xs
xsm
sm
md
lg

'พริตตี้เกิร์ล' เงินดี-งานชุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


'พริตตี้เกิร์ล' นับเป็นอาชีพยอดฮิตของสาวๆหน้าใส โดยเฉพาะในกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่ต้องการหารายได้เสริม งานสบาย รายได้วันละหลายพันบาท อีกทั้งเป็นประตูสู่วงการบันเทิง ล้วนเป็นแรงจูงใจให้สาวๆตบเท้าเข้าสู่อาชีพนี้ แต่กว่าพวกเธอจะก้าวสู่ระดับมืออาชีพได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะเจอปัญหาขอแรงเกินเวลา เบี้ยวค่าตัว หักค่าหัวคิว แล้วยังต้องใช้ความพลิกพลิ้วเพื่อเอาตัวรอดจากบรรดาลูกค้าหัวงู

รายได้วันละ 1-5 พันบาท

เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้สาวๆ หน้าใสสนใจเข้ามาเป็นพริตตี้ รับหน้าที่พรีเซ็นต์สินค้าให้แก่ผลิตภัณฑ์นานาชนิด ก็เพราะเป็นอาชีพที่หาเงินง่าย รายได้สูงถึงสูงมาก หากยืนเป็นไม้ประดับอยู่เฉยๆ ไม่ต้องพรีเซ็นต์สินค้า หรือเพียงแค่ให้ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ค่าจ้างอยู่ที่ 1,000-1,500 บาทต่อวัน ถ้าเป็น EMCEE (พริตตี้ที่ทำหน้าที่พิธีกรหรือให้ข้อมูลรายละเอียดของสินค้าในทุกแง่มุม) รายได้จะสูงถึง 2,000-5,000 บาทต่อวัน

ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาทำงานนี้จะเป็นกลุ่มนิสิตนักศึกษา เพราะมีลักษณะเป็นงานพาร์ตไทม์ มีความอิสระ รับงานเป็นจ็อบ ใครมีเวลาว่างช่วงไหนก็สามารถรับงานให้ตรงกับเวลาของตัวเองได้ ยิ่งมีงานเข้ามามากรายได้ก็ยิ่งมากตามไปด้วย และแม้สาวๆ เหล่านี้จะเรียนจบไปแล้วส่วนใหญ่ก็ยังคงรับงานพริตตี้อยู่ ซึ่งก็มีทั้งยึดเป็นอาชีพหลัก และทำเป็นอาชีพเสริม

ศรินทิพย์ พงษ์ศาศวัต หรือ 'อ้อ' พริตตี้ไร้สังกัด ซึ่งสนุกสนานกับอาชีพนี้มากว่า 5 ปีแล้ว บอกว่า เธอทำงานนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 เป็นงานมีรายได้ดีขนาดที่เธอสามารถส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาโท และถึงแม้จะเรียนจบมา 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงรักที่จะเป็นพริตตี้เกิร์ลอยู่

"รายได้ดีกว่าทำงานประจำนะ บางเดือนถ้างานน้อยจริงๆ ก็ได้ประมาณ 3 หมื่นบาท มีอยู่ช่วงหนึ่งทำงานทุกวันเลย ตอนนั้นเนชันแนลจะเปลี่ยนแบรนด์เป็นพานาโซนิคก็จะต้องตระเวนจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์นานถึง 3 เดือน เขาให้วันละ 2,000 บาท เช็คออกมาทีได้เป็นแสน ก็โอ๊ย...ดีใจสุดฤทธิ์"

ประตูสู่วงการบันเทิง

พริตตี้ส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า การเข้ามาทำอาชีพนี้นอกจากจะเงินดี งานชุกแล้ว ยังถือเป็นประตูที่จะก้าวไปสู่งานต่างๆ ในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบ เดินแฟชั่น งานโฆษณา เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ จนถึงเป็นดารานักแสดง เพราะการพรีเซ็นต์สินค้าแต่ละครั้งย่อมมีผู้คนจากวงการต่างๆเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก หากความสามารถเข้าตาก็มักถูกชักชวนติดต่อให้ไปร่วมงาน

