xs
xsm
sm
md
lg

"ขาวมณี"นัยน์ตา2สี แมวเหมียวสายพันธุ์ไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างปราดเปรียวเป็นนักหนา
             ร้องเรียกเหมียวๆ เดี๋ยวก็มา  
          เคล้าแข้งเคล้าขา น่าเอ็นดู ฯลฯ


บทดอกสร้อย แต่งโดยนายทัด เปรียบพรรณนาลักษณะรูปร่างอันปราดเปรียว อากัปกริยา ช่างประจบขี้อ้อนของเจ้าแมวเหมียว ซึ่งในสมัยโบราณแมวเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านที่ได้รับความนิยม ถึงขั้นมีตำราดูลักษณะแมวมงคลและแมวให้โทษ หากในภาวการณ์ปัจจุบันสุนัขกลับเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมแทนที่ ผู้คนหันมาเลี้ยงกันมากขึ้น ขณะที่เรื่องราวของแมวดูจะค่อยๆห่างหายไปจากสังคมไทย เหลือเพียงกลุ่มคนรักแมวที่หลงใหลในความน่ารักช่างประจบของแมว หนึ่งในนั้นรวมชื่อของ "อุทยานแมวไทยโบราณ" เอาไว้ด้วย

เปลวแดดและอากาศอันแสนอบอ้าวของช่วงหน้าร้อนทำเอาผิวกายแทบไหม้ยามออกไปข้างนอก และแม้จะอยู่ภายใต้หลังคาปกคลุมก็ไม่สามารถยับยั้งความแรงของแสงแดดที่แผดเผาลงมาได้ เหงื่อค่อยๆซึมออกมาตามรูขุมขนยามเคลื่อนไหว ในอุณหภูมิดังกล่าวไม่มีกิจกรรมใดดีเท่าการนอนนิ่งๆ เช่นเดียวกับลูกแมวขนาดไม่เล็กมากไปจนถึงแมวขนาดใหญ่บอกถึงอายุอานามน่าจะมากหากเปรียบเทียบกับมนุษย์ พวกมันกำลังนอนเหยียดยาวอวดลำตัวสีขาวล้วนดูสะอาดตา ทว่ายามลืมตาเจ้าแมวเหมียวเหล่านี้กลับดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากความต่างของสีสันนัยน์ตา 2 ข้าง แมวไทยสายพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อของแมว "ขาวมณี"

ด้วยดวงตา 2 ข้างซึ่งมีสีต่างกัน ทำให้แมวไทยโบราณ "ขาวมณี" หรือ "แมวตาเพชร" มีลักษณะเด่นกว่าแมวพันธุ์อื่นๆ นัยน์ตามแมวขาวมณีมีทั้งหมด 9 สี ได้แก่สีหยก มรกต(เขียว) บุษราคัม(สีเหลือง) อำพัน (ทอง) สีน้ำตาล สีเทา สีขาว (เพชร) สีน้ำเงิน สีฟ้าอ่อน

"สียืนพื้นคือสีฟ้า หรือไม่ก็สีขาว (ไดมอนด์) ส่วนอีกข้างอาจเป็นสีมรกต บุษราคัม น้ำตาล เทา ฯลฯ พ่อตามรกต อีกข้างไดมอนด์ แม่ตาสีฟ้า อีกข้างอำพัน(ทอง) ลูกออกมา 6 ตัวจะเหมือนแม่ 3 ตัว พ่อ 3 ตัว หรือเหมือนพ่อ 2 เหมือนแม่ 4 ตัว ตาเหมือนพ่อเหมือนแม่ และต้องสลับตามกรรมพันธุ์ ดูแปลกตา แมวขาวมณีทั่วๆไปที่เป็นพันทางนัยน์ตามีแค่สีฟ้าและเหลือง สีอื่นไม่ค่อยมี"

นำดี วิตตะ คุณลุงวัย 70 ปี อดีตผู้กำกับ-ผู้ดำเนินการสร้างหนังชื่อดังผู้ปลุกปั้นพระเอกตลอดกาลอย่าง สมบัติ เมทะนี ปัจจุบันเป็นเจ้าของอุทยานแมวไทยโบราณ ตั้งอยู่ริมคลองทวีวัฒนา อธิบายลักษณะของแมวไทยขาวมณี

