หม้อน้ำลายวิจิตร อ่อนช้อย พลิ้วไหว อีกทั้งสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ราวกับมีชีวิต 'พระพุทธเจ้าชนะมาร' งานเชิงพุทธศิลป์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวในพุทธประวัติ "ตอนที่พระพุทธเจ้าจะทรงตรัสรู้ ท้าววัสวดี พระยามาราธิราช ได้ยกพลเสนามารบกวน พระพุทธเจ้าทรงใช้บารมี 30 ทัศ เพื่อสยบมาร ฝ่ายแม่พระธรณีบีบมวยผมช่วยขับน้ำท่วมพระยามารและเสนาพ่ายแพ้ไป"
แม้แต่เงินจำนวน 1 ล้านบาท ที่ผู้ซื้อเสนอก็ไม่อาจแลกกับคุณค่าทางจิตใจของผู้รังสรรค์งานชิ้นนี้ได้ เขายังคงเก็บงานชิ้นนี้ไว้เพราะสุขใจที่ได้เห็นแววตาของผู้คนที่ชื่นชมและอิ่มเอมกับงานศิลปะไทย
ทนงชัย มากไอ หรือที่ชาวบ้านในละแวกเกาะเกร็ดเรียกกันติดปากว่า 'ช่างทอม' คือเจ้าของผลงานดังกล่าว งานของเขาถูกกล่าวขานว่าเป็น 'งานปั้นลายวิจิตร' ซึ่งใครก็ตามที่มาเยือนเกาะเกร็ดต่างต้องแวะเวียนไปชื่นชมความงดงาม
'ทอม'ละมือจากการสลักลายบนเนื้อดิน กับงานชิ้นใหม่ที่เขาให้ชื่อว่า 'นารายณ์ยกรบ' ก่อนหันมาเล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาพากเพียรปั้นและแกะสลักเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่จนเกิดเป็นลวดลายวิจิตร บอกเล่าเรื่องราวจากจินตนาการอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปฐมบทแห่งพุทธศาสนา บางเสี้ยวตอนจากรามเกียรติ์ วรรณคดีที่อยู่ในใจของคนไทย หรือปวงเทพเทวาบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
" ผมชอบวาดภาพ ชอบลายไทย โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมเรื่องรามเกียรติ์ จากที่อยู่กับงานปั้นมาตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาขาย เลยนำศิลปะทั้ง 2 อย่างมาหลอมรวมกัน งานบางชิ้น อย่าง 'พระพุทธเจ้าชนะมาร' มีคนเสนอซื้อ ให้ราคาเป็นล้าน แต่ผมไม่ขายเพราะมองว่ามีชิ้นเดียว ขายไปก็ปั้นใหม่ไม่ได้แล้ว รายได้หลักของเรามาจากงานจำพวกหม้อน้ำชิ้นเล็กๆ ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดเส้นใหญ่ของเรา ทำให้เรามีแรง มีทุนที่จะสร้างงานปั้นลายวิจิตร แต่งานที่ตั้งโชว์ก็ถือว่าเป็นแรงดึงดูดให้คนมาซื้องานชิ้นเล็กนะ เพราะเขาเข้ามาเพื่อดูงานชิ้นใหญ่ แต่นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่มีกำลังซื้อก็จะซื้องานชิ้นเล็กๆกลับไป" ทอมเล่า แววตาฉายแววมุ่งมั่น
ศิลปินซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของทอม หาใช่ศิลปินชื่อกระฉ่อนที่ผลงานถูกบรรดาเศรษฐีกว้านซื้อไปสะสมด้วยสนนราคาเรือนล้าน แต่คือ 'มะทอ มากไอ' ช่างปั้นเชื้อสายมอญเกาะเกร็ดผู้เป็นพ่อ แม้ครกและกระถางอันเป็นผลงานของเขาจะมีราคาไม่กี่สิบบาท ทว่ามากด้วยคุณค่าในสายตาของทอม เพราะมันได้หลอมรวมเอาจิตวิญญาณของช่างปั้นไว้ในทุกอณูของเนื้อดิน สำหรับทอมแล้ว 'มะทอ' จึงเป็นศิลปินยิ่งกว่าศิลปิน
ทอมคลุกคลีกับเครื่องปั้นดินเผามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเห็นคุณพ่อซึ่งมีอาชีพเป็นช่างปั้น ปั้นครก ปั้นกระถาง มาตั้งแต่เกิด ช่วงมัธยมคุณพ่อของทอมเห็นว่าเขาน่าจะนำพรสวรรค์ในการวาดศิลปะแบบไทยๆมาใช้ในงานปั้น ทอมจึงเริ่มจากการแกะลายไทยลงบนหม้อน้ำโบราณใบเล็กๆที่พ่อเขาปั้นไว้ให้ งานเหล่านี้สามารถทำรายได้วันละหลายพันบาทจากการออกร้านในงานอะเมซิ่งไทยแลนด์ (Amazing Thailand) เมื่อปี 2542 ทอมจึงมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ใหญ่ขึ้น และนับเป็นจุดเริ่มของ 'เครื่องปั้นลายวิจิตร'
หลังจากสร้างผลงานหม้อน้ำลายโบราณไปได้ระยะหนึ่ง ทอมก็เริ่มรู้สึกอิ่มตัว จึงพัฒนางานไปสู่รูปแบบอื่นๆ โดยนำความชอบในการวาดภาพจิตรกรรมเรื่องรามเกียรติ์มาประยุกต์ใช้ในงานปั้น
"งานของผมเริ่มพัฒนารูปแบบมาเรื่อย จากหม้อน้ำลายวิจิตรซึ่งฝายังเป็นยอดจุกแหลม มาเป็นหม้อน้ำที่ฝาเป็นยอดรูปสัตว์ในวรรณคดี เช่น สิงห์ หงส์ ซึ่งก็ยังคงศิลปะไทยเอาไว้ แต่ทำให้งานมีมูลค่าเพิ่มขึ้น จากใบละ 500 บาท เป็น 700-1,500 บาท จากนั้นก็เริ่มปั้นชิ้นใหญ่ๆ พวกรามเกียรติ์ ตามด้วยงานพุทธศิลป์ ผมใช้ห้องน้ำเป็นที่ปั้นงานอยู่ถึง 2 ปี คือมันเป็นปรัชญาลึกๆน่ะ (หัวเราะ) ตอนนั้นบ้านเราหลังเล็กมาก หนี้สินก็ท่วมท้นพ้นตัวไปหมด เป็นหนี้ถึง 4 แสนเพราะเป็นช่วงที่ผมเรียน รายได้ของพ่อก็มีไม่พอ แต่ทำให้ผลงานออกมาดีนะ เพราะในห้องน้ำมีความชื้นสูง แสงพอเหมาะ ทำให้สามารถแกะงานที่มีมิติได้ดี" ทอมเล่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ทอมได้รับรางวัลมากมายจากการส่งผลงานเข้าประกวด แต่ที่ทำให้เขาภูมิใจมากที่สุดคือ รางวัลดีเด่นเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ประเภทหัตถกรรมแบบตกแต่งโดยไม่มีการเคลือบ จากการแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ 10 และครั้งที่ 11 เพราะได้รับรางวัลจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งงานชิ้นดังกล่าวปัจจุบันตั้งโชว์อยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