'แอน' ศรินดาวรรณ ปังศิริ พริตตี้สาวมากความสามารถ บอกว่า " พริตตี้เป็นอาชีพที่สร้างโอกาสให้แก่ผู้หญิงในหลายๆด้าน และทำให้แอนได้ก้าวสู่วงการแสดง แอนได้เล่นละครเรื่อง 'เจ๊ดัน ฉันรักเธอ' ของค่ายโพลีพลัส ซึ่งกำลังจะออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 ในเร็วๆนี้"

พริตตี้แฝด ปิยนันท์ ศรีชลาชัย (ตุ๊กติ๊ก) แฝดพี่ และปิยนุช ศรีชลาชัย (ตุ๊กตา) ก็เช่นกัน เธอทั้งสองมีโอกาสได้ร่วมแสดงเรื่อง 'เป็นต่อ' ละครซิทคอมเรื่องดัง ในตอนที่ชื่อว่า 'ร่างแฝด' ที่เพิ่งออกอากาศไปได้ไม่นาน นี่ยังไม่นับรวมบรรดาพริตตี้คนอื่นๆ ที่มีงานพิธีกร เดินแบบ เข้ามาเป็นว่าเล่น

กว่าจะเป็นพริตตี้

ทั้งนี้ คุณสมบัติของหญิงสาวที่จะก้าวเข้าสู่วงการพริตตี้คือ ต้องมีความสวยเป็นทุน มีหุ่นเป็นทรัพย์ นี่ยังไม่นับเรื่องมันสมองที่ต้องมีไหวพริบฉับไว สดใส ร่าเริง บุคลิกดี มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ คนที่มีคุณสมบัติที่ว่าก็สามารถส่งรูปถ่าย ประวัติการศึกษา รายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงาน พร้อมทั้งข้อมูลส่วนตัว เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ไปแนะนำตัวกับออแกไนซ์(บริษัทซึ่งรับจัดงานพรีเซนต์สินค้า) หรือโมเดลลิง(บริษัทจัดหานางแบบ นายแบบ พริตตี้ ฯลฯ )ได้

ปัจจุบันมีทั้งพริตตี้ที่รับงานอิสระและสังกัดโมเดลลิ่ง แต่กลุ่มแรกจะมีมากกว่า เพราะไม่ต้องโดนหักเปอร์เซ็นต์หลายต่อ เพราะปกติโมเดลลิ่งจะรับงานจากออแกไนซ์(บริษัทซึ่งรับจัดงานพรีเซนต์สินค้า) และหักค่าใช้จ่ายในการหางานจากค่าตัวพริตตี้ 10-30% ขณะที่ออกาไนซ์ก็หักค่าหัวคิวพริตตี้ก่อนที่จะจ่ายงานให้โมเดลลิง ดังนั้นหากพริตตี้รับงานจากออแกไนซ์เองก็จะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า

ศรินทิพย์บอกด้วยน้ำเสียงสดใสว่า "ตอนแรกมีเพื่อนที่เป็นพริตตี้ชวนไปทำก่อน แล้วก็รับงานมาเรื่อย เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนก็จะพกรูปถ่ายกับประวัติส่วนตัวติดกระเป๋าไว้เลย บางทีไปทำงานหนึ่ง ได้เจอโมเดลลิ่งอีกเจ้าหนึ่งก็จะเข้าไปแนะนำตัว ฝากรูปกับประวัติไว้เลย หรือกลุ่มเพื่อนๆ พริตตี้ด้วยกันก็จะช่วยกันนะคะ ใครรู้ว่าที่ไหนมีงานอะไรก็บอกต่อๆ กัน บางทีก็พาเราไปแนะนำว่าพี่นี่เพื่อนหนูนะ ถ้ามีงานอะไรเรียกใช้ได้" (หัวเราะ)