เจ้าของแมวไทยขาวมณีกว่า 177 ตัว เล่าประวัติความเป็นมาของแมวไทยพันธุ์นี้ต่อไปว่า "แมวขาวมณีคนไม่เข้าใจมาจากไหน เพราะไม่ปรากฏชื่อในสมุดข่อย ตำราต่างๆ เท่าที่รู้มาแมวขาวมณีมีมาก่อนรัตนโกสินทร์ แต่พอถึงช่วงรัชกาลที่ 5 แมวขาวมณีเริ่มหายาก ใกล้จะสูญพันธ์ หายากเหมือนช้างเผือก เหมือนแมวเผือก สมัยรัชกาลที่ 5 มีทั้งหมดแค่ 9 ตัว ท่านทรงหวงและโปรดที่สุด ต่อมามอบให้พระโอรสกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ขยายพันธุ์จาก 9 ตัวเพิ่มเป็น 18 ตัว จากนั้นท่านทรงมอบให้พระธิดาของท่าน ม.จ.หญิงเริงจิตรแจรงอาภากร จาก 18 ตัวเพิ่มเป็น 40 ตัว เมื่อปี 2500 ได้มอบแมวทั้ง 40 ชีวิตให้ และในปี 2541 ได้เปิดเป็นอุทยานแมวไทยโบราณนัยน์ตา 2 สี ขยายพันธุ์เพิ่มเป็น 300 กว่าตัว ปัจจุบันเหลือเพียง 177 ตัว"

ชายเจ้าของแมวยังคงเล่าต่อไปว่า เดิมจัดให้แมวขาวมณีเหล่านี้อยู่บ้านเรือนไทย 3 หลัง หลังละ 30 ตัว แต่ด้วยความเก่าของตัวเรือนซึ่งรื้อจากอยุธยามีอายุมากถึง 200 ปี เริ่มพุพังหลังคารั่วทำให้แมวเป็นปอดบวมบ่อยๆ แมวส่วนหนึ่งจึงย้ายจากบ้านเรือนไทยมาอยู่บ้านหลังใหม่ ซึ่งมีส่วนผสมของไม้และปูน จากที่เคยอยู่รวมกันเมื่อมาอยู่บ้านใหม่ ช่วงระหว่างวันแมวแต่ละตัวถูกจัดให้อยู่ในกรงของตัวเอง ภายหลังแสงอาทิตย์ลับไป จึงกลับเข้าห้อง แมวอีกส่วนหนึ่งแยกไปอยู่ที่ปราจีนบุรีและกาญจนบุรี "พอหมดเวลาเข้าชม แยกนอนในห้อง ห้องตัวเมีย และห้องตัวผู้ เนื้อที่ 30 ไร่ ตอนเย็นพาไปเดินเล่น ใส่ตะกร้าไปปล่อย ไม่กังวลกลัวหาย แมวมักไม่ไปไกล วิ่งเล่น ปีนต้นไม้ไปตามเรื่อง พอตบมือก็กลับ คอยดูแลไม่ให้ข้ามไปผสมแมวสายพันธุ์อื่น หรือถูกรังแกจากสุนัข จากนั้นพากลับเจ้าห้องนอน แยกห้องตัวเมียและตัวผู้"

ทันทีที่ถูกปล่อยเข้าห้อง บรรดาแมวเหมียวทั้งหลายจะรีบตรงดิ่งไปที่อ่างทราย แย่งกันปลดปล่อยในมุมสำหรับขับถ่าย เสียงทุ้มนุ่มของคุณลุงนำดี เจ้าของแมวเอ่ยว่า ตามตำราแมวจะอาบน้ำปีละ 2-3 ครั้ง โดยปกติแมวจะเลียขนให้ตัวเองอยู่แล้ว หากสกปรกใช้ผ้าเช็ด แต่ถ้าจะอาบน้ำใช้เวลา 4-5 เดือนต่อครั้ง และใช้ความระมัดระวังเนื่องจากแมวเป็นปอดบวมง่าย ไม่ค่อยถูกกับน้ำเท่าไหร่ ยิ่งแมวตัวโตๆ ไม่เคยอาบน้ำมาก่อน กระโจนเลอะบ้าน พร้อมกับฝากรอยข่วนไว้ตามแขน

โสตประสาทเริ่มตื่นตัว พร้อมกับเปล่งเสียงประสานดังขรม เมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบของถุงอาหารที่ถูกเปิดออก อาหารเม็ดสำหรับแมวถูกนำไปใส่ในขันเล็กสีทอง และสีเงินสำหรับใส่น้ำดื่ม

