แฟชั่นมักจะมาเร็วไปเร็ว และหวนกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้ไม่รู้จบ เทรนด์นิยมรุ่นคุณแม่ยังสาวหรือจะเก่าไปจนถึงรุ่นบรรพบุรุษ ดึกดำบรรพ์แค่ไหน คนรุ่นใหม่ หนุ่ม-สาวเทรนดี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่จนกลายเป็นเทรนด์นิยมกันทั่วบ้านทั่วเมือง อย่างล่าสุดที่กำลังได้รับความนิยมขายกันแทบทุกร้านกับเทรนด์ "ยิปซี" (Gipsy) หรือ "โบฮีเมียน" (Bohemian) หรือเรียกสั้นๆว่า"โบโฮ" (Boho)
เอ่ยถึงยิปซี หลายคนนึกไปถึงภาพของชนเผ่าเร่ร่อนอพยพมาจากทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย กระจายตัวอยู่ทั่วทวีปยุโรป และสไตล์การแต่งตัวในแบบยิปซีที่ เสื้อผ้ากรุยกรายพร้อมเครื่องประดับพะรุงพะรังขนมาครบเซต ทั้งสร้อยคอ ต่างหู กำไลสร้อยข้อมือ เข็มขัดปล่อยสายผูกยาวลงมา รองเท้าส้นเตารีดและทรงผมที่ไม่ต้องจัดทรงหรือพิถีพิถันมากนัก
สำหรับยิปซีในแบบฉบับของสาวไทยอินเทรนด์จะเป็นอย่างไรนั้นเชิญติดตาม...
กรุยกรายสไตล์ยิปซี
ตลาดนัดสวนจตุจักร อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประตูน้ำ สยามเซ็นเตอร์พอยต์ มาบุญครอง แหล่งเสื้อผ้าอินเทรนด์ของสาวๆทุกวัย ณ วันนี้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าสไตล์ยิปซีที่สาวๆนำมาแต่งองค์ทรงเครื่อง เสื้อผ้าเนื้อบางเบา ทั้งผ้าถัก ผ้าทอ ผ้ามัดย้อม บางตัวปะติดปะต่อผ้าหลากสีหลายลายไว้บนตัวเสื้อ มีระบายชายแขนเสื้อหรือจะเป็นชายเสื้อด้านหน้า หุ่นหญิงสาวในชุดเดรสยาว กระโปรงยาวผ้าต่อ 14 ชิ้น ชายระบายสวมใส่แบบสบายไม่แนบเนื้อ พริ้วไปมา กระโปรงยาวกรอมข้อเท้า บ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิง เพิ่มความเก๋ด้วยลายปักดูไม่เรียบเกินไป
อิสรา ลิขิตวนิชกุล เจ้าของร้านฮัลโลโมเดิร์นดีไซน์ในตลาดนัดสวนจตุจักรโครงการ 21 ซอย 5 ด้วยความชอบส่วนตัวจนกลายมาเป็นร้านเปิดขายมานาน 5-6 ปี ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเรียกว่าสไตล์โบฮีเมียนและผู้คนยังนิยมเฉพาะกลุ่ม กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม บรรดาร้านค้าสไตล์นี้ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดหาได้ไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน
"โดยส่วนตัวชอบแนวนี้ ออกแนวธรรมชาติไม่ต้องพิถีพิถัน ไม่จำเป็นต้องมานั่งแต่งหน้าจัดๆ หรือเซตผมทุกอย่างเพื่อให้เข้ากับสไตล์นี้ ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะใส่รองเท้าสีอะไรเพื่อให้เข้ากัน เพราะเสื้อผ้าสไตล์นี้มีแทบทุกสีในตัวเอง หยิบขึ้นมาใส่ก็เรียบร้อยเข้ากันได้กับทุกสี ไม่มีกฎเกณฑ์ ก็ชอบเพราะความไม่มีกฎเกณฑ์ตรงนี้ ดูแล้วมีเสน่ห์จึงได้จับเอาเสน่ห์ตรงนี้ขึ้นมา ตอนนั้นยังไม่ฮิต แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร ก็หยิบนั่นผสมนี่ แต่พอทำไปได้สักพัก กลายเป็นกระแสฮิตขึ้นมา มีชื่อเรียกเป็นสไตล์โบฮีเมียน สไตล์ชนเผ่า 3-4 ปีที่แล้วถือว่าได้รับความนิยมสุดๆก็ว่าได้ แต่ก่อนในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นมีไม่มาก หาซื้อได้ยาก แต่ตอนนี้ขึ้นคำว่ากระแสปุ๊บ กลายเป็นว่าทุกที่จะมีเสื้อผ้าสไตล์นี้หาได้ง่ายขึ้น ให้ความรู้สึกว่ามันเยอะ แต่กลุ่มคนที่ใช้จริงๆยังเป็นคนกลุ่มเดิม สไตล์อาร์ตๆ ชอบท่องเที่ยวเดินทาง มีความคิดเป็นของตัวเองไม่ยึดติด ไม่ตามแฟชั่น"
รูปแบบที่ออกแบบมาส่วนใหญ่ อิสราบอกว่านิยมเป็นแขนกุด ผูกไหล่ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะกรุยกราย ผ้ามีน้ำหนักทิ้งตัวพริ้วไปมา
"ถึงจะเป็นเสื้อแบบสั้นก็จะมีระบาย จับจีบ สไตล์บางเบา เนื้อผ้าค่อนข้างเป็นอิสระยืดหยุ่นไม่ใช่พวกผ้ายืดแนบตัว ลายบนเสื้อมีไม่เยอะจะวนไปวนมา ขึ้นอยู่กับว่าจะหยิบลายไหน ปัจจุบันกระแสแฟชั่นมีอิทธิพลสูงดังนั้นก็จะมีบ้างที่ดึงเอาแฟชั่นมาใช้ อย่างช่วงนี้ฮิตลายดอกไม้ก็จะทำลายดอกไม้ หรือช่วงนี้ฮิตลายเลขาคณิตก็จะนำลายนี้มาใช้สร้างลวดลาย แต่เท่าที่ทำมาก็เหมือนๆเดิมเป็นเส้นสายอิสระ เป็นลายกลมมน ไม่ค่อยเปลี่ยนลายมาก ลายจะไม่กว้าง ส่วนมากเป็นลายเล็กๆงานพวกนี้ไม่ค่อยมีทำครั้งละหลายๆตัว ส่วนใหญ่เน้นงานแฮนด์เมดชิ้นเดียวตัวเดียว ด้วยวิธีการมัดย้อม เขียนเทียน บาติก ถ้ามากหน่อยก็จะเป็นสไตล์ปักเพิ่มเติม ผ้าส่วนใหญ่เป็นผ้าฝ้าย ถ้าผสมก็จะผสมส่วนประกอบจากธรรมชาติอย่าง ใยสับปะรด ใยมะพร้าวขนสัตว์"
เสื้อผ้าส่วนหนึ่งนำเข้าจากเนปาล อินเดีย และทิเบต ส่วนหนึ่งซื้อผ้านำเข้าจากอินเดียและเนปาล หรือผ้าในบ้านเรามาประยุกต์"จับนู้นผสมนี่ เพราะผ้าของเมืองไทยสวยๆเยอะ ลูกค้าเห็นยังคิดว่าเป็นผ้าจากเมืองนอก"
กลุ่มลูกค้ามีทั้งไทยและเทศ ลูกค้าคนไทยที่นิยมบริโภคเสื้อผ้าสไตล์นี้มากที่สุดจะอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 18-30 ปี ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาไปจนถึงวัยทำงาน นิยมสีทึบมืดหรือไม่ก็สีหวาน สว่างใสๆไปเลย แต่ถ้าเป็นลูกค้าต่างชาติจะเน้นสีสดไว้ก่อน
