xs
xsm
sm
md
lg

"Tell me Y?" เมื่อผู้หญิงชอบชายรักชาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความหลากหลาย ทุกสิ่งดูเหมือนจะได้รับการผสมผสานจนแทบมองไม่ออกว่าสิ่งไหนก่อให้เกิดหรือเป็นต้นแบบของสิ่งไหน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเพศซึ่งมองผิวเผินคล้ายจะมีความหลากหลายมากขึ้น แต่ท้ายสุดไอ้สิ่งที่ดูคล้ายกับความหลากหลายเหล่านี้กลับถูกจับให้ลงไปอยู่ในกรอบของคำว่าหญิง ชาย กะเทย กระเทียม เกย์ ทอม ดี้ และเลสเบี้ยน

การจัดหมวดหมู่เหล่านี้ทางหนึ่งก็คล้ายเป็นการสร้างความสงบสุข แต่อีกทางหนึ่งกลับทำให้เกิดช่องว่างและความห่างระหว่างกลุ่มที่อยู่ในหมวดกับกลุ่มที่ยังไม่ถูกจัดให้อยู่ในหมวดใดหมวดหนึ่ง

เราเรียกคนกลุ่มที่ไม่มีที่ทางของตัวเองกลุ่มนี้ว่า "กลุ่มสาว Y" ซึ่งกลายเป็นอีกกลุ่มพลังเงียบที่ตกหล่นจากกระบวนการแบ่งจัดคัดแยกที่กระทำโดยอำนาจบางอย่างทางสังคม


ใครคือสาวY

"สาว Y เหรอมันแปลได้กว้างมากเลยนะ เราเป็นสาวY มานานยังหาคำจำกัดความไม่ได้เลย" เนกะ คนอ่านการ์ตูนแนวชายกับชาย

"Y มาจาก Yaoi ประมาณว่าอะไรก็ตามที่ว่าด้วยเกย์ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนหรือนิยาย" ยศวี ผู้ที่ระบุว่าตนเป็นเกย์แต่ก็รู้จักแวดวง Y มาพอสมควร

"มาจากภาษาญี่ปุ่นคือ Yama nashi, Ochi nashi, Imi nashi รวมๆ คือเรื่องราวที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายด้วยกัน" สาวนักแต่งนิยายแนว Y

"คือคนที่ชอบเสพสื่อที่เน้นเรื่องราวแบบชายกับชาย ง่ายๆ คือเกย์ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเซ็กซ์ของชายกับชายเพียงเท่านั้นนะ เรื่องกุ๊กกิ๊กหวานแหววก็มี" ยามะเด็กหัดแต่งนิยายเกย์

"เคยคุยกับเพื่อนๆ ในบอร์ดนะ มันเป็นเรื่อง Joke ประมาณว่าคงมาจากคำแสลง Yamete! Oshiri ga itai! หรือ 'Stop! my ass hurts' นั่นเอง" เอม สาวทอมที่หันมาชอบนิยายและการ์ตูนแนว Y

นี่คือคำบอกเล่าที่พอจะทำให้เราเห็นภาพอย่างคร่าวๆ ของสาวY หรือกลุ่มคนที่ติดตามเรื่องราวแนวชายกับชาย(ที่ค่อนหนึ่งเป็นหญิง มีนิดหน่อยที่เป็นกะเทย ส่วนเกย์นั้นแทบไม่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มนี้) ไม่ว่าจะเป็นการติดตามจาก Fiction หรือนิยาย, การ์ตูนทั้งที่เป็นลายเส้นและภาพเคลื่อนไหว รวมไปถึงการคอยตั้งคำถามให้แก่ชายหนุ่มที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือดารานักร้องในจอทีวีว่าเขาทั้งคู่ที่เดินด้วยกัน ถ่ายแบบด้วยกัน แสดงละครหรือภาพยนตร์ด้วยกัน เขาเหล่านั้นจะมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนกันรึเปล่านะ??