คุณลุงนำดีบรรยายถึงอาหารของแมวในสมัยที่หม่อมเจ้าหญิงเริงจิตรอาภากรทรงเลี้ยงว่า "สมัยก่อนท่านจะไม่คลุกข้าวกับปลาทูให้แมว เนื่องจากทำให้แมวท้องเสีย ถ่ายเหลวเหม็นเปรี้ยว ไม่แข็ง ท่านมีหน้าที่ทอดปลาทู ส่วนผมมีหน้าที่แกะ เอามีดแกะ 2 ด้าน เลือกก้างออก นั่งพับเพียบรอให้ท่านแบะหน้าอกปลา 2 ชิ้น ถ้าพบก้างปลาชิ้นเล็กท่านจะใช้แหนบดึงออก ท่านจะตีขาเราแปะหนึ่ง อาหารแมวมื้อแรกจึงเป็นปลาทูทอดล้วนๆ"

"อาหารมื้อที่ 2 คือ อกไก่เนื้อ เอาพังผืดออก ล้างน้ำโรยเกลือ หมักทิ้งไว้ เพื่อนำไปทอด ต้มหรือนึ่ง ส่วนมื้อที่ 3 เป็นไข่ต้ม ปอกเปลือกบดขยี้แล้วเอาเกลือโรย วันไหนมียอดผักกาดขาวท่านหั่นบางๆ ต้มให้เปื่อย ใช้กระชอนทำให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นเทคลุกเคล้าในชามไข่"

ปัจจุบันอาหารสดสำหรับแมวถูกเปลี่ยนเป็นอาหารสำเร็จรูป "แมวเยอะทำอาหารไม่ทัน หัดให้กินอาหารสำเร็จรูป ครั้งแรกมีท้องเสียนิดๆ เดี๋ยวนี้กินได้ทุกยี่ห้อ บางทีมีคนบริจาคอาหารสำเร็จรูปได้กินยี่ห้อดีๆ ถ้าไม่มีคนบริจาคกินถูกหน่อย แต่เหมือนเค้าจะชอบกินของถูกมากกว่าของแพง" ถึงตอนนี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของคุณลุงนำดี พร้อมกับเล่าต่อไปด้วยความภูมิใจถึงความเก่งของแมวว่า

"ฝึกแมวตั้งแต่ 3 เดือนให้ทำตามคำสั่งต่างๆ เคยไปโชว์งานวันเด็ก กลายเป็นที่ชื่นชอบ โชว์หุ่นปราดเปรียว บอกให้นอน แมวก็จะทำท่าหลับ เอามือก่ายหน้าผากก็ว่าไป หาวนอนเสร็จ หลับอีก ตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจ เช็ดหน้าเช็ดตา อุ้มแม่แมวมาข้างกรง ลูกแมวแสดงท่าทางเหมือนก้มกราบ พอค่อยๆห่างออกมาก็จะเอื้อมมือดึงเท้าแม่ไปจูบ ใช้เวลาสอนไม่นาน"

ความใกล้ชิดดูแล ก่อร่างกลายเป็นความผูกพันระหว่างผู้เลี้ยงและแมว "ทีแรกไม่ได้รัก เลี้ยงไปเลี้ยงมา แมวมาคลุกคลี ก็รัก พอแมวตายก็เสียใจ มันผูกพัน "เวลาแมวเป็นหวัด พาไปหาหมอฉีดยาวันละ 2 เข็ม สงสารเค้า ฉีดวันละหลายเข็ม ไปหาหมอตายทุกที บอกต่อไปนี้ไม่ต้องแล้วละลูกนะ คือคิดว่าถ้าเค้าอาการ หนักๆ ไปก็ตาย นอกจากผ่าตัด ต้องพึ่งหมอ อาการไม่มากก็รักษาเอง แต่ก่อน 3 เดือนถึงจะพาไปฉีดยาไข้หัดแมว เดี๋ยวนี้มีฉีดลูคีเมียตั้งแต่ 2 เดือน แถมมีฉีดยาเอดส์"