งานปั้นของทอมล้วนแต่เป็นงานชิ้นใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลาปั้นตั้งแต่ 1-4 เดือน เริ่มจากนำดินซึ่งส่วนใหญ่สั่งซื้อจากปทุมธานีมาโม่และกรองเอาเศษหินเศษวัชพืชออก ก่อนจะนวดตามขั้นตอนการปั้นทั่วไป จากนั้นจึงนำมาขึ้นรูป ร่างลายคร่าวๆตามเรื่องราวที่จินตนาการ แล้วแกะสลักตามลาย ที่สำคัญต้องหมั่นพรมน้ำเพื่อให้งานมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา และหลังการปั้นในแต่ครั้งจะต้องนำพลาสติกมาห่อชิ้นงานให้มิดชิดเพื่อรักษาความชื้นจนกว่าจะปั้นเสร็จ แล้วเข้าเตาเผาเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่มีเคล็ดลับว่าต้องเผาด้วยเตาฟืนเท่านั้น ถ้าเผาด้วยเตาไฟฟ้าจะควบคุมอุณหภูมิยาก
" อุณหภูมิเป็นเรื่องสำคัญนะ ต้องใช้ฟ็อกกี้พรมน้ำอยู่เรื่อยๆให้ความชื้นอยู่ในระดับพอเหมาะ ถ้าปั้นตอนกลางวันจะร้อนมาก ผมก็เอาพัดลมจ่อได้เฉพาะขา กลัวงานแห้ง อีกอย่างระยะเวลาปั้นไม่ควรนานมาก เพราะงานจะแห้งแข็งและเนื้อดินยุ่ย ถ้า 4 เดือนนี่ไม่ไหวแล้ว จะให้ดีไม่ควรเกิน 2 เดือน ถ้านานกว่านั้นดินจะเริ่มแข็งเพราะไอน้ำระเหยออกจากเนื้อดินเยอะ เวลาลงมีดจะปาดไม่นิ่ม ลายจะไม่พลิ้ว และลายจะหักง่าย
ส่วนการแกะผมมองว่าง่ายนะ แกะไปเรื่อยๆเพลินๆ ถ้าเป็นงานจากเรื่องรามเกียรติ์ ผมแกะโดยไม่ต้องดูแบบเลย แล้วก็แทบไม่ต้องร่างด้วย แค่วางโครงเรื่องไว้คร่าวๆ เพราะเป็นงานที่ผมชอบ งานบ้างชิ้นแกะไปแล้วไม่ได้อย่างใจก็ต้องทุบทิ้ง แกะใหม่ ความที่เป็นงานชิ้นใหญ่ช่วงแรกๆจะมีปัญหาเรื่องการเผา บางทีปั้นมาสวยมากแต่เผาแล้วแตก ก็ใช้ไม่ได้ แต่เผาด้วยเตาฟืนแบบโบราณจะดีตรงที่ค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิทีละน้อยได้ และสีออกมาสวย ต้องใช้เวลาเผาถึง 3 วัน 3 คืน ผมไปจ้างเขาเผานะ ไม่ได้เผาเอง" ทอมเล่าถึงวิธีการสร้างสรรค์งานอย่างละเอียด
ทอมบอกถึงแนวทางในการทำงานของเขาว่า เขาทำงานเพราะอยากสืบสานศิลปะงานปั้นของเกาะเกร็ด เป้าหมายเบื้องต้นไม่ได้ทำเพื่อขาย แต่หากคนที่มาดูงานเกิดพอใจแล้วขอซื้อ เขาก็จะดูว่าชิ้นนั้นๆจะขายให้ได้หรือไม่ ที่สำคัญเขาไม่รับปั้นงานตามคำสั่งของลูกค้า เพราะนั่นเท่ากับเป็นการบั่นทอนจินตนาการ
"งานของผมเป็นการนำศิลปะจากที่ต่างๆมาต่อยอด ไม่ได้ยึดติดว่างานของตัวคืออัตตา เพราะข้าเป็นศิลปิน ข้าจะไม่ทำตามแบบใคร เพราะงานศิลปะล้วนมาจากธรรมชาติและสิ่งที่อยู่รอบตัว จากกิ่งไม้ใบหญ้า ดินน้ำลมไฟ ขี้เถ้าขี้ผง เป็นสิ่งที่ซึมซับมาจากงานของบรรพบุรุษที่คิดสร้างกลั่นกรองออกมา ศิลปะไทยแต่เดิมไม่ได้สร้างมาเพื่อขาย แต่สร้างเพื่อให้ลูกหลานได้ชื่นชมและภาคภูมิใจในจินตนาการของบรรพชน หรืองานพวกพุทธศิลป์ก็สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