ตุ๊กติ๊ก แฝดพี่ และตุ๊กตา แฝดน้อง พริตตี้แฝดคู่ฮอต บอกเล่าถึงความเป็นมาในการก้าวเข้าสู่วงการพริตตี้พวกเธอว่า เธอมาจากเวทีประกวด 'ดับเบิลเอ ทวิสแองเจิล 2002' ซึ่งเป็นการประกวดคู่แฝด คู่เหมือน ที่จัดโดยกระดาษดับเบิลเอ งานนั้นเธอทั้งสองชนะเลิศ และได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ดับเบิลเอเป็นเวลา 2 ปี จากงานนั้นทำให้ชื่อเสียงของพวกเธอโด่งดังไปทั่ววงการ และมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

"การเป็นพริตตี้ฝาแฝดนี่ถือเป็นจุดขายของที่ดีนะ คือมันดูแปลก และดึงดูดความสนใจของคนได้ดี เจ้าของสินค้าเขาคงมองว่าทำให้สินค้าเขาน่าสนใจขึ้น ความจริงพริตตี้แฝดไม่ได้มีแค่เรา 2 คนนะ ในการประกวดของดับเบิลเอก็มีคู่แฝดเข้ามาประกวดหลายคู่ แล้วหลังจากเราเริ่มมีชื่อเสียงก็มีฝาแฝดรุ่นน้องเข้ามาเป็นพริตตี้กันหลายคน" ตุ๊กติ๊ก แฝดผู้พี่บอก

 

ขาว-หมวย ยังมาแรง

การจะเลือกว่าพริตตี้คนไหนเหมาะกับสินค้าอะไรนั้น ออแกไนซ์จะดูจากหน้าตา ผิวพรรณ และบุคลิกของพริตตี้เป็นหลัก เพราะบุคลิกของพริตตี้ต้องสอดคล้องกับบุคลิกของสินค้า แต่เทรนด์ฮิตที่สุดเห็นจะเป็น ขาว หมวย สวย เพรียว ไม่ว่าสินค้าชนิดไหนก็ล้วนเรียกใช้บริการ โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตีตลาดในไทยมากมายหลายยี่ห้อ

พิพัฒน์ พรหมสาขา ณ สกลนคร โปรดิวเซอร์ บริษัทเก่งกาจกิจกรรม จำกัด บริษัทออแกไนซ์ที่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 6 ปี อธิบายถึงการเลือกพริตตี้ให้เราฟังว่า

" ถ้าพวกครีมหน้าขาวก็จะเลือกสาวๆ ที่ผิวดี ขาวใส ถ้าเป็นรถยนต์ก็ต้องดูว่าค่ายไหน ค่ายยุโรปจะเน้นผู้หญิงที่สวย สง่า บุคลิกแบบนางพญา ส่วนรถญี่ปุ่นก็จะเป็นแบบน่ารัก คิกขุ รถมอเตอร์ไซค์นี่ต้องออกเซ็กซี่หน่อยเพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกจากต้องเซ็กซี่แล้ว จะเลือกพริตตี้ผิวคล้ำๆ เนียนๆ อาจจะเพราะส่วนมากเป็นงานกลางคือ ผิวคล้ำๆ จะขึ้นไฟ ดูสวย ลึกลับ "

อย่างไรก็ดี ในระยะหลังๆ ค่านิยมที่ว่า ' พริตตี้ ต้องเซ็กซี่' เริ่มลดลง เนื่องจากจุดนี้ทำให้สินค้าดูโลว์คลาส หรือไร้รสนิยม เจ้าของสินค้าหลายรายจึงพยายามหลีกเลี่ยง เพราะแม้จะสามารถดึงดูดให้คนเข้ามาดูสินค้ามากขึ้นแต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสินค้า

 
พลิกพลิ้ว หัวไว เลี่ยงผู้ชาย'หัวงู'