ความที่มีนัยน์ตาราวกับเพชร ทำให้นัยน์ตาของแมวขาวมณีเป็นที่ต้องการของคนชอบของแปลก สำหรับคนรักแมวแล้วย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างที่ไร้วิญญาณของแมวอันที่รักถูกรบกวน "รักเหมือนลูก แมวตายกล่าวว่าชาติหน้าขอให้เกิดเป็นพ่อเป็นลูกกันแล้วก็จบ ไม่เคยขุดขึ้นมาดู มีคนคิดว่าเป็นเพชรเป็นพลอย ฝังใต้ต้นไม้ปุ๊บคนมาขุดเอา แมวเลี้ยงต่างจังหวัดที่ปราจีนบุรีและกาญจนบุรี แมวตายไม่รอดสายตาผมสักตัว เก็บไว้ก่อน ส่งข่าวมาแล้วผมไปฝังด้วยมือของผมเองตามโคนต้นไม้ ไม่ให้คนเห็น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 24 ชั่วโมง เดิมอยู่เรือนไทย ติดร้านอาหาร รอให้ร้านอาหารปิดก่อน ประมาณตี 2 ถึงขุดหลุมฝัง ไม่ให้คนรู้ เดี๋ยวจะมาขุดไป"

ไม่เพียงความตายลดจำนวนแมวลงไป ยังมีเหตุปัจจัยอื่น "ตอนเปิดอุทยาน มีแมวทั้งสิ้น 300 กว่าตัว พอขาวดังทั่วโลก คนมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งไทยและเทศ cnn รอยเตอร์มาทำข่าว ทัวร์อย่างต่ำ 80 คันต่อวัน แมวรับไม่ไหว สารพัดโลก บางคนเอานิ้วแหย่ให้แมวเลีย คันนี้ 35 คน มีอยู่คนเดียวที่เกลียดแมว ที่เหลือกอด จูบ ถ่ายรูปคู่กับแมว คนเยอะเกินไป แมวเฉามือ ติดเชื้อไวรัสจากกลุ่มทัวร์ที่มา"

"อีกอย่างติดเชื้อไวรัสจากแมวด้วยกัน คนรู้จักพอได้ข่าวว่าเราจะเปิดอุทยานแมวไทย เห็นว่าเลี้ยงพันธุ์ขาวมณีอย่างเดียว ต้องหาแมวไทยพันธ์อื่น ทั้งวิเชียรมาศ สุภารัตน์ บ้านนั้น 3 ตัว บ้านนี้ 4 ตัว รวมแล้ว 36 ตัว ห่าลง เดิมเลี้ยงที่เรือนไทย 3 หลังเรือนละ 30 ตัว ของเค้าตายเกลี้ยง ของเราเจ็บออดๆแอดๆ ตอนนี้เหลือ 177 ตัว นับแต่นั้นมาก็ไม่อยากจะให้มีแมวข้างนอกมาเลี้ยงรวม"

คุณลุงนำดีมองสถานการณ์แมวไทยโบราณในปัจจุบันว่า "สมัยก่อนแมวมีหลายสิบพันธุ์ เดี๋ยวนี้นิยมซื้อไปเลี้ยงมีแค่ 4 พันธุ์ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ (ทองแดง) สีสวาท (โคราช) ขาวมณี เดิมวิเชียรมาศ โคราช ทองแดง เป็นที่นิยมตามลำดับ ปัจจุบันหลังจากได้รับรางวัลในการประกวดแมวนานาชาติขาวมณีกลายเป็นที่นิยมอันดับต้นๆ"

"เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับแมวเท่าสุนัข คนมาเสาร์-อาทิตย์เยอะ วันธรรมดามีบ้าง บางคนบอกว่ารักแมว มาเที่ยวชมเห็นว่าต้องเสียค่าบัตร ช่วยค่าอาหารแมว ถึงกับถามว่าต้องเสียเงินด้วยหรอ ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท คนไทย 50 บาท ถ้ารักแมวจริง 50 บาทช่วยไม่ได้หรอ" คุณลุงนำดีกล่าวถึงนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาชมแมว

ความน่ารักขี้ประจบ ช่างคลอเคลียของแมวทำให้หลายคนหลงรักสัตว์ชนิดนี้ สำหรับคุณลุงนำดี ผู้ผูกพันกับแมวมาตั้งแต่หนุ่มๆก็เช่นกัน เอ่ยทิ้งท้ายว่า "เสน่ห์ของแมวคลอเคลีย น่ารัก ขี้ประจบ ขี้อิจฉา ชอบมองว่าจะสนใจแมวตัวไหนมั่ง แต่เราไม่เลือกที่รักมักที่ชัง รักเหมือนลูกทุกตัวเท่าๆกัน มีอะไรให้เท่ากัน ครบทุกตัว"






กำลังโหลดความคิดเห็น