"เป็นงานขายสีสันจริงๆ ดูกี่ที่ก็ยังสวย ใส่ได้ทุกฤดูกาล ไม่เหมือนเทรนด์เสื้อยืดหรือตามฤดูกาลแบบเสื้อแบรนด์เนม ซัมเมอร์ต้องเป็นสีแดง-เหลือง พอถึงฤดูใบไม้ผลิต้องเป็นสีเหลือง ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผู้หญิง ผู้ชายหาเสื้อง่าย แค่เสื้อแขนยาวสีขาว ใส่สร้อยคอไม้หรือสร้อยคอหินใหญ่ๆ หรือใส่ข้อมือ หมวกถักสักใบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเข้าแนวยิปซีแล้ว ต่างจากผู้หญิงที่จะมีอะไรนิดๆหน่อยๆให้แต่งเยอะ"
บริเวณลานท่าพระจันทร์เป็นอีกแห่งที่ข้าวของเครื่องใช้และแฟชั่น พิชญ์นิภา มงคลเจริญลาภ เจ้าของแผงเสื้อผ้าแฟชั่นรวมไปถึงเสื้อสไตล์โบฮีเมียน เล่าให้ฟังว่า "เสื้อผ้าแนวโบฮีเมียนเป็นงานนำเข้ามาจากจีน เราไปรับจากประตูน้ำ ขายทั่วไปเป็นเสื้อไม่สั้นมากและไม่ยาวมาก ความยาวคลุมสะโพก สายเดี่ยวปักไม้ ปักเลื่อมขายดี แล้วก็มีผ้ามัดย้อมสองสีเพิ่งเข้ามา เฉดสีที่คนนิยมคือสีส้ม เขียวสมอ สีบานเย็น สีสดขายดีโดยเฉลี่ยราคา 220 บาท" เก๋ผู้ช่วยขายหน้าร้านเสริมเพิ่มเติมว่ายังมีสีโอรส สีเขียว และสีเหลือง
จิราภรณ์ แดงพันพง พนักงานขายร้านพี-โซนใต้โรงหนังสยามกล่าวถึงเสื้อยิปซีในร้านว่า"เสื้อพวกนี้เป็นเนื้อผ้าฝ้าย เสื้อตัวยาวๆพองๆ ทรงใส่ง่ายๆ ไม่แนบตัวมากใส่คู่กับเครื่องประดับหินสีพลาสติก นำเข้าจากอินเดีย ญี่ปุ่น เข้ามาได้ 5-6 เดือน ขายได้เรื่อยๆ ขายได้ทุกสี แต่สีที่นิยมคือสีฟ้า สีส้ม สีเขียว ได้รับความนิยมแทบทุกวัย ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ราคาตั้งแต่ 790-2,000 กว่าบาท" สำหรับเฉดสีที่นิยม เบียร์ พนักงานร้านเสื้อใต้โรงหนังสยามนำเข้าเสื้อกรุยกรายมีระบายที่สาวๆยิปซีชื่นชอบจากฮ่องกงบอกคล้ายกันว่าได้แก่สีเขียวเข้ม สีเหลือง สีชมพูเข้มและสีเหลือง
เครื่องประดับขนมาครบเซต
ยิปซีของแท้มาพร้อมเครื่องประดับเต็มไม้เต็มมือ ทั้งสร้อยคอ เครื่องประดับชิ้นใหญ่ๆ สร้อยข้อมือ ต่างหูระย้า สร้อยข้อเท้า ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับจากธรรมชาติ มีไม้เป็นส่วนประกอบหรือหินป็นลูกเล่นเพิ่มเติม สร้อยเชือกถัก คู่กับกระเป๋าถักทอจากผ้าฝ้าย ใยกัญชา ผ้าป่านเสริมด้วยหมวกถักสักใบ เข็มขัดย้อมสีธรรมชาติ
อิสรา "พูดถึงสร้อยจะเหมือนๆกันหมด แต่ถ้าเป็นสไตล์ยิปซี เครื่องประดับถ้าจะให้อยู่ในเทรนด์นี้ ส่วนใหญ่จะเน้นความมีน้ำหนัก เครื่องประดับทำจากวัสดุในธรรมชาติให้มากที่สุด อาจจะเป็นหิน แก้ว ปะการัง กระดูก หอย แต่จะไม่ใช่พลาสติก หรืองานโลหะหนักๆ มองว่างานพวกนี้ใช้ได้เหมือนกันแต่ไม่ค่อยเข้ากับผ้า"