ว่ากันว่าด้วยความสวย เซ็กซี่ น่ารัก ขี้เล่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของพริตตี้เกิร์ลนี่เอง ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไม่เพียงแต่เข้ามาดูสินค้า แต่เข้ามาเพราะแรงดึงดูดของพริตตี้ด้วย และบางรายก็คาดหวังที่จะสานสัมพันธ์กับบรรดาสาวสวยเหล่านี้ ขณะที่พริตตี้ส่วนใหญ่เต็มใจที่จะพรีเซ็นต์เฉพาะ 'สินค้า' เท่านั้น

'น้องอ้อ' ศรินทิพย์ เล่าถึงประสบการณ์ที่เธอเจอะเจอว่า " ตอนอ้อเป็นพริตตี้ใหม่ๆ ต้องนุ่งกระโปรงสั้น รองเท้าบูท ก็มีผู้ชายมายืนมองขา แบบว่าจ้องกันเอาเป็นเอาตายเลยนะ เราก็ทำเป็นไม่สนใจ บางคนก็เข้ามาขอเบอร์โทร เราก็ให้เบอร์ติดต่อของสินค้าไป มีเหมือนกันตามมาจีบ บางคนร้ายหน่อยก็บอกว่าถ้าอยากให้ซื้อสินค้าก็ให้เราเอาเบอร์มือถือมาก่อน แบบนี้ก็ถือว่าไม่ใช่ลูกค้าแล้ว เพราะเจตนาเขาไม่ได้สนใจสินค้า พวกนี้เราก็จะใม่ใส่ใจ"

ด้าน 'แอน' ศรินดาวรรณ บอกถึงเคล็ดลับในการจัดการหนุ่มขี้หลีพวกนี้ว่า "ลูกค้าบางคนมาหลอกแต๊ะอั๋งนะ ทำเป็นขอถ่ายรูป แล้วพี่แกถือโอกาสโอบไหล่ ถ้านิดหน่อยเราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำใจ นึกว่าทำบุญทำทาน คือพวกนี้โรคจิต แบบว่านิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี ถ้ามาตื๊อขอเบอร์ ก็เลี่ยงไปว่าเราขอเบอร์พี่แทนแล้วกัน แล้วเดี๋ยวโทรไป แล้วก็แกล้งทำเป็นกดโทรศัพท์เก็บเบอร์ไว้ จริงๆ แล้วกดไปมั่วๆ จะได้ไปๆ เสียที (หัวเราะร่วน) แต่ถ้ามาจับก้นอะไรอย่างนี้ เรื่องถึงตำรวจแน่ แต่ยังไม่เจอนะ มีแต่เพื่อนๆเล่าให้ฟัง"

 
พริตตี้ก็มีการแบ่งเกรด

ใครจะเชื่อว่าพริตตี้ก็มีการแบ่งเกรดแบ่งระดับไม่ต่างจากงานอื่นๆเช่นกัน แต่การแบ่งเกรดของพริตตี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรายได้น้อยหรือมาก แต่วัดจากประเภทของงานที่รับเป็นสำคัญ ยิ่งสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเท่าไหร่เกรดยิ่งลดลงเท่านั้น งานไหนต้องแต่งตัววาบหวาม โชว์ความเซ็กซี่เย้ายวน ถึงจะมีรายได้สูงแต่ถูกมองว่ารสนิยมต่ำ และดู LOW ในสายตาพริตตี้ด้วยกัน เพราะภาพลักษณ์ที่ออกมาชวนให้คนทั่วไปคิดว่าไม่ได้มุ่งพรีเซ็นต์สินค้าแต่ตั้งใจมาพรีเซ็นต์ส่วนเว้าส่วนโค้ง

"พริตตี้จะแบ่งเกรดกัน อย่างถ้าไปรับงานพรีเซ็นต์รถมอเตอร์ไซค์นี่จะเป็นอีกเกรดหนึ่งเลย จะดูโลว์ในสายตาเพื่อนๆทันที ทั้งที่พริตตี้มอเตอร์ไซค์ได้ค่าตัวเยอะกว่าพริตตี้รถยุโรปหรูๆ อีกนะ ค่าตัวสูงถึง 4-5 พันบาทต่อวัน อย่างต่ำๆ เลยก็ 3,500 รถยิ่งแพงค่าตัวยิ่งน้อย(หัวเราะ) ก็งงเหมือนกัน คงเป็นเพราะสินค้าพวกนี้ภาพพจน์ดี ใครๆก็อยากเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้มั้ง" พริตตี้รายหนึ่งบอก

