เพิ่งจะผ่านพ้นการประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือเอนทรานซ์กันมาหมาดๆ ถึงเวลาที่เด็กมัธยมฯ หน้าใสจะผลัดชุดเครื่องแบบนักเรียนมาสวมชุดนักศึกษาปีหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัย บรรยากาศการสอบสัมภาษณ์ มอบตัว และรับน้องเป็นไปอย่างคึกคักและครึกครื้น เช่นเดียวกันกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านขายชุดนิสิตนักศึกษา ผู้ซึ่งยิ้มย่องผ่องใสเนื่องจากรับทรัพย์กันไปถ้วนหน้า
'ผู้จัดการปริทรรศน์' ขอเกาะกระแสช่วงใกล้เปิดเทอมใหม่นี้ พาไปสำรวจตลาดชุดนักศึกษาไทยกันดูสิว่า ตอนนี้แฟชั่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว
'นุ่งสั้น-รัดติ้ว' หลบไป !!!
หากในช่วงหลายปีหลังมานี้ แฟชั่นชุดนักศึกษาจะนิยมกระโปรงสั้น และเสื้อรัดรึงเห็นส่วนสัดกันเป็นส่วนใหญ่ ทำเอาแม่ๆ ป้าๆ หรือแม้แต่บัณฑิตรุ่นน้าที่เคยใส่เสื้อนักศึกษาตัวโคร่งมาก่อน เห็นเข้าถึงกับมึน (ทั้งที่จริงแล้ว แฟชั่นในสมัยรุ่นคุณแม่คุณป้านั้น มีดีกรีความเปรี้ยวเข็ดฟันสูสีหรืออาจจะมากกว่าสาวๆ ยุคนี้เสียด้วยซ้ำ)
เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าแฟชั่นแล้ว มันก็ย่อมเป็นเพียงกระแสที่คนส่วนใหญ่นิยมในช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้เทรนด์ 'นุ่งสั้น-รัดติ้ว' ที่ครองแชมป์มาหลายปี จึงกำลังจะตกเทรนด์หรือ 'เอาต์' ไปเสียแล้ว
นาทีนี้… แฟชั่นเอวต่ำกำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่นไทย ไม่ใช่เพียงชุดลำลอง แต่ยังรวมมาถึงชุดนักศึกษา และไม่ใช่ต่ำธรรมดา ต้องทั้งต่ำทั้งผ่าด้วยจึงจะถูกใจวัยรุ่นวัยเรียนส่วนจะต่ำถึงขนาดไหน ต้องตามไปดูกัน…
ยิ่ง 'โหลด' ยิ่ง 'ลึก'
"ทรงกระโปรงที่กำลังมาแรงตอนนี้เหรอ ก็เอวต่ำ ต่ำขนาดไหนน่ะเหรอ… บางตัวโหลดลงไปถึงหัวเหน่าก็มี !" แม่ค้าขายกระโปรงนักศึกษาย่านบางลำพู พูดถึงเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ให้ฟังอย่างน่าหวาดเสียว
ขนิษฐา พุ่มไสว เจ้าของร้าน 'เชอรี่แอปเปิล' ร้านขายกระโปรงนักศึกษาย่านบางลำพูแห่งนี้มานานกว่า 30 ปี บอกว่าที่ร้านจะมีออกแบบกระโปรงใหม่ๆ ทุกปี แต่ส่วนมากจะเป็นแบบเรียบๆ แล้วเน้นที่ทรงกับเนื้อผ้ามากกว่า
