xs
xsm
sm
md
lg

"นู้ดนักกีฬา" สัจธรรมของโลกทุนนิยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวที่สร้างความฮือฮาเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเล่นเอาผู้อ่านบางคนดูภาพหรืออ่านเรื่องแล้วต้องแอบอมยิ้ม บางท่านคิดไปจนถึงว่านี่กำลังเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย? นักมวยซึ่งมีชื่อเสียงและเคยเป็นแชมป์โลกมาแล้วอย่าง ศิริมงคล สิงห์วังชา ต้องมาบากหน้ายอมถ่ายแบบโชว์เนื้อหนังมังสาและของใช้ส่วนตัว เพื่อแลกเงินจำนวนหกหลัก

"เดิมทีถูกทาบทามผ่านมาจากเพื่อนนักมวยด้วยกันว่ามีผู้สนใจติดต่อให้ไปถ่ายภาพนู้ดลงหนังสือ ในราคาค่าจ้าง 2 แสนบาท หลังจากเป็นภาพลงนิตยสารนู้ดแล้ว มีแฟนๆ ผู้สนใจติดต่อเข้ามามากมายเหลือเกิน ส่วนใหญ่เป็นพวกเกย์แทบทั้งสิ้น แต่ผมปฏิเสธไปหมด เพราะยังห่วงเรื่องสภาพร่างกาย และยังต้องการชกมวยต่อไป"

นั่นคือปากคำของศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลก 4 รุ่นจากสองสถาบัน ที่ให้การกับตำรวจหลังภาพเปลือยของตนเองปรากฏอยู่ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หัวสีทุกฉบับ เมื่อชุดเฉพาะกิจ บช.ก. ยกกำลังบุกทลายแหล่งสื่อลามกอนาจารย่านตลาดนัดสวนจตุจักร

ดูเหมือนว่าคำให้การของอดีตแชมป์โลกวัย 28 ปีในช่วงแรกจะแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ในที่สุดแล้วเจ้าตัวก็ออกมารับว่ากระทำลงไปจริง พร้อมกับขอโทษต่อสาธารณชน โดยให้เหตุผลว่าทำลงไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์

แม้จะอ้างว่าทำลงไปด้วยความที่ไม่รู้ว่ารูปที่ตนเองเปลือยล่อนจ้อนในนิตยสารนั้นนับเป็นการทำผิดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม แต่สิ่งหนึ่งที่ศิริมงคลดูจะรู้และตระหนักดีคือ ตนเองกำลังอยู่ในช่วงขาลง และเงินค่าตัวจำนวน 2 แสนบาทน่าจะมากพอที่จะช่วยต่อลมหายใจของเขาออกไปได้อีก ซึ่งเจ้าตัวเองก็เปิดเผยภายหลังว่า เงินก้อนดังกล่าวตั้งใจจะเก็บไว้ใช้จ่ายหลังจากอำลาจากสังเวียนนักมวยอาชีพ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับศิริมงคล ทำให้เขาถูกพิพากษาเป็นจำเลยสังคมไปในทันที แต่ลึกๆ ลงไปแล้วระหว่างบรรทัดของคำว่าศีลธรรมอันดีในประเทศนี้มักจะถูกเลือกปฏิบัติ ใช้เฉพาะการณ์ เฉพาะบุคคล เพราะภาพเช่นนี้มีให้เห็นจนเป็นเรื่องปกติ โดยมีค่าเหนื่อยจำนวนหนึ่งซึ่งจะสูงถึง 6 หรือ 7 หลัก ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของนักกีฬา

ในฐานะของบุคคลสาธารณะ เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงระดับแชมป์โลก แน่นอนว่าสังคมบางส่วนรับไม่ได้กับการที่ศิริมงคลนำเอาชื่อเสียงและรูปลักษณ์มาหากินในลักษณะนี้ ในทางกลับกันสังคมนักกีฬาต่างประเทศ การหากินกับชื่อเสียงและความโด่งดังถือเป็นของธรรมดา เมื่อน้ำขึ้นต้องรีบตัก แต่ด้วยการจัดการที่เป็นมืออาชีพมากกว่าของบรรดาตัวแทนทำให้พวกเขารู้ว่าถ่ายภาพนู้ดอย่างไรจึงจะพอเหมาะพอควร และทำให้เกิดรายได้จำนวนมหาศาล