'เงิน-เวลา' ปัญหาของออแกไนซ์-พริตตี้

แม้พริตตี้ ออแกไนซ์ และโมเดลลิ่ง จะร่วมงานกันแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แต่ปัญหาหนึ่งที่สร้างความบาดหมางมานักต่อนักก็คือเรื่องค่าตัว เพราะเป็นที่โจษขานกันว่าออแกไนซ์และโมเดลลิ่งบางรายหักค่าหัวคิวโหด บางรายหลอกให้รับงานแล้วเบี้ยวค่าตัว

"บางทีลูกค้าให้มาวันละ 5,000 บาท แต่ออกาไนซ์บอกได้แค่ 2,500 บาท หักกันครึ่งๆ เลย หรือบางครั้งมาบอกว่าลูกค้าขอลดราคา พริตตี้ก็ไปโวยกับลูกค้า ลูกค้าก็บอกไม่รู้เรื่อง เลยความแตกว่าถูกหลอก" พริตตี้คนหนึ่งเล่าด้วยความคับแค้นใจ

ด้าน ปิยนันท์ (ตุ๊กติ๊ก) พริตตี้แฝดผู้พี่ กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่เธอเจอคือ การทำงานเกินกว่าเวลาที่ตกลงกันไว้

"ถ้าแค่ชั่วโมง 2 ชั่วโมงก็ไม่หนักหนาอะไร พอช่วยกันได้ก็ช่วยกัน แต่บางงานเกินไป 3-4 ชั่วโมง แล้วเราต้องมีธุระไปอื่นต่อ เราก็มองว่ามันไม่แฟร์ คือเวลารับงานเขาไม่บอกเราตรงๆ อาจจะกลัวว่าใช้เวลานานเดี๋ยวเราเรียกแพง"

ขณะที่ พิพัฒน์ โปรดิวเซอร์ ประจำบริษัทเก่งกาจกิจกรรม บอกว่า ปัญหาที่บริษัทออแกไนซ์ต่างเอือมระอากับบรรดาพริตตี้ก็คือเรื่องไม่ตรงต่อเวลา เพราะหากพริตตี้มาสายงานก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ และถึงแม้จะมีพริตตี้คนอื่นๆที่รับงานเดียวกันทำหน้าที่แทนไปพลางๆก่อนแต่ก็เท่ากับว่าผิดสัญญาที่ทำไว้กับลูกค้า

"มันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบนะครับ บางคนรับงานติดๆ กันหลายงาน รถติด มางานเราสาย หรือบางทีมาขอออกก่อนเวลาเพราะกลัวไปอีกงานไม่ทัน ถ้ามาแต่เช้าแล้วขอออกก่อน เราก็ไม่ว่าอะไร มันคุยกันได้ น้องเขาก็อยากมีรายได้เยอะๆเป็นธรรมดา แต่ถ้ามาก็สายแล้วยังขอออกก่อนอีกก็ไม่ไหว แล้ววงการนี้มันรู้จักกันหมดนะ พริตตี้คนไหนเป็นยังไงมันถึงกันหมด ต่อไปออแกไนซ์ไหนก็ไม่มีใครจ้าง"

สาวๆแห่เข้าวงการ แย่งงาน-ตัดราคา

อย่างไรก็ดี ในช่วงหลังๆเมื่อมีพริตตี้หน้าใหม่ตบเท้าเข้าสู่อาชีพนี้กันมากขึ้น นอกจากเจ้าของสินค้าและบริษัทออแกไนซ์จะมีตัวเลือกมากขึ้นตามไปด้วยแล้ว ยังมีปัญหาพริตตี้ตัดราคากันเอง ทำให้อัตราค่าตัวของพริตตี้เริ่มลดลง