หญิงสาวเล่าต่อไปว่า "บางครั้งจะแนะนำลูกค้า บางคนเลือกกระโปรงสีสันเยอะแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อสีแมตซ์กระโปรง สามารถเลือกใส่เสื้อสีพื้น หรือจะเป็นสีดำไปเลยก็ได้ แล้วเลือกสร้อยมาตกแต่ง หรือถ้าเป็นเสื้อสีสันสามารถใส่กับกางเกงยีนส์แล้วผูกเข็มขัด หรือเอาผ้ามาพัน ก็ยังเป็นแฟชั่นที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่แปลกจากคนอื่น ถ้าอยากให้ดูเท่ เก๋ก็หยิบเสื้อผ้าสไตล์นี้มาเข้ากับเครื่องประดับงานหนัก หรือเสื้อสีเจ็บๆแมตซ์กับกางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋าถักเซอร์ๆน่ามอง จริงๆแล้วดูธรรมดาแต่สามารถทำให้ดูดีได้ อย่างคนหวานก็จะมีสีโทนชมพูสุดๆ เลือกใส่เข้าชุดกัน ใส่เข็มขัดดูแล้วไม่ถึงกับเซอร์"
หญิงสาวทิ้งท้ายถึงการแต่งตัวเทรนด์นี้ว่า "หยิบนั่นหยิบนี่มาผสมเข้ากับสไตล์ตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเข้ากับสไตล์นี้ แต่สามารถนำสไตล์นี้ไปประยุกต์ให้เข้ากับตัวเราได้"
ปานรวี คำวงษ์ อายุ 26 ปี เจ้าของร้านเครื่องประดับshe-2 ใต้โรงหนังสยาม "เครื่องประดับเป็นไปตามยุคสมัยหมุนเวียนกลับมาตลอดไปตามเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับสร้อยไม้ลูกปัด อะคริลิก หินสีเริ่มฮิตตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์เป็นต้นมา ช่วงนั้นจะเน้นโทนสีสดใส พอเข้าช่วงหน้าหนาวก็จะเน้นสีคลาสสิก สีไม้ ธรรมชาติ ราคาเริ่มตั้งแต่อันละ 200-1,060 บาทขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาทำ ตอนนี้เครื่องประดับไม้ยังคงได้รับความนิยม อิงจากเอกลักษณ์ชนเผ่าประยุกต์มาใช้ในชีวิตประจำวันดูเก๋ไปอีกแบบ บางคนชอบใส่เรียบๆไม่เน้นรายละเอียดเยอะ ถ้าอยากดูเปรี้ยว บางคนเลือกเครื่องประดับชิ้นใหญ่ "
สำหรับเฉดสีเครื่องประดับที่ได้รับความนิยม ประนอม เพิ่มพูน แม่ค้าวัย 52 ปี เจ้าของแผงสร้อยประดับบนถนนข้าวสารเล่าถึงเครื่องประดับเกลื่อนแผง หลากหลายรูปแบบ หลากสไตล์ที่รับมาจากประเทศเนปาลให้ฟังว่า "ปีแรกๆขายดีกว่านี้ เดี๋ยวนี้คนแย่งขายเยอะ ขายดีทุกสี โดยเฉพาะสีฟ้า" ขณะที่ ปลา พนักงานขายร้านสร้อยในตลาดนัดจตุจักรบอกว่าเครื่องประดับจากเชือกได้รับความนิยมมานานจนถึงตอนนี้ และที่ตามมาไล่ๆกันคือเครื่องประดับจากแก้ว สีขาว ดำ แดงยืนพื้น เน้นสีฟ้า เขียวเป็นที่นิยม
แต่งแบบสาวโบโฮ
พรรณี ขำรัก อายุ 27 ปี "สไตล์ยิปซีต้องแต่งแนวเซอร์ สีสดๆ ลายสุดๆ เครื่องประดับเยอะๆ พี่แต่งแบบนี้มา 3-4 ปีแล้ว แต่งผสมผสานหยิบในสิ่งที่ชอบมารวมๆกัน รู้สึกว่ามันใช่ตัวเรา ใส่แล้วชอบ รู้สึกมั่นใจ ชอบแนวเซอร์ๆ หัวยุ่งๆ สบาย ชอบสีสดๆทำให้รู้สึกดี แต่งตัวอย่างนี้หมดไม่เยอะ ถ้ารู้จักจับของเป็น จับของถูก สามารถซื้อได้เยอะครั้งละหลายชิ้น ขยันไปจับยิ่งได้หลายชิ้น ซื้อของที่สามารถนำมาใส่ด้วยกันได้ มันไม่แพงเลย แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมาราคาไม่เกิน 500 บาท โดยทั่วไปอยู่ที่ 200 บาท ซื้อที่ตลาดนัดสวนจตุจักร และที่ข้าวสาร เดี๋ยวนี้คนนิยมแต่งสไตล์นี้เพิ่มขึ้น เครื่องประดับหินสีเยอะ มองว่าเสน่ห์สไตล์นี้อยู่ที่ลูกเล่นเยอะและใส่สบาย"