อย่างไรก็ตาม การถ่ายนู้ดกับคำว่าศิลปะก็ยังห่างกันไกล และนักกีฬาซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะเป็นตัวอย่างอันดีของเยาวชนในสังคม จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำเอาชื่อเสียงไปแลกกับการถ่ายภาพ ในรูปลักษณ์ที่สามารถจินตนาการไปถึงขั้นอนาจารได้ แต่ในโลกของทุนนิยม การได้มาซึ่งเงินตราอันเกิดจากชื่อเสียงย่อมหลอกล่อให้นักกีฬาอีกหลายคนยอมปลดเปลื้องพันธนาการแห่งศีลธรรมของตนเอง และหลงเดินไปในทางที่จะกลายมาเป็นปลายดาบย้อนแทงตนเองในภายหลัง

ต้นทางของ ‘นู้ด’ นักกีฬาไทย

ภาพเปลือยในระดับเรตอาร์หรือเอ็กซ์ของนักกีฬาไทยนั้นมีมานานแล้ว โดยนักกีฬาที่รับงานนายแบบเฉพาะกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนักมวยที่ใกล้จะปลดระวางตนเองจากวงการ สาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจรับงานเช่นนี้โดยมากมักต้องการเงินสักก้อนเพื่อไปทำทุนหลังหมดสภาพนักมวย ที่สำคัญการถ่ายภาพเช่นนี้ผู้ว่าจ้างมักจะบอกว่าเป็นหนังสือเฉพาะกิจจำหน่ายเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้นำมาเผยแพร่ ประกอบกับนักมวยโดยส่วนใหญ่ที่หลงเดินมาในเส้นทางนี้ไม่มีตัวแทนหรือเอเย่นต์คอยดูแล ที่สุดพวกเขาก็ต้องติดร่างแหของความอนาจารโดยแลกกับเงินค่าแรง 5-6 หลักขึ้นอยู่กับสภาพชื่อเสียงในเวลานั้น

สาเหตุที่นักมวยมักเป็นแหล่งแรกของที่แมวมองจากหนังสือเฉพาะกิจมักจะเข้ามาติดต่อ เป็นเพราะนักกีฬาประเภทนี้ต้องดูแลตนเองอย่างดี มีมัดกล้ามที่สวยงาม และที่สำคัญพวกเขามักมีความจำเป็นทางด้านการเงิน เนื่องจากธรรมชาติของความไม่แน่นอนในอาชีพนี้ ดังเช่นที่ศิริมงคลเองก็เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารลิปส์ ตอนหนึ่งว่า "เป็นนักมวยเราต้องรู้จักเก็บ รู้จักประมาณตน เพราะมันดังไว ลงไว ลงปุ๊บก็จบเลย ถ้าไม่รู้จักเก็บ ส่วนมากนักมวยจะไม่ค่อยเหลือ เพราะได้มาง่าย ก็ใช้ง่าย หมดง่าย นักมวยส่วนใหญ่จะลำบาก ยิ่งต่อยมวยไทยบางทีได้ไม่เยอะ สองหมื่น สามหมื่น แล้วถูกหักอีก ส่วนมากจะโดนหักครึ่งต่อครึ่ง"

จากคำสัมภาษณ์น่าจะพอจินตนาการภาพของนักมวยออกว่าพวกเขาต้องมีความเป็นอยู่อย่างไร และรายได้จะต้องถูกหักชนิดรายทางขนาดไหนกว่าจะเหลือเงินมาถึงตัว เมื่อมีการหยิบยื่นโอกาสได้เงินก้อนใหญ่โดยไม่ต้องเจ็บตัวย่อมไม่มีใครปฏิเสธ แม้ว่างานนั้นต้องแลกกับยางอายที่อยู่บนใบหน้าของตนเองก็ตาม