"ส่วนมากตอนนี้เขาก็จะนิยมเป็นเอวต่ำและแบบเรียบๆ มากกว่า แล้วแต่ความยาว 15, 17 นิ้ว ลูกค้าจะเลือกแบบนี้มากกว่า กระโปรงแต่งแบบก็ไม่เท่าไหร่ เพราะมันใส่แป๊บเดียวมันก็ล้าแล้ว"
"ปีนี้น้องๆ จะค่อนข้างเรียบร้อยขึ้น ไม่ค่อยจะเท่าไหร่…" มีเสียงแซวว่ายังปีหนึ่งอยู่ล่ะมั้งพี่ แม่ค้ายิ้มก่อนบอกว่า "จ๊ะๆ ประมาณเทอม 2 ก็คงจะมาแหวก กระโปรงบางคนดูยาวนะแต่ผ่าถึงนี่เลยก็มี" ว่าพลางยกมือขึ้นสูงเกือบถึงเอว
"พอปีหนึ่งมาส่วนมากเขาก็จะเอาแบบเรียบๆ ไปก่อน พอใส่ไปได้สักประมาณนิดหน่อยเขาก็จะมาเปลี่ยนเอาสั้นเอวต่ำ แรกๆ ส่วนมากเขาก็จะเอาถูกระเบียบไป ซื้อทีละ 4-5 ตัวเลย แล้วก็มาเปลี่ยนยกใหม่หมดเลย ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐจะไม่ค่อยเน้นแต่งแบบ จะเน้นเรียบๆ และเน้นตรงเอวแล้วก็ทรง"
ที่น่าแปลกก็คือ กระโปรงนักศึกษานั้นเอวยิ่งต่ำ ราคาก็ยิ่งแพง เพราะว่าตัดเย็บยาก ขนิษฐามองว่ารูปร่างที่เหมาะจะใส่กระโปรงเอวต่ำนั้น น่าจะเป็นคนที่มีเอวมีสะโพก เพราะหากผอมเกินไปจะใส่ไม่ค่อยสวย ส่วนเทรนด์ในปีหน้าก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าที่เป็นน้องๆ นิสิตนักศึกษาจะนิยมแบบไหน
"กระโปรงเอวสูงตอนนี้แทบจะขายไม่ได้เลย แทบจะไม่ได้ลงของเลย" ประกายแก้ว พลอยสมบูรณ์ แห่งร้าน 'D University' ร้านขายชุดนักศึกษาในห้างบางลำภูสรรพสินค้า กล่าวถึงความนิยมกระโปรงเอวต่ำของลูกค้า
นอกจากจะเอวต่ำแล้ว เทรนด์ในช่วงนี้ยังนิยมกระโปรงแบบเรียบๆ เนื่องจากยังเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเน้นความถูกระเบียบเป็นหลักไว้ก่อน
"ก็จะมีพวกผ่าหน้า ผ่าหลัง หรือหน้าหลัง ผ่าข้าง นักศึกษาใหม่ก็จะเป็นประมาณคลุมเข่าหรือประมาณเข่า ส่วนผ่าสูงแค่ไหนก็จะผ่าตามความยาว ถ้าสั้นหน่อยก็จะผ่านิดหนึ่ง ถ้ายาวลงไปก็จะผ่าสูงขึ้นมา ก็ถ้าเอวต่ำมากๆ ก็จะผ่าสูงขึ้น ต่ำนี้ต่ำใต้สะดือก็เยอะเหมือนกัน ตอนนี้ต่ำลงกว่าปีที่แล้วเยอะกว่ากันหลายนิ้วเลยค่ะ จากปีที่แล้วก็จะประมาณ 1-2 นิ้ว ปีนี้ก็ต่ำประมาณ 4 นิ้วได้ มีบางคนยังต่ำไม่พอก็ต้องลดลงไปอีก"