"สาวYก็เหมือนคนทั่วๆ ไปเพียงแต่สิ่งที่เขาชอบอาจไม่เหมือนอย่างที่สังคมบอกให้ชอบ อย่างคนที่เกิดเป็นผู้หญิงเขาก็จะฝังหัวมาว่าต้องมองผู้ชายที่มีความคมเข้ม มีความเป็นชายเต็ม100 หรือการ์ตูนก็ต้องอ่านแต่การ์ตูนตาหวานแบบรุ่นน้องแอบชอบรุ่นพี่ แต่พอมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ชอบอย่างนั้น วันหนึ่งเขาเกิดอยากจะมอง อยากจะชอบผู้ชายที่หน้าสวย แก้มใส ปากแดง คนอีกส่วนจึงมองว่าเป็นเรื่องผิดแปลกจากคนทั่วไปทั้งที่มันเป็นเพียงรสนิยมอย่างหนึ่งของเขา ก็เท่านั้น" น้องพี (นามปากกา) สาว Y สาย Jr. (Johnny Junior) เล่าถึงที่มาของความต่างที่สังคมเป็นคนกำหนดให้แก่สาวๆ กลุ่มนี้ พร้อมกับบอกอีกว่าถ้าทุกคนมองว่าการ์ตูนหรือนิยายเกย์เป็นความชอบที่คนๆ หนึ่งพึงจะมีปัญหาเรื่องช่องว่างและความแตกต่างก็คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างที่เป็นอยู่

น้องพียังเล่าต่อถึงสังคมของสาว Y ว่ามันก็ไม่ได้เหมือนกันทุกคน อย่างตนเองตอนแรกก็ไม่ได้ชอบ เรื่องที่เป็นชายกับชาย ตอนที่มีเพื่อนส่งนิยายเกย์มาให้ก็ไม่ได้เปิดอ่าน จนวันหนึ่งที่ตนหันมาชอบนักร้องในกลุ่ม Johnny Junior ก็เลยหันมาอ่านนิยายประเภทนี้เพราะคู่พระนางในนิยายก็คือนักร้องชายในกลุ่ม Johnny Junior ที่ตนชื่นชอบ

"พอชอบดาราแล้วกลับไปอ่าน Fic (Fiction) ก็จะรู้สึกอินกับเรื่องมากๆ จากอ่านอย่างเดียวตอนนี้ก็หันมาแต่งเองบ้างแล้ว พอแต่งไปเรื่อยๆ ก็เลยทำให้เรารู้ว่าถ้าเราตั้งใจจะทำอะไรอย่างจริงจังท้ายสุดมันจะทำได้ แม้จะเป็นการแต่งนิยายเกย์ แต่ถ้าเราแต่งไม่ดีก็จะไม่มีคนอ่าน เราจึงต้องพยายามปรับปรุงและคิดPlot เรื่องใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา" น้องพีเล่าเสริมว่าตอนนี้การแต่งนิยายได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว และแฟนประจำก็เริ่มมีมากขึ้นจนต้องเปิดบอร์ดเป็นของตัวเอง

นอกจากสาวY สาย Jr. แล้วในสังคม สาวY ยังประกอบไปด้วยคนอีกหลายๆ กลุ่ม แอน (นามสมมติ) สาวY สาย Comic และเว็บมาสเตอร์ของเว็บบอร์ดนิยาย Yที่ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์แนวแฟนตาซี เล่าว่ากลุ่มของสาวY จะถูกแบ่งย่อยออกไปตามความชอบของแต่ละคนอย่างคนที่ชอบหนังแนวแฟนตาซีก็จะเอาตัวละครในหนังมาแต่งเป็นเรื่อง อย่างชอบการ์ตูนก็จะเอาตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบมาวาดให้กลายเป็นการ์ตูนแนว Y หรืออย่างกลุ่ม J-Rock และกลุ่ม Johnny Junior เขาก็คือกลุ่มที่ชอบดาราเป็นทุนเดิมแล้วเอาดารานักร้องที่ชอบมาจับคู่กันเป็นพระเอกและนายเอก(นางเอก) ในนิยายที่เขาแต่ง

"อย่างเราชอบอ่านหนังสือพวกเทพนิยายทั้งทั่วไปและแนวแฟนตาซีมาก่อน พอได้มาดูหนังบางเรื่องที่ตัวเอกส่อแววความเป็นเกย์ก็เลยทำให้เรากลับมาจิ๊นท์ (Imagine,จินตนาการ)ต่อไปเองว่าผู้ชายคนนี้กับคนนี้มันมองตากันมันต้องคิดอะไรกันอยู่แน่ๆ เลยเอามาแต่งเป็นนิยายแล้วก็เปิดบอร์ดของตัวเองซะเลย" แอนยังกระซิบต่อว่าแรกๆ ก็ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาอ่านแต่ปรากฏกระแสแรงมากเลยตกใจว่ามีคนชอบอย่างที่ตนเองชอบอยู่มากเหมือนกัน บางคนเข้ามาแต่งต่อจากที่แอนแต่งไว้ก็มี และจากการสำรวจประชากรที่เข้ามาในบอร์ดอย่างคร่าวๆ แอนบอกว่าร้อยละ 40 คือคนที่จบมาจากโรงเรียนหญิงล้วน ร้อยละ 10 เรียนหญิงล้วนมาตั้งแต่อนุบาลถึงม.6 และอีกร้อยละ 30 มีพี่น้องเป็นผู้หญิงทั้งหมด...