'ศิริมงคล' เหยื่อที่ถูกเลือกแล้ว

จากคำให้การของ 'ศิริมงคล สิงห์วังชา' ที่กล่าวว่า "ถูกนายหน้าติดต่อผ่านเพื่อนนักมวยด้วยกันให้ไปถ่ายนู้ด" น่าจะขยายความได้ต่อไปว่าศิริมงคล ไม่ใช่รายแรกที่เดินเข้าสู่วังวนของการถ่ายภาพเช่นนี้ แต่ยังมีนักมวยอีกหลายคนที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เพียงแต่ชื่อเสียงของเขาเหล่านั้นอาจไม่เทียบเท่ากับศักดิ์ศรีของแชมป์โลก 4 รุ่น 2 สถาบัน

แต่จะว่าไปแล้ว งานในหนังสือที่ถูกชุดเฉพาะกิจของตำรวจบุกเข้าจับและนำมาเผยแพร่ ไม่ได้เป็นงานชิ้นแรกของนักมวยหน้าคมผู้นี้ เพราะก่อนหน้านี้ศิริมงคลเคยถ่ายภาพหวือหวาในชุดว่ายน้ำขึ้นปกนิตยสารมาก่อน ในครั้งนั้นศิริมงคลเพิ่งจะเป็นแชมป์โลก ด้วยวัยเพียง 26 ปีพร้อมกับใบหน้าคมเข้ม ชื่อเสียงของแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวตของสภามวยโลก ย่อมหอมหวานและเชิญชวนให้สไตลิสต์นิตยสารอยากจะดึงเอาศิริมงคลมาโชว์หมัดกล้าม ที่ถือเป็นความสวยงามในแบบของผู้ชาย
ในการถ่ายภาพของนิตยสารครั้งนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับหนังสือที่ศิริมงคลบอกว่าเขาได้ค่าตัวสองแสนบาท ภาพทุกภาพไม่สามารถจะตะแบงคำให้การออกไปเป็นงานศิลปะได้ เพราะท่วงท่าที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นภาพหลุดนั้นเปิดเผยทุกอณูเนื้อเลยเส้นของศีลธรรมไปแล้ว

กับค่าจ้างจำนวน 2 แสนบาท ถึงเวลานี้ศิริมงคลคงรู้แล้วว่าชื่อเสียงที่อุตส่าห์สั่งสมด้วยการเข้าแลกกับความเจ็บปวดบนสังเวียนมวยนั้น ไม่คุ้มค่าเลยที่วันนี้มันได้ย้อนกลับมาทำลายเขาเกือบป่นปี้ แต่ตราบใดที่ชื่อเสียงสามารถแลกเปลี่ยนมาเป็นเงินตราได้ แน่นอนว่าย่อมมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมนักกีฬาเมืองไทย เมื่อพวกเขาสิ้นสภาพของนักสู้บนสังเวียนแห่งการแข่งขัน และต้องลงมาต่อสู้บนสังเวียนแห่งชีวิตจริง ถึงเวลานั้นเหตุการณ์ในลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเจ้าหน้าที่รัฐมิสามารถปราบปรามได้ทันก็ได้

นักกีฬาต่างชาติเปลื้องแต่ไม่ถึงเปลือย

หากนำเอาภาพถ่ายของศิริมงคลไปเปรียบเทียบกันนักกีฬาต่างชาติที่ถ่ายภาพในลักษณะนี้ สิ่งที่เหมือนกันคือการนำเอาชื่อเสียงและเนื้อหนังไปแลกกับค่าจ้างราคาแพง

ในสังคมกีฬาต่างประเทศ เป็นเรื่องปกติที่นักกีฬาทั้งสมัครเล่นและอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาชายที่มีมัดกล้ามสวยงามจะเปลื้องผ้าโชว์ร่างกายของตนเองโดยมีค่าจ้างตอบแทน ภาพแนวดังกล่าวมีตั้งแต่โฆษณาชุดชั้นใน น้ำหอม เรื่อยไปจนถึงเป็นภาพแฟชั่นเฉพาะของแต่ละบุคคล

แต่ลักษณะของภาพ รวมไปถึงวัตถุประสงค์ในการถ่ายนั้นไม่หวือหวาถึงขนาดของศิริมงคล เพราะนักกีฬาเหล่านี้จะมีตัวแทนหรือเอเยนต์คอยดูความเหมาะสมให้ ว่านักกีฬาในสังกัดของเขานั้นเปลื้องได้ขนาดไหน ในทางกลับกัน ศิริมงคลถูกติดต่อผ่านทางนายหน้าที่เป็นเพื่อนนักมวยด้วยกัน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่รู้ว่าการถ่ายแบบในครั้งนี้ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง เมื่อรับเงินมาแล้วถูกสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ

ภาพของเฟรดี้ ลุงเบิร์ก ที่ปรากฏในการถ่ายโฆษณาให้กับชุดชั้นในยี่ห้อดังนั้น ดูแล้วมีเส้นกั้นระหว่างความเป็นนู้ดและอนาจารอยู่เพียงนิดเดียว เพียงเพราะลุงเบิร์กยังเหลือเสื้อผ้าปกปิดส่วนที่ควรปิดของร่างกายอยู่ ในขณะที่ภาพของศิริมงคล นั้นไม่เหลือเสื้อผ้าปกปิดแม้แต่นิดเดียว หรือแม้แต่ภาพของ เดวิด เบ็คแฮม ที่ถ่ายคู่กับภรรยาสาว วิกตอเรีย ก็ส่อแววไปในเชิงชู้สาวมากกว่าศิลปะ

แต่ภาพของนักกีฬาต่างชาติเหล่านี้ก็ไม่หลุดจนถึงขั้นอนาจาร เพราะพวกเขารู้ว่าชื่อเสียงในปัจจุบันนั้นสามารถตีค่าเป็นเงินได้อีกมาก และที่สำคัญบรรดาตัวแทนหรือเอเยนต์ของนักกีฬาพวกนี้จะมีหน้าที่ดูแลการรับงาน เพื่อมิให้ภาพลักษณ์ของนักกีฬาในสังกัดซึ่งมีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ ต้องเสียหาย

ในทางกลับกัน ศิริมงคล สิงห์วังชา เดินเข้าสู่วงการภาพนายแบบนู้ดเพราะมีแรงจูงใจหลักคือเงินค่าจ้าง ที่สำคัญ ศิริมงคลไม่มีเอเยนต์ที่คอยดูแลการรับงาน เขาจึงไม่รู้ว่าคำสัญญาของกลุ่มผู้จัดทำ หรือแม้กระทั่งลีลาที่บรรดาสไตลิสต์จัดแจงให้นั้นจะกลับมาเป็นปลายมีดที่จ้วงแทงให้ชื่อเสียงในฐานะนักมวยต้องเกือบดับวูบเพียงชั่วข้ามคืน

จุดบอดวงการกีฬาไทย ชื่อเสียงต้องดูแลกันเอง

ปัจจุบันผู้ที่ดูแลศิริมงคล คือนาย มานพ เอี่ยมท้วม ผู้เป็นพ่อและเจ้าของค่ายมวยสิงห์มนัสศักดิ์ เขากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ลูกชายมาบอกเพียงว่าจะไปถ่ายแบบ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ภายหลังเห็นภาพรู้สึกตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าภาพจะหลุดไปลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ แม้จะถ่ายไว้จริง แต่ก็มีการตกลงกันว่าจะไม่มีการนำภาพแบบนี้ไปอยู่ในหนังสือ แต่ทางเจ้าของหนังสือบอกว่าจะขอเก็บไว้ดู หากมีการนำไปทำเป็นปฏิทินจะแจ้งให้ทราบ"

แน่นอนว่าการถ่ายแบบที่ผ่านมาของศิริมงคลไม่มีการทำสัญญาผูกมัดแต่อย่างใด เป็นเพียงการว่าจ้างด้วยปากเปล่า เมื่อทำงานเสร็จก็รับเงิน ส่วนภาพจะปรากฏต่อไปอย่างไรนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ เป็นกรณีซ้ำซากซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งสำหรับนักกีฬาที่เกิดมีชื่อเสียง และไม่สามารถจัดการกับชีวิตภายหลังจากนั้นได้

แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าถูกผู้ผลิตหนังสือเล่มดังกล่าวละเมิดข้อตกลง แต่การแก้ปัญหาแบบไทยๆคือไม่เอาเรื่อง ไม่ฟ้องร้อง เพราะไม่อยากมีปัญหา สุดท้ายก็ออกมายอมรับผิดและขอโทษต่อสาธารณชน และเรื่องดังกล่าวก็น่าจะเงียบหายไปตามวันเวลา เพราะนิสัยคนไทยที่ลืมง่าย