แต่ทางร้านจะไม่มีบริการแก้กระโปรงให้โหลดไปกว่านี้ เนื่องจากจะตัดมาพอดีกับขนาดสะโพกของผู้สวมใส่แต่ละไซส์ ซึ่งหลังจากช่วงเปิดเทอมไปสักระยะทางร้านก็ออกแบบกระโปรงนักศึกษาใหม่ๆ ตามมาอีก
"ที่คิดไว้มีหลายแบบเลย จะเป็นพวกต่อสะโพกจีบ ต่อสะโพกรูด ต่อสะโพกสองชั้นรุ่นกระเป๋าแบบกระเป๋าหรือสะโพกทวิสต์ เป็นสะโพกแฟชั่น มีแต่เอวต่ำหมดเลย ความยาวก็จะมีทั้ง 18 และ 22 นิ้ว หรือจะเป็นแบบสี่ส่วน ส่วนมากต่อสะโพกรูดจะขายดี ถ้าแฟชั่นเป็นตัวสั้นยาว 18 ขายดีสุด แต่งานแฟชั่นตอนนี้ยังไม่เยอะ ยังเป็นแบบเดิมอยู่ ต้องเป็นช่วงประมาณหลังเทอมสองไปแล้ว ถึงจะเริ่มมีแบบใหม่ออกมา"
ประกายแก้วบอกว่าแฟชั่นชุดนักศึกษาจะเปลี่ยนไปทุกปี ทางร้านก็ต้องหาแบบใหม่ๆ มาลงเรื่อยๆ ให้ทันกระแสความนิยมของลูกค้าวัยรุ่น
"ถ้ารุ่นเก่าตัวไหนตกยุคเราก็จะเอาออกไป เราก็จะคิดหาแบบใหม่ๆ มาลง ส่วนมากน้องๆ เขาก็จะคิดค้นหาแบบใหม่ๆ กัน จากปีที่แล้วแฟชั่นไม่เยอะขนาดนี้ มีอยู่แค่ไม่กี่แบบ เป็นพวกลายลูกไม้ เล่นนิดๆ แล้วพอมาปีนี้ก็จะเป็นพวกจีบ จากเอวที่ไม่เคยต่ำเยอะ ก็กลายมาเป็นต้องต่ำเยอะ บางคนใส่แล้วบอกพี่มันไม่ต่ำ ต้องการเยอะมากกว่านี้ พี่ก็จะวัดให้แล้วสั่งทางร้านให้ตัดออกมาว่าต่ำกว่านี้ เท่านี้ๆ เราจะถามความเห็นนักศึกษามากกว่า จะถามนักศึกษาก่อนว่าเขาอยากได้แบบไหน เอวนี้เป็นยังไง อยากได้ลงมากี่นิ้ว"
ลองข้ามไปดูย่านแฟชั่นของวัยรุ่นอย่างสยามสแควร์ดูบ้าง ว่าเทรนด์แฟชั่นชุดนักศึกษาจะเหมือนหรือต่างจากละแวกบางลำพูนี้อย่างไร
ภิรมย์ ศรีอัษฎกลาภ หรือ 'พี่น้อง' ของบรรดานิสิตนักศึกษาย่านสามย่าน เจ้าของร้าน 'Nong' ที่จำหน่ายเสื้อและกระโปรงนักศึกษาหญิงโดยเฉพาะ กล่าวถึงเทรนด์แฟชั่นชุดนักศึกษาปีนี้ว่า
"กระโปรงที่ขายดีจะเป็นเอวต่ำ ผ่าหน้ากับผ่าหลัง ยาวประมาณเข่า หรือเหนือเข่านิดหนึ่ง ถ้าเป็นผ่าหน้าสั้นๆ เหนือเข่าประมาณ 18-16 นิ้วก็ขายดีสำหรับเด็กเอกชน ผ่าก็แล้วแต่ลูกค้าจะสั่งเพราะเราทำตามลูกค้า บางคนก็ชอบผ่าสูง บางคนก็เรียบร้อย ที่ร้านจะมีการเก็บแก้ให้เพราะจะได้ทรงเข้ารูปสวย เทรนด์ปีนี้ที่เอวต่ำมากๆ เสื้อจะชายยาว คอเสื้อจะเล็กนิดหนึ่ง