"อาจเป็นเพราะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วหญิงล้วนมันถูกตัดขาดจากสังคมที่มีเพศชายอย่างเด็ดขาด พอมีใครเอาการ์ตูนเกย์มาให้ดูก็เลยรู้สึกว่าเป็นของแปลกใหม่ คิดดูสิการ์ตูนอะไรไม่มีนางเอก...." แอนเล่าถึงการ์ตูนY ที่แพร่หลายกันอยู่ในตอนนี้ว่าผิดไปจากเมื่อสมัยที่ตัวเองอยู่ประถม 4 โดยเมื่อก่อนเขาเรียกกันว่า Y Classic คือไม่เน้นฉากที่เป็นเรทเอ็กซ์ เรทอาร์ หรือเน้นความรุนแรงแต่จะเป็นแค่ชายกับชายเดินจูงมือกัน เป็นเพื่อนกัน เน้นมิตรภาพและความรักในแบบสวยงาม อาจมีการสัมผัสกันบ้างแต่ก็กุ๊กกิ๊กน่ารัก

สาวY ทำอะไรในวันว่าง

"แต่ละกลุ่มก็จะมีกิจกรรมไม่เหมือนกันอย่างคนที่ชอบการ์ตูนก็อาจจะนัดกันมาแลกสมุด Sketch กันบ้างแลกกันวาดรูปให้กันบ้าง ชื่นชมนักเขียน หรือซื้อขายการ์ตูนที่เราเอามารวมเล่มกันบ้างซึ่งปกติจะไม่ได้ทำขายจะเลือกแต่เรื่องที่มีคนถามหาเยอะๆ แล้วก็เปิดให้สั่งจอง" พี่โอปอ นักวาดการ์ตูน Doujinshi หรือการ์ตูนล้อเล่าถึงภาพคร่าวๆ ของกิจกรรมสาว Y สายการ์ตูน

สำหรับการ์ตูนล้อนั้นพี่โอปอยังเสริมอีกว่าเดี๋ยวนี้คนทั่วไปมักคิดว่าการ์ตูนเกย์คือการ์ตูนที่เน้นเรื่องเซ็กซ์เป็นจุดขายเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงการ์ตูนเกย์หรือการ์ตูนล้อเหล่านี้ยังมีเนื้อเรื่องที่หลากหลายไม่ต่างอะไรจากการ์ตูนหญิงชายคือ มีทั้งเรทที่เน้นเซ็กซ์ มีการสะท้อนชีวิต รวมทั้งมีการล้อเลียนคาแร็กเตอร์ของการ์ตูนดั้งเดิมเพื่อความขบขันก็ยังมี

"การ์ตูนเกย์มันก็มีหลายเรทไม่ต่างอะไรจากการ์ตูนผู้หญิงตาหวาน พี่ว่ามันขึ้นอยู่กับคนซื้อมากกว่าว่าเขาซื้อการ์ตูนแบบไหนเพื่อจุดประสงค์อะไร" พี่โอปอกล่าวถึงความเหมือนของการ์ตูนเกย์กับการ์ตูนชาย-หญิงทั่วไป

ส่วนกิจกรรมของสาวY ที่คลั่งไคล้ดารานักร้องอย่าง น้องแฮม (นามสมมติ) นักเขียนนิยายเกย์ ที่มักจะจับนักร้องค่ายนั้นค่ายนี้มาเป็นคู่พระนาง ในนิยายที่ตนแต่งเล่าว่านอกจากจะพูดคุยกันบนอินเทอร์เน็ตแล้วอีกกิจกรรมหนึ่งที่มักจะทำกันเป็นประจำเกือบทุกเสาร์เลยก็คือการซื้อขายแลกเปลี่ยนCD, Clip (รูปดารานักร้องที่ถ่ายแบบลงในนิตยสารต่างๆ ซึ่งคนซื้อจะซื้อแค่คนที่ตนชอบ คนขายเลยต้องตัดหน้านิตยสารมาขายเป็นใบๆ ไป) รวมทั้งของขายหน้างานคอนเสิร์ตที่บินตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น