กัญญาวีร์ ดรุณเดช สาวโบโฮวัย 29 ปี "แต่งสไตล์ยิปซีมาได้ 7-8 ปีแล้ว รู้สึกว่าใส่แล้วมั่นใจ สวย เก๋ เท่ เป็นตัวของตัวเอง ออกแนวอาร์ตนิดๆ อีกอย่างชอบแนวเอเชีย ชอบงานแฮนด์เมด ไม่ชอบตามแฟชั่น ไม่ชอบของซ้ำ ซึ่งสไตล์นี้ของบางชิ้นที่นำมาใช้ไม่ซ้ำใคร"
โบโฮ แต่งอย่างไรให้ดูดี
โชติพันธุ์ เอี่ยมสำอางค์ ซีเนียร์ สไตลิสต์ บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มองว่าการแต่งกายสไตล์ยิปซีเริ่มมาจากฮิปปี้-ยิปซี ชนเร่ร่อนนั้น เสื้อผ้าที่เห็นมักออกมาในแบบที่แปลกตาดูแล้วไม่เข้ากัน "มันเกิดขึ้นตามวิถีชีวิตในสมัยนั้น บางครั้งดูรก ไม่มีทิศทาง มีอะไรก็ใส่ ไม่สนใจรอบข้างหรือจะเรียกว่าพวกแหกกฎการแต่งตัว"
เขาแสดงความเห็นต่อไปถึงลักษณะเสื้อผ้าสไตล์โบฮีเมียนว่า "พูดถึงโบฮีเมียนนึกถึงเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยเข้ากันจับมาใส่ด้วยกัน ในสมัยนี้เราจะแมตซ์มันด้วยโทนสีหรือคู่สีที่อยู่ด้วยกันแล้วสวยจนเกิดความแปลกตาและเพิ่มสีสันของการแต่งตัวด้วยเครื่องประดับที่จะไม่ใส่แค่เพียงชิ้นเดียว แต่จะใส่ 2-3 เส้นและอาจเป็นวัสดุที่แตกต่างกันอาจเป็นพวกหิน ลูกปัด นิล มุข เพชร ทั้งนี้ทั้งนั้นโบฮีเมียนก็คือวิธีการแต่งกายของวิธีการแต่งกายของวิถีชีวิตในสมัยหนึ่งและได้มีการพูดถึงนำกลับมาใช้ด้วยวิธีการใหม่ๆ ความคิดใหม่ของนักออกแบบให้มีความร่วมสมัย"
โชติพันธุ์แนะนำง่ายๆสำหรับสาวๆที่สนใจแต่งตัวตัวแนวโบฮีเมียน "เริ่มจากดูชุดที่เรามีอยู่ กางเกงตัวเก่ง กระโปรงสั้นหรือยาว ผ้ายับๆ เสื้อคอจีนก็ได้ ลองมาเปลี่ยนวิธีการแต่งแบบเดิมๆเช่นนำกระโปรงมาใส่ทับกางเกงตัวเก่ง ใส่เข็มขัดเส้นใหญ่ สะโพกบนใส่สร้อยคอ 2-3 เส้น สีเข้ากันแต่ต่างวัสดุและขนาดต่างหูห่วงเงินใหญ่ ถ้าจะให้ดูวัยรุ่นขึ้นลองหาแจ็กเกตกีฬาหรือหมวกแก็บมาใส่ แค่นี้ก็ดูเป็นวัยรุ่นที่อินเทรนด์สุดๆแฝงความเป็นโบฮีเมียนที่ร่วมสมัยสมวัย โดยเฉพาะใส่ความสนุกและความเป็นตัวเอง เข้าไปในการแต่งตัวทุกครั้ง"
สาวิตรี ดำรัสธรรม ดีไซน์เนอร์เจ้าของห้องเสื้อกนิษฐ์ (ganit) แสดงความเห็นว่าการแต่งกายสไตล์โบฮีเมี่ยนค่อนข้างรุ่มร่าม สวมใส่ค่อนข้างสบายๆ ไม่เข้ารูป เป็นการเลือกใช้เสื้อผ้าแบบไร้กฎเกณฑ์ กฎระเบียบ มีความเป็นอิสระ เช่นเดียวกับการเลือกใช้เครื่องประดับที่ไม่มีข้อจำกัด