ประมาณ 5 นิ้ว แต่พอหลังจากช่วงเปิดเทอมไปก็คงจะมีเด็กเอกชนมาตามแฟชั่น บอกว่าอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ ช่วงนี้เขาเน้นอย่างนั้นอย่างนี้ พี่ก็จะตัดให้เพราะว่าเด็กๆ เขาจะชอบ ส่วนเทรนด์ในปีหน้ากระโปรงคงไม่ต่ำไปมากกว่านี้ เพราะถ้าต่ำมากไปมันจะติดสะโพก ไม่มีเอวดูไม่สวย ส่วนเสื้อตอนนี้เขาจะไม่เน้นแฟชั่น อย่างแขนตุ๊กตาก็เริ่มโลว์ลงแล้ว เขาจะเน้นเสื้อถูกระเบียบ ชายยาว แขนสั้นๆ เข้ารูป"
ซึ่งที่ร้าน 'Nong' ก็มีตั้งแต่ขนาด 5s หรือ 2 XL หากต้องการพิเศษกว่านี้ต้องสั่งตัดเอา แต่พี่น้องก็ไม่อยากให้น้องๆ นักศึกษาตามแฟชั่นมากเกินไป
"คือจริงๆ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้เขาใส่ฟิตๆ มากเกินไป มันดูล่อแหลมไม่สุภาพในสายตาคนอื่น แต่ถ้าน้องๆ เขาชอบ พี่ก็ทำตามแฟชั่น แต่จริงๆ แล้วก็อยากให้ใส่พอดีๆ หน่อย ไม่ต้องไปฟิตมาก ไม่ต้องไปเน้นมาก"
เสื้อพลัง 'โอโม่' มาแรง !
เมื่อเอ่ยถามแม่ค้าย่านบางลำพูว่าตอนนี้เสื้อนักศึกษาสไตล์ไหนขายดี และเป็นที่นิยมอยู่ในเวลานี้ หลายคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เสื้อโอโม่"
"จะมีเสื้อสีโอโม่อีกสีหนึ่งมาใหม่ ปีที่แล้วยังไม่มีนะ มันเพิ่งจะมาฮิตปีนี้ บางคนเขาชอบแหวกแนวหน่อยเขาก็จะซื้อครามมาใส่ แล้วเขาก็หาๆ กันมาเรื่อยๆ จนแบบว่าคนมาถามหาเยอะ ที่ร้านถึงได้ตัดออกมา"
ถึงตรงนี้ คุณอาจสงสัยกันว่ามันเป็นแบบไหนกันล่ะนี่เจ้าเสื้อโอโม่ ? เราขอให้คุณนึกถึงโฆษณาผงซักฟอกยี่ห้อเดียวกันกับชื่อเสื้อนี้ ที่หลังจากใช้แล้วจะเห็นว่าผ้าขาวเจิดจรัส จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกเสื้อที่มีสีสันและเนื้อผ้าดูใหม่ (โอเวอร์) ติดทนนาน โดยพ่อค้าแม่ค้าหัวใสได้ใช้ผ้าที่เรียกว่า 'ผ้าคอม' ซึ่งมีสีออกครามๆ มาตัดเย็บเป็นเสื้อนักศึกษา ปรากฏว่าขายดีจนแทบผลิตออกมาไม่ทัน
ดูไปดูมา… สีสันเจ้าเสื้อโอโม่นี้ก็ดูคล้ายสีเสื้อนักเรียนสมัยประถมฯ เจ้าของร้านบอกว่าตอนนี้เทรนด์เครื่องแบบนักศึกษาแบบนี้กำลังมา ถึงขนาดมีบางคนมาถามหากระโปรงนักศึกษาที่เป็นทรงกระโปรงนักเรียนประถมฯ ที่ทรงจีบบานๆ ใหญ่ๆ ก็มี !?