"ส่วนมากมักจะรวมตัวกันที่ย่านสยามสแควร์แต่สถานที่จะไม่แน่นอนคือย้ายไปเรื่อยๆ ตามแต่ว่าเขาจะมาไล่ที่เมื่อไหร่ เชสเตอร์กริลบ้าง ดันกิ้นโดนัทบ้าง แม็คบ้าง ประมาณว่าไปนั่งแต่ไม่กินเขาก็เลยไล่"

สำหรับสนนราคานั้นก็ถูกแพงต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าอันไหนของแท้อันไหน Hand made อย่าง CD และ DVD ถูกสุดก็แผ่นละ 500 บาท เรื่อยไปจนถึง 2,000 บาทขึ้นไป ส่วน Clip ก็ตกแผ่นละ 10 บาท CD ถูกๆ ก็จะเป็นของนักร้องที่ยังเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ในค่ายนั้นๆ คือยังไม่ได้ออกอัลบั้มจริงแต่อาจจะมีการไปโชว์ตัวตามรายการทีวีหรืองานคอนเสิร์ตบ้าง ถ้าคนไหนได้ออกอัลบั้มแล้วราคาก็จะ 2,000 บาท ขึ้นไป ส่วนแผ่นCD ที่อัดรายการที่นักร้องพวกนี้เคยไปออกก็ตกแผ่นละ 40-50 บาท ขึ้นอยู่กับความใหม่ของรายการ ถ้า DVD ก็ 180-200 บาท

น้องแฮมยังบอกอีกว่า "ขนาดพัดหน้างานคอนเสิร์ตยังขายได้เลยอันละประมาณ 280-300 ซึ่งถ้าเด็กที่เสพสื่อตรงนี้มีวิจารณญาณก็จะรู้ได้เองว่าควรทุ่มกับตรงนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่น่าห่วงคือนับวันเด็กๆ ที่เข้ามาในวงการนี้จะอายุน้อยลงการดูแลกันระหว่างพี่ๆ น้องๆ ในกลุ่มต่างๆ จึงต้องเป็นสิ่งที่ควรจะใส่ใจเพิ่มขึ้น เท่าที่เคยรู้ก็มีน้องอายุ 12 ที่เป็นแฟนคลับ Johnny Junior พอเขารู้ว่านักร้องที่ชอบไปมีข่าวว่านอนโรงแรมกับผู้หญิงถึงขนาดร้องห่มร้องไห้ กินข้าวไม่ลง สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่พี่ในบอร์ดจะต้องช่วยกันบอกน้องถึงความแตกต่างระหว่างโลกจริงกับนิยายหรือการ์ตูน"

ในเรื่องการแยกกันระหว่างโลกในความฝัน จินตนาการกับโลกแห่งความจริงนับเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยสำหรับสาว Y รุ่นใหม่ที่อายุน้อยๆ เป็นอย่างมาก "บางคนจะไม่คิดว่าโลกความจริงหรือความรักระหว่างชายกับชายไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างการ์ตูนหรือนิยาย เด็กๆบางคนยังแยกไม่ออกระหว่างอุดมคติกับโลกจริง ซึ่งมันจะทำให้เขาสับสนกับชีวิตจริง" นักเขียนนิยายผู้ไม่ขอเอ่ยนามบอกเล่าถึงความเป็นห่วงที่มีต่อเด็กๆ ที่เข้ามาสู่โลกที่ก้ำกึ่งระหว่างอุดมคติกับความจริงแห่งนี้

"อยากให้สังคมมองโดยใช้ใจในการคิดวิเคราะห์ก่อนต่อต้าน สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องจริง มันมีที่อยู่ของมันเองที่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง"

อย่างที่กล่าวไว้ว่าสังคมล้วนมีทั้งแง่ลบและแง่บวก สังคม Y ก็เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนที่มองจะเปิดใจรับและเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน หากเรื่องความชอบในสิ่งที่ต่างออกไปถูกคนอีกส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเรื่องแปลก หรือเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรก็อาจทำให้คนกลุ่มนี้ต้องถอยกลับไปสู่อีกซีกของสังคมที่ไม่มีใครมองเห็นอย่างเดิม

ความต่างไม่ใช่ข้ออ้างของความห่าง

ปรากฏการณ์สาว Y นั้นมีมานานหลายปี แต่ทำไมพวกเธอถึงต้องเลือกอยู่ในมุมมืด แม้แต่ในยุคที่เรื่องเพศที่สามเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในสังคม หรือจริงๆ ความแตกต่างยิ่งกั้นให้พวกเธอรู้สึกแปลกแยก..