แต่ผมจะไม่ทำงานตามออเดอร์นะ เพราะทำให้จินตนาการเราถูกจำกัด อย่างน้อยเราก็ต้องทำตามคอนเซ็ปต์ที่เขากำหนด แล้วก่อนจะตัดสินใจว่าจะขายหรือเปล่า ผมต้องพูดคุยกับลูกค้าก่อน ต้องรู้ถึงมุมมองและทัศนคติของเขา รู้ว่าเขาจะเอางานเราไปทำอะไร คือกลัวว่าเขาจะเอาไปตั้งในที่ที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะงานแนวพุทธศิลป์ ถ้าเป็นรูปพระพุทธเจ้าแล้วเอาไปจัดสวน เอาไปตั้งใต้น้ำตกอะไรอย่างนี้ ก็ไม่เหมาะ ส่วนใหญ่คนที่ซื้องานจากผมจะเป็นพวกนักสะสมนะ ราคาก็แล้วแต่คุยกัน บางชิ้นหลักหมื่น หลักแสน หรืออาจถึงหลักล้าน"
แม้ทอมจะไม่ได้สร้างงานเพื่อเป็นสะพานสร้างรายได้ หรือเป็นหนทางสู่ความร่ำรวย แต่ผลจากความมุ่งมั่นตั้งใจก็ทำให้ผลงานของเขากลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่หลงใหลศิลปะ มูลค่าของงานแต่ละชิ้นอาจเทียบไม่ได้กับคุณค่าทางจิตใจของผู้สร้างและผู้ซื้อ แต่หยาดเหงื่อของเขาก็มีผลให้ฐานะครอบครัวแข็งแรงขึ้น
ครอบครัวของทอมสามารถใช้หนี้จำนวน 4 แสนบาท ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี และขณะนี้เขานำเงินส่วนหนึ่งมาต่อเติมบ้านและสร้างห้องจัดแสดงผลงาน
'มะทอ' ศิลปินต้นแบบของทอม พูดคุยกับเราด้วยท่าทีเป็นกันเอง ขณะสายตาที่ทอดมองลูกชายซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆสะท้อนแววภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม
" ก็ดีใจนะที่ทอมเขายังสืบสานงานปั้น เด็กสมัยนี้ไม่มีใครเขามานั่งปั้นหม้อปั้นไหกันแล้ว เขามองว่ามันเป็นงานสกปรก มือกร้าน เนื้อตัวมอมแมม มันไม่โก้เหมือนนั่งทำงานในห้องแอร์ ตระกูลมากไอของเราเป็นตระกูลช่างปั้น ปั้นครกปั้นกระถางมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อ แต่เดี่ยวนี้คนอื่นๆเขาไม่เอากันแล้ว เพราะว่ามันลำบาก บางทีปีหนึ่งทำงานได้ไม่กี่เดือนเพราะน้ำท่วม เตาเผาใช้งานไม่ได้ ก็เหลือแต่ผมกับลูกชายเท่านั้น งานของทอมนี่ผมจดลิขสิทธิ์ไว้ทุกชิ้นนะ ใครจะมาลอกเลียนแบบไม่ได้ เดี๋ยวนี้เราจะแค่คิดงาน สร้างงานอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องรู้เท่าทันกลโกงทางธุรกิจด้วย" เราเห็นด้วยกับแนวคิดของศิลปินร่วมสมัยอย่างมะทอ
ทอม ทิ้งทายว่า เสียงชื่นชมและใบหน้าอิ่มเอมของผู้ที่แวะมาชมงานของเขา ทำให้เขามีกำลังใจที่จะพัฒนางานต่อไป แม้ยังบอกไม่ได้ว่างานชิ้นต่อๆไปของเขาจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการขณะจดมีดลงบนเนื้อดิน แต่สิ่งหนึ่งที่เขายึดมั่นคือการสืบสานศิลปะงานปั้นของเกาะเกร็ด
เชื่อว่า...หากช่างปั้นไทย ยังไม่ละทิ้งภูมิปัญญาที่สั่งสมมาจากบรรพชน 'ศิลปะงานปั้นของไทย' จะยังคงยืนท้าทายวัฒนธรรมตะวันตกที่ถั่งโถมเข้ามาได้อย่างมั่นคง