เมื่อกระโปรงเอวต่ำลงๆ ความยาวของเสื้อนักศึกษาก็ต้องมาชดเชยมากขึ้น ประกายแก้วบอกว่าแฟชั่นตอนนี้จะนิยมเสื้อนักศึกษาตัวยาว โดยสอดชายไว้ในกระโปรงแล้วคาดเข็มขัดโหลดต่ำ
"เสื้อเป็นเสื้อที่ใส่กับเอวต่ำ ตัวยาวเข้ารูปคลุมสะโพก ใส่กับกระโปรงเอวต่ำแล้วมันจะสวยพอดี เป็นเสื้อลายตัวที จะไม่มีเสื้อแฟชั่นเลย แขนก็ไม่เน้นลวดลาย เป็นแบบเรียบๆ ถูกระเบียบ เป็นแขนสามเหลี่ยมอย่างของสวนสุนันฯ สวนดุสิต ของเกษตรอะไรพวกนี้มี เพราะช่วงนี้ที่ร้านแบบจะยังไม่ลงทั้งเสื้อทั้งกระโปรง จะลงเยอะตอนหลังมิถุนายนไปแล้ว เพราะว่าตอนนี้นักศึกษามีน้องใหม่อยู่เยอะ" เจ้าของร้าน 'D University' กล่าว
เช่นเดียวกับร้าน 'มุมทอง' ชั้น 2 โบนันซ่า ร้านขายเสื้อนักศึกษาหญิงที่มีชื่อในเรื่องคุณภาพของผ้าและการตัดเย็บ โดยทางเจ้าของร้านบอกว่าช่วงนี้ชุดนักศึกษาที่ขายดีคือ เสื้อนักศึกษาที่ถูกระเบียบ เข้ารูปพอดีตัว อาจมีลูกเล่นนิดๆ หน่อยๆ จำพวกตีเกล็ดข้างเสื้อ แต่ทางร้านจะไม่มีเสื้อนักศึกษาแบบแฟชั่นจำหน่าย มีเพียงเสื้อขนาดเล็กอย่างไซส์ sss ไปจนถึง 5L เท่านั้น
อาจเป็นไปได้ว่ามนต์ขลังในช่วงเวลาเปิดเทอมใหม่ ทำให้บรรดานักศึกษาที่ไม่ใช่เฟรชชี่ซึ่งต้องแต่งกายตามระเบียบมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว หันกลับมานิยมเสื้อถูกระเบียบแต่เข้ารูปแทนแฟชั่นเสื้อนักศึกษาที่รัดติ้วอย่างในอดีต แต่หากมนต์ขลังนี้สิ้นไปภายหลังเปิดเทอมได้ไม่นาน เราก็คงจะได้เห็นแฟชั่นชุดนักศึกษาแบบแปลกๆ ใหม่ๆ ให้สังคมได้วิพากษ์วิจารณ์กันต่อไปอีก
ผู้ชายก็ 'เปรี้ยว' ได้
ใช่ว่าจะมีแต่ชุดนักศึกษาหญิงเท่านั้นที่มีแฟชั่นให้เลือกมากมาย แม้แต่ชุดนักศึกษาชายที่ไม่น่าจะมีลูกเล่นเก๋ไก๋อะไรมาก แต่ก็ยังมีร้านที่ผลิตชุดนักศึกษาชายแบบแฟชั่นออกมาเอาใจหนุ่มอินเทรนด์โดยเฉพาะ
บุญรัตน์ นันทกุล แห่งร้าน 'Kim' ชั้น 3 โบนันซ่า ร้านที่รับสั่งตัดและออกแบบเชิ้ตแฟชั่น เสื้อนักศึกษาชายทุกสถาบัน ภายในร้านจึงมีเสื้อเชิ้ตของนักศึกษาชายให้เลือกอย่างหลากหลาย
ทั้งแบบแขนสั้น แขนสามส่วน ไปจนถึงแขนยาว แต่ละตัวก็จะมีสไตล์กิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร บ้างมีลูกเล่นที่กระเป๋า หรือติดรังดุมที่ปลายแขนเสื้อ แบบและทรงก็ทันสมัยไม่ต่างไปจากเสื้อผ้าผู้ชายที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ซึ่งเทรนด์ปีนี้คือเชิ้ตแขนสั้น ส่วนปีที่แล้วแขนสามส่วนมาแรง
"แบบที่ขายดีที่สุดก็คือเชิ้ตแขนสั้นขลิบขอบกระเป๋าดำเพราะว่ามันใช้ได้ทุกสถาบัน สามส่วนก็ยังขายได้อยู่เพราะที่ร้านจะเน้นบอดี้ ปกที่ร้านก็ค่อนข้างเป็นแบบแฟชั่นนิดหนึ่ง จะใหญ่หน่อย แล้วข้อแขนก็ค่อนข้างจะใหญ่กว่าของคนอื่น เวลาพับต้องพับสองพับ ทรงที่ฮิตกันก็น่าจะเป็นแบบเชิ้ตเอวโค้งเข้ารูปนิดหนึ่ง ไม่ยาวมาก เพราะปีที่แล้วเป็นเอวตัดและผ่าข้าง ที่ร้านก็จะมีไซส์ s, s 1/2, แล้วก็ M แล้วใหญ่สุดก็ L"
ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านก็มักเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชน บุญรัตน์บอกว่า เด็ก ม.กรุงเทพ หรือเอแบคจะรู้จักร้านนี้กันดี และแนะนำรุ่นน้องให้มาซื้อต่อๆ กันไป นอกจากแบบแฟชั่นที่หลากหลายแล้ว จุดเด่นอีกอย่างคือการที่ใช้เนื้อผ้าแบบยับยาก หรือที่เรียกว่าผ้าพีแอลนั่นเอง
"แนวโน้มเทรนด์แฟชั่นปีหน้าก็คงไม่ต่างกันมาก คงจะเน้นที่กระเป๋าเสื้อมากกว่า คือทรงก็ยังเหมือนเดิมแต่จะกระเป๋าเป็นแฟชั่นลายใหม่ๆ ต้องตามแฟชั่นตลอด แต่รูปทรงก็ยังเน้นคอนเซ็ปต์เดิม ส่วนกางเกงที่ร้านจะเน้นบอดี้ แล้วก็ขาม้านิดๆ เอวต่ำนิดหน่อย ที่อื่นจะขายกางเกงทรงกระบอก แต่ที่ร้านขายเสื้อเน้นบอดี้มันก็ต้องเหมาะกับกางเกงขากระบอก คิดว่าใส่ไม่ถูกระเบียบก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้มันเรียบร้อย ไม่ผิดระเบียบมาก แต่กระเป๋าอาจจะเก๋ เป็นแฟชั่นนิดหนึ่ง หรือแต่งกระดุมปลายเสื้อ"
……………………………
เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในสังคมอยู่เสมอ ต่อความเหมาะสมของชุดนักศึกษาในบ้านเรา ที่นับวันจะล่อแหลมมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าสงสัยว่ายิ่งยุคสมัยผ่านพ้นไป ผ้าที่ใช้ตัดเสื้อจะมีราคาแพงขึ้นหรือไฉน เหตุใดทั้งเสื้อและกระโปรงของบรรดานักศึกษาสาวจึงหดลงเรื่อยๆ
เปล่า - ราคาผ้าไม่ได้แพงระยับถึงขนาดจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้นได้ ปัจจัยเดียวที่ทรงอานุภาพขนาดดลบันดาลให้ปัญญาชนของชาตินิยมแต่งตัวตามๆ กันได้ขนาดนั้น เป็นคำสั้นๆ เพียง 2 พยางค์ ทว่ากลับมีอิทธิพลมหาศาล…
"แฟชั่น"
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะปรากฏการณ์นี้ก็เป็นกันเกือบหมดทั้งโลกของทุนนิยม ที่คนเพียงหยิบมือเดียวสามารถชี้นำให้คนทั้งโลกมีรสนิยมไปในแนวทางเดียวกันได้เป็นช่วงๆ แต่ที่สังคมวิตกกันมากก็เพราะแฟชั่นนี้ได้ระบาดเข้ามาสู่เครื่องแบบนักศึกษา ที่บางคนถือว่ามันคือ "ชุดศักดิ์สิทธิ์"
แต่แทนที่จะตั้งป้อมต่อต้านหรือประณามนักศึกษาที่ใส่เพียงอย่างเดียว สังคมไทยควรหันกลับมาทบทวนตัวเองด้วยหรือไม่ ว่าเพราะอะไร ทำไมเหล่านิสิตนักศึกษาจึงให้ความสำคัญกับการการแต่งกายนัก ทั้งๆ ที่น่าจะกระหายในปัญญาความรู้ที่อยู่ในตำรา
หรือเพราะเราเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับ 'เปลือก' ภายนอก มากกว่า 'แก่น' ที่อยู่ภายใน ?
