากด้านบนลงสู่ท่อระบายด้านล่าง

ในส่วนของผิวสนามหญ้าเทียมนั้น จะมีการเติมเม็ดยาง ซิลิก้า 22 เพื่อกดให้หญ้าอยู่กับที่และใบหญ้าจะตั้งตรงได้ตลอดเวลาโดยมี Cool Rubber หรือเม็ดยางที่จะทำหน้าที่ยึดเกาะกับรองเท้าสตั๊ดของนักกีฬา ให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนเล่นบนสนามหญ้าจริง โดยเม็ดยางดังกล่าวประเทศในแถบยุโรปที่ใช้สนามหญ้าเทียมจะใช้เม็ดยางสีดำ แต่สำหรับประเทศในแถบเอเชีย นั้นจะใช้ Cool Rubber สีเพื่อไม่ให้ดูดซับความร้อน และด้วยคุณสมบัติของเม็ดยางดังกล่าวทำให้นักฟุตบอล นักรักบี้ หรือแม้แต่นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล สามารถใช้รองเท้าสตั๊ดแบบที่ใช้กับหญ้าจริงได้ในสนามหญ้าสังเคราะห์

ทั้งหมดนี้คือ รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงสนามเป็นหญ้าสังเคราะห์โดยสังเขป เพื่อให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงของ 'สนามจุ๊บ' ที่กำลังจะเปลี่ยนไปในไม่ช้านี้ ท่ามกลางความคาดหวังของผู้บริหารศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์ที่หวังจะใช้สนามฟุตบอลแห่งใหม่นี้อย่างเต็มที่

อนาคตหญ้าจริงกับของเลียนแบบ อย่างไหนน่าใช้กว่ากัน?

เมื่อหญ้าสังเคราะห์สามารถวิวัฒนาการจนกลายพันธุ์ใกล้เคียงกับหญ้าจริงมากกว่าในอดีต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สนามแข่งขันสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด โดยไม่ต้องมีการหยุดพักสนามดังเช่นหญ้าจริง แต่ด้วยความที่เป็น 'Artificial' หรือแปลให้เข้าใจง่ายๆว่าเป็น 'ของทำเลียนแบบ' ยังทำให้คนในวงการกีฬาไทยหลายคนตั้งข้อสงสัยกันว่าจะดีจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ เพื่อทำการไขข้อข้องใจดังกล่าวลองมาดูข้อดีข้อเสียของสนามหญ้าสังเคราะห์และสนามหญ้าจริงเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน

เริ่มกันที่ข้อดีของสนามหญ้าสังเคราะห์ที่ได้รับการปรับปรุงจนใกล้กับของจริงมากที่สุดนั้น สามารถใช้เล่นได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องปิดเพื่อทำการปรับปรุงสนามในช่วงฤดูฝน บำรุงดูแลรักษาง่าย ไม่มีปัญหาหยุดการแข่งขันเมื่อมีพายุฝนตกก่อนการแข่งขันหรือระหว่างการแข่งขัน เนื่องจากสามารถระบายน้ำได้รวดเร็วและไม่มีดินโคลนเป็นอุปสรรคในการแข่งขัน ที่สำคัญสีของหญ้าเทียมนั้นจะเขียวสดอยู่นานถึง 8 ปีก่อนจะเปลี่ยนยกแผงใหม่อีกครั้งหนึ่ง

แต่ถึงแม้สนามหญ้าสังเคราะห์จะพยายามสร้างเพื่อเลียนแบบสนามหญ้าจริงเพียงใด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เช่นเดียวกัน โดยสนามประเภทนี้ ไม่สามารถใช้ในการพุ่งแหลน ขว้างค้อน ทุ่มน้ำหนัก และขว้างจักรได้ เนื่องจากจะทำให้เกิดรอยยุบได้ นอกจากนี้ ตัวใบหญ้าสังเคราะห์ และไม่มีดินที่จะอมความชื้น ใบหญ้าและสนามจึงร้อนกว่าของจริงเมื่อจะใช้งาน จึงต้องรดน้ำก่อนเล่นทุกครั้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น หลังการใช้งานก็ต้องบำรุงด้วยการกวาดสนามด้วยรถลากแปรงขนาดใหญ่ เพื่อเกลี่ยเม็ดยางให้เสมอกัน

สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นมูลค่าการก่อสร้างปรับปรุงสนามจะต้องขุดรื้อดินเดิมออก เพื่อจัดวางระบบระบายน้ำใต้ดินใหม่พร้อมทำงานฐานราก หินคลุกแอสฟัลต์เปิดชั้นยางดำ( E-Layer)และพรมหญ้า POLIGRAS เม็ดยางสี พรมสำรอง เม็ดยางสำรอง พร้อมติดตั้งและภาษี รวมไปถึงค่าเครื่องกวาดทำความสะอาด 1.5-2.5ล้านบาทงบประมาณของการสร้างสนามหญ้าเทียมหนึ่งแห่งจะอยู่ที่ 36-40 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 4 เดือน

ทั้งหมดนี้คือ ข้อดีและข้อจำกัดของหญ้าเทียมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับสนามหญ้าจริงที่มีปัญหาสำคัญที่สุดคือการดูแลรักษา และค่าบำรุงระยะยาวที่แพงกว่า

นับวันหญ้าสังเคราะห์ก็ยิ่งทำได้ใกล้เคียงกับหญ้าจริงเข้าไปทุกขณะ จนฟีฟ่าเองเริ่มหันมาจับตามองและสนใจพัฒนาการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่แน่เหมือนกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะเหลือเพียงกลิ่นหญ้าจริงๆเท่านั้นกระมัง ที่สนามหญ้าสังเคราะห์ไม่สามารถเลียนแบบได้






กำลังโหลดความคิดเห็น