"เมื่อก่อนพริตตี้มีไม่เยอะ รู้จักกันเกือบหมด พวกที่ฮอตๆหน่อยก็จะฮั้วกัน ถ้างานในกรุงเทพฯได้ต่ำกว่า 4,000 บาท ไม่รับนะ ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็ต้อง 5,000 ขึ้นไป ช่วยกันตรึงราคาไว้(หัวเราะ) แต่เดี๋ยวนี้น้องใหม่เข้ามาเยอะ พวกรุ่นพี่ก็ยังไม่ไปไหน คนเยอะขึ้นแต่งานเท่าเดิมเลยเกิดการแย่งงานกัน ถ้าเรียกสูงออแกไนซ์ก็ไปจ้างคนอื่น พวกรุ่นพี่ก็เลยต้องลดราคาลงมา น้องใหม่เพิ่งเข้ามาก็ไม่กล้าเรียกแพงกลัวเขาไม่จ้าง" พริตตี้คนหนึ่งเปิดใจให้เราฟัง

ขณะที่ ปิยนุช (ตุ๊กตา) พริตตี้แฝดผู้น้อง บอกว่า "เดี๋ยวนี้มีพริตตี้ต่างจังหวัดเยอะขึ้น ตามเมืองใหญ่ๆ ทั้งเชียงใหม่ โคราช ขอนแก่น ภูเก็ต หาดใหญ่ มีหมด จากแต่ก่อนจัดงานแต่ละทีบริษัทออแกไนซ์ต้องพาพริตตี้ไปจากกรุงเทพฯ ค่าตัวพริตตี้ต่างจังหวัดก็ถูกกว่า ขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 บาทต่อวัน บางงาน 500 ยังมีเลย แต่พริตตี้จากกรุงเทพฯอยู่ที่ 1,500 แล้วยังต้องหาที่พัก จัดหาอาหารการกินให้ เจ้าของสินค้าเลยจ้างพริตตี้ในจังหวัดเขามากกว่า"

เรื่องความมั่นคง ข้อจำกัดของอายุ ก็ดูจะเป็นสิ่งหนึ่งที่พริตตี้เลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ขายหน้าตา ซึ่งในวงการมองว่าโดยทั่วไปแล้วอายุไม่น่าเกิน 30 ปี แต่ก็มีเหมือนกันอายุ 30 กว่าแล้วแต่ยังมีออแกไนซ์เรียกตัวอยู่ บรรดาพริตตี้จึงมักจะมองหาลู่ทางไว้ล่วงหน้าว่าหากถึงวัยหมดงานจะหันไปประกอบอาชีพอะไร ซึ่งส่วนใหญ่จะผันตัวไปเป็น AE ขายงานให้ออแกไนซ์ หรือไม่ก็ทำอาชีพส่วนตัว

รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆคนไหนสนใจจะเป็นพริตตี้ คงต้องบวกลบคูณหารเอาเองว่า กล้าเสี่ยงไหม และจะรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร

                         * * * *


'พริตตี้บอย' เริ่มมาแรงในตลาดพริตตี้

หลายคนคงคิดว่ามีแต่บรรดาสาวๆ เท่านั้นที่มาทำงานพริตตี้ จริงๆ แล้วหนุ่มๆ มาดแมนก็สนใจมาทำอาชีพนี้เหมือนกัน โดยเราเรียกหนุ่มๆ กลุ่มนี้ว่า 'พริตตี้บอย' จากเดิมที่การพรีเซ็นต์สินค้ามักใช้สาวๆหน้าแฉล่มมาเรียกความสนใจจากผู้คนที่ผ่านไปมา แต่ระยะหลังผู้ชายเริ่มเข้ามามีบทบาทในอาชีพนี้มากขึ้น จนปัจจุบันเจ้าของสินค้าเริ่มนิยมพริตตี้บอยกันมากขึ้น ด้วยมองว่าเป็นการสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้การพรีเซ็นต์สินค้า