****
"ตุ้งติ้ง" ...อีกความงามบนปกเสื้อ
เมื่อพูดถึงเรื่องชุดนักศึกษาก็อดไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงแฟชั่นที่มาพร้อมกับเสื้อผ้าเหล่านี้นั่นก็คือ "ตุ้งติ้ง" เครื่องประดับที่ติดอยู่บนรังดุมด้านซ้ายของปกเสื้อนักศึกษาหญิง สำหรับนักศึกษาชายการเลือกซื้อเสื้อผ้าสักชุดหนึ่งอาจไม่ค่อยลงลึกในรายละเอียดมากนัก แต่สำหรับนักศึกษาหญิงแล้วการเลือกซื้อชุดนักศึกษาไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ความสั้นยาวของเสื้อหรือกระโปรง อย่างการเลือกซื้อตุ้งติ้งชิ้นเล็กๆ มาประดับปกเสื้อบรรดาสาวๆ ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้
"ตอนนี้กำลังขึ้นปี 2 เพียงแค่ปีเดียวเราก็มีตุ้งติ้งประมาณ 20 อัน เพื่อนก็บอกให้เลิกซื้อได้แล้วแต่ก็อดใจไม่ได้ แม้เป็นสิ่งเล็กๆ บนปกเสื้อแต่ก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้เราได้" น้องเบลล์ คณะอักษรศาสตร์ เล่าต่อถึงเทรนด์ตุ้งติ้งที่กำลังมาแรงในปีนี้ว่าเน้นที่โทนสีโดยวัสดุที่ใช้ทำก็จะเปลี่ยนจากโลหะสีเงินเป็นการประดับด้วยมุก เพชร และหินสีใสๆ แทน
"ตุ้งติ้งแบบนี้หาซื้อยากนะ เพราะเป็นแบบ hand made ส่วนใหญ่จะซื้อแบบมีสายห้อยลงมายาวๆ ราคาก็ประมาณ 100 บาท แต่ก็ถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับความประณีตที่เขาทำมา" น้องเบลล์บอกถึงลักษณะของตุ้งติ้งแบบนี้ว่าจะโดดเด่นด้วยสายตุ้งติ้ง 4-5 สาย ที่ยาวลงมาระบ่า
เรื่องความนิยมของสายตุ้งติ้งแบบยาวๆ นั้น มิ้ม คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปี 4 บอกกับเราว่าตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้อตุ้งติ้งที่มีสายตุ้งติ้งยาวลงมาหลายๆ เส้น
"ก็ชอบแบบที่เป็นสายยาวมีตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ ห้อยอยู่ ดูแล้วเก๋ไปอีกแบบหนึ่ง " มิ้มเล่าต่ออีกว่าตุ้งติ้งตอนนี้เริ่มแหวกไปจากเดิมๆ ตามประสาเด็กแนวที่ต้องหาของแปลกใหม่มานำเสนออยู่เสมอ โดยแบบเดิมๆ จะเป็นโลหะรูปตัวการ์ตูนแต่พอหลายคนเริ่มใส่เหมือนๆ กันก็เลยมีคนลุกขึ้นมาทำแบบเฉพาะของตัวเอง พอมีคนเห็นก็เริ่มมีการถามหา และท้ายสุดก็ผลิตขาย
นอกจากตุ้งติ้งแบบเน้นที่สายแล้วบางคนก็ยังประยุกต์เอาเข็มกลัด ต่างหู ไม่ก็เข็มกลัดที่เป็นเครื่องประดับตุ๊กตาบาร์บี้มาติดแทนตุ้งติ้ง