"การที่สาว Y ไม่กล้าเปิดเพราะมันมีความเสี่ยงอยู่ 2 ประการ แน่นอนสุดเสี่ยงกับการได้รับการยอมรับและปฏิเสธที่จะรับรู้ถึงการมีตัวตน กับอีกอย่างคือเปิดและเจอกับคนที่จริงใจยอมรับในสิ่งที่เราเป็นก็ถือว่าโชคดีไป" ZHZQ~ หนึ่งในสาว Y กล่าวพร้อมกับเล่าตัวอย่างน้องในกลุ่มว่ามีอยู่คนหนึ่งเขาเสี่ยงที่จะเปิดตัวท้ายสุดเพื่อนในกลุ่มก็ไม่ยอมรับ และตอนนี้เขาก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่เปิดใจกับใครอีก เพราะถ้าคนส่วนใหญ่รับไม่ได้ เขาก็ขอเก็บเรื่องนี้ไว้เองดีกว่า...

ZHZQ~ เล่าต่อว่าในสังคมสาว Y เองก็หลากหลายซับซ้อน บางคนก็ใช้สิ่งนี้เป็นทางออกในเรื่องเพศ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกันทุกคน อย่าเพิ่งเหมารวมว่ากลุ่มนี้อ่านการ์ตูนเกย์แล้วต้องเป็นเป็นตัวประหลาด "ถ้าคิดแค่นั้นคุณก็ใจร้ายเกินไปแล้ว"

"พูดถึงสาว Y เราก็ไม่ได้รู้สึกแปลก คนเรามันชอบกันได้หลายอย่าง แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งสมมติที่เรียกกันเองว่า "รสนิยม" อย่างเราถึงแม้เขาจะรับรู้ว่าเป็นกะเทยแต่ใจลึกๆ มันไม่ใช่เราชอบทอมที่น่ารักๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้บอกใครเพราะบอกไปแล้วหากเขาไม่เปิดใจก็พานแต่จะสร้างความไม่เข้าใจและความห่างให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น" ต้องการ(นามสมมติ) ชายหนุ่มที่บอกว่าตนเองเป็น Unsexual คือไม่สามารถระบุเพศได้เพราะตนเชื่อว่าเพศก็เป็นอีกสิ่งที่คนสมมติขึ้นมาและคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากสังคมหนึ่งๆ จะมีคนมากกว่า 10 เพศขึ้นไป

อย่างที่คุณโตมร ศุขปรีชา คอลัมนิสต์ด้าน Gender (เพศสภาพ) เคยให้สัมภาษณ์ลงในนิตยสาร NOIZE ว่า "เวลาเขียนเรื่อง Gender ก็อยากจะบอกว่าโลกมันหลากหลายมากและโลกก็ไม่ได้มีแค่สองเพศ และไม่ใช่สามหรือสี่เพศ แต่ละคนอาจเป็นเพศหนึ่งๆ ของตนเลยก็ได้ เพราะคนแต่ละคนไม่ต้อง display ตัวเองออกมาตามที่สังคมบอกว่าผู้หญิงต้องเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่แบบนี้ก็ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย หรือแม้แต่บอกว่าเป็นเกย์ต้องเป็นแบบนี้นะ ซึ่งมันเป็นการทำให้เพศสภาพมันแข็งตัว จริงๆ แล้วบางคนดูเหมือนเกย์ ดูอ่อนแอ ดูตุ้งติ้งเขาอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้ คนที่ดูแมนก็อาจไม่ได้เป็นแมนก็ได้ คือมันมีความหลากหลายในเรื่องเพศมาก"

และยิ่งสังคมจัดหมวดหมู่ให้กับสิ่งต่างๆ มากขึ้นเท่าไหร่ ความแปลกแยกและความแตกต่างก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หลายครั้งที่ความแตกต่างทำให้เกิดความอึดอัดแก่คนบางกลุ่ม จนเขาต้องหลีกหนีออกไปเพียงเพื่อจะหาคนที่พูดภาษาเดียวกัน เพียงเพื่อจะหาคนที่สามารถปรึกษาโดยไม่ถูกมองด้วยสายตาที่แปลกไป แต่ยิ่งเขาหนีห่างออกไปไกลเท่าไหร่ คนที่เหลือซึ่งเรียกตัวเองว่าอยู่ในกรอบของสังคม กลับยิ่งมองว่าเขาแตกต่างและผิดแปลกจากสังคมและตัวเองมากขึ้นเท่านั้น







กำลังโหลดความคิดเห็น