แต่ก่อนหน้านี้ความกังวลมากที่สุดสำหรับเจ้าของค่ายมวยสิงห์มนัสศักดิ์ และลูกชายคนดังคงหนีไม่พ้นกลัวเรื่องฉาวที่จะไปกระทบต่อการขึ้นชกชิงแชมป์โลก ซึ่งในที่สุดได้ผลสรุปออกมาว่า พล.ต.อ. โกวิท ภักดีภูมิ ประธานสภามวยโลกดับเบิลยูบีซีแห่งเอเชีย และนายนริส สิงห์วังชา ผู้จัดการของศิริมงคล และเป็นเจ้าของค่ายมวยสิงห์วังชา ไม่ได้ซ้ำเติม พร้อมให้กำลังใจ และกล่าวผ่านนายมานพว่า "หากไม่มีเจตนาไปถ่ายภาพเปลือยแบบนั้นคงไม่มีผลกระทบต่อวงการมวย และขอให้ตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อขึ้นชิงแชมป์โลกต่อไป"

ปลายทางของนายแบบนักกีฬา

ดูเหมือนว่าตอนจบของศิริมงคล สิงห์วังชา จะออกมาไม่น่าเกลียดนัก แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปสอบปากคำ แต่สุดท้ายแล้วผู้ใหญ่ของอดีตแชมป์โลกน่าจะจัดการให้ทุกอย่างราบเรียบก่อนขึ้นชิงแชมป์รุ่นไลฟ์เวทของสภามวยโลกในต้นปีหน้า แต่สำหรับนักกีฬารายอื่นที่ชื่อเสียงไม่เท่าศิริมงคล แต่หลงเดินเข้าสู่แวดวงของนายแบบนู้ดอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้

โดยทั่วไปแล้วนักมวยอาชีพในช่วงขาลงไม่ว่าจะเป็นมวยไทยหรือมวยสากล หากรูปร่างหน้าตาดีมักจะเป็นที่ต้องการของหนังสือเฉพาะกิจเช่นนี้ เพราะนอกจากค่าตัวจะไม่สูงมากเหมือนเหล่านักแสดงแล้ว สภาพร่างกายยังอยู่ในเกณฑ์ดี ที่สำคัญไม่เรื่องมาก สามารถสั่งให้ทำอะไรก็ได้ เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นรับเงินค่าตัว นายแบบเหล่านี้แทบไม่มีโอกาสรู้เลยว่าภาพของตนเองจะปรากฏออกมาเช่นไร

หลังถ่ายภาพเป็นที่เรียบร้อย หนังสือประเภทนี้จะถูกจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ มีทั้งกลุ่มผู้หญิงและกลุ่มชายรักร่วมเพศ ชื่อและประวัติของนายแบบมักจะปรากฏเป็นเนื้อหาประกอบภาพ ในขณะที่จะมีเบอร์ติดต่อของผู้ผลิตหนังสืออยู่ภายในเล่ม ให้ผู้ชายด้วยกันหรือผู้หญิงบางกลุ่มติดต่อ โดยนายหน้าก็หนีไม่พ้นผู้ผลิตหนังสือดัง เช่นที่นาย นที ธีระโรจนพงศ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าวว่า

"หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าลูกค้าหนังสือนู้ดผู้ชายนั้นส่วนหนึ่งก็คือผู้หญิงแท้ๆ ทำให้หนังสือ กลุ่มนี้ขายดี อาจทำรายได้มหาศาลกว่าหนังสือโป๊ที่เป็นรูปผู้หญิงด้วยซ้ำ เหตุนี้ดารานายแบบชื่อดังบางคนที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงจึงหันมาถ่ายนู้ดกัน"

ภาพนู้ดของนักกีฬาในเมืองไทยหรือเมืองนอกนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว เป็นที่ฮือฮาบ้างไม่ฮือฮาบ้าง แล้วแต่หน้าตาสัดส่วน รวมทั้งชื่อเสียงของนักกีฬาคนนั้น ณ เวลานั้นด้วย แต่จะผิดศีลธรรมจรรยาหรือเป็นเพียงสีสันให้คนเมาท์เล่น ก็คงต้องขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมอง








กำลังโหลดความคิดเห็น