"ฟังที่เขาเล่ามายิปซีเป็นชนเผ่าเร่ร่อนไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว อยู่ในยุคระหว่างสงคราม คนต้องการความเป็นอิสระ รณรงค์ให้เกิดสันติภาพ ยุคนี้ชุดเข้ารูปหมดไปเป็นช่วงปลายยุค 60’s เข้า 70’s คนสมัยนี้เครียดภาวะสงครามอยากสร้างสรรค์กฎกติกาใหม่ๆ ต้องการแหกกฎมากกว่า เริ่มค้นหาตัวตนของตัวเอง ชีวิตที่แท้จริง เกิดความอิสระในการแต่งตัว คนเสพยา กัญชาค่อนข้างรุนแรง ภาวะจิตใจค่อนข้างหลอน ทำให้เห็นสีสันแปลกตาต่างจากที่เป็นจริง สนุกกับชีวิตที่มีสีสันมากขึ้น สร้างสีสันใหม่ๆขึ้นมา"
ดีไซเนอร์สาวอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างแฟชั่นชนเผ่าหรือชนพื้นเมืองกับแฟชั่นโบฮีเมียนที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ว่า "แฟชั่นชนเผ่าหรือพื้นเมืองจะมีความชัดเจนในตัวตน เนื่องจากบังคับด้วยลายผ้า ลักษณะการทอผ้า เครื่องประดับ และโทนสี วัสดุพื้นบ้านที่นำมาใช้ค่อนข้างชัดเจนว่าอันนี้เป็นของเผ่าไหน ถ้าพูดถึงชนเผ่าจะนึกถึงคนกลุ่มเล็กๆ ลักษณะของเครื่องประดับที่ประดิษฐ์ ออกแบบขึ้นมาจะคล้ายกัน ต่างจากสไตล์โบฮีเมียน ซึ่งไม่มีอะไรตายตัว สามารถนำผ้าพื้นเมืองหรือผ้าชนิดอื่นนำมาประยุกต์เป็นแนวอิสระ สไตล์โบฮีเมี่ยนจะไม่ใช่สไตล์คุณนาย เนื้อผ้าจะเน้นใส่สบายมากกว่า สีสัน โทนสีแล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนว่าจะนำเอาสีสดมาใส่ลายทางหรือสีทึบ"
สาวิตรีแนะนำการแต่งกายสไตล์โบฮีเมียนให้ดูดีทิ้งท้ายว่า "ยุคนี้ไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนว่าสีนี้ต้องเข้าสีนั่น อยู่ที่ความชอบความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนมากกว่า รวมถึงบุคลิก ความมั่นใจ ถ้าเรามั่นใจว่าแต่งแล้วสวย เป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็เสริมความเป็นตัวของเราเองมากกว่า แล้วแต่ว่าจะเลือกหยิบจับอะไรมาแต่ง ยุคนี้ไม่มีอะไรตายตัวว่าเข้าเทรนด์ แฟชั่นเปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว อย่างพี่แต่งเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ชอบ ส่วนเด็กวัยรุ่นเห็นแฟชั่นในท้องตลาดค่อนข้างเยอะก็นำมาแต่งตาม แต่เมื่อโตถึงจุดหนึ่งจะรู้ว่าชอบสไตล์ไหนแล้วดึงมาเป็นตัวของเขาเองในที่สุด"
ยิปซีโบฮีเมียนในสไตล์ของสาวไทยส่วนใหญ่จึงเป็นการผสมผสานเสื้อผ้าและเครื่องประดับอย่างอิสระตามใจตัวเอง โดยไม่มีรูปแบบตายตัว แปลกตาแต่สร้างความพึงพอใจและความมั่นใจให้แก่ผู้สวมใส่