โดยเฉพาะถุงยางอนามัยจะนิยมใช้พริตตี้บอยมากกว่าพริตตี้เกิร์ล เพราะเป็นสินค้าที่ดูล่อแหลม ไม่สะดวกที่จะให้ผู้หญิงมาบอกเล่าถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งเครื่องสำอางซึ่งเป็นของใช้สำหรับผู้หญิง เดี๋ยวนี้ก็ยังให้พริตตี้บอยมาช่วยพรีเซ็นต์

วุฒิโรจน์ วงษ์พยัคฆ์ หรือ ป็อบ จากประสบการณ์กว่า 6 ปี 'พริตตี้บอย' อย่างเขารับงานมาแล้วทุกรูปแบบ ป็อบบอกว่า เขาจัดว่าเป็นพริตตี้บอยรุ่นแรกๆ ซึ่งสมัยนั้นทั้งวงการมีพริตตี้บอยอยู่ไม่เกิน 10 คน แต่ปัจจุบันมีหนุ่มๆ รุ่นน้องเข้ามาทำงานด้านนี้กันมากขึ้น ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มนายแบบ ซึ่งนายแบบรุ่นพี่เข้ามาเป็นพริตตี้บอยจึงแนะนำงานต่อๆ กันมา

"แต่ก่อนรู้จักกันหมดนะ ไปงานไหนก็เจอกัน แต่เดี๋ยวนี้มีเด็กใหม่ๆ เข้ามาเยอะ รวมๆ แล้วก็น่าจะประมาณ 30-40 คน เจ้าของสินค้าคงมองว่างานไหนๆ ก็มีพริตตี้เกิร์ล เลยเอาพริตตี้บอยมาสร้างความแปลกใหม่ หรือเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิง ผมรับงานมาเยอะนะ บางงานก็ได้ทำอะไรแปลกๆ ดี มีงานหนึ่งเป็นเครื่องสำอางสำหรับผู้หญิง ใช้คอนเซ็ปต์ว่าเสิร์ฟความงาม ก็ให้พริตตี้บอยถือถาดเครื่องสำอางแต่ละชนิดเดินไปเดินมา แต่ต้องพรีเซ็นต์ได้ด้วยนะว่าตัวไหนมีคุณสมบัติอย่างไร เขาคงมองว่าสาวๆน่าจะแอบกรี๊ดพริตตี้บอยหล่อๆนะ (หัวเราะ)

อีกงานที่ฮามาก ตัวนี้เป็นวาสลีนทาผิว ขายความสดชื่น เขาก็ให้พริตตี้บอยนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว พริตตี้เกิร์ลนุ่งกระโจมอก มีผ้าโพกผม ไปแนะนำผลิตภัณฑ์ตามสำนักพิมพ์ต่างๆ โห...คนมองกัน ผมก็ไม่เขินนะ เพราะไม่ใช่ผมคนเดียว ทีมที่ไปใส่เหมือนกันหมด แล้วข้างในก็เป็นกางเกงขาสั้น คนมองก็ฮาดี แบบว่าขำๆ

แต่มีบางงานเหมือนกัน ถ้าล่อแหลมมากผมก็ไม่รับ อย่างมีถุงยางอนามัยเจ้าหนึ่งมาจ้างให้ไปพรีเซ็นต์สินค้าในงาน 'เกย์เฟสติวัล' ผมไม่เอาเลย ในงานเกย์ทั้งนั้น ถ้าไปนี่เสร็จเลย...(หัวเราะ) คือกลัวจะถูกมองว่าเป็นเกย์ไปด้วย มันกระทบกับงานด้านอื่นๆนะเพราะผมถ่ายแบบด้วย แล้วก็เป็นพิธีกรรายการเพลงอยู่ 2-3 รายการ เราก็ต้องระวังภาพพจน์"



กำลังโหลดความคิดเห็น