"ชอบเอาเครื่องประดับของบาร์บี้มาติดแทนตุ้งติ้ง อย่างแรกคือสีมันจะสด อย่างคราวก่อนไปซื้อมาที่สำเพ็งก็จะเป็นเข็มกลัดมีทั้งรูปหัวใจ เต่าทอง แล้วก็เป็นทรงเรขาคณิต ส่วนสีก็จะใช้สีคู่ตรงข้ามตัดกัน ส่วนมากจะไปซื้อกับเพื่อนหลายๆ คน เพราะต้องซื้อแบบเหมาแล้วจะได้ราคาถูก" แป๋ม คณะนิเทศศาสตร์ บอกต่ออีกว่าเวลาเหมามาหากอันไหนซ้ำกันก็จะเอามาเร่ขายเพื่อนๆ ในคณะอีกด้วย
นอกจากตุ้งติ้งจะถูกใช้เพื่อความสวยงามแล้วในบางมหาวิทยาลัยตุ้งติ้งยังถูกใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายบางอย่างด้วย อย่างที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ที่นั่นไม่มีตุ้งติ้งของสำนักต่างๆ (ที่นั่นใช้คำว่า "สำนัก" แทนคำว่า "คณะ") โดยนักศึกษาหญิงจะใส่ตุ้งติ้งของมหาวิทยาลัยแต่นักศึกษาที่เพิ่งเข้าใหม่จะมีตำแหน่งของตุ้งติ้งแตกต่างไปจากรุ่นพี่
"ปี1 จะใส่ตุ้งติ้งที่ปลายปกเสื้อ แต่ปีอื่นๆ จะใส่ที่รังดุมด้านซ้ายของปก แต่จะไม่มีปี 1 ที่ใส่แบบปี 2 นะซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีเพราะในปีๆ หนึ่งจะมีน้องใหม่เข้ามาหลายพันคน พี่ๆ ก็คงจะจดจำไม่ไหว แต่ตุ้งติ้งจะเป็นสิ่งที่ช่วยชี้ว่าคนไหนน้องใหม่ คนไหนพี่เก่า พอไปเจอกันที่ไหนพี่ๆ จะได้รู้ว่าน้องแล้วจะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง" แตง นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างพี่ๆ น้องๆ ของที่นั่น
นอกจากเป็นสิ่งที่เชื่อมความสัมพันธ์แล้วตุ้งติ้งยังมีหมายถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความภาคภูมิใจในสถานศึกษาอีกด้วย
"ที่ศิลปากรจะเป็นเรื่องแปลกหากใครใส่ตุ้งติ้งแบบแฟชั่น ส่วนใหญ่จะใส่ของมหาวิทยาลัยกัน บางคณะก็มีตุ้งติ้งของตัวเองแต่เขาก็จะไม่ใส่ข้ามคณะ ใครอยู่คณะไหนก็จะใส่ตุ้งติ้งของคณะนั้น อีกอย่างมันก็เป็นความภาคภูมิใจนะ เวลาจะทำอะไรพอก้มลงมามองตุ้งติ้งเราก็จะนึกถึงสถาบัน ถ้าทำไม่ดีเขาก็รู้ว่ามาจากที่ไหน เขาว่าก็คงไม่ว่าเราแต่เขาก็จะมองไปถึงตุ้งติ้งที่บ่งบอกถึงสถาบันเราด้วย" ปาริฉัตร กริ่มกราย คณะอักษรศาสตร์ ปี4 มหาวิทยาลัยศิลปากรกล่าวทิ้งท้ายว่าแม้ตุ้งติ้งจะเป็นเหมือนเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ บนปกเสื้อ แต่สิ่งนี้ก็ทำให้พี่ๆ น้องๆ ในคณะหรือในมหาวิทยาลัยรวมกันเป็นหนึ่งได้
"พอเรามีอะไรที่เหมือนกัน เราใส่อะไรเหมือนกัน เราก็จะรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกันแล้วเราก็จะไม่เคอะเขินที่จะเข้าไปทำความรู้จักกล่าวทักทาย หรือกล่าว "สวัสดี